เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby bird » Thu Jul 29, 2010 9:27 pm

ปิดกระทู้ไปแล้วสำหรับ " เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว "
ท่าน WM และทีมงานได้กรุณาย้ายกระทู้เข้าสู่ห้องสมุด
ผู้นำเสนอขอน้อมรับไว้ ด้วยความรู้สึกขอบคุณและเป็นเกียรติ

รวมไปถึงทุก ๆ ท่านที่กรุณาติดตาม นำไปเผยแพร่ต่อ ๆ กันไป
ทุก ๆ ความคิดเห็น ทุก ๆ คำติชม ขอน้อมรับไว้ด้วยความขอบคุณ

ห่างหายไปด้วยภารกิจส่วนตัว หากแต่ข้อมูลยังคงหลั่งไหล
เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลเก่าอันเป็นผลมาจากการบริหาร
บ้านเมืองของบุคคลคนหนึ่ง ที่ส่งผลต่อเนื่อง หยั่งรากฝังลึก
ลงไปในความนึกคิด ค่อย ๆ กัดเซาะความรู้สึกสำนึกของ
มวลชนบางกลุ่ม ให้หลงไหลอย่างหน้ามืดตามัว หลงไหล
ในความง่ายที่จะนั่งรอ ความฝัน ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ
ยังคงมีปรากกฎอยู่มากมาย

กับ เค้าลางแห่งความเลวร้าย รูปแบบใหม่ ที่ส่งผลเร็วทันใจ

วาทกรรมที่ท่านผู้มีเกียรติบางท่าน กล่าวได้อย่างไร้ซึ่งความ
รู้สึกสำนึกว่า ตนนั่นเป็นคนของประเทศ วาทกรรมที่นำมาซึ่ง
ความแตกแยกของมวลชน อย่างไม่เคยปรากฎ ยากที่จะหา
หนทางแก้ไขและเยียวยา

พฤติกรรมอันน่ารังเกียจของท่านผู้ทรงเกียรติ ละครบทใหม่
ที่ถูกเขียนขึ้น ผู้ที่รู้ไม่เท่าทันต้องตกเหยี่อรายแล้วรายเล่า
แววตาถมึง น้ำเสียงดุดัน กับคำพูดที่ไร้ซึ่งความเป็นจริง
คำโกหกครั้งแล้วครั้งเล่า นี่หรือคือตัวแทนของมวลชน

ความสับสน วุ่นวาย ที่เกิดขึ้นในส่วนลึกของสามัญสำนึก
จะพยายามรวบรวมร้อยเรียงเท่าที่ความสามารถจะอำนวย
เพื่อนำเสนอให้ทุกท่านได้ร่วมกันวิเคราะห์ และพิจารณา
ตามวิสัยทัศน์ของแต่ละท่าน

ขออนุญาติเปิดกระทู้ " เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒ "
ภายใต้ความรู้สึกสำนึก ประเทศนี้ต้องอยู่บนแผนที่โลก
ตราบนานเท่านาน จักขอปกป้องไว้ด้วยชีวิตตราบเท่าที่
ยังคงมีลมหายใจ จักขอหลั่งเลือด เพื่อดำรงรักษาไว้
ซึ่งประเทศและสถาบันอันเป็นที่รัก จักขอต่อกรกับมัน
ผู้ใดก็ตามที่คิดจะล้มล้างประเทศบ้านเกิดเมืองนอน

ผิดพลาดประการใด ขออภัยทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้

ด้วยความขอบคุณทุกท่าน
Last edited by bird on Sat Jul 09, 2011 4:04 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby 1ktip » Thu Jul 29, 2010 9:50 pm

รออ่านอยู่เรื่อยๆ ครับ :D
User avatar
1ktip
Global Moderator
 
Posts: 3919
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:20 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby บุญปลีก » Thu Jul 29, 2010 10:19 pm

รออ่านเช่นกันครับ
บุญปลีก
 
Posts: 7184
Joined: Mon May 03, 2010 12:23 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby TaMongKhon » Thu Jul 29, 2010 11:17 pm

มาลงชื่อรออ่านครับ :D
TaMongKhon
 
Posts: 926
Joined: Mon Nov 10, 2008 9:06 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby metaleka » Fri Jul 30, 2010 8:11 am

คุณ Bird ผมก็รออยู่
User avatar
metaleka
 
Posts: 691
Joined: Fri Nov 07, 2008 10:10 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby qwerty » Fri Jul 30, 2010 8:43 am

รออยู่ครับ... :D
........
User avatar
qwerty
 
Posts: 147
Joined: Wed Apr 28, 2010 1:43 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby mukdaharn » Fri Jul 30, 2010 9:45 am

แล้วคุณเป็นใครครับ?????
User avatar
mukdaharn
 
Posts: 559
Joined: Thu Mar 12, 2009 2:37 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby ae_mon » Fri Jul 30, 2010 11:33 am

ขอติดตามต่อภาค 3 :idea:
User avatar
ae_mon
 
Posts: 365
Joined: Mon Jul 26, 2010 11:24 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby -3- » Fri Jul 30, 2010 11:38 am

ปูเสื่อรอ ;) ;)
"คนไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร มีในหลวงฯคอยติดตามเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา...ก็ผมเห็นธนบัตรไทยมีรูปในหลวงฯของพวกคุณอยู่ ทุกๆใบแม้นกระทั่งในเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่ามากที่สุดในธนบัตร ไม่เคยห่างกัน"
User avatar
-3-
Moderator
 
Posts: 6302
Joined: Thu Nov 27, 2008 11:34 am
Location: Gensokyo

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby metaleka » Fri Jul 30, 2010 12:03 pm

mukdaharn wrote:แล้วคุณเป็นใครครับ?????

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
FTjwvh;kp
User avatar
metaleka
 
Posts: 691
Joined: Fri Nov 07, 2008 10:10 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby บุญปลีก » Fri Jul 30, 2010 12:06 pm

metaleka wrote:
mukdaharn wrote:แล้วคุณเป็นใครครับ?????

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
FTjwvh;kp


:lol: g-k.0fjkot8iy[ :lol: :lol:
บุญปลีก
 
Posts: 7184
Joined: Mon May 03, 2010 12:23 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Fri Jul 30, 2010 2:45 pm

จขกท ยังไม่ทันได้เริ่มบรรเลง ก็ไปซะแระ ยังไงคงได้ตั้งกระทู้ใหม่เนอะ :lol: :lol:
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby bird » Sat Jul 31, 2010 1:00 pm

ลำดับความ เค้าลางความเลวร้าย

ก่อนเข้าสู่เนี้อหาและเรื่องราวเค้าลางที่นำมาซึ่งความหายนะของประเทศ
ขออนุญาตลำดับความการขึ้นสู่บัลลังค์อำนาจ รวมทั้งช่วงระยะเวลาที่กุม
อำนาจในฐานะหัวหน้าคณะบริหารบ้านเมืองของนักธุรกิจผู้ประสบความ
สำเร็จอย่างก้าวกระโดด ภายหลังที่ได้รับสัมปทานจากคณะผู้รักษาการ
ในช่วงปี ๒๕๓๕

นักธุรกิจหนุ่มผู้ที่สามารถพลิกสถานะจากผู้บริหารธรรมดาๆ เป็นผู้บริหาร
ระดับแนวหน้าได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี จะด้วยความสามารถหรือไม่นั้น
บุคคลที่อยู่ในแวดวงธุรกิจย่อมทราบดี ภายหลังการสร้างฐานะได้มั่นคง
อันเป็นผลมาจากสัมปทานที่ได้รับ ร่วมกับการเอาเปรียบกลุ่มผู้บริโภค
นักธุรกิจเริ่มเบนเข็มทิศชีวิตจากเส้นทางธุรกิจเข้าสู่เส้นทางการเมือง

หากแต่การเบนเข็มทิศชีวิตในครั้งนี้ จะมีภาวะซ่อนเร้นอะไรหรือไม่นั้น
คงมิอาจแสดงความคิดเห็นใด ๆ ได้ คงให้เป็นดุลยพินิจของทุกท่าน
วิเคราะห์ พิจารณาจากพฤติกรรมและการกระทำ คำพูดของนักธุรกิจ
และกลุ่มมวลชนบางกลุ่ม ร่วมกับเหตุการณ์ในช่วงเดือน เมษายน ๕๒
และ พฤษภาคม ๕๓ ประกอบการพิจารณา

" รวยแล้วไม่โกง "

" ถึงโกง แต่ทำให้ประเทศพัฒนา ก็ยอมรับได้ "

ย้อนกลับไปในปี ๒๕๓๕ ภายหลังได้รับสัมปทานอากาศธาตุจากคณะ
ผู้รักษาการในขณะนั้น จนสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับครอบครัวและ
เครือญาติ นักธุรกิจหนุ่มประกาศหันหลังให้กับธุรกิจ มุ่งหน้าเข้าสู่เส้น
ทางการเมืองโดยเข้ารับตำแหน่ง รมต-กต ในปี ๒๕๓๗ เป็นครั้งแรก
ในปี ๒๕๓๘ เป็นหัวหน้าพรรคพลังผักแทนท่านมหาที่ลาออก

ในปี ๒๕๔๐ ช่วงที่ประเทศต้องประสบปัญหาเศรษฐกิจ นักธุรกิจหนุ่ม
ยังดำรงตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าคณะบริหาร และยังเป็นกลุ่มบุคคล
เพียงไม่กี่กลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการประกาศลอยตัวค่าเงินใน
ขณะนั้น (๒ กค. ๔๐) ประเด็นนี้ก็น่าสนใจ ในขณะที่ทุกหน่วยงานทั้ง
ภายในประเทศล้วนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง บางแห่งถึงล้มละลาย
ภายในข้ามคืนแต่กลุ่มธุรกิจของท่านรองกลับได้กำไรจากค่าเงิน...

อีกประเด็นที่สำคัญ ในช่วงพ่อใหญ่ได้มีการกู้เงินจาก I-M-F ประเด็นนี้
ได้มีการหยิบยก อวดอ้าง กล่าวหาในทางที่ผิด สร้างความเข้าใจที่ผิด
ในกลุ่มมวลชนหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ใครเป็นผุ้ปลดหนี้ประเทศ ใคร
ที่กู้มาโกง และ ใครกันที่แอบอ้างผลงานได้อย่างหน้าด้าน ๆ

๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๐ ประกาศใช้ รธน ฉับบ ๒๕๔๐ ภายใต้เจตนารมณ์
เพื่อการปฏิรูปการเมือง โดยมีการขยายสิทธิ เสรีภาพ การตรวจสอบ
การใช้อำนาจของรัฐ ทำให้ระบบการเมืองมีประสิทธิภาพ หรือที่เรียก
ว่า รธน ฉบับประชาชน ในขณะเดียวกัน รธน ฉบับนี้ได้เปลี่ยนแปลง
ระบบเลือกตั้งโดยเพิ่มระบบปาร์ตี้ลิส อันเป็นระบบที่ให้ใครก็สามารถมี
โอกาสได้เป็นท่านผู้ทรงเกียรติ โดยไม่สนใจว่าพฤติกรรมจะเหมาะสม
หรือไม่ ดังตัวอย่างที่ท่านได้พบเห็นอยู่ในปัจจุบัน..ผิวดำ ดวงตาถมึง
น้ำเสียงกร้าวร้าว...

๕ พย ๔๐ พ่อใหญ่ประกาศลาออก เป็นผลมาจากการประกาศลอยตัว
ค่าเงิน พ่อชวนขึ้นเป็นหัวหน้าคณะบริหารอีกครั้งจนสิ้นวาระปี ๒๕๔๓
ในระหว่างนี้ นักธุรกิจหนุ่มยังคงดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าคณะบริหาร
และได้จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นในวันปฎิวัติฝรั่งเศส จะด้วยสาเหตุใด
จะมีภาวะซ่อนเร้นหรือไม่ จะด้วยวัตถุประสงค์ใด คงมิอาจคาดเคาได้
คงทิ้งภาระไว้ให้ทุกท่านได้วิเคราะห์ตามดุลยพินิจ และมุมมองของ
แต่ละท่าน

ผลการเลือกตั้งทั่วไปปี ๒๕๔๔ พรรคการเมืองนักธุรกิจได้รับชัยชนะ
นายใหญ่ก้าวขึ้นสู่บัลลังค์แห่งอำนาจในตำแหน่งหัวหน้าคณะบริหาร
ในขณะเดียวกับที่เศรษฐกิจเริ่มฝืนตัว ค่าเงินเริ่มเข้าสู่ภาวะได้เปรียบ
จึงไม่แปลกที่ประเทศสามารถปลดหนี้ I-M-F ได้ก่อนครบกำหนด...

หากแต่ นักธุรกิจหัวหมอ ผู้มีความรู้ด้านการตลาดในระดับขั้นปรจารย์
จะฉกฉวยโอกาสนี้แอบอ้างถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของตนได้อย่าง
ไม่สะทกสะท้านใด ๆ บวกกับแรงหนุนของกลุ่มบุคคลที่ต้องการเพียง
ผลประโยชน์ส่วนตน ช่วยกันบอกเล่าการกระทำครั้งนี้ในทางที่ให้ผล
ด้านบวกกับพวกตน เป็นต้นว่า ท่านเป็นผู้ปลดหนี้ให้ประเทศ ท่านเก่ง
ท่านเป็นเทพเจ้าลงมาช่วยคนยากจน....

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักธุรกิจ สามารถอยู่ในตำแหน่งได้จนครบวาระ
ถึงแม้นว่า จะโดนคดีจงใจแสดงยื่นหลักทรัพย์เท็จ ซึ่งมีผลถึงขึ้นโดน
ปลดออกจากตำแหน่งหัวหน้าคณะบริหาร แต่รอดตัวมาได้ด้วยคะแนน
ที่ไม่เป็นเอกฉันท์..๗-๘ หรือ ๘-๙ ยังจำกันได้หรือป่าวหนอ

ในห้วงเวลาที่ดำรงตำแหน่ง นายใหญ่ผุดโครงการต่าง ๆ มากมาย เช่น
โครงการแปรรูป ปตท โดยออก พรก ๒ ฉบับ

๑) พระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิและประโยชน์ของบริษัท ปตท.
จำกัด (มหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๔

๒) พระราชกฤษฎีกา กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตร
เลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๔

ต่อมา ปตท ได้ดำเนินการฟ้องร้อง และศาลปกครองได้มีคำพิพากษา
โดยสรุป ให้ยกเลิกและเพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจสิทธิ
และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๔ ให้ยก
เลิกและเพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนไขแวลา การยกเลิกกฎ
หมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๔

๑ ตค ๔๕ มีการประกาศใช้ พรบ ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ๒๕๔๕
ตามมติ ครม ๑๕ มค ๔๕ โดยเพิ่มจาก ๑๔ เป็น ๒๐ กระทรวง จาก ๑
ทบวงเป็น ๖๑ ทบวง ลดจาก ๑๒๕ กรมเหลือ ๖๐ กรม ถือเป็นการปรับ
โครงสร้างระบบราชการครั้งใหญ่ รายละเอียดหน่วยงานที่เพิ่ม - ลด จะ
รวบรวมนำเสนอในหัวข้อต่อ ๆ ไป

สิ้นสุดวาระที่ ๑ เริ่มต้นวาระที่ ๒ ด้วยการชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย
จนสามารถตั้งคณะบริหารพรรคเดียวได้อย่างที่ไม่เคยปรากฎในประวัติ
ศาสตร์การเมือง ภายใต้นโยบายขายฝันชาวรากหญ้า หากแต่จะว่าไป
นโยบายดังกล่าว มีส่วนคล้ายกับนโยบายที่ทำให้อาร์เยนตินาต้องพบ
กับความหายนะ ถึงล้มละลายมาแล้วในอดีต...

ในวาระที่ ๒ คณะบริหารภายใต้อุ้มมือนายใหญ่ มีโครงการขายฝันผุด
ขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สารพัดเอื้ออาทร แปลงสินทรัพย์ให้เป็นหนี้
กองทุนผู้ใหญ่บ้าน โอทอป ๑ โรงงานหลายผลิตภัณฑ์ บัตร ๓๐ บาท
บางโครงการก็ประสบความสำเร็จ บางโครงการก็ล้มเหลว ก็เป็นไปตาม
สัจธรรมคงไม่ติดใจอะไร ถ้า...

ผู้ร่วมคณะบริหารต่างอุ่ฟู่ขึ้นมาในระยะเวลาไม่นาน นายใหญ่และเครือ
ญาติก้าวขึ้นสู่มหาเศรษฐืระดับทอปเท็นของโลกได้อย่างรวดเร็ว ขณะ
ที่ชาวรากหญ้าในสายตานายใหญ่ ยิ่งจนลง จากธนบัตรกลายเป็นเศษ
สตางค์ไปอย่างไม่รู้ตัว จากไม่มีหนี้ กลับต้องแบกรับภาระหนี้ก้อนโต
แต่ก็ยังมีความหวังว่า นายใหญ่จะช่วยให้ฐานะดีขึ้น เพราะอะไรหนอ

" เอาผมกลับบ้าน ผมจะทำให้พี่น้องมีฐานะดีขึ้น "

เพราะวาทกรรมของนักการตลาด ในคราบของนักการเมืองหรือป่าว

เหตุการณ์ในปี ๒๕๔๙ ส่งผลให้นายใหญ่ต้องเร่รอน แต่อำนาจและ
กำลังพลที่สร้างไว้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ยังคงริดรอนความมั่นคงของ
ประเทศ จึงเกิดคณะบริหารชุดนอมินีขึ้นถึง ๒ ชุด สมัครและสมชาย
นอมินี ๑ ยังคงมีจิตสำนึกที่ต้องการทดแทนคุณประเทศ อันเป็นเหตุ
ให้ต้องหลุดจากตำแหน่งโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้นอมินี ๒ ขึ้นสู่บัลลังค์

ก่อให้เกิดเหตุการณ์ ๗ ตุลา ๕๑ ยังคงจำกันได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ใน
เครื่องแบบ เข้าสลายกลุ่มมวลชนด้วยอาวุธร้ายแรง เพียงเพื่อให้นอมินี
๒ มีโอกาสประกาศนโยบายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่สนใจว่าจะมี
ชนชาติเดียวกันบาดเจ็บ ล้มตาย เส้นทางที่เดินเพื่อประกาศนโยบาย
เต็มไปด้วยเลือดเนื้อของพี่น้องร่วมชาติ..ผลกรรมครั้งนี้ ส่งผลให้ชุด
นอมินี ๒ ไม่มีโอกาสดำรงตำแหน่งได้อย่างสมเกียรติ เป็นชุดเดียวที่
ไม่มีโอกาสเข้าทำงาน ณ สถานที่ที่สมควร จนสิ้นสุดวาระ

หลังการเปลี่ยนแปลงชุดบริหาร ผุ้ร่วมขบวนการนายใหญ่ ภายใต้แกน
นำในคราบผู้ทรงเกียรติ ยังคงเดินหน้าเพื่อสร้างความแตกแยก เพื่อ
ล้มล้างระบบ จะด้วยจุดประสงค์ใดนั้น คงมิอาจแสดงความคิดเห็นได้

หากแต่เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงสงกรานต์ ๕๒ และ
พฤษภา ๕๓ เหตุการณ์ที่พัทยา และ กระทรวมมหาดไทย คงจะช่วย
อธิบาย บอกเล่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของกล่มบุคคลเหล่านั้นได้ หาก
นำไปรวมกับคำพูด วีดีโอลิงค์ของผู้นำขบวนการตัวจริง และคำปราศัย
หลาย ๆ ครั้ง ทั้งจากผู้นำตัวจริง ลิ่วล้อ และสมาชิกพรรคบางท่าน

คงจะพออนุมานได้ว่า... เป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร

" ผมแพ้ไม่ได้ "

" ผมแพ้เท่ากับพี่น้องแพ้ "

ทิ้งประเด็นไว้ให้ทุกท่านวิเคราะห์ตามวิสัยทัศน์และมุมมอง มิอาจบอก
เล่าเชิญชวน ชี้นำทุกท่านให้เห็นคล้อยตามแนวคิดใด ๆ
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby bird » Sat Jul 31, 2010 1:08 pm

1ktip wrote:รออ่านอยู่เรื่อยๆ ครับ :D

บุญปลีก wrote:รออ่านเช่นกันครับ

TaMongKhon wrote:มาลงชื่อรออ่านครับ :D

metaleka wrote:คุณ Bird ผมก็รออยู่

qwerty wrote:รออยู่ครับ... :D

ae_mon wrote:ขอติดตามต่อภาค 3 :idea:

-3- wrote:ปูเสื่อรอ ;) ;)


ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาติดตามค่ะ น้อมรับไว้ด้วยความขอบคุณจริง ๆ
จะพยายามเท่าที่ความสามารถจะทำได้ค่ะ :mrgreen: :mrgreen:

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:จขกท ยังไม่ทันได้เริ่มบรรเลง ก็ไปซะแระ ยังไงคงได้ตั้งกระทู้ใหม่เนอะ :lol: :lol:


ที่จริงเริ่มแล้วหล่ะ แต่ด้วยความสะเพรา พิมพ์เสร็จกด Save ซะงั้น เปิดมาอีกที
หายไปหมดทั้งหน้าจอ เลยต้องพิมพ์ใหม่วันนี้... :roll: :roll: :mrgreen:

mukdaharn wrote:แล้วคุณเป็นใครครับ?????


สำหรับคำถามคงตอบได้แค่ว่า ก็เป็นปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเช่นเดียวกันท่านค่ะ
มิได้มีอะไรที่ผิดแปลกไปจากท่าน...อาจจะต่างกันบ้าง ตรงเป้าหมายและแนวคิด
แต่เราก็อยู่ร่วมกันได้ อย่างมีความสุขบนแผ่นดินนี้ ใช่มั้ยค่ะ
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby bird » Sun Aug 01, 2010 2:24 pm

สรุป คำวินิจฉัยยึดทรัพย์อดีตนายก

ย้อนกลับไปก่อน ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ คดีประวัติศาสตร์ ยึดทรัยพ์ทักษิน
เป็นที่สนใจไปทั่วโลก ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ บ้างก็ว่าคงไม่ยึด
บ้างก็ว่าควรจะยึดทั้งหมด หรือบางกล่มก็ว่าคงจะยึดบางส่วน ก็ขึ้นอยู่กับว่า
ผู้คาดเดาจะให้การสนับสนุนเข้าข้างฝ่ายใด

Image

เวลาประมาณ ๑๓.๓๐ น. วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ช่วงเวลาที่หลายคน
เฝ้ารอบทสรุปของคดีประวัติศาสตร์อีกหนึ่งคดีจะออกมาในรูปใด จะยึดหมด
จะยึดบางส่วน หรือจะไม่ยึดเลย ต่างพุ่งเป้าไป ณ อาคารศาลฎีกา บนถนน
ราชดำเนิน ซึ่งองค์คณะผู้พิพากษา ๙ ท่านขึ้นบัลลังค์อ่านคำพิพากษาคดี
ยึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรี

Image

องค์คณะผู้พิพากษา ๙ ท่านซึ่งได้รับเลือกโดยการลงคะแนนลับเมื่อวันที่
๒ กันยายน ๒๕๕๑ ประกอบด้วย

๑) นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา เจ้าของสำนวน
๒) นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา
๓) นายพิทักษ์ คงจันทร์ ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา
๔) นายพงษ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
๕) นายอดิศักดิ์ ทิมมาศย์ ประธานแผนกคดีเยาวชนฯ ในศาลฎีกา
๖) ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล รองประธานศาลฎีกา
๗) นายประทีป เฉลิมภัทรกุล ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา
๘) นายกำพล ภู่สุดแสวง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
๙) นายไพโรจน์ วายุภาพ รองประธานศาลฎีกา

คำพิพากษาคดีฯ ดังกล่าวมีความยาวประมาณ ๑๘๗ หน้า จึงไม่สามารถ
รวบรวมเพื่อให้ทุกท่านได้วิเคราะห์กันอย่างสมบูรณ์ จึงใคร่ขอนำบทสรุป
คำวินิจฉัยขององค์คณะผู้พิพากาษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง
ตำแหน่งทางการเมืองในคดียึดทรัพย์ ๗๖,๖๒๑,๖๐๓,๐๖๑.๐๕ บาท
(เจ็ดหมื่นหกพันหกร้อย...ล้านบาท)

Image

บทสรุป คำวินิจฉัยคดียึดทรัพย์ฯ ขอนำเสนอโดยแยกออกเป็นประเด็น
การพิจารณา ๒ ประเด็นหลัก

- ประเด็นข้อกฎหมาย เป็นคำวินิจฉัยส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจศาลและ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คตส ปปช และ อัยการ เป็นต้น

- ประเด็นข้อเท็จจริง เป็นคำวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องกับคำฟ้องแต่ละประเด็น
ที่อัยการสูงสุดยื่นคำฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง
ทางการเมือง

ประเด็นข้อกฎหมาย

๑) ศาลมีอำนาจในการพิจารณาคดีนี้ ตามที่ผู้คัดค้านคัดค้านหรือไม่
วินิจฉัยว่า การตรวจสอบของ คตส.เป็นไปตามกฎหมาย และเป็นไปตาม
อำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้
ตามมาตรา ๙ (๑) และ (๔) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธี
พิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็น มติเอกฉันท์

๒) คตส. มีอำนาจถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่
วินิจฉัยว่า เป็นการดำเนินการภายใต้ขอบอำนาจตามประกาศ คปค.ฉบับ
ที่ ๓๐ ส่วนที่ คตส.แต่งตั้งอนุ คตส.นั้น เห็นว่า คตส.ใช้อำนาจตามประ
กาศ คปค. สามารถแต่งตั้งได้ และไม่ล่วงเลยระยะเวลาตามที่ผู้คัดค้าน
ทำการคัดค้าน เพราะมีกรอบเวลาชัดเจน หากไม่เสร็จสิ้นต้องให้ ป.ป.ช.
ดำเนินการต่อ ทั้งหมด เป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฏหมาย

รวมทั้งประเด็นที่ คตส. บางคน เช่น นายกล้านรงค์ จันทิก, นายบรรเจิด
สิงคะเนติ, นายแก้วสรร อติโพธิ เป็นปฏิปักษ์ของผู้ถูกร้อง แต่งตั้งเป็น
ประธานอนุฯ คตส. นั้น ชอบแล้วด้วยกฎหมาย และ ป.ป.ช. จึงมีอำนาจ
ดำเนินการแทน คตส.ได้ ก็ชอบแล้วด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ คดีนี้ไม่เกี่ยวกับคดีอาญา แต่เป็นคดีแพ่ง จึงไม่จำเป็นต้อง
ให้ผู้ถูกกล่าวหามา ศาลมี มติเอกฉันท์ ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องคดีนี้

๓) คำร้องของอัยการ ขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ เคลือบคลุมหรือไม่
วินิจฉัยว่าคำร้องของอัยการที่ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ชัดเจน
ครอบคลุมพอแล้ว โดยมี มติเป็นเอกฉันท์

Image

ประเด็นข้อเท็จจริง

๑) ประเด็นวินิจฉัยผู้ถูกกล่าวหาปกปิดอำพรางหุ้นหรือไม่
วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ๒ วาระ ยังถือหุ้นไว้
แต่ปี ๒๕๔๙ รวบรวมหุ้นทั้งหมดขายให้เทมาเส็ก โดยมีการโอนหุ้นให้
กับผู้คัดค้านหลายคนจริง ผู้ถูกกล่าวหาแม้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี
ในปี ๒๕๔๔ แล้ว ผู้ถูกกล่าวหามีอำนาจดำเนินนโยบายและแต่งตั้งกรรม
การในบริษัทชินคอร์ปจริง การควบคุมนโยบายของผู้ถูกกล่าวหาผ่านทาง
คณะกรรมการบริษัทชินคอร์ปจริง มี มติเป็นเอกฉันท์ ผู้ถูกกล่าวหาและผู้
คัดค้านที่ ๑ มีหุ้นในเทมาเส็กจริง

Image

๒) ประเด็นการแปลงสัมปทานฯ เอื้อประโยชน์ชินคอร์ปหรือไม่
วินิจฉัยว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ชินคอร์ป และเป็นเหตุให้ชาติเสียหาย
เพราะภาษีสรรพสามิตหายไป ๖ หมื่นล้านเศษ มี มติด้วยเสียงข้างมาก
ผู้ถูกกล่าวหา ใช้ตำแหน่งหน้าที่ ตรา พ.ร.ก.ทั้ง ๒ ฉบับ ทำให้ชาติเสีย
หาย

๓) ประเด็นแก้ไขสัญญามือถือเอื้อชินคอร์ป กรณีบัตรเติมเงินและโรมมิ่ง
วินิจฉัยว่า ภาระเอไอเอสลดน้อยลง แต่มีรายได้เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี ๔๔-๔๙
โดยลำดับ ตั้งแต่ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ศาลฎีกาฯจึง
มี มติด้วยเสียงข้างมาก ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้อง ในการแก้ไขสัญ
ญาดังกล่าว และผู้ถูกกล่าวหามีหุ้นในชินคอร์ป ผลประโยชน์จึงตกแก่ผู้
ถูกกล่าวหา เงินที่ขายหุ้นให้เทมาเส็ก จึงได้มาโดยไม่สมควร
(รายละเอียดการแก้ไขสัญญาจะนำเสนอให้หัวข้อต่อไป)

Image

๔) ประเด็นแก้ไขสัมปทานดาวเทียมโดยมิชอบ เพื่อเอื้อชินคอร์ป
วินิจฉัยว่า เป็นการกระทำที่ลัดขั้นตอน รีบเร่ง ผิดปกติวิสัย ทั้งนี้ ดาวเทียม
IP STAR ไม่ได้เป็นดาวเทียมหลัก แทนไทคม ๓ เป็นดาวเทียมใช้สื่อสาร
ต่างประเทศ ผิดสัญญาตามที่ระบุว่า ใช้สื่อสารในประเทศ จึงอยู่นอกกรอบ
สัญญา เป็นการอนุมัติให้บริษัทผู้ถูกกล่าวหา ได้รับสัมปทานไปโดยไม่มีคู่
แข่ง ทำให้รัฐเสียหายกว่า ๑.๖ หมื่นล้านบาท จึงมี มติด้วยเสียงข้างมาก
เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ และบริษัทไทคม

Image

๕) ประเด็น อนุมัติเงินกู้เอ็กซิมแบงค์จำนวน ๔ พันล้านบาทให้พม่า
วินิจฉัยว่า การอนุมัติเงินกู้จำนวน ๔ พันล้านบาทให้พม่านั้น เป็นการเอื้อ
ประโยชน์แก่ไทยคมและชินคอร์ป ด้วย มติเสียงข้างมาก

Image

บทสรุปสุดท้าย องค์คณะมี มติเสียงข้างมากให้ทรัพย์สินที่ต้องตกเป็น
ของแผ่นดิน เฉพาะเงินปันผลและค่าขายหุ้น รวมเป็นจำนวนมุลค่าสุทธิ
๔๖,๓๗๓,๖๘๐,๗๕๔.๗๔
บาท (สี่หมื่นหกพันสามแสน....ล้านบาท)

คำพิพากษา ๗ ชั่วโมงคงอธิบายพฤติกรรมของอดีตนายกรัฐมนตรีและ
เครือญาติได้อย่างไร้ข้อกังขาใด ๆ คงอยู่ที่ดุลยพินิจของทุกท่านที่จะ
เห็นด้วยหรือไม่ หากแต่เพื่อความสงบของประเทศชาติขอวิงวอนด้วย
ส่วนลึกของจิตใจให้ผู้ถูกกล่าวหาและมวลชนที่ให้การสนับสนุน กรุณา
น้อมรับคำพิพากษา และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย...
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby -3- » Mon Aug 02, 2010 4:42 pm

แอบขุด :lol: :lol:
"คนไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร มีในหลวงฯคอยติดตามเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา...ก็ผมเห็นธนบัตรไทยมีรูปในหลวงฯของพวกคุณอยู่ ทุกๆใบแม้นกระทั่งในเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่ามากที่สุดในธนบัตร ไม่เคยห่างกัน"
User avatar
-3-
Moderator
 
Posts: 6302
Joined: Thu Nov 27, 2008 11:34 am
Location: Gensokyo

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby ริวเซย์ » Mon Aug 02, 2010 5:52 pm

นับเป็นมหากาพย์ของเสรีไทยได้เลย ถ้าได้พิมพ์เป็นหนังสือบอกด้วยนะครับ
ผมจะซื้อ


:P
หากดอกไม้แย้มบานในใจแห่งผู้คนที่ทุกข์ทน
ความสว่างส่องทางสับสนด้วยความรักที่มอบแก่กัน
ให้ดอกไม้นั้นแทนความงามแห่งน้ำใจ ยิ่งใหญ่
เมฆหมอกก็คงสลาย ด้วยดอกไม้คือความสดใสในแสงตะวัน
คือดอกไม้อันดีงาม คงอยู่ด้วยความสดใส
คือดอกไม้ของน้ำใจ งดงามเพียงใดให้แก่กัน
User avatar
ริวเซย์
Site Admin
 
Posts: 3386
Joined: Fri Oct 17, 2008 12:34 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby just in case. » Mon Aug 02, 2010 6:31 pm

เหนื่อยมั้ยครับ คุณbird เหนื่อยก็พักบ้างนะครับ
just in case.
 
Posts: 766
Joined: Sat Oct 17, 2009 10:11 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby คิคิ » Mon Aug 02, 2010 7:29 pm

ติดตามคุณ bird และขอเป็นกำลังใจครับ ;)
ลายเซ็นต์กู มืงก็ลบ
User avatar
คิคิ
 
Posts: 1702
Joined: Tue Oct 14, 2008 3:40 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby mairukumoa » Mon Aug 02, 2010 11:13 pm

มาตามอ่านด้วยคน แอบไปโหลดภาค 1 มาแล้ว
ขอขอบคุณคุณเบิร์ดด้วย...
User avatar
mairukumoa
 
Posts: 21
Joined: Mon Jul 12, 2010 10:43 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby iba » Tue Aug 03, 2010 8:43 am

มาให้กำลังใจค่ะ
User avatar
iba
 
Posts: 74
Joined: Wed May 19, 2010 11:57 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby bird » Tue Aug 03, 2010 9:10 am

-3- wrote:แอบขุด :lol: :lol:

ริวเซย์ wrote:นับเป็นมหากาพย์ของเสรีไทยได้เลย ถ้าได้พิมพ์เป็นหนังสือบอกด้วยนะครับ
ผมจะซื้อ
:P

just in case. wrote:เหนื่อยมั้ยครับ คุณbird เหนื่อยก็พักบ้างนะครับ

คิคิ wrote:ติดตามคุณ bird และขอเป็นกำลังใจครับ ;)

mairukumoa wrote:มาตามอ่านด้วยคน แอบไปโหลดภาค 1 มาแล้ว
ขอขอบคุณคุณเบิร์ดด้วย...

iba wrote:มาให้กำลังใจค่ะ


ขอบคุณสำหรับทุก ๆ กำลังใจค่ะ น้อมรับไว้ด้วยความขอบคุณจากใจค่ะ
ทำให้ bird หายเหนื่อยได้เยอะ มีแรงอีกมากที่จะนำข้อมูลมาเสนอให้ทุกท่านในโอกาสต่อ ๆ ไปค่ะ
สู้ ๆ ค่ะ :mrgreen: :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby bird » Tue Aug 03, 2010 10:14 am

บันทึก น้ำตากรุงเทพ

ภาพเหตุการณ์ความไม่สงบช่วง “ เมษา ๒๕๕๒ “ ยังไม่ทันจางหายไปจาก
ความรู้สึกของประชาชนคนไทย โดยเฉพาะชาวกรุงเทพฯ ภาพการจราจลที่
กระจายไปทั่วเขตเมืองหลวง ภาพกลุ่มมวลชนที่บ้าคลั่งประทุษร้ายหมายเอา
ชีวิตของคณะบริหารบ้านเมือง

Image

ภาพการไล่ล่านายกรัฐมนตรีอย่างไร้สติ ที่มหาดไทย ภาพชุมชนดินแดงที่
ถูกจับเป็นตัวประกันด้วยรถแก๊สพร้อมจุดระเบิดได้ทันที ภาพไฟที่โหมใหม้
รถ ขสมก ที่กระจายอยู่ตามพื้นผิวถนน ภาพการปะทะกันระหว่างกลุ่มมวล
ชนและชุมชนชาวเพชรบุรีเพียงเพื่อปกป้องสถานที่สำคัญทางศาสนา หรือ
แม้กระทั่งภาพการเสียชีวิตของชาวบ้านย่านนางเลิ้งที่ออกมาปกป้องชุมชน
อันเป็นที่พักอาศัยให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น

Image

ข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังคงอยู่ในความทรง
จำของคนกรุงเทพฯ “ สงกรานต์เลือด ๕๒

วันที่ ๑๙ ต่อเนื่อง วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เขม่าควันไฟ ปกคลุมท้อง
ฟ้ากรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมร จนมืดคลึ่ม หยาดน้ำตากรุงเทพมหานคร
ค่อย ๆ หลั่งไหล ใจกลางกรุงเทพเหลือเพียงเศษซากปรักหักพัง


Image

หากย้อนกลับไปหลายร้อยปีที่ผ่านมา ภาพควันไฟที่พวยพุ่งขึ้นกลางเมือง
หลวง ย่อมหมายถึงการประกาศชัยชนะของอริราชศัตรูภายนอกประเทศที่
เข้ารุกรานพื้นแผ่นดินไทย หาใช่เกิดจากน้ำมือของคนไทยด้วยกันไม่

บรรพบุรุษสละเลือดเนื้อ ชิวิต เพียงเพือปกปักรักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลาน
เช่น เรา ๆ ท่าน ๆ หวังเพียงให้ลูกหลานได้มีแผ่นดินได้อาศัยทำมาหากิน
มิต้องตกเป็นทาสของประเทศใด ๆ

Image

ควันไฟในครั้งนั้น ประชาชนคนไทยน้ำตานองทั่วทั้งแผ่นดิน
สิ้นแล้วแผ่นดิน คนไทยตกเป็นเชลยของอริราชศัตรู

Image

ควันไฟในครั้งนี้ หาได้เกิดจากน้ำมือของอริราชศัตรูจากภายนอกประเทศ
หากแต่เกิดขึ้นจากน้ำมือของชนชาติเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน ...

สาเหตุใดเล่า ที่พวกเค้าเหล่านั้นจึงกระทำกับประเทศตนเองได้ถึงเพียงนี้...

เพียงเพราะ ความต้องการอำนาจของนายใหญ่ ความต้องการทรัพย์สินของ
เหล่าแกนนำที่ไร้สามัญสำนึก ใช่หรือไม่...
คงมิอาจคาดเดาได้....

หากย้อนกลับไป ไล่เรียงลำดับการเคลื่อนไหวของมวลชนบางกลุ่มโดยสรุป

๒๖ กพ. ๕๓ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
มีคำสั่งยึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ให้ตกเป็นของแผ่นดินมูลค่า
๔๖,๓๗๓,๖๘๐,๗๕๔.๗๕ บาท (สี่หมื่นหกพันสามร้อย...ล้านบาท) ตาม
คำฟ้องของอัยการสูงสุด

Image

๑๔ มีค. ๕๓ กลุ่มแนวร่วมเข้ายึดพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า และบริเวณ
ถนนราชดำเนิน เพื่อชุมนุมใหญ่ขับไล่คณะบริหารบ้านเมือง

๑๕ มีค. ๕๓ กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.๑ พัน ๑ รอ.)
บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต โดนลอบยิงด้วยอาวุธ M79 จำนวน ๖ ลูก มีทหาร
ได้รับบาดเจ็บ ๒ นาย

๑๖ มีค. ๕๓ แกนนำ นปช และแนวร่วมเจาะเลือดคนละประมาณ ๑๐ ซีซี
นำไปทำพิธีเทเลือดบริเวณประตูทำเนียบทั้ง ๘ ประตู โดยมีชายแต่งกาย
คล้ายพรามหณ์เป็นผู้ทำพิธีสาบแช่งเลือดครั้งนี้ หลังจากนั้นแกนนำและ
แนวร่วมเดินทางไปทำพิธีเทเลือดยังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เลือดที่
ใช้ทำพิธี เป็นเลือดผสมน้ำเกลือบรรจุในขวดน้ำขนาด ๕ ลิตรจำนวนประ
มาณ ๓๐ – ๓๕ แกลลอน

Image

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพบว่า เลือดที่ใช้ในพิธีดังกล่าว มีเซลบาง
ส่วนที่พอจะอนุมานได้ว่า อาจจะเป็นเซลเลือดของสิ่งมีชีวิตที่นอกเหนือ
จากเลือดมนุษย์...


ประเด็นนี้ คงมิอาจรับรองได้ว่า จริงเท็จประการใด เพราะถ้อยความสามารถ
ในการตรวจวิเคราะห์ทางเดมี คงยกประเด็นไว้ ณ ที่นี้

Image

๑๗ มีค. ๕๓ แนวร่วม นปช ภายใต้การนำของ อริสมันต์, ณัฐวุฒิ ฝ่าวงล้อม
ของเจ้าหน้าที่ภายใต้ความรับผิดชอบของ พล.ต.ต.วิชัย นำเลือดที่เหลืออยู่
เทราดบริเวณหน้าบ้านพักท่านนายกอภิสิทธิ์ ภายใต้สายฝนที่กระหน่ำลงมา
อย่างหนัก เพื่อชะล้างสิ่งเลวร้ายมิให้แปดเปื้อน คนดีพระท่านย่อมคุ้มครอง
เป็นสัจจะธรรม...ประเด็นนี้ มิได้กล่าวเกินความจริง หลายท่านเป็นพยานได้

อริสมันต์และแนวร่วม ต่างระดมปาถุงบรรจุเลือดและสิ่งไม่พึงประสงค์ เข้าไป
ภายในบ้านพักท่านนายกอย่างบ้าคลั่ง ไร้สติ

๒๐ มีค. ๕๓ พาเหรดแดง...แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมจัดขบวนรถเคลื่อนไป
รอบกรุงเทพ ตามเส้นทางสายสำคัญ เริ่มต้นจาก ถนนหลานหลวง- รัชดา-
ลาดพร้าว-รามคำแหง-คลองเตย –สีลม –เยาวราช กลับสู่ สะพานผ่านฟ้า

Image
Image

ขบวนรถประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ รถยนต์ และ นักรบพระองค์ดำ...
ประเด็นนี้ เป็นนักรบสังกัดใด ขอละไว้ มิอาจบอกเล่าได้มากกว่านี้...ตัวเลข
โดยประมาณจากนครบาล มีผู้ร่วมขบวนไม่น้อยกว่า ๖๕,๐๐๐ คน, รถจักร-
ยานยนต์ประมาณ ๑๐,๐๐๐ คัน และรถยนต์ประมาณ ๗,๐๐๐ คัน...
ก้อแค่ตัวเลขโดยประมาณเท่านั้น..ท่านกล่าวไว้เช่นนี้

๒๗ มีค. ๕๓ แกนนำและแนวร่วม นปช เคลื่อนกำลังเข้ากดดันเจ้าหน้าที่
ทหารตามจุดต่าง ๆ ตามประกาศ พรก เพื่อให้กลับเข้ากรมกอง พร้อมประ
กาศศักดา เข้าตรวจค้น ยึดอาวุธประจำกาย ถึงแม้ว่าจะส่งคืนในภายหลัง
แต่ยังคงมีอาวุธที่สูญหาย..

คงมิอาจบอกกล่าวได้ว่า อาวุธที่หายไปนั้นผู้ใดหนอที่ครอบครองไว้...

Image

ในขณะเดียวกัน อริสมันต์ นำแนวร่วมบางส่วนเข้าสักการะพระบรมราชานุ-
สาวรีย์ ร.๗ ขอพรให้ได้รับชัยจากการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ พร้อมทำการ
เผารัฐธรรมนูญฉบับย่อ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.๗ โดยไม่รู้สึก
สะทกสะท้านใด ๆ ... กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนกลับไปยังผู้ก่อ...

อริสมันต์, สุภรณ์ กลายเป็นนักโทษหนีคดี หลบหนีออกนอกประเทศ

๒๘ มีค. ๕๓ คณะรัฐบาล และ แกนนำ นปช เปิดการเจรจารอบแรกที่สถา
บันพระปกเกล้า มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศฝ่ายรัฐบาลประกอบด้วย
ท่านนายกอภิสิทธิ์, นายกอร์ปศักดิ์ และ นายชำนิ ขณะที่ นปช นำโดย
นายวีระ, นพ.เหวง และ นายจตุพร การเจรจาครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ

Image

๒๙ มีค. ๕๓ การเจรจารอบ ๒ จบลง ด้วยเหตุ ฝ่าย นปช ไม่รับข้อเสนอที่
ฝ่ายรัฐ เสนอให้มีการจัดการเลือกตั้งภายใน ๙ เดือน และ นปช บางคนยัง
ประกาศจะไม่เจรจากับรัฐอีก เป็นอันปิดฉาก สันติวิธี ภายใต้ความกังวลใจ
ของทุกฝ่าย

๓ เมย. ๕๓ กลุ่มแนวร่วมเคลื่อนคนเข้าปักหลักยึดพื้นที่บริเวณสี่แยกราช
ประสงค์ อันเป็นเสมือนใจกลางเศรษฐกิจกรุงเทพฯ สร้างความเดือดร้อนให้
บุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ ในบริเวณโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐ
เอกชน หรือองค์กรระหว่างประเทศ

Image

๙ เมย. ๕๓ แนวร่วมบางส่วนบุกเข้าไปในสถานีภาคพื้นไทยคม เพื่อกดดัน
ให้รัฐยกเลิกคำสั่งปิดสัญญาณการถ่ายทอดของสถานีในเครือข่ายแนวร่วม

๑๐ เมย. ๕๓ เจ้าหน้าที่ทหารพยายามเข้าขอพื้นที่ บริเวณสะพานผ่านฟ้า
และบริเวณถนนราชดำเนิน ตั้งแต่ช่วงบ่าย กระทั่งช่วงค่ำ...กลุ่มเจ้าหน้าที่
โดนลอบยิงด้วย M79 และ อาวุธสงครามร้ายแรง จากกลุ่มบุคคลแต่งกาย
ด้วยชุดสีดำ ที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มแนวร่วม

ถังแก๊สและระเบิด กระหน่ำลงกลางกลุ่มเจ้าหน้าที่โดยไม่มีคาดคิด ระเบิด
M79 ยิงจากที่สูงเข้าสู่เต้นท์ผู้บังคับบัญชาอย่างแม่นยำ...


Image
Image

การสูญเสียในวันนี้ มากเกินกว่า การชุมนุมโดยสันติปราศจากอาวุธ..
มีผู้เสียชิวิตจากเหตุปะทะทั้งสิ้น ๒๖ ราย

หนึ่งในนั้น พันเอกร่มเกล้า (ยศขณะนั้น) พี่เปาของน้อง ๆ ต้องสังเวยชีวิต..
เพียงเพราะ..ใครคนหนึ่งที่ต้องการกลับคืนสู่บัลลังค์อำนาจ โดยไม่สนใจว่า
ต้องเหยียบย่ำลงบนกองเลือดเนื้อของพี่น้องร่วมชาติ...


๒๑ เมย. ๕๓ ขอนแก่นโมเดล กลุ่มแนวร่วมขอนแก่นรวมตัวกัน เพื่อสกัด
กั้นมิให้ขบวนรถไฟลำเลียงเจ้าหน้าที่ทหาร อาวุธรวมทั้งยานพาหนะ เพราะ
คาดว่าน่าจะนำมาเสริมกำลังที่กรุงเทพฯ ทำให้กลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ต่าง ๆ
นำไปเป็นแบบอย่างในการสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ตามจุดต่าง ๆ

Image

๒๔ เมย. ๕๓ แกนนำกลุ่มแนวร่วม นายณัฐวุฒิ ประกาศปรับเปลี่ยนแผน
การต่อสู้ ให้ผู้ร่วมชุมนุมปลดสัญญลักษณ์ที่อาจจะแสดงให้รับรู้ว่า เป็นกลุ่ม
แนวร่วมออก เป็น นักรบนอกเครื่องแบบ ทั้งขออาสาสมัครรถจักรยานยนต์
ประจำด่านละ ๒,๐๐๐ พันทั้ง ๖ ด่านโดยรอบพื้นที่สี่แยกราชประสงค์

๑๐ พค. ๕๓ แกนนำกลุ่มแนวร่วม ประกาศยอมรับข้อเสนอให้มีการจัดการ
เลือกตั้งในวันที่ ๑๔ พย. ๕๓ และให้ท่านนายกอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ
เข้ามอบตัวจากกรณีเหตุการณ์ ๑๐ เมย. ๕๓ ซึ่งเช้าวันต่อมา นายสุเทพ
เดินทางเข้ามอบตัวตามคำเรียกร้อง แต่การชุมนุมคงยังดำเนินต่อไป

๑๓ พค. ๕๓ ศอฉ เข้ากระชับวงล้อม เพิ่มมาตรการเพื่อรักษาความปลอด
ภัยบริเวณสี่แยกราชประสงค์และบริเวณใกล้เคียง โดยการตั้งด่านตรวจโดย
รอบ แยกราชเทวี ถนนเพชรบุรี ถนนวิทยุ ถนนพระรามสี่ถึงแยกสามย่าน
ถนนพญาไท ชนแยกราชเทวี บริเวณสถานนีรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟใต้
ดินในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมด

Image

แต่แล้ว...เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เสธ.แดง โดนลอบยิง ขณะให้สัม
ภาษณ์นักข่าวต่างประเทศ บริเวณแยกศาลาแดง..และเสียชีวิตในเช้าวันที่
๑๗ พค. ๕๓ เป็นการปิดตำนาน เสธ.แดง...


๑๔ พค. ๕๓
กลุ่มแนวร่วม เริ่มก่อเหตุเผายางรถยนต์ในบริเวณโดยรอบ
พื้นที่การชุมนุม ไม่ว่าจะเป็น ชุมชนบ่อนไก่ ดินแดง ถนนเพชรบุรี ใจกลาง
เมืองหลวงเต็มไปด้วยเสียงปีน เสียงระเบิดเป็นระยะ...

เสมือนหนึ่งว่า เป็นดินแดนกลางสมรภูมิเมื่อหลายร้อยปีก่อน...

๑๙ พค. ๕๓ เจ้าหน้าที่ทหารเข้าสลายการชุมนุม ใช้รถหุ้มเกราะลำเลียง
พลเข้าสลายด่านสวนลุมพินี และ บริเวณโดยรอบสี่แยกราชประสงค์ ซึ่งใน
ขณะนั้นไม่ต่างจากภาวะสงคราม..หากแต่

เป็นสงครามที่เกิดจากน้ำมือของพี่น้องร่วมชาติเดียวกัน
จากคำบงการของใครคนนั้นที่ทุกท่านย่อมทราบดี..


เสียงปืน เสียงระเบิด ดังขึ้นตลอดทั้งวัน...

Image

ในที่สุด..แกนนำแนวร่วมประกาศยุติการชุมนุมลงในช่วงบ่าย ซึ่งแนวร่วมบาง
กลุ่มคัดค้านไม่ยอมรับการยุติการชุมนุม ภายหลังแกนนำทยอยเข้ามอบตัวที่
สตช แนวร่วมที่มีทัศนคติชอบความรุนแรงบวกกลับข้อมูลบิดเบือนที่ได้รับมา
โดยตลอด ผนวกกับคำปราศรัยของ แกนนำ ที่เคยกล่าวไว้บนเวทีหลายต่อ
หลายครั้ง

“ นำขวดเปล่ามาคนละใบ มาใส่น้ำม้นที่นี่ “

“ พวกคุณสลายการชุมนุมเมื่อไหร่ เรา เผา “

“ พวกท่านเผา ผมรับผิดชอบเอง “

“ หากมีการสลายการชุมนุมเมื่อใด ก็ให้พวกท่านตกใจตามที่ตกลงกันไว้ “


มีการบุกรุกเข้าไปในห้างสรรพสินค้าและอาคารใกล้เคียง อาทิ เซ็นทรัลเวิล์ด
เกษรพลาซ่า สยามพารากอน อาคารโรงหนังสยาม อาคารเซ็นเตอร์วัน

ล้วนได้รับความเสียหายจากเปลวเพลิงที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของคนภายในชาติ
ประวัติศาสตร์นับร้อยปีของโรงหนังสยามที่มิอาจประเมินค่าได้ สูญหายไปกับ
เปลวเพลิง...

ทรัพย์สินมีค่าหลายรายการสูญหาย จากการบุกรุก ทุบทำลาย หยิบฉวย อัน
เป็นพฤติกรรมที่แสดงให้เห็น *** ที่ซ่อนเร้นอยู่ในกลุ่มแนวร่วม ฉกฉวย
โอกาส ในขณะที่ประเทศกำลังได้รับความเสียหาย อย่างไร้ซึ่งสามัญสำนึก...

ควันไฟ ลอยปกคลุมพื้นฟ้ากรุงเทพ ต่อเนื่องจนกระทั้งวันที่ ๒๐ พค. ๕๓...

วันมิคสัญญี ผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมหยาดน้ำตากรุงเทพฯ ที่หลั่งรินทุกตรอก
ซอกซอย...

หากแต่...ฝันร้ายของประเทศยังไม่สิ้นสุด ตราบจนกว่า

มันผู้นั้น ที่คิดเผาบ้านเผาเมือง
มันผู้นั้น ที่คิดล้มล้างระบบการปกครอง
มันผู้นั่น ที่คิดครอบครอง บังอาจคิดมักใหญ่ใฝ่สูง
ฝันร้ายยังไม่สิ้นสุด จนกว่า มันผู้นั้น จะได้รับโทษทัณต์อย่างสาสม...


Image

ขอบคุณท่านผู้บันทึกทุก ๆ ภาพถ่ายมา ณ โอกาสนี้
ทุกภาพประกอบค้นหาจากเว็บไซด์ต่าง ๆ คัดเลือกภาพที่ไม่รุนแรงเกินไป
เพราะถึงอย่างไร พวกเราก็คือ คนไทยด้วยกันทุกคน
บางท่านอาจจะทำผิด เกินเลยไปบ้าง จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
หากผิดแล้วสำนึกผิด ก็ควรค่าแก่การให้อภัย มิใช่หรือ
Last edited by bird on Tue Aug 03, 2010 2:20 pm, edited 2 times in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby -3- » Tue Aug 03, 2010 10:29 am

ภาคสองจบแบบนี้ ได้เป็นหนังไตรภาคแน่ๆ :shock: :shock:

ปล เข้ามา +10 ให้ จขกท :D :D
"คนไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร มีในหลวงฯคอยติดตามเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา...ก็ผมเห็นธนบัตรไทยมีรูปในหลวงฯของพวกคุณอยู่ ทุกๆใบแม้นกระทั่งในเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่ามากที่สุดในธนบัตร ไม่เคยห่างกัน"
User avatar
-3-
Moderator
 
Posts: 6302
Joined: Thu Nov 27, 2008 11:34 am
Location: Gensokyo

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby benzcl » Tue Aug 03, 2010 3:05 pm

ผมเป็นสมาชิกใหม่ เพิ่งตามมาอ่านครับ
ขอขอบคุณและชมเชยจขกท.ด้วยใจจริง
ที่อุตส่าห์เรียบเรียงเรื่องราวได้กระชับและอ่านเข้าใจง่าย
เหมาะสำหรับเป็นประวัติศาสตร์สอนลูกหลานไทยในโอกาสต่อไป
User avatar
benzcl
 
Posts: 3901
Joined: Mon May 03, 2010 10:59 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby rafia » Wed Aug 04, 2010 4:29 am

อ่านแล้วรู้สึกว่า คนที่เป็นพวกฝั่งทักษิณโดยที่มีวิธีการรับข่าวสารทันคนอื่นๆเนี่ย

มันไม่ใช่คน :?

ปล... เป็นกำลังใจให้ครับ เขียนได้เยี่ยม :) :P :D :mrgreen:
rafia
 
Posts: 193
Joined: Wed May 19, 2010 5:25 pm
Location: บางจัมโบ้

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby บุญปลีก » Wed Aug 04, 2010 1:15 pm

สนับสนุนความคิด คุณ ริวเซย์ ครับ น่าจะรวบรวม เพราะ คุณ bird เขียนได้ดีอ่านเข้าใจง่าย

เหมาะสำหรับพวกไม่ค่อยติดตามการเมื่องอย่างผม ซึ่งบังเอิญว่าเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศตัวจริง :lol:

1 ความเห็นของพลังเงียบครับ :D
บุญปลีก
 
Posts: 7184
Joined: Mon May 03, 2010 12:23 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby badpig » Wed Aug 04, 2010 2:20 pm

เป็นกำลังใจให้ จขกท.ครับ ว่างๆเดี๋ยวมาอ่านต่อ อิอิ
User avatar
badpig
 
Posts: 3
Joined: Thu May 20, 2010 2:50 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby canola » Wed Aug 04, 2010 3:02 pm

มาให้กำลังใจด้วยค่ะ :D
User avatar
canola
 
Posts: 493
Joined: Thu May 06, 2010 6:47 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby มะเขือเทศเน่า » Wed Aug 04, 2010 7:03 pm

ไม่มีเสื้อแดงหาข้อมูลมาแก้ต่างในกระทู้นี้เลยเหรอ :?: :?: :?:
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณ bird ที่หาข้อมูลดีๆ มาให้
การเมืองทำให้ปวดหัว แต่อย่ากลัวที่จะรับฟัง อิอิ
อย่าปล่อยให้คำว่า "ประชาธิปไตย" และ "ประชาชน"
ถูกใช้เป็นเครื่องมือหากินของนักการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตน
User avatar
มะเขือเทศเน่า
 
Posts: 2525
Joined: Sat May 01, 2010 9:43 pm

Next

Return to สภากาแฟ



cron