ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby Jseventh » Wed Jul 28, 2010 5:01 pm

pornchokchai wrote:
3. เรื่องที่ว่าประชาชนไม่มีศักยภาพในการตัดสินใจ โดยยกตัวอย่างความเชื่อแต่เดิมว่าโลกแบน ถ้าให้ประชาชนผู้ไม่รู้วิทยาการออกเสียงในสมัยโบราณว่าโลกกลมหรือแบบ ส่วนใหญ่ก็ต้องออกเสียงว่าโลกกลม กรณีศิลปวิทยาการนั้น เราไม่สามารถถามเสียงส่วนใหญ่ เช่นในขณะนี้เราก็คงไม่สามารถถามคนส่วนใหญ่ว่าจะสร้างจรวดไปดวงจันทร์ได้อย่างไร ต้องถามนักวิทยาศาสตร์ต่างหาก แต่ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เป็นเรื่องของปุถุชน ทุกคนรู้เท่าทันกัน เสียงส่วนใหญ่ย่อมถูกต้องเสมอ <1>

เสียงส่วนใหญ่คือสัจธรรม อย่างผมทำอาชีพการประเมินค่าทรัพย์สิน ผมทราบความจริงอย่างหนึ่งว่า ประชาชนส่วนใหญ่คือเสียงสวรรค์ คือความถูกต้อง ในตลาดเปิดทั่วไป ถ้าคนส่วนใหญ่ซื้อบ้านในราคาหนึ่ง ราคานั้นก็จะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ในความเป็นจริงอาจมีข้อมูลที่สูงหรือต่ำผิดปกติ (outliers) อยู่บ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อย อย่างไรก็ตาม “กฎทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้น” เช่น เสียงส่วนใหญ่ของโจรย่อมใช้ไม่ได้ แต่โจรก็ยังเป็นคนส่วนน้อยในสังคม

อ้างอิงจาก..
http://www.space.mict.go.th/astronomer.php?name=copernicus

กรณีที่ท่าน ว วชิรเมธีเทศน์และยกตัวอย่างเรื่องโลกกลม-โลกแบน เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกต้องหรือเป็นสัจธรรมเสมอไป ท่านชี้ให้เห็นว่าคุณภาพของเสียง(คน) ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน / หากจะบอกว่า ท่านเปรียบเทียบผิดทั้งหมดก็คงไม่ใช่ ยุคหนึ่ง ที่วิถีความคิดของชาวยุโรปถูกครอบงำด้วยอิทธิพลทางความคิดของกลุ่มบุคคล 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคริสตจักรโรมันคาทอลิก และกลุ่มปรัชญาอนุรักษ์นิยมที่เชื่อในความคิดของอริสโตเติล ที่ว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาลและโลกมีลักษณะแบน คนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์จึงมีความเชื่อตามนั้น เพราะความน่าเชื่อถือของศาสนจักรและกลุ่มนักปรัชญาแนวคิดอริสโตเติลที่มีอิทธิพลมากในขณะนั้น เสียงส่วนใหญ่หรือความเชื่อของคนส่วนใหญ่ในยุคนั้นสามารถทำให้ความจริงที่ว่าโลกกลมถูกปฏิเสธได้ / ต่อเมื่อในยุคที่มีการตีพิมพ์เผยแพร่ทฤษฎีใหม่ของโคเปอร์นิคัสให้แก่คนทั่วไปได้อ่านกัน รวมถึงนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อมาได้นำไปเป็นแนวทางศึกษาต่อ ก็ทำให้คนทั่วไปรับรู้ข้อมูลมากขึ้น ระบบสุริยจักรวาลของโคเปอร์นิคัสที่ว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาลและโลกกลม จึงได้รับการยอมรับจากคนทั่วไปอย่างกว้างขวาง และนำไปสู่การค้นพบที่ละเอียด ใกล้เคียงความจริงขึ้นเรื่อยๆ / คุณภาพความคิดของคนในยุคต้นกับยุคต่อมา ก็แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดังที่ท่าน ว วชิรเมธีกล่าว "..คุณภาพของประชาชนขึ้นอยู่กับคุณภาพของปัญญา คุณภาพทางปัญญาของประชาชนขึ้นอยู่กับคุณภาพทางการศึกษาของชาตินั้น.."

ส่วนที่บอกว่าในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เป็นเรื่องของปุถุชน ทุกคนรู้เท่าทันกัน เสียงส่วนใหญ่ย่อมถูกต้องเสมอ
ดิฉันไม่เห็นด้วยค่ะ คนทั่วไปรู้เรื่องเหล่านี้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสถานภาพของแต่ละคน แต่ละกลุ่ม
และเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป แต่เป็นตัวชี้วัด กำหนด หรือตัดสินในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้


4. การที่บอกว่าประชาชนไม่มีศักยภาพ ในแง่หนึ่งอาจเป็นการให้ท้ายกับพวกเผด็จการรัฐประหาร ให้มาตัดสินใจแทนประชาชนโดยอ้างว่าประชาชนไม่มีศักยภาพอยู่ร่ำไป และเมื่อเข้ามาแล้ว ก็มาโกงกิน เห็นได้ชัดตั้งแต่สมัยสฤษดิ์ และสามทรราช อาจรวมทั้ง รสช. หรืออาจรวม คมช. ด้วยก็ได้ มีใครเชื่อได้โดยสนิทใจว่ารัฐมนตรีในยุคสุรยุทธ์ใสสะอาดกว่ายุคอื่น

ดิฉันเห็นว่า ในอีกแง่หนึ่ง เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนต้องใส่ใจการพัฒนาตนเองให้มากขึ้น ให้รู้เท่าทัน ให้เข้าใจสิทธิ-หน้าที่ และความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันในมิติต่างๆทางสังคม ว่าสิ่งที่คนอื่นทำมีผลกับเราอย่างไร และสิ่งที่เราทำมีผลกับคนอื่นเช่นไร และอะไรคือจุดที่ดีที่สุดในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข / ประชาชนที่พัฒนา นำไปสู่สังคมที่พัฒนา การครอบงำของอิทธิพลใดๆ ก็จะลดน้อยลงไป ก็เหมือนกรณีศึกษาเรื่องโลกกลม-โลกแบน กระบวนพัฒนาความรู้ ความคิด ของคนในสังคม เป็นทางออกของปัญหาเหล่านี้

ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby klser » Wed Jul 28, 2010 5:48 pm

วันนี้ คุณเรียนตรรกศาสตร์แล้วหรือยัง That is a question !
User avatar
klser
 
Posts: 171
Joined: Tue Oct 14, 2008 6:18 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Wed Jul 28, 2010 6:15 pm

santa wrote:และฝรั่งมังค่าผู้คิดค้นประชาธิปไตยก็ใช้กันมา แม้ประเทศอังกฤษเอง ไม่มีรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร แต่เค้าก็มีธรรมะในใจ
อะไรผิด อะไรถูก อะไรควรไม่ควร รวมถึง "ความรับผิดชอบ" สิ่งเหล่านี้เป็นยิ่งกว่า ธรรมะ เพราะมีทั้งโทษทางกฎหมายและโทษทางสังคม

- - - ประเทศคริสต์ มีธรรมะมากกว่าประเทศพุทธ ha ha ha.

santa wrote:เจ้าของกระทู้ไม่กล้ากล่าวโทษทักษิณ ทั้งๆ ที่ศาลตัดสินพิจารณาโทษไปแล้ว เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังไม่กล้าวิจารณ์แต่กล้าวิจารณ์พระสงฆ์ผู้มีองค์ความรู้ก็รู้สึกแปลกๆ เท่านั้นเอง

- - - กรณีทักษิณ ผมไม่ได้เป็นพวกเขา แต่ผมไม่ได้เชื่อศาลรัฐธรรมนูญที่ถูกแต่งตั้งใหม่โดย คปค (คมช) ครับ อย่างนี้มันก็เอียง แต่เราไม่ได้คุยเรื่องนี้กันนะครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Wed Jul 28, 2010 6:18 pm

เสียงส่วนใหญ่ที่ไม่มีปัญญา ถ้าให้ประชาชนเลือกตั้งแล้วได้ทักษิณ แสดงว่าประชาชนไม่มีปัญญาใช่ไหมครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Wed Jul 28, 2010 6:20 pm

ขอบคุณครับ คุณ Jseventh

อยากขอให้คุณไปอ่านที่ผมเขียนให้ละเอียดอีกนิด เรื่องเสียงส่วนใหญ่ (ตรงอ้างอิง) และเรื่องที่ พระมหาวุฒิชัย ตีความพระไตรปิฎกไปอีกเรื่องหนึ่งครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Wed Jul 28, 2010 6:21 pm

-3- wrote:ประเด็นคือ ท่าน ว. พูดนานมาแล้ว ทำไมเพิ่งมาวิเคราะห์ช่วงนี้ (เพิ่งเคยได้ยิน? ถ้าติดตามการเมืองตลอด อย่ามาอุโซด้า) แล้วบริบทของเสื้อเหลืองตอนนั้น เทียบกับการต่อสู้ของเสื้อแดงปีนี้ มันเหมือนกันหรือครับ? ด้วยความเคารพ :lol: :lol:


เพิ่งเคยได้ยินจริง ๆ
"อุโซด้า" แปลว่าอะไรครับ
อย่าคิดมาก ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับผมตรงไหน ก็ว่ามาตามข้อได้เลยครับ ไม่ต้องตีความ เว้ากันซื่อ ๆ ครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Wed Jul 28, 2010 6:22 pm

คนไกล wrote:จขกท ต้องการอะไรหรอ อย่าดึงพระที่ไม่ได้แสดงตนว่าเอียงสีไหนมายุุ่งกับเรื่องการเมืองดีกว่า หรือถ้าจะให้ดีคุณ ด๊อกเตอร์ ช่วยเขียนให้ครบทุกรูป ทุกวัดเลยจะดีมากๆ


Logic คุณนี่เพี้ยน ๆ นะครับ ควรคิดใหม่ครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby loginofu » Wed Jul 28, 2010 6:32 pm

loginofu wrote:
pornchokchai wrote:
loginofu wrote:ชัดเจนแล้วครับ
คุณไม่รู้จัก "ศีล สมาธิ ปัญญา"
หนึ่งในคำสอนที่มีการอธิบายมาแล้วมากที่สุด
ผมจึงไม่ต้องตั้งสมมติฐานใดอีก สรุปได้แล้วว่า "คุณไม่รู้เรื่องอะไรในเรื่องที่คุณวิจารณ์เลย"


----- สรุปได้รวบรัดปานพลิกฝ่ามืออย่างนั้นเชียวหรือโยม
----- นอกจากกล่าวหาคนอื่นแล้ว ควรให้รายละเอียด พร้อมหลักการ ประจักษ์หลักฐาน เพื่อให้การศึกษาคนอื่นบ้างนะครับ


อธิบายทีสิครับ
อะไรคือศีล
อะไรคือสมาธิ
อะไรคือปัญญา
ทำไมต้องเวลากล่าวถึงต้องเรียงลำดับ "ศีล สมาธิ ปัญญา"
อธิบายไป อย่าให้ขัดกับที่ตอบไปก่อนนะครับ

pornchokchai wrote:เอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบ ชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว


ตกหน้าไปไกล ขอยกมาให้ตอบหน่อยนึง
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby Dothex » Wed Jul 28, 2010 6:42 pm

pornchokchai wrote:
คนไกล wrote:จขกท ต้องการอะไรหรอ อย่าดึงพระที่ไม่ได้แสดงตนว่าเอียงสีไหนมายุุ่งกับเรื่องการเมืองดีกว่า หรือถ้าจะให้ดีคุณ ด๊อกเตอร์ ช่วยเขียนให้ครบทุกรูป ทุกวัดเลยจะดีมากๆ


Logic คุณนี่เพี้ยน ๆ นะครับ ควรคิดใหม่ครับ



จขกท. คงมีปัญญาที่เป็นเลิศ ถึงตีความหลักธรรม ได้กว้างและรู้แจ้ง ผมคนไทย ปัญญาน้อย ครับ
ก็เลยไม่รู้ว่าหลักธรรมที่ จขกท. ที่จะชี้ให้เห็นคือ อะไร และที่โต้แย้งกัน นั้น เนื้อหาหลักธรรมเป็นอย่างไร และหลักธรรมที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
รบกวน จขกท. ยกตัวอย่างและช่วยอธิบายให้ด้วยครับ จะได้กระจ่าง จะเป็นพระคุณยิ่ง
User avatar
Dothex
 
Posts: 125
Joined: Tue May 04, 2010 12:44 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby ter162525 » Wed Jul 28, 2010 7:45 pm

ขอโทษครับ เรื่องอื่นผมอาจจะไม่รู้แต่ผมอยากจะบอกว่า อริยสัจ 4 ศีล สมาธิ ปัญญา สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ถ้าทุกคนปฎิบัติจริง
และที่คุณบอกว่า"เอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบ ชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว"
นั้นเพราะเขาไม่ได้ใช้ปัญญา ครับ ไม่ได้ใช้ปัญญาในการพิจราณา ให้เห็นจริงว่าอะไรเป็นเหตุของความกลัดกลุ้มนั้น ละเหตุนั้น คุณเคยนั้งคิดไหมว่าตัวเองต้องตาย ตายแล้วจะเอาอะไรติดตัวไปได้ ทั้งชื่อเสียงเงินทองที่ดินทรัพย์สมบัติ ทั้งหลาย ถ้าไม่เคยผมแนะนำ ครับลองคิดพิจราณา ทุกลมหายใจ ว่าตัวเองต้องตาย เราอาจจะตายวันนี้วัน พรุ่งนี้ หรือตอนนี้ก็ได้ ถ้าเราตายตอนกำลังโลภเราอาจจะไปเป็นเปรตก็ได้ เป็นต้น
ศีล ถ้าทุกคนมีผมบอกได้คำเดียวครับว่า ประเทศนี้ก็น่าอยู่ขึ้นมากแล้ว และแต่ละศาสนาเขามีศีลเป็นของตัวเองครับ ศีลคือข้อบังคับเพื่อความดีงาม (ศีล 5 ข้อ ทำได้หมดหรือยังครับ)
สมาธิ เอาไว้ข่มจิดใจ ถ้าบอกว่าศีลเป็นข้อบังคับแล้วจิดใจอยากจะทำอยู่ก็ใช้ตัวนี้ครับ ข่มจิตใจไม่ให้อยากเพราะสมาธิเป็นการตั้งจิตให้มั่นในเรื่องเดียว แต่ต้องใช่ตัวสุดท้าย
ปัญญา ปัญญาเหมือนเป็นตัวที่ขุดรากถอนโคน การใช้ปัญญาเพื่อพิจราณาให้เห็นว่า มันเป็นแบบนี้จริงนะ เราตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ทุกอย่างมันอยู่ที่จิตเท่านั้น บ้าน ที่ดิน ทรัพย์สินเงินทอง มันก็เอาไปไม่ได้แม้แต่เงินปากผีสัปหร่อ ยังงัดเอาไป คุณจะรักษาสิ่งที่มันมีอยู่จริง หรือสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงละครับ ตั้งแต่เกิดจนตายจิตอยู่กับคุณตลอด แต่ทรัพย์สมบัติต่างๆ ละอยู่กับคุณตลอดไหม ลองคิดว่าคนเราถ้าไม่โลภอยากได้ของคนอื่นคุณจะวางสมบัติของคุณไว้ตรงไหนก็ไม่หาย สิครับว่าบ้านเมืองจะน่าอยู่แค่ไหน อันนี้แค่ข้อเดียวเท่านั้น
ศีลข้อ 2 อทินนาทาน ควมคุม สมาธิสะกดความโลภในจิตใจ ปัญญาพิจารณาว่าเราตายไปก็เอาไปไม่ได้ จะอยากได้ของเขาทำไม
อันนี้ผมแค่ยกตัวอย่างแค่ข้อเดียวเท่านั้น บ้านเมือง ประเทศชาติ โลกมันจะน่าอยู่ขนาดไหน ตำรวจไม่ต้องมีก็ยังได้
ถ้าทุกคนเพียงมีแค่ ศีล สมาธิ ปัญญา จริง ย้ำนะครับ ไม่ใช่การตอบแบบกำปั้นทุบดินเลย
สุดท้าย สิ่งที่คุณไม่เคยลองอย่าพึ่งบอกว่ามันใช้ไม่ได้ครับ ส่วนข้ออื่นก็แล้วแต่ความคิดของคุณผมไม่ขอตอบ เพราะแค่ข้อนี้ก็ตอบได้หมดแล้ว
บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป
User avatar
ter162525
 
Posts: 3030
Joined: Tue Mar 23, 2010 3:23 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby chanbaan » Wed Jul 28, 2010 8:13 pm

pornchokchai wrote:
santa wrote:และฝรั่งมังค่าผู้คิดค้นประชาธิปไตยก็ใช้กันมา แม้ประเทศอังกฤษเอง ไม่มีรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร แต่เค้าก็มีธรรมะในใจ
อะไรผิด อะไรถูก อะไรควรไม่ควร รวมถึง "ความรับผิดชอบ" สิ่งเหล่านี้เป็นยิ่งกว่า ธรรมะ เพราะมีทั้งโทษทางกฎหมายและโทษทางสังคม

- - - ประเทศคริสต์ มีธรรมะมากกว่าประเทศพุทธ ha ha ha.

santa wrote:เจ้าของกระทู้ไม่กล้ากล่าวโทษทักษิณ ทั้งๆ ที่ศาลตัดสินพิจารณาโทษไปแล้ว เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังไม่กล้าวิจารณ์แต่กล้าวิจารณ์พระสงฆ์ผู้มีองค์ความรู้ก็รู้สึกแปลกๆ เท่านั้นเอง

- - - กรณีทักษิณ ผมไม่ได้เป็นพวกเขา แต่ผมไม่ได้เชื่อศาลรัฐธรรมนูญที่ถูกแต่งตั้งใหม่โดย คปค (คมช) ครับ อย่างนี้มันก็เอียง แต่เราไม่ได้คุยเรื่องนี้กันนะครับ

สงสัยอาจารย์จะ เชื่อว่า กรณีซุกหุ้น ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินถูกต้องละมั้ง
ผมว่า หากไม่กลัวศาลรัฐธรรมนูญฟ้อง เพราะมีเอกสิทธิคุ้มครอง ผมว่า งานนั้นทักษิณตายไปนานแล้ว ไม่มาเป็นนายกรัฐมนตรีที่กร่างที่สุดคนหนึ่งในไทยหรอกครับ
อุดมการณ์ไม่ใช่คลิก แต่ต้องคิด คิดไปเรื่อยเลยวุ่ย
พุทธเจ้านำทาง ธรรมประคองใจ จิตใจวุ่นวาย ผิดพลาดพลั่งเผลอ มันเป็นสัจจะธรรมของคนที่ยังคน(เราเอง)
"เกลียดปฏิวัติไทยคม ชื่นชมปฏิวัติสีขาว เกลียดนักการเมืองขี้ฉอ ชื่นชอบนักการเมืองยึดมั่นอุดมการณ์"
User avatar
chanbaan
 
Posts: 2001
Joined: Wed Aug 19, 2009 9:25 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby chanbaan » Wed Jul 28, 2010 8:20 pm

loginofu wrote:ก็ไปถามระบบเอาสิครับ ผมจะรู้เหรอ
Code: Select all
มารุจัง
    Moderator
     
    Posts: 1762
    Joined: Mon Oct 13, 2008 11:50 pm




เอ...ถามที่นี้รู้สึกจะถามผิดห้องนะครับ
หัดถามให้มันถูกที่ถูกทางบ้างสิครับ มีเครื่องมือก็หัดใช้หน่อย
ไม่ใช่อะไรก็จะแหกเอาแต่ทำตามใจชอบไม่สนกฎระเบียบ
และยอมรับแล้วใช่ไหมว่า ปลอมตัวมาในช่วงโดนแบนน่ะ

Canthai wrote:โดนแบน 15 วันครับ กำลังจะกลับมาล้างบ้าน

จะเล่นงานม้อดที่ลบข้อเขียนของผม

กำลังไล่ดูว่ากระทู้เก่าๆ ใช้อำนาจอะไรมาลบความเห็นและข้อมูลของสมาชิก

ลบไปโดยไม่สามารถกู้คืนได้ หมายความว่ายังไง

คนพาลมักพาเราไปหาผิด ผิดจากนิดพาลพาไปหามหาศาล เตือนไม่เตือนก็เถียงตลอดกาล อุสามาร หาแต่เรื่องพาลชอบกล
อุดมการณ์ไม่ใช่คลิก แต่ต้องคิด คิดไปเรื่อยเลยวุ่ย
พุทธเจ้านำทาง ธรรมประคองใจ จิตใจวุ่นวาย ผิดพลาดพลั่งเผลอ มันเป็นสัจจะธรรมของคนที่ยังคน(เราเอง)
"เกลียดปฏิวัติไทยคม ชื่นชมปฏิวัติสีขาว เกลียดนักการเมืองขี้ฉอ ชื่นชอบนักการเมืองยึดมั่นอุดมการณ์"
User avatar
chanbaan
 
Posts: 2001
Joined: Wed Aug 19, 2009 9:25 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby chanbaan » Wed Jul 28, 2010 8:22 pm

loginofu wrote:หลักธรรม สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้เสมอครับ
บางเรื่องเราคิดว่า "เฮ้ยย...จะเป็นคนดีเกินไปจนโง่หรือเปล่า"
แต่ถ้าอยากแก้ปัญหา ก็ต้องจับทุกฝ่ายมาทำตามหลักธรรมที่ว่าจริงๆ

ผมไม่อยากให้มี เมษา พฤษา ตุลา หรือไหนๆอีกหรอกครับ

ธรรมะไม่มีโง่ ธรรมะ ไม่มีเบื่อ
แค่ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ก็เดินไปได้ครึ่งทาง
แต่หากให้ประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่น ก็เดินครองเส้นทาง นิพพานเอย
อุดมการณ์ไม่ใช่คลิก แต่ต้องคิด คิดไปเรื่อยเลยวุ่ย
พุทธเจ้านำทาง ธรรมประคองใจ จิตใจวุ่นวาย ผิดพลาดพลั่งเผลอ มันเป็นสัจจะธรรมของคนที่ยังคน(เราเอง)
"เกลียดปฏิวัติไทยคม ชื่นชมปฏิวัติสีขาว เกลียดนักการเมืองขี้ฉอ ชื่นชอบนักการเมืองยึดมั่นอุดมการณ์"
User avatar
chanbaan
 
Posts: 2001
Joined: Wed Aug 19, 2009 9:25 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby chanbaan » Wed Jul 28, 2010 8:28 pm

pornchokchai wrote:
chanbaan wrote:ชีวิตไม่ใช่เงินตรา ไม่ใช่ตัวเลข ไม่ใช่ตรรกะ ไม่ใช่ความน่าจะเป็น แต่มันเป็นความสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์นั้นก็คือ กรรม บางคนเรียกตามภาษาไทยว่า การกระทำ แต่การกระทำนั้น มีหลายทิศทาง การที่จะมองพุทธศาสนาแบบตรรกวิทยานั้น หาจะใช่คำตอบของคนที่เรียนรู้หลักการทางตรรกวิทยาเสียแล้ว จึงต้องให้เข้าใจหลักพุทธศาสตร์ หรือหลักปัญญาตามทฤษฎีทางพุทธศาสตร์
.
ดังนั้น หากจะให้ดีว่า ท่าน ว.วชิรเมธีท่านคิดเห็นว่าอะไร ต้องดูสภาพแวดล้อม และปัจจัยน้อยใหญ่ อันประกอบกันและนำพาไปให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะทำการสังเคราะห์ความคิดเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ ผมคิดว่าท่านต้องดูกฏหมายที่เจตนารมณ์ของกฏหมาย ตีความคำพูดของคนจากสภาวการณ์ปกติที่เกิดขึ้น มิใช่การหยิบยกหลายๆ สิ่งอันเกิดจากอคติภายในจิตใจ หรือนำหลักการคิดแบบตรรกวิทยามาใช้ในการสื่อสารกับชาวพุทธ
.
เพราะหากเปรียบเทียบหลักคิดของชาวพุทธนั้น ก็คือคล้ายๆ กับหลักการ อัลกอลิทึ่ม ของพวกเปอเซีย ที่ถ่ายทอดไปสู่พวกฝรั่ง ที่มีหลักการคิดและวิธีการย่อยๆ เช่นตรรกวิทยา และความน่าจะเป็นร่วมอยู่ภายใน แต่ก็มิใช่จะนำมาเป็นหลักในการตัดสินใจ แต่เป็นเพียงการนำข้อมูลมาเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจเท่านั้น ดังนั้น ลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ความสัมพันธ์ต่างๆ หรือสัมพันธภาพที่ไอสไตย พยายามคิดหลักการและเหตุผลนั้น ในหลักการทางพุทธศาสตร์นั้นมีอยู่แล้ว แต่ต้องคิดตามหลักการและเหตุผลที่ไม่ใช่ความน่าจะเป็น ตรรกวิทยา หรือคณิตศาสตร์ รวมถึงอคติมาใช้เป็นแกนกลางทางความคิดหรือนำมาเป็นพื้นฐานของความคิด


แปลว่าวิจารณ์ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
แต่ถ้ายกย่อง ไม่ว่ากัน หรือเปล่าครับ

.
หากคุณตีความไม่ได้ และยังพยายามวนลูปอยู่ในอคติเช่นนี้
ผมว่า คุณคงเป็นคนที่โชคดีมาก จึงได้ ด๊อกมา และมีคนกราบไหว้ และยังไม่พอ ยังคิดว่า ธรรมะนั้นเป็นของที่ควรดูถูก
สิ่งที่ผมคิดเสมอก็คือ อายุของด๊อกอย่างคุณ ไม่ได้ช่วยให้สังคมงอกงามเลย นอกจากมีฐานอำนาจให้คนกราบไหว้ แต่ไม่มีคนศรัทธา ก็เท่านั้น
เพราะเวลาประชาชนทุกข์ เขานึกถึงธรรมะ นึกถึงในหลวง
เขาไม่คิดถึงการหักล้างอย่างนักวิชาการอย่างคุณเลยแม้แต่น้อย
เพราะมันไร้สาระ ที่จะพยายามให้คุณรู้ว่า ธรรมะ ไม่ได้วิพากวิจารณ์ด้วยการวนลูปอยู่ในอคติเช่นนี้ครับ
--------------------
อีกอย่าง หากคุณจะด่าตัวคุณเองว่าเขียนอะไรก็ไม่รู้ยาวๆ ชาวบ้านเขาอ่านแล้วงง มีลำดับเป็นระบบที่ซ้ำซ้อน มันก็ไม่ผิดครับ
เพราะหากคุณคิดถึงใจเขาใจเราบ้าง พวกกระผมคงไม่ต้องบรรยายความอย่างยืดยาว เพราะกลัวว่าคุณไม่สามารถเข้าใจพวกเราได้หรอกครับ
อุดมการณ์ไม่ใช่คลิก แต่ต้องคิด คิดไปเรื่อยเลยวุ่ย
พุทธเจ้านำทาง ธรรมประคองใจ จิตใจวุ่นวาย ผิดพลาดพลั่งเผลอ มันเป็นสัจจะธรรมของคนที่ยังคน(เราเอง)
"เกลียดปฏิวัติไทยคม ชื่นชมปฏิวัติสีขาว เกลียดนักการเมืองขี้ฉอ ชื่นชอบนักการเมืองยึดมั่นอุดมการณ์"
User avatar
chanbaan
 
Posts: 2001
Joined: Wed Aug 19, 2009 9:25 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby mahahing » Wed Jul 28, 2010 10:39 pm

เป็นถึงดอกเตอร์ แต่คิดได้แค่ว่า ศาสนาพุทธสอนให้แค่สวดมนต์ ภาวนา แล้วจบ ก็คงไม่ต้องมีอะไรพูดแล้วล่ะ
เพราะพูดไป ไอ้ตำราฝรั่ง มันคงกั้นสมองอยู่ ศาสนาเลยซึมเข้าไปไม่ได้
User avatar
mahahing
 
Posts: 70
Joined: Sat May 22, 2010 2:26 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby Three Legs » Thu Jul 29, 2010 1:06 am

การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไร
เหมือนอาบน้ำหมดเป็นแท็งค์ แต่ไม่ได้ล้างสบู่ ไม่ได้ถูขี้ไคล
มีความรู้แต่ไม่มีปัญญา ฟุ้งซ่าน ปรุงแต่ง เพ้อเจ้อ
เปรียบการเข้าสมาธิ มีสติ เหมือนยาเสพติด คนที่ไม่มีศาสนายังรู้เลยว่าสมาธื ดียังไง
พายเรื่ออยู่ในอ่างวก วน
ถ้าเป็นญาติใครเครียดตายเลย
Hero-อาจจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งและรวดเร็วเสมอไป แต่.......
Hero-เป็นคนที่เข้มแข็งและเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด
อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ U R My Hero
User avatar
Three Legs
 
Posts: 282
Joined: Thu Jan 29, 2009 2:52 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby Canthai » Thu Jul 29, 2010 5:56 am

มหาตมะ คานธี เขียนบาป 7 ประการไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของท่านเรื่อง ข้าพเจ้าทดลองความจริง (The Story of My Experiments with Truth) ซึ่งอาจารย์กรุณา - เรืองอุไร กุศลาสัย ได้ถอดความไว้อย่างงดงาม ดังนี้

1. เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ
2. หาความสุขสำราญโดยไม่ยั้งคิด
3. ร่ำรวยเป็นอกนิษฐ์โดยไม่ต้องทำงาน
4. มีความรู้มหาศาลแต่ความประพฤติไม่ดี
5. ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลธรรม
6. วิทยาศาสตร์เลิศล้ำแต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์
7. บูชาสูงสุดแต่ไม่มีความเสียสละ

ต้นฉบับภาษาอังกฤษมีว่า

Politics without principles.
Pleasure without conscience.
Wealth without work.
Knowledge without character.
Commerce without morality.
Science without humanity.
Worship without sacrifice.
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Thu Jul 29, 2010 5:56 am

loginofu wrote:สรุปได้แล้วว่า "คุณไม่รู้เรื่องอะไรในเรื่องที่คุณวิจารณ์เลย"
อธิบายทีสิครับ
อะไรคือศีล
อะไรคือสมาธิ
อะไรคือปัญญา
ทำไมต้องเวลากล่าวถึงต้องเรียงลำดับ "ศีล สมาธิ ปัญญา"
อธิบายไป อย่าให้ขัดกับที่ตอบไปก่อนนะครับ[/quote]

แหม ทำไมถามอย่างนี้ครับ ไปเปิดหาได้ในโลก cyber ถ้าผม copy มาให้อ่าน ก็อาจหาว่าผมไม่รู้จริงอีก เราคุยกันถึงข้อวิจารณ์ความคิดของมหานะครับ คุณเห็นอย่างไรก็ว่ามา ผมว่าไป 9 ข้อ คุณเห็นต่างข้อไหนครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok


Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Thu Jul 29, 2010 5:58 am

Dothex wrote:
pornchokchai wrote:
คนไกล wrote:จขกท ต้องการอะไรหรอ อย่าดึงพระที่ไม่ได้แสดงตนว่าเอียงสีไหนมายุุ่งกับเรื่องการเมืองดีกว่า หรือถ้าจะให้ดีคุณ ด๊อกเตอร์ ช่วยเขียนให้ครบทุกรูป ทุกวัดเลยจะดีมากๆ

Logic คุณนี่เพี้ยน ๆ นะครับ ควรคิดใหม่ครับ


จขกท. คงมีปัญญาที่เป็นเลิศ ถึงตีความหลักธรรม ได้กว้างและรู้แจ้ง ผมคนไทย ปัญญาน้อย ครับ
ก็เลยไม่รู้ว่าหลักธรรมที่ จขกท. ที่จะชี้ให้เห็นคือ อะไร และที่โต้แย้งกัน นั้น เนื้อหาหลักธรรมเป็นอย่างไร และหลักธรรมที่ถูกต้องเป็นอย่างไร รบกวน จขกท. ยกตัวอย่างและช่วยอธิบายให้ด้วยครับ จะได้กระจ่าง จะเป็นพระคุณยิ่ง


เอาง่าย ๆ นะครับ ผมวิจารณ์มหาเขาไป 9 ข้อ คุณเห็นด้วยหรือไม่ ข้อไหน ก็ว่ามาครับ อย่าไปท้าวความ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Thu Jul 29, 2010 6:00 am

ter162525 wrote:ขอโทษครับ เรื่องอื่นผมอาจจะไม่รู้แต่ผมอยากจะบอกว่า อริยสัจ 4 ศีล สมาธิ ปัญญา สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ถ้าทุกคนปฎิบัติจริง
และที่คุณบอกว่า"เอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบ ชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว"
นั้นเพราะเขาไม่ได้ใช้ปัญญา ครับ ไม่ได้ใช้ปัญญาในการพิจราณา ให้เห็นจริงว่าอะไรเป็นเหตุของความกลัดกลุ้มนั้น ละเหตุนั้น คุณเคยนั้งคิดไหมว่าตัวเองต้องตาย ตายแล้วจะเอาอะไรติดตัวไปได้ ทั้งชื่อเสียงเงินทองที่ดินทรัพย์สมบัติ ทั้งหลาย ถ้าไม่เคยผมแนะนำ ครับลองคิดพิจราณา ทุกลมหายใจ ว่าตัวเองต้องตาย เราอาจจะตายวันนี้วัน พรุ่งนี้ หรือตอนนี้ก็ได้ ถ้าเราตายตอนกำลังโลภเราอาจจะไปเป็นเปรตก็ได้ เป็นต้น
ศีล ถ้าทุกคนมีผมบอกได้คำเดียวครับว่า ประเทศนี้ก็น่าอยู่ขึ้นมากแล้ว และแต่ละศาสนาเขามีศีลเป็นของตัวเองครับ ศีลคือข้อบังคับเพื่อความดีงาม (ศีล 5 ข้อ ทำได้หมดหรือยังครับ)
สมาธิ เอาไว้ข่มจิดใจ ถ้าบอกว่าศีลเป็นข้อบังคับแล้วจิดใจอยากจะทำอยู่ก็ใช้ตัวนี้ครับ ข่มจิตใจไม่ให้อยากเพราะสมาธิเป็นการตั้งจิตให้มั่นในเรื่องเดียว แต่ต้องใช่ตัวสุดท้าย
ปัญญา ปัญญาเหมือนเป็นตัวที่ขุดรากถอนโคน การใช้ปัญญาเพื่อพิจราณาให้เห็นว่า มันเป็นแบบนี้จริงนะ เราตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ทุกอย่างมันอยู่ที่จิตเท่านั้น บ้าน ที่ดิน ทรัพย์สินเงินทอง มันก็เอาไปไม่ได้แม้แต่เงินปากผีสัปหร่อ ยังงัดเอาไป คุณจะรักษาสิ่งที่มันมีอยู่จริง หรือสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงละครับ ตั้งแต่เกิดจนตายจิตอยู่กับคุณตลอด แต่ทรัพย์สมบัติต่างๆ ละอยู่กับคุณตลอดไหม ลองคิดว่าคนเราถ้าไม่โลภอยากได้ของคนอื่นคุณจะวางสมบัติของคุณไว้ตรงไหนก็ไม่หาย สิครับว่าบ้านเมืองจะน่าอยู่แค่ไหน อันนี้แค่ข้อเดียวเท่านั้น
ศีลข้อ 2 อทินนาทาน ควมคุม สมาธิสะกดความโลภในจิตใจ ปัญญาพิจารณาว่าเราตายไปก็เอาไปไม่ได้ จะอยากได้ของเขาทำไม
อันนี้ผมแค่ยกตัวอย่างแค่ข้อเดียวเท่านั้น บ้านเมือง ประเทศชาติ โลกมันจะน่าอยู่ขนาดไหน ตำรวจไม่ต้องมีก็ยังได้
ถ้าทุกคนเพียงมีแค่ ศีล สมาธิ ปัญญา จริง ย้ำนะครับ ไม่ใช่การตอบแบบกำปั้นทุบดินเลย
สุดท้าย สิ่งที่คุณไม่เคยลองอย่าพึ่งบอกว่ามันใช้ไม่ได้ครับ ส่วนข้ออื่นก็แล้วแต่ความคิดของคุณผมไม่ขอตอบ เพราะแค่ข้อนี้ก็ตอบได้หมดแล้ว


อ่านตามนี้อีกทีนะครับ
5. การพูดว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขก็ต่อเมื่อประชาชนต้องมีศีล สมาธิ และปัญญานั้น ใคร ๆ ก็พูดได้กับแนวทางการแก้ปัญหาแบบครอบจักรวาลอย่างนี้ การพูดอย่างนี้อาจกลายเป็นการไม่นำพาต่อการศึกษาถึงสาเหตุของปัญหาตามอริยสัจ 4 เข้าทำนองเอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Thu Jul 29, 2010 6:01 am

chanbaan wrote:
pornchokchai wrote:
chanbaan wrote:ชีวิตไม่ใช่เงินตรา ไม่ใช่ตัวเลข ไม่ใช่ตรรกะ ไม่ใช่ความน่าจะเป็น แต่มันเป็นความสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์นั้นก็คือ กรรม บางคนเรียกตามภาษาไทยว่า การกระทำ แต่การกระทำนั้น มีหลายทิศทาง การที่จะมองพุทธศาสนาแบบตรรกวิทยานั้น หาจะใช่คำตอบของคนที่เรียนรู้หลักการทางตรรกวิทยาเสียแล้ว จึงต้องให้เข้าใจหลักพุทธศาสตร์ หรือหลักปัญญาตามทฤษฎีทางพุทธศาสตร์
.
ดังนั้น หากจะให้ดีว่า ท่าน ว.วชิรเมธีท่านคิดเห็นว่าอะไร ต้องดูสภาพแวดล้อม และปัจจัยน้อยใหญ่ อันประกอบกันและนำพาไปให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะทำการสังเคราะห์ความคิดเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ ผมคิดว่าท่านต้องดูกฏหมายที่เจตนารมณ์ของกฏหมาย ตีความคำพูดของคนจากสภาวการณ์ปกติที่เกิดขึ้น มิใช่การหยิบยกหลายๆ สิ่งอันเกิดจากอคติภายในจิตใจ หรือนำหลักการคิดแบบตรรกวิทยามาใช้ในการสื่อสารกับชาวพุทธ
.
เพราะหากเปรียบเทียบหลักคิดของชาวพุทธนั้น ก็คือคล้ายๆ กับหลักการ อัลกอลิทึ่ม ของพวกเปอเซีย ที่ถ่ายทอดไปสู่พวกฝรั่ง ที่มีหลักการคิดและวิธีการย่อยๆ เช่นตรรกวิทยา และความน่าจะเป็นร่วมอยู่ภายใน แต่ก็มิใช่จะนำมาเป็นหลักในการตัดสินใจ แต่เป็นเพียงการนำข้อมูลมาเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจเท่านั้น ดังนั้น ลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ความสัมพันธ์ต่างๆ หรือสัมพันธภาพที่ไอสไตย พยายามคิดหลักการและเหตุผลนั้น ในหลักการทางพุทธศาสตร์นั้นมีอยู่แล้ว แต่ต้องคิดตามหลักการและเหตุผลที่ไม่ใช่ความน่าจะเป็น ตรรกวิทยา หรือคณิตศาสตร์ รวมถึงอคติมาใช้เป็นแกนกลางทางความคิดหรือนำมาเป็นพื้นฐานของความคิด


แปลว่าวิจารณ์ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
แต่ถ้ายกย่อง ไม่ว่ากัน หรือเปล่าครับ

.
หากคุณตีความไม่ได้ และยังพยายามวนลูปอยู่ในอคติเช่นนี้
ผมว่า คุณคงเป็นคนที่โชคดีมาก จึงได้ ด๊อกมา และมีคนกราบไหว้ และยังไม่พอ ยังคิดว่า ธรรมะนั้นเป็นของที่ควรดูถูก
สิ่งที่ผมคิดเสมอก็คือ อายุของด๊อกอย่างคุณ ไม่ได้ช่วยให้สังคมงอกงามเลย นอกจากมีฐานอำนาจให้คนกราบไหว้ แต่ไม่มีคนศรัทธา ก็เท่านั้น
เพราะเวลาประชาชนทุกข์ เขานึกถึงธรรมะ นึกถึงในหลวง
เขาไม่คิดถึงการหักล้างอย่างนักวิชาการอย่างคุณเลยแม้แต่น้อย
เพราะมันไร้สาระ ที่จะพยายามให้คุณรู้ว่า ธรรมะ ไม่ได้วิพากวิจารณ์ด้วยการวนลูปอยู่ในอคติเช่นนี้ครับ
--------------------
อีกอย่าง หากคุณจะด่าตัวคุณเองว่าเขียนอะไรก็ไม่รู้ยาวๆ ชาวบ้านเขาอ่านแล้วงง มีลำดับเป็นระบบที่ซ้ำซ้อน มันก็ไม่ผิดครับ
เพราะหากคุณคิดถึงใจเขาใจเราบ้าง พวกกระผมคงไม่ต้องบรรยายความอย่างยืดยาว เพราะกลัวว่าคุณไม่สามารถเข้าใจพวกเราได้หรอกครับ


คุณเขียนยาวเกือบเท่าบทความผม เอาง่าย ๆ นะครับ ผมวิจารณ์มหาเขาไป 9 ข้อ คุณเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยข้อไหน มาคุยกันให้ชัด ๆ มายกคำพูดของมหาในเรื่องอื่นมา ก็เท่ากับออกนอกเรื่องนะครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Thu Jul 29, 2010 6:03 am

mahahing wrote:เป็นถึงดอกเตอร์ แต่คิดได้แค่ว่า ศาสนาพุทธสอนให้แค่สวดมนต์ ภาวนา แล้วจบ ก็คงไม่ต้องมีอะไรพูดแล้วล่ะ
เพราะพูดไป ไอ้ตำราฝรั่ง มันคงกั้นสมองอยู่ ศาสนาเลยซึมเข้าไปไม่ได้


เอาให้เข้าประเด็น ผมวิจารณ์มหาเขาไป 9 ข้อ คุณจะถกข้อไหนดีครับ จะได้ไม่ตีขลุม
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby Canthai » Thu Jul 29, 2010 6:26 am

1. พิธีกรไปถามพระ ๆ ก็ต้องนึกถึงทางออกด้านพุทธศาสตร์ที่รำเรียนมาเป็นสำคัญ ถามนักเศรษฐศาสตร์ นักรัฐศาสตร์ ก็ได้มุมมองจากพื้นฐานความรู้นั้น ๆ แต่ว่าแต่ละศาสตร์โดด ๆ ก็คงไม่สามารถนำมาแก้ไขปัญหาการเมืองได้ การบอกว่านักการเมืองไม่มีธรรมะ แล้วในประเทศตะวันตกที่ไม่ได้นับถือพุทธศาสนา เขามีธรรมะข้อไหน ถ้าบอกว่าศาสนาอื่นก็มีธรรมะของพุทธแฝงอยู่ หรือว่าพุทธศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งของศาสนาอื่นหรืออย่างไร

**** ธรรมะ คุณธรรม จริยธรรม มีในทุกศาสนาครับ

2. ที่พระมหาวุฒิชัยบอกทำนองว่า (คณะราษฎร์) เอาพระราชอำนาจมาจากพระมหากษัตริย์ แต่ไม่ได้เอาทศพิธราชธรรมของพระมหากษัตริย์มาด้วย จึงทำให้ขาดธรรมะ ข้อนี้เป็นคำพูดที่ฟังดูดี น่าสนใจ แต่ในความเป็นจริง กษัตริย์บางพระองค์ในอดีตก็ไม่ได้มีทศพิธราชธรรม ก็เหมือนนักการเมือง การที่พระมหาวุฒิชัยพูดในห้วงแหลมคมของการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรก็เท่ากับต้องการตำหนิว่ารัฐบาลในขณะนั้นไม่มีทศพิธราชธรรม ซึ่งจะจริงหรือไม่ผมคงไม่มีความเห็นในเรื่องนี้

****พระท่านบอกว่าให้เอาหลักธรรมมา ไม่ใช่เอาตัวบุคคลมา เพราะ ธรรมะไม่แปรเปลี่ยน แต่ มนุษย์จะทำตามธรรมะหรือไม่ เป็นคนละประเด็น
หากนำธรรมะ มาปฏิบัติ ก็ย่อมได้ นักปกครองที่ดี ดังคำว่า พระมหาธรรมราชา

3. เรื่องที่ว่าประชาชนไม่มีศักยภาพในการตัดสินใจ โดยยกตัวอย่างความเชื่อแต่เดิมว่าโลกแบน ถ้าให้ประชาชนผู้ไม่รู้วิทยาการออกเสียงในสมัยโบราณว่าโลกกลมหรือแบบ ส่วนใหญ่ก็ต้องออกเสียงว่าโลกกลม กรณีศิลปวิทยาการนั้น เราไม่สามารถถามเสียงส่วนใหญ่ เช่นในขณะนี้เราก็คงไม่สามารถถามคนส่วนใหญ่ว่าจะสร้างจรวดไปดวงจันทร์ได้อย่างไร ต้องถามนักวิทยาศาสตร์ต่างหาก แต่ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เป็นเรื่องของปุถุชน ทุกคนรู้เท่าทันกัน เสียงส่วนใหญ่ย่อมถูกต้องเสมอ <1>

****เสียงส่วนใหญ่บอกความต้องการได้ แต่ไม่สามารถบอกความถูกต้องได้

เสียงส่วนใหญ่คือสัจธรรม อย่างผมทำอาชีพการประเมินค่าทรัพย์สิน ผมทราบความจริงอย่างหนึ่งว่า ประชาชนส่วนใหญ่คือเสียงสวรรค์ คือความถูกต้อง ในตลาดเปิดทั่วไป ถ้าคนส่วนใหญ่ซื้อบ้านในราคาหนึ่ง ราคานั้นก็จะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ในความเป็นจริงอาจมีข้อมูลที่สูงหรือต่ำผิดปกติ (outliers) อยู่บ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อย อย่างไรก็ตาม “กฎทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้น” เช่น เสียงส่วนใหญ่ของโจรย่อมใช้ไม่ได้ แต่โจรก็ยังเป็นคนส่วนน้อยในสังคม

**** เสียงส่วนใหญ่ในชุมโจรก็คือเสียงส่วนใหญ่ของสังคมโจร

4. การที่บอกว่าประชาชนไม่มีศักยภาพ ในแง่หนึ่งอาจเป็นการให้ท้ายกับพวกเผด็จการรัฐประหาร ให้มาตัดสินใจแทนประชาชนโดยอ้างว่าประชาชนไม่มีศักยภาพอยู่ร่ำไป และเมื่อเข้ามาแล้ว ก็มาโกงกิน เห็นได้ชัดตั้งแต่สมัยสฤษดิ์ และสามทรราช อาจรวมทั้ง รสช. หรืออาจรวม คมช. ด้วยก็ได้ มีใครเชื่อได้โดยสนิทใจว่ารัฐมนตรีในยุคสุรยุทธ์ใสสะอาดกว่ายุคอื่น

**** ถ้ากระบวนการทางกฎหมายปกติเอาผิดนักการเมืองไม่ได้ ก็ต้องมีคนมาปราบ ถ้ากฎหมายเอาผิดนักการเมืองชั่วได้ ก็ไม่ต้องมีทหารออกมาขับไล่ เอาปืนจี้....ถ้านักการเมืองมีสำนึกผิดบาป ก็ลาออกไป แบบนี้ทหารหรือประชาชนก็ไม่ต้องออกมาขับไล่ มันเป็นผลที่มาจากเหตุ

5. การพูดว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขก็ต่อเมื่อประชาชนต้องมีศีล สมาธิ และปัญญานั้น ใคร ๆ ก็พูดได้กับแนวทางการแก้ปัญหาแบบครอบจักรวาลอย่างนี้ การพูดอย่างนี้อาจกลายเป็นการไม่นำพาต่อการศึกษาถึงสาเหตุของปัญหาตามอริยสัจ 4 เข้าทำนองเอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว

*****สมาธิ ทำให้เกิดปัญญา เมื่อมีปัญญาย่อมรู้ว่าจะใช้ปัญญาที่รู้จริงนั้นแก้ปัญหาได้อย่างไร

6. การอ้างว่า “Paris Hilton” ที่ได้รับการประกันตัวก็ยังต้องเข้าคุกอีกครั้งเพราะมีเสียงประชาชนไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ศาลสหรัฐอเมริกาคงไม่ได้ตัดสินอะไรตามกระแสของสังคมเช่นที่พระมหาวุฒิชัยให้สัมภาษณ์ จากการค้นหาข้อมูลเบื้องต้น ไม่พบเรื่องการขอประกันตัวดังกล่าว แต่เป็นการขออภัยโทษ และจำนวนคนที่ไม่เห็นด้วยกับการขออภัยโทษกับผู้ที่เห็นด้วยก็มีจำนวนนับหมื่น ๆ คนพอ ๆ กัน ไม่ใช่มีแต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด <2> อย่างไรก็ตามโดยนัยหนึ่ง การกล่าวอ้างเรื่องนี้ของพระมหาวุฒิชัยเป็นส่งสัญญาณให้รัฐบาลฟังเสียงของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่กำลังเรียกร้องอยู่ในขณะนั้นนั่นเอง

******ไม่รู้จักเรื่องนี้

7. พระมหาวุฒิชัยบอกว่าถ้าจะแก้ปัญหาการเมืองเฉพาะหน้า ก็ต้องให้ทุกคนมีขันติธรรม สันติธรรม เมตตาธรรม นิติธรรม และสัจธรรม อันนี้ก็พูดกันไปครับ พูดอีกก็ถูกอีกอยู่นั่นเอง คือเหมือนกับบอกว่า ถ้าขาดความอดทนต้องทำอย่างไร คำตอบก็คือต้องมีขันติ ถ้าใจร้ายต้องทำอย่างไร คำตอบก็คือต้องมีเมตตา เป็นต้น ในที่นี้ถ้ายกหลักธรรมกันจริง ๆ ยังมีอีกหลายหลักธรรมที่ยกมาได้อีกเป็นโขยง เช่น มโนธรรม สัปปุริสธรรม ฆราวาสธรรม 4 อัปปมาทธรรม 7 พรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) และสังคหวัตถุ 4 เป็นต้น

***ปัญหาเฉพาะหน้าสมัยนั้นคือการต่อต้านรัฐบาล การเอาชนะคะคานกัน แถมยังก้าวล่วงไปถึงการทำร้ายประชาชน พูดอีกก็ถูกอีก แล้วไม่ดีตรงไหน?

8. พระมหาวุฒิชัยได้บอกว่าหลักการตัดสินใจนั้นมีอยู่ 3 อย่างคือ อัตตาธิปไตย เป็นการตัดสินใจโดยยึดตนเองเป็นใหญ่จะทำให้เป็นทรราชได้ (เป็นการเตือน/ปรามรัฐบาลในขณะนั้น) โลกาธิปไตย เป็นการตัดสินใจโดยถือเสียงส่วนใหญ่ (ขณะนั้นรัฐบาลสมัครกุมเสียงส่วนใหญ่อยู่) ซึ่งก็ยังไม่ดีพอ และแนะให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของธรรมาธิปไตย โดยยึดธรรมะเป็นที่ตั้ง อย่างไรก็ตามหากไปค้นพระไตรปิฎกในส่วนของ “อธิปไตยสูตร” <3> ตามที่พระมหาวุฒิชัยอ้างถึง กลับปรากฏว่ามีสาระแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เพราะพระไตรปิฎกสอนให้พระบรรลุธรรมโดยอาจพิจารณาจากตน จากโลกหรือจากธรรมเป็นสำคัญ ไม่ได้เกี่ยวกับการปกครองในทางโลกเลย

******ก็แค่ให้ยึดธรรมะในการตัดสินใจทุกเรื่อง ถ้าคนดีมีธรรมะ ทำอะไรย่อมดี เพราะ คิดดี ทำดี ผลก็ย่อมดี

9. พระมหาวุฒิชัยได้ให้สัมภาษณ์ปิดท้ายว่าให้ทุกฝ่ายวางทิฐิลง เอาชีวิตของประชาชนไว้ดีกว่า อยากให้ทุกฝ่ายถอยสักก้าวหนึ่ง การถอยของรัฐบาลก็คงหนีไม่พ้นการบอกเป็นนัยให้ยุบสภาหรือลาออก แต่ในสมัยพวกเสื้อแดงนับแสน ๆ ชุมนุมซึ่งมากกว่าพวกเสื้อเหลือง (ก่อนที่จะถูกหาว่าก่อการร้ายและมีอาวุธ) พระมหาวุฒิชัยก็ไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นในลักษณะนี้เลย

*****มันขึ้นกับประเด็นการต่อสู้ เสื้อเหลืองไม่ได้บอกว่ามาโดยมิชอบ แต่บอกว่ารัฐบาลกระทำมิชอบ

ขณะที่เสื้อแดงบอกว่า รัฐบาลมาโดยมิชอบทั้งๆ ที่มาจากสภาเดียวกัน มาจากการยกมือของสภาเดียวกัน แต่ได้บอกว่า รัฐบาลกระทำอะไรมิชอบ

ข้อแตกต่างเช่นนี้ ผุ้มีธรรมะในใจย่อมมองออกถึงเหตุผล และสภาพปัญหา

รัฐบาลพยายามยื่นมือปรองดอง ถอยมาจนสุดทาง ยินยอมยุบสภา แต่เสื้อแดงไม่ยอมถอย ทำไมไม่ลองไปอ่านงานเขียนวิสา คัญทัพ ลองดูบ้าง เขียนมา 3 ตอนแล้ว น่าจะสรุปเหตุผลทั้งหมดได้

ทำไมวีระ/วิสา จึงบอกว่า สมควรลงจากเวทีเพราะเรียกร้องแค่ยุบสภาใช่หรือไม่?

ใครกันแน่ไม่อยากให้จบปัญหา ใครกันแน่ ไม่ยอมถอย
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby mahahing » Thu Jul 29, 2010 11:02 am

pornchokchai wrote:
mahahing wrote:เป็นถึงดอกเตอร์ แต่คิดได้แค่ว่า ศาสนาพุทธสอนให้แค่สวดมนต์ ภาวนา แล้วจบ ก็คงไม่ต้องมีอะไรพูดแล้วล่ะ
เพราะพูดไป ไอ้ตำราฝรั่ง มันคงกั้นสมองอยู่ ศาสนาเลยซึมเข้าไปไม่ได้


เอาให้เข้าประเด็น ผมวิจารณ์มหาเขาไป 9 ข้อ คุณจะถกข้อไหนดีครับ จะได้ไม่ตีขลุม


ก็ถามไปในข้อแล้วไงคะคุณขา เรื่องถ้าคุณดอกเตอร์เข้าใจแค่ว่าศาสนาพุทธ สอนแค่สวดมนต์ ภาวนา แล้วจบ แก้ปัญหาทุกอย่างได้ ก็ไม่ต้องพูดอะไรกับคุณดอกเตอร์แล้ว ส่วนเรื่องท่าน ว. คงไม่วิจารณ์ค่ะ เพราะเห็นว่าท่านก็ตอบดีแล้ว ในทางธรรม
User avatar
mahahing
 
Posts: 70
Joined: Sat May 22, 2010 2:26 pm


Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby loginofu » Thu Jul 29, 2010 12:26 pm

pornchokchai wrote:
loginofu wrote:สรุปได้แล้วว่า "คุณไม่รู้เรื่องอะไรในเรื่องที่คุณวิจารณ์เลย"อธิบายทีสิครับ
อะไรคือศีล
อะไรคือสมาธิ
อะไรคือปัญญา
ทำไมต้องเวลากล่าวถึงต้องเรียงลำดับ "ศีล สมาธิ ปัญญา"
อธิบายไป อย่าให้ขัดกับที่ตอบไปก่อนนะครับ


แหม ทำไมถามอย่างนี้ครับ ไปเปิดหาได้ในโลก cyber ถ้าผม copy มาให้อ่าน ก็อาจหาว่าผมไม่รู้จริงอีก เราคุยกันถึงข้อวิจารณ์ความคิดของมหานะครับ คุณเห็นอย่างไรก็ว่ามา ผมว่าไป 9 ข้อ คุณเห็นต่างข้อไหนครับ


แถลงคูไปเรียบร้อยเลยนะครับ เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ใน 9ข้อตรงไหน
ก็คุณยก "อริยสัจ4" "ศีล สมาธิ ปัญญา" มาเอง แต่คุณดันแสดงมาเองว่าคุณไม่รู้จักหลักธรรมที่คุณนำมาวิจารณ์เองเลย
แค่นี้ก็จบแล้วละครับ ท่าน ว. ท่านก็พูดถูกแล้ว คุณเองนั่นแหละ ไม่มีความรู้และทำเป็นอวดรู้
ยิ่งอ้างว่าค้นได้ง่ายนิดเดียว ผมว่าคุณนั่นแหละกลับไปค้น ไปอ่านทำความเข้าใจให้ดีก่อนแล้วค่อยมาถกกันต่อ
ถ้ายังเข้าใจแค่นี้ อย่ามาแถต่อให้เป็นที่น่าอับอายมากกว่านี้เลยครับ
pornchokchai wrote:เอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบ ชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby Dothex » Thu Jul 29, 2010 12:50 pm

จกขท. นับถือศาสนาอะไรครับ
จะอธิบายและคุยกันตรงประเด็น
อย่างข้อนี้นะครับ ที่ผมเข้าใจอย่างคนนับถือศาสนาพุทธ (ผมไม่ได้จบ ดร. ครับ ผมเข้าใจอย่างนี้)
2.ที่พระมหาวุฒิชัยบอกทำนองว่า (คณะราษฎร์) เอาพระราชอำนาจมาจากพระมหากษัตริย์ แต่ไม่ได้เอาทศพิธราชธรรมของพระมหากษัตริย์มาด้วย จึงทำให้ขาดธรรมะ ข้อนี้เป็นคำพูดที่ฟังดูดี น่าสนใจ แต่ในความเป็นจริง กษัตริย์บางพระองค์ในอดีตก็ไม่ได้มีทศพิธราชธรรม
-- >>ทศพิธราชธรรม--> ถามว่าทศพิธราชธรรม มีหรือไม่ ตอบมี ถ้าอยากรู้มีอะไร บ้างไปหาอ่านเอา
-->>ในการปกครองในระบบสมบูรณาญาสิทธิราช พระมหากษัตริย์จะใช้พระราชอำนาจโดยตรง แต่เมื่อคณะราษฎร์ทำการเปลี่ยนการปกครอง(คือการเอาพระราชอำนาจมาจากพระมหากษัตริย์) เมื่อได้อำนาจมาแล้ว
แต่ไม่ได้เอาทศพิธราชธรรมนั้น คือไม่ได้ใช้อำนาจที่ได้มาโดยยึดหลักทศพิธราชธรรม ไม่ทราบว่าเข้าใจไม่ครับ
User avatar
Dothex
 
Posts: 125
Joined: Tue May 04, 2010 12:44 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby Jseventh » Thu Jul 29, 2010 1:05 pm

pornchokchai wrote:ขอบคุณครับ คุณ Jseventh

อยากขอให้คุณไปอ่านที่ผมเขียนให้ละเอียดอีกนิด เรื่องเสียงส่วนใหญ่ (ตรงอ้างอิง) และเรื่องที่ พระมหาวุฒิชัย ตีความพระไตรปิฎกไปอีกเรื่องหนึ่งครับ


กาลามสูตร พ.ศ.2553
ไปอ่านมาแล้วค่ะ โดยส่วนตัวแล้ว ได้ประโยชน์จากการอ่านบทความชิ้นนี้ของคุณ pornchokchai

แต่ดิฉันก็ยังเห็นแย้งในเรื่อง "เสียงส่วนใหญ่คือสัจธรรม"

จากเนื้อหาในบทความตอนนี้ ที่กล่าวว่าเสียงส่วนใหญ่คือสัจธรรม โดยยกตัวอย่าง..การให้อิสระในการตัดสินใจและประชุมออกเสียงกันในหมู่คณะสงฆ์เรื่องธรรมวินัย ดิฉันเห็นว่า หมู่คณะสงฆ์เหล่านั้น จัดว่าเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการออกเสียง เพราะเป็นผู้ศึกษา ผู้รู้ หรือย่างน้อยที่สุด เป็นผู้ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่ตนจะต้องตัดสินใจ(ออกเสียง) ไม่ใช่ฆราวาสหรือผู้ที่ยังไม่เคยศึกษาธรรมเข้ามามีส่วนร่วม การวินิจฉัยของพระพุทธเจ้าในครั้งนั้นจึงชอบแล้ว

อย่าเอามาเปรียบกับการออกเสียงทางการเมืองแบบประชาธิปไตยเลยค่ะ..มันเปรียบกันไม่ได้
เพราะเราให้สิทธิออกเสียงแก่คนทั่วไป โดยไม่จำกัดว่ารู้หรือไม่รู้ เข้าใจหรือไม่เข้าใจเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง../จะจำกัดก็แต่อายุและสัญชาติเท่านั้น ประชาธิปไตยจึงมีช่องโหว่ให้กับ "พวกที่รู้มากกว่า" เข้ามาแสวงหาประโยชน์อย่างไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ จนเป็นที่มาของปัญหาต่างๆ ที่เราเห็นกันทุกวันนี้

เสียงส่วนใหญ่เป็นสัจธรรม?..

ถ้าบอกว่า เสียงส่วนใหญ่คือเสียงสวรรค์ ดูจะใกล้เคียงความจริงมากกว่า
เพราะเรื่องอะไรก็ตามที่เราต้องการการตัดสิน กำหนด ชี้วัด โดยเสียงส่วนใหญ่ และเสียงส่วนใหญ่เป็นเสียงซึ่งทำให้เราได้มาในสิ่งที่ต้องการ แน่นอนว่า เราย่อมเปรียบได้ดั่งเสียงสวรรค์ เช่น เรื่องการเลือกตั้ง การเลือกตั้งที่เป็นเหมือนบันไดที่จะนำตัวเองกับพวกพ้องเข้าสู่อำนาจ และได้ใช้อำนาจนั้นเพื่อแสวงหาประโยชน์เรื่อยไป จนรู้สึกเสพติดไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ จึงต้องการที่จะยึดครองเพื่อส่งต่อกันไปไม่รู้จบ!

หากเป็นเรื่องเสียงส่วนใหญ่ในระบอบประชาธิปไตย หรือเสียงส่วนใหญ่ในเรื่องทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์ (ที่ยังต้องการการพิสูจน์) เช่น โลกกลม-โลกแบน ถ้าให้เป็นสัจธรรม ก็คงเป็นสัจธรรมสัมพัทธ์ ไม่ใช่สัจธรรมสมบูรณ์ เพราะเป็นความจริงที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับเงื่อนไข (เงื่อนไขเปลี่ยน ความจริงก็เปลี่ยน) เสียงส่วนใหญ่จึงเป็นอะไรที่ชั่วคราว เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับเงื่อนไข

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำกล่าวนี้ ที่ว่า "เราควรตระหนักว่าการตัดสินใจโดยขาดข้อมูลย่อมนำไปสู่ความหายนะ ในทางตรงกันข้ามถ้ามีข้อมูลที่ดี เราก็จะสามารถเข้าใจความเป็นจริง สร้างประโยชน์ได้ เข้าทำนอง “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” " / ข้อมูล ความรู้ ก็เป็นเงื่อนไขหนึ่งเช่นกันที่จะทำให้เสียงส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลง มีคุณภาพมากขึ้น / และดูจะสอดคล้องกันกับที่ท่าน ว วชิรเมธีกล่าว.. "..คุณภาพของประชาชนขึ้นอยู่กับคุณภาพของปัญญา คุณภาพทางปัญญาของประชาชนขึ้นอยู่กับคุณภาพทางการศึกษาของชาตินั้น"

กรณีตัวอย่างเรื่องโลกกลม-โลกแบน ก็ชี้ให้เห็นว่า เสียงส่วนใหญ่จะเข้าใกล้สัจธรรมสัมบูรณ์ก็ต่อเมื่อมีข้อมูลที่ดี
กรณีประชาธิปไตย ถ้าคนส่วนใหญ่มีข้อมูลที่ดีเพื่อการตัดสินใจ สังคมก็อาจได้ระบอบประชาธิปไตยที่ดีขึ้น ใกล้เคียงสังคมในฝันหรือยูโทเปียมากขึ้น กลายเป็นสังคมอุดมปัญญามากขึ้น ไม่ใช่สังคมอุดมปัญหาอย่างทุกวันนี้

เรื่องการตีความพระไตรปิฏกของท่าน ว วชิรเมธี ยังไม่ได้ศึกษาค่ะ ขอเวลาคิดและศึกษาก่อน
แต่เบื้องต้น เห็นว่า เป็นลักษณะการประยุกต์ใช้เพื่อเปรียบเทียบและอธิบายเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ในมุมมองของพระสงฆ์
Last edited by Jseventh on Thu Jul 29, 2010 1:13 pm, edited 1 time in total.
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby ter162525 » Thu Jul 29, 2010 1:10 pm

pornchokchai wrote:
ter162525 wrote:ขอโทษครับ เรื่องอื่นผมอาจจะไม่รู้แต่ผมอยากจะบอกว่า อริยสัจ 4 ศีล สมาธิ ปัญญา สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ถ้าทุกคนปฎิบัติจริง
และที่คุณบอกว่า"เอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบ ชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว"
นั้นเพราะเขาไม่ได้ใช้ปัญญา ครับ ไม่ได้ใช้ปัญญาในการพิจราณา ให้เห็นจริงว่าอะไรเป็นเหตุของความกลัดกลุ้มนั้น ละเหตุนั้น คุณเคยนั้งคิดไหมว่าตัวเองต้องตาย ตายแล้วจะเอาอะไรติดตัวไปได้ ทั้งชื่อเสียงเงินทองที่ดินทรัพย์สมบัติ ทั้งหลาย ถ้าไม่เคยผมแนะนำ ครับลองคิดพิจราณา ทุกลมหายใจ ว่าตัวเองต้องตาย เราอาจจะตายวันนี้วัน พรุ่งนี้ หรือตอนนี้ก็ได้ ถ้าเราตายตอนกำลังโลภเราอาจจะไปเป็นเปรตก็ได้ เป็นต้น
ศีล ถ้าทุกคนมีผมบอกได้คำเดียวครับว่า ประเทศนี้ก็น่าอยู่ขึ้นมากแล้ว และแต่ละศาสนาเขามีศีลเป็นของตัวเองครับ ศีลคือข้อบังคับเพื่อความดีงาม (ศีล 5 ข้อ ทำได้หมดหรือยังครับ)
สมาธิ เอาไว้ข่มจิดใจ ถ้าบอกว่าศีลเป็นข้อบังคับแล้วจิดใจอยากจะทำอยู่ก็ใช้ตัวนี้ครับ ข่มจิตใจไม่ให้อยากเพราะสมาธิเป็นการตั้งจิตให้มั่นในเรื่องเดียว แต่ต้องใช่ตัวสุดท้าย
ปัญญา ปัญญาเหมือนเป็นตัวที่ขุดรากถอนโคน การใช้ปัญญาเพื่อพิจราณาให้เห็นว่า มันเป็นแบบนี้จริงนะ เราตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ทุกอย่างมันอยู่ที่จิตเท่านั้น บ้าน ที่ดิน ทรัพย์สินเงินทอง มันก็เอาไปไม่ได้แม้แต่เงินปากผีสัปหร่อ ยังงัดเอาไป คุณจะรักษาสิ่งที่มันมีอยู่จริง หรือสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงละครับ ตั้งแต่เกิดจนตายจิตอยู่กับคุณตลอด แต่ทรัพย์สมบัติต่างๆ ละอยู่กับคุณตลอดไหม ลองคิดว่าคนเราถ้าไม่โลภอยากได้ของคนอื่นคุณจะวางสมบัติของคุณไว้ตรงไหนก็ไม่หาย สิครับว่าบ้านเมืองจะน่าอยู่แค่ไหน อันนี้แค่ข้อเดียวเท่านั้น
ศีลข้อ 2 อทินนาทาน ควมคุม สมาธิสะกดความโลภในจิตใจ ปัญญาพิจารณาว่าเราตายไปก็เอาไปไม่ได้ จะอยากได้ของเขาทำไม
อันนี้ผมแค่ยกตัวอย่างแค่ข้อเดียวเท่านั้น บ้านเมือง ประเทศชาติ โลกมันจะน่าอยู่ขนาดไหน ตำรวจไม่ต้องมีก็ยังได้
ถ้าทุกคนเพียงมีแค่ ศีล สมาธิ ปัญญา จริง ย้ำนะครับ ไม่ใช่การตอบแบบกำปั้นทุบดินเลย
สุดท้าย สิ่งที่คุณไม่เคยลองอย่าพึ่งบอกว่ามันใช้ไม่ได้ครับ ส่วนข้ออื่นก็แล้วแต่ความคิดของคุณผมไม่ขอตอบ เพราะแค่ข้อนี้ก็ตอบได้หมดแล้ว


อ่านตามนี้อีกทีนะครับ
5. การพูดว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขก็ต่อเมื่อประชาชนต้องมีศีล สมาธิ และปัญญานั้น ใคร ๆ ก็พูดได้กับแนวทางการแก้ปัญหาแบบครอบจักรวาลอย่างนี้ การพูดอย่างนี้อาจกลายเป็นการไม่นำพาต่อการศึกษาถึงสาเหตุของปัญหาตามอริยสัจ 4 เข้าทำนองเอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว


แล้วจะให้ทำยังไงครับ ก็ปัญหามันอยู่ที่คน คุณจะแก้คนยังไง พระพุทธเจ้ายังไม่สามารถแก้ไขคนได้ทุกคน ท่านก็บอกแต่ว่าตัวท่านเป็นเพียงป้ายบอกทางเท่านั้น ใครเชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อท่านก็ทำอะไรไม่ได้
ถ้าบอกให้นำพาแก้ไขต้นเหตุของปัญหา คุณจะแก้ไขเขายังไงครับ มีบางคนรวยเป็นพันๆล้าน แต่กูอยากได้เป็นหมื่นแสนๆล้าน ได้แล้วไม่พอ อยากได้ประเทศอีก ได้ประเทศมันก็คงอยากเป็นจ้าวโลกอีก ถ้าเป็นได้ มันก็จะไปยึดดาวอื่นอีก คุณจะแก้ไขมันยังไงครับ
ให้มานั่งคิดไหมครับว่าทำไมมันไม่รู้จักพอนะเอานั้นเอานี้ให้มันไปเยอะๆนะจะได้หมดปัญหา ถ้ามันยังไม่พอล่ะ หรือจะเอากฎหมายป้องกัน กันดีนะ พอมันรวมพวกแบบมันได้มาก พวกก็แก้กฏหมายซ่ะ ใครจะทำไม ท่าน ว.ท่านก็เป็นเพียงป้ายบอกทางแล้วแต่ใครจะเชื่อหรือไม่แค่นั้น ระบบจะดีวิเศษแค่ไหนแต่คนใช้ไม่มีศีลมีธรรมมันก็แค่นั้น
บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป
User avatar
ter162525
 
Posts: 3030
Joined: Tue Mar 23, 2010 3:23 pm

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron