MOU 43

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: MOU 43

Postby finder » Tue Aug 03, 2010 11:17 pm

รักน้องพิณ wrote:
แดง ขาว น้ำเงิน wrote:
รักน้องพิณ wrote:
แดง ขาว น้ำเงิน wrote:แผนที่มันจะมีความสำคัญเหนือกว่าข้อความในสนธิสัญญาได้อย่างไรครับ

นั่นน่ะสิครับแล้วเขมรทำได้ยังไง แล้วไทยค้านยังไงทำไมมันล่วงเลยมาถึงตรงนี้ได้



ถูกครับ แต่การตรวจสอบก็ถูกต้องครับ

ที่ผ่านมาลาวกับไทยในการปักปันก็ใช้สนธิสัญญาตัวเดียวกัน

ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร เพราะความเป็นจริงต้องลงพื้นที่สำรวจภูมิประเทศจริง

และผมก็ไม่เชื่อว่าคณะทำงานที่จะปักปันเขตแดนคงไม่มีใครพร้อมใจ

จะยกดินแดนให้ต่างชาติได้พร้อมเพรียงกันไปหมด

ตอนนี้ทั้งคุณกษิต ท่านทูตอัษฎาก็บอกว่า MOU43 ไม่เป็นปัญหาครับ

ลงพื้นที่สำรวจภูมิประเทศจริงจะพบว่าพื้นที่บริเวณปราสาทเต็มไปด้วยเขมร

หนังสือปักปันชายแดนไทย-ลาวถูกคุณคำนูณ ใช้อ้างอิงเรื่องเขมร
ในหนังสือระบุว่า
-สนธิสัญญาเกิดขึ้นทีหลัง จึงให้ถือเจตนาล่าสุดที่ได้จากการกำหนดไว้ในแผนที่มาลบล้างได้
-รับรองแผนที่1:200000
อยากดูvdoหรือฟังวิทยุที่พูดเรื่องนี้เลย ให้ไปที่
viewtopic.php?f=2&t=26931
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 43

Postby finder » Tue Aug 03, 2010 11:21 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:
รักน้องพิณ wrote:ลงพื้นที่สำรวจภูมิประเทศจริงจะพบว่าพื้นที่บริเวณปราสาทเต็มไปด้วยเขมร


ถ้าคิดเช่นนี้ชายแดนเหนือและตะวันตกก็เต็มไปด้วยชาวพม่าครับ ชายแดนอีสานก็เต็มไปด้วยชาวลาว ถูกมั้ยครับ


จาก http://www.komchadluek.net/detail/20100 ... B8%B3.html

คมชัดลึก : ถึงแม้จะมีเอกสารชี้แจงจากกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับหมุดปริศนาที่เข้ามาโผล่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 73 หมุด รุกล้ำเข้ามาในเขตไทย 12.5 กิโลเมตร โดยกระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธว่า หมุดนี้ไม่ใช่หมุดที่แบ่งอาณาเขตไทยกับกัมพูชา แต่เป็นหมุดขยายโครงข่ายจีพีเอส (GPS) ซึ่งหมุดดังกล่าวจะฝังไว้ทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา ทว่าก็ยังเป็นข้อกังขาของชาวบ้านว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่ภาครัฐจึงไม่สามารถให้คำตอบที่กระจ่างชัดแก่พวกเขา ?!!

"คม ชัด ลึก" ลงพื้นที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ เกี่ยวกับหมุดปริศนา โดยมุ่งหน้าไปที่บ้านภูมิชลอน จ.ศรีสะเกษ ที่ตั้งปราสาทเขาพระวิหาร มี กำลังทหารกองทัพภาคที่ 2 ตั้งด่านสกัดทางขึ้นปราสาทบริเวณผามออีแดงอย่างเคร่งครัด จากการตรวจสอบกับทหารและชาวบ้านภูมิชลอนได้รับคำตอบว่า ขณะนี้บริเวณปราสาทเขาพระวิหารและบริเวณรอบๆ รวมถึงบันไดทางขึ้น คนไทยไม่สามารถเข้าไปในบริเวณนี้ได้อีกต่อไป

ปัจจุบันมีกำลังทหารและชาวกัมพูชาเข้ามายึดครองพื้นที่ดังกล่าว และระหว่างวันที่ 7-25 กรกฎาคมนี้ จะมีการฉลองชัยชนะที่ยูเนสโกตัดสินเรื่องการครอบครองปราสาทเขาพระวิหารให้ เป็นของกัมพูชาด้วย !?!

[color=#800000] ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาว บ้านในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้มีแค่ชาวบ้านภูมิชลอนถูกผลักดันไม่ให้เข้าไปทำกินในพื้นที่รอบๆ ปราสาทเขาพระวิหารเท่านั้น แต่พื้นที่กว่า 750 กิโลเมตรตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา คนไทยชายขอบถูกผลักดันออกจากแนวสันปันน้ำ ซึ่งเป็นแนวชายแดนเดิมแทบทั้งหมด


"สิงห์สุวรรณภร สาครไพรสนณ์" เลขาธิการเครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ เล่าว่า ราวเดือนสิงหาคม 2552 มีชาวบ้านพบหมุดปริศนาบริเวณสันเขื่อนห้วยเมฆา บ้านสายตรี 4 ใต้ หมู่ 7 ต.บึงเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ห่างจากแนวเขตเดิม 12.5 กิโลเมตร ชาวบ้านรู้สึกแปลกใจอย่างมาก เพราะหมุดดังกล่าวระบุว่าเป็นแนวเขตแบ่งดินแดนไทยและกัมพูชา ชาวบ้านพยายามตรวจสอบว่ามีหมุดลักษณะนี้ที่ไหนอีกหรือไม่ก็พบหมุดลักษณะดัง กล่าวอีกหลายจุด เครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่พยายามตรวจสอบว่าหมุดเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร โดยตรวจสอบกับชาวบ้านประมาณปี 2550 มีเจ้าหน้าที่กรมแผนที่ทหารเป็นผู้เอาหมุดดังกล่าวมาฝังไว้ ชาวบ้านสอบถามก็ได้รับคำตอบว่า เป็นภารกิจลับของทางการทหารจึงไม่ได้สนใจอะไร

ต่อมามีความผิดปกติเกิดขึ้น โดยปี 2552 เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเริ่มผลักดันชาวบ้านไม่ให้เข้าไปหลังแนวหมุด พร้อมกับเพิ่มเจ้าหน้าที่ในส่วนอื่นๆ ลงไปในพื้นที่ เช่น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ กรมการปกครอง โดยเคร่งครัดกับคำสั่งข้างต้นมาก มีการจับกุมชาวบ้านที่เข้าไปทำมาหากินในพื้นที่ต้องห้าม ตรงกันข้ามกับชาวกัมพูชาที่เริ่มขยับเข้ามาปักหลักทำกินติดแนวชายแดนมากขึ้น สิงห์สุวรรณภรบอกว่า ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือมีการล่วงล้ำเข้ามาในเขตไทยตลอดแนวชายแดน 7 จังหวัด ตั้งแต่อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด

"เครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่พยายามตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้นก็ทราบ ว่า หมุดทั้งหมดที่โผล่มามีความเกี่ยวพันกับข้อสัญญาเอ็มโอยู (MOU) ปี 2543 ทั้งไทยกับกัมพูชามีข้อสัญญาใช้ชายแดนร่วมกัน แต่ทั้งสองประเทศถือแผนที่กันคนละฉบับ ถ้าใช้แผนที่ของกัมพูชาในสัญญา พื้นที่หลังแนวสันปันน้ำของไทยจะตกเป็นของกัมพูชา ดังนั้น เพื่อความสบายใจรัฐบาลจะต้องออกมายืนยันว่า หมุดเหล่านี้เป็นอะไรกันแน่ และจะมีผลสืบเนื่องอย่างไรหลังจากนี้ไป" สิงห์สุวรรณภรกล่าว

เลขาธิการเครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่บอกว่า ข้อกังขาของชาวบ้านตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ยังไมได้รับคำตอบที่ชัดเจน และรัฐไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ในสิ่งที่ประชาชนสงสัย จะมีก็แต่เพียงหลังการเข้าไปสอบถามแต่ละครั้งทางทหารก็จะเข้ามาเปลี่ยนชื่อ หมุด เช่น หมุดที่ห้วยเมฆาครั้งแรกที่เจอระบุว่า เป็นเขตแดนไทย-กัมพูชา พอมีการทวงถามก็เปลี่ยนเป็นหมุดขยายโครงข่าย เมื่อเข้าไปถามซ้ำอีกว่าเป็นโครงข่ายอะไรก็ไม่ได้รับคำตอบ แถมยังมีการลบชื่อหมุดออก ไม่นานหมุดก็ถูกกลบด้วยยางมะตอยแทน

"บุญมี ศีลศิริ" ชาวบ้านภูมิชลอนวัย 45 ปี ที่หาเลี้ยงชีพด้วยการหาของป่าขายมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ตั้งแต่มีการปิดกั้นไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อน เขาและนายพรานคนอื่นๆ ไม่สามารถเข้าไปหาของป่าได้เหมือนอย่างเคย

บุญมีบอกว่า คนชายแดนอย่างเขาไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง และที่ดินที่ใช้ทำกินก็ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ จึงต้องอาศัยอยู่ตามป่าเขาตลอดแนวชายแดน หาเลี้ยงชีพด้วยการหาของป่าเล็กๆ น้อยๆ มาขาย แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เขากับเพื่อนร่วมอาชีพไม่สามารถเข้าไปในป่าได้อีกต่อไป เจ้าหน้าที่ทหาร ป่าไม้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นๆ สกัดกั้นไว้ทั้งหมด ที่ผ่านมามีชาวบ้านหลายคนฝ่าฝืนถูกจับดำเนินคดี เพราะไม่รู้จะทำมาหากินอะไร จึงเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อน บางคนหนักถึงขั้นถูกจับในพื้นที่ของตัวเองด้วยซ้ำไป

"ใครทนอยู่ได้ก็อยู่ต่อไป ส่วนที่ทนไม่ไหวก็ออกนอกพื้นที่ไปหางานต่างถิ่นทำ" บุญมีกล่าวปลงๆ ถึงชีวิตที่เปลี่ยนไป

หนึ่งในคนที่ผันตัวเองจากแม่ค้าขายของริมบันไดทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร มาเป็นพนักงานบัญชีในตัวเมืองศรีสะเกษ คือ "สินิตรา" ชาวบ้านภูมิชลอนโดยกำเนิด ก่อนหน้านี้เธอกับครอบครัวค้าขายอยู่เชิงปราสาทเขาพระวิหาร แต่พอเกิดเรื่องพิพาทขึ้น เธอและแม่ค้าคนไทยถูกผลักดันออกจากพื้นที่ จึงต้องออกมาหางานทำเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนแทน

"ตอนนี้พวกเราเดือดร้อนมาก คนไม่มีความรู้ก็ออกมาเป็นกรรมกรรับจ้างแบกหามรายวัน ไม่สามารถเข้าไปทำมาหากินได้ตามปกติ" สินิตรากล่าวทิ้งท้าย

[b]เอามาทั้งหมดโดยไม่ตัดทอน ให้เห็นว่าเขาลงพื้นที่แล้ว หัวใจหลักของข่าวมันตรงกับที่ASTV เคยเสนอไป ดังนั้นกรุณาอย่ามาแถว่า อภิสิทธิ์ไม่ทำให้เสียดินแดน เค้าลางมันก็บอกอยู่แล้ว

[size=200]ไม่ว่าจะเอาหลักฐานมาจากไหน และหลักฐานจะบอกอย่างไร แต่ความจริงที่เกิดขึ้นณ.ขณะนี้คือ คนไทยที่ชายแดนด้านนี้ไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่เดิมที่ตนอยู่มาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยถูกกีดกันจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่คนเขมรกลับสามารถเข้ามาตั้งบ้านเรือนในพื้นที่ของไทย โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ยอมไล่ออกไป
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 43

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Tue Aug 03, 2010 11:22 pm

มันก็เป็นกรณีเพราะแผนที่ทำกับลาวเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลง เพราะ ร.๕ เอาด่านซ้ายกลับคืนมา แผนที่ก็เปลี่ยนก็ใช้เจตนาล่าสุดตรงนี้ไงครับ
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: MOU 43

Postby finder » Tue Aug 03, 2010 11:30 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:มันก็เป็นกรณีเพราะแผนที่ทำกับลาวเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลง เพราะ ร.๕ เอาด่านซ้ายกลับคืนมา แผนที่ก็เปลี่ยนก็ใช้เจตนาล่าสุดตรงนี้ไงครับ


หนังสือที่คุณคำนูณเอามาอ่านเป็นข้อมุลการปักปันเขตแดนไทย-ลาว

ทำขึ้นเมื่อพ.ศ.2547 และระบุไว้หลายที่ในหนังสือว่า ให้เอาแผนที่เป็นหลักครับ
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 43

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Tue Aug 03, 2010 11:33 pm

finder wrote:
แดง ขาว น้ำเงิน wrote:มันก็เป็นกรณีเพราะแผนที่ทำกับลาวเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลง เพราะ ร.๕ เอาด่านซ้ายกลับคืนมา แผนที่ก็เปลี่ยนก็ใช้เจตนาล่าสุดตรงนี้ไงครับ


หนังสือที่คุณคำนูณเอามาอ่านเป็นข้อมุลการปักปันเขตแดนไทย-ลาว

ทำขึ้นเมื่อพ.ศ.2547


ก็ไอ้แผนที่ 1:20000 นี้เค้าใช้ตรงแม่นำ้เหือง ตรง อ.ด่านซ้ายไงครับ ที่ ไทย-ลาว ปักปันกัน
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: MOU 43

Postby lynnicky » Tue Aug 03, 2010 11:35 pm

เห็นหลายครั้งจนรู้สึกถี่เกินไปไม่ว่าจะบอร์ดนั้นหรือบอร์ดนี้ .. :mrgreen:

ทำไมคุณสนธิถึงคิดว่า การท้าท่านนายกไปดีเบท หากเขาเงียบก็หาว่าเขาขี้ขลาด หดหัวอยู่แต่ในรู

มีหลายเรื่องที่ท่านนายกควรทำ กำลังจะทำ และก็ทำอยู่ ซึ่งก็มีประโยชน์มากกว่าไปรับคำท้า คุณคิดว่าเขาไม่เล่นกับคุณ คุณเลยหน้าแตกงั้นเหรอ ตอนนี้ก็เลยร้อนผ่าวๆ เต้นเหยงๆ สร้างกระแสนายกไม่กล้าดีเบทด้วย หลามมาถึงสาวกทั้งหลายแหล่ (ไม่ก่อนไม่ใช่คำนี้ แต่ตอนนี้ใช้แล้ว เพราะมันใช่ว่ะ) ซึ่งก็มีสภาพไม่ต่างกัน


เรื่องนี้ไม่ได้ว่าหลายๆท่านที่ต้องการจะเห็นการดีเบทนะครับเพราะผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าตกลงมันจะต้องยังไง (อยากเห็นนายกสอนมวยพวกดีแต่ปากครับ) แต่ผมหมายถึงคนที่มีเจตนาอย่างที่บอกไปแล้ว ซึ่งผมไม่เข้าใจ ทุกวันนี้นายกไม่ต้องทำงานทำการเหรอครับ สนธิกระดิกนิ้วเรียก "เฮ้ย ... มาดีเบทด่วนเลย" นายกก็ต้องแจ้นไปดีเบทตามเขางั้นเหรอ ?? ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าคิดจะทำเพราะมีประโยชน์หรือเห็นแก่ประโยชน์ความรู้ของประชาชนจริงๆ จะต้องมีการเชิญอย่างให้เกียรติเป็นกิจลักษณะและกำหนดหมายที่ถูกต้อง ไม่ใช่ทำตัวไปท้าเขา ... แล้วเขาไม่สน ก็เป็นฟืนเป็นไฟ ..

ปล. ไม่ได้กระแดะนะครับ แต่คือเรื่องจริง ถ้าคุณเป็นผู้ใหญ่บ้านแต่ไปชวนผู้ว่ามาประชุมที่หมู่บ้าน ก็คิดดูแล้วกันว่าจะทำอย่างไร
User avatar
lynnicky
 
Posts: 1086
Joined: Wed Oct 15, 2008 1:03 pm

Re: MOU 43

Postby finder » Tue Aug 03, 2010 11:56 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:
finder wrote:
แดง ขาว น้ำเงิน wrote:มันก็เป็นกรณีเพราะแผนที่ทำกับลาวเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลง เพราะ ร.๕ เอาด่านซ้ายกลับคืนมา แผนที่ก็เปลี่ยนก็ใช้เจตนาล่าสุดตรงนี้ไงครับ


หนังสือที่คุณคำนูณเอามาอ่านเป็นข้อมุลการปักปันเขตแดนไทย-ลาว

ทำขึ้นเมื่อพ.ศ.2547


ก็ไอ้แผนที่ 1:20000 นี้เค้าใช้ตรงแม่นำ้เหือง ตรง อ.ด่านซ้ายไงครับ ที่ ไทย-ลาว ปักปันกัน


กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้รับรองแผนที่1:200000ของฝรั่งเศสไว้จริง โดยคุณคำนูณ สิทธิสมานได้เปิดเผยเอกสารที่ได้มาจากกระทรวงการต่างประเทศ รับฟังได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง[/size] เมื่อเข้าไปแล้ว ให้รอเสียงมาก่อน จากนั้นเลื่อนแถบเวลาไปประมาณ2ใน3ส่วน ต้องกะเอาครับ (จะอยู่หลังจากโฆษณาตรงช่วงนั้นจบ)
http://radio.manager.co.th/Radio/Detail ... m_id=32102


ลิ้งค์ที่ผมให้ไว้เป็นของวิทยุ ใช้ฟังเท่านั้น ถ้าจะดูภาพ ให้ไปที่

http://www.manager.co.th/vdo/

เมื่อเข้าไปแล้วต้องรอให้โฆษณษจบก่อน ,แล้วดูที่คอลัมน์ซ้าย,มองหา สภาท่าพระอาทิตย์
แล้วคลิก
จากนั้ดูที่จอด้านล่างสุด จะมีรายการของสภาท่าพระอาทิตย์ขึ้นมาทั้งหมด

ให้คลิกที่ลูกศรด้านขวาสุด เพื่อเลื่อนหารายการณ.วันที่24-7-53 ช่วงที่2

คลิกแล้วต้องรอให้โฆษณาจบก่อน จึงจะได้ดู (ก็คนจนนี่ครับ ต้องเห็นใจกันหน่อย)
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 43

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Wed Aug 04, 2010 12:14 am

ไม่ต้องแปะ โควทมากก็ได้ครับ ผมเห็นหลายโพสต์แล้ว

ที่ว่าจนอาจจะจนไม่จริง ก็เห็นบางคนบอกจนๆ แต่พาครอบครัวไปเที่ยวยุโรป จนจริงๆ

เข้าประเด็น

ในการปักปันเขตแดน ไทย-ลาว ในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนเพื่อให้เป็นไปตามอนุสัญญาลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1904 ความตกลงวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ.1904 สนธิสัญญาลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ.1907 และพิธีสารแนบท้าย อนุสัญญาวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ.1926 และแผนที่ที่จัดทำขึ้นตามความตกลงทุกฉบับที่กล่าวถึงข้างต้น ทั้งสองฝ่ายอาจเสนอเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องแลกเปลี่ยนความกระจ่างแก่ความ ตกลง และอำนวยความสะดวกในการจัดทำหลักเขตแดน

ดูตรงสีน้ำเงินนะครับใช้เอกสารทที่เกี่ยวข้อง ในกรณีแม่น้ำเหือง นอกจากที่ผมแย้งคุณว่าเป็นเจตนาล่าสุด เพราะเราได้ อ.ด่านซ้ายมาหลัง สนธิสัญญา 1904 คือ นปี 1907 ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนดินแดนกันระหว่างจังหวัดตราด อำเภอด่านซ้ายกับเมืองเสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณ พร้อมทั้งได้มีการทำสนธิสัญญาแสดงแนวเขตแดนฉบับ ค.ศ. 1907 สองฝ่ายได้จัดตั้งคณะกรรมการปักปันเขตแดนโดยฝ่ายสยามมีพระองค์เจ้าบวรเดช เป็นประธาน ฝ่ายฝรั่งเศสมีพันตรี กิชาร์ มองแกร์ เป็นประธานกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้นับเป็นคณะกรรมการปักปันเขตแดนชุดที่ 2 ซึ่งมีหน้าที่ในการปักปันเขตแดนให้เป็นไปตามอนุสัญญา ค.ศ. 1907 และคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้จัดทำแผนที่มาตรส่วน 1:200,000

ความจริงในการปักปันไทย ลาว ใช้สันปันน้ำ เผอิญไอ้ที่ตรงนี้มันดันมีหลายสันปันน้ำ คนที่เค้าไปสำรวจก็เลยใช้แผนที่นี้มาร่วมพิจารณาไงครับ เพราะมันมีส่วนเปลี่ยนแปลงพื้นที่ ไทย-ลาว ตรง อ. ด่านซ้ายนะครับ
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: MOU 43

Postby finder » Wed Aug 04, 2010 12:27 am

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:ไม่ต้องแปะ โควทมากก็ได้ครับ ผมเห็นหลายโพสต์แล้ว

ที่ว่าจนอาจจะจนไม่จริง ก็เห็นบางคนบอกจนๆ แต่พาครอบครัวไปเที่ยวยุโรป จนจริงๆ

เข้าประเด็น

ในการปักปันเขตแดน ไทย-ลาว ในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนเพื่อให้เป็นไปตามอนุสัญญาลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1904 ความตกลงวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ.1904 สนธิสัญญาลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ.1907 และพิธีสารแนบท้าย อนุสัญญาวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ.1926 และแผนที่ที่จัดทำขึ้นตามความตกลงทุกฉบับที่กล่าวถึงข้างต้น ทั้งสองฝ่ายอาจเสนอเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องแลกเปลี่ยนความกระจ่างแก่ความ ตกลง และอำนวยความสะดวกในการจัดทำหลักเขตแดน

ดูตรงสีน้ำเงินนะครับใช้เอกสารทที่เกี่ยวข้อง ในกรณีแม่น้ำเหือง นอกจากที่ผมแย้งคุณว่าเป็นเจตนาล่าสุด เพราะเราได้ อ.ด่านซ้ายมาหลัง สนธิสัญญา 1904 คือ นปี 1907 ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนดินแดนกันระหว่างจังหวัดตราด อำเภอด่านซ้ายกับเมืองเสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณ พร้อมทั้งได้มีการทำสนธิสัญญาแสดงแนวเขตแดนฉบับ ค.ศ. 1907 สองฝ่ายได้จัดตั้งคณะกรรมการปักปันเขตแดนโดยฝ่ายสยามมีพระองค์เจ้าบวรเดช เป็นประธาน ฝ่ายฝรั่งเศสมีพันตรี กิชาร์ มองแกร์ เป็นประธานกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้นับเป็นคณะกรรมการปักปันเขตแดนชุดที่ 2 ซึ่งมีหน้าที่ในการปักปันเขตแดนให้เป็นไปตามอนุสัญญา ค.ศ. 1907 และคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้จัดทำแผนที่มาตรส่วน 1:200,000

ความจริงในการปักปันไทย ลาว ใช้สันปันน้ำ เผอิญไอ้ที่ตรงนี้มันดันมีหลายสันปันน้ำ คนที่เค้าไปสำรวจก็เลยใช้แผนที่นี้มาร่วมพิจารณาไงครับ เพราะมันมีส่วนเปลี่ยนแปลงพื้นที่ ไทย-ลาว ตรง อ. ด่านซ้ายนะครับ


ที่ผมเน้นคือ ในเอกสารฉบับปี2547นี้ ได้รับรองว่าแผนที่1:200000มีความสำคัญกว่าสนธิสัญญา และยังได้ระบุอีกว่า ระวางระวางดงรัก(เขาพระวิหาร)ก็ใช้แผนที่นี้ เท่ากับยอมรับว่า เขาพระวิหารควรอยู่ในแผนที่ของเขมร ไทยเราจึงไม่สามารถเอาสนธิสัญญามาหักล้างได้ ถ้าต้องขึ้นศาลโลกหรือเขมรเอาไปเป็นหลักฐานในการขอขึ้นทะเบียน
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 43

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Wed Aug 04, 2010 12:57 am

เป็นเอกสารที่เชื่อกันว่าเผยแพร่ในวงจำกัดของกองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกันยายน 2547


แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ MOU ครับ ขนาดคนเอาเปิดเผยยังเชื่อว่าอยู่ในวงจำกัด แล้วมันจะรับรองแผนที่ได้อย่างไร รับรองแผนที่กับใคร เนื่องจากอะไร

ผมอยากอ่านเต็มเอามาให้ผมอ่านหน่อยได้ไหม ผมอาจจะตีความต่างจากคุณคำนูณก็ได้ เอกสารจำกัดภายในอาจจะเป็นแค่ความคิดเห็นเท่านั้น ยังไม่ใช่การรับรอง

ถ้าหาไม่ได้ผมก็ถือว่าหลักฐานชิ้นนี้ตกไป ไม่รับพิจารณาครับ :D
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: MOU 43

Postby saopao » Wed Aug 04, 2010 3:19 am

แผนที่ 1:200000 ที่ไทยกับลาวที่ด่านซ้ายนั่น เป็นแผนที่ที่ทำร่วมกัน ไทยเซ็นรับรองการแก้ไขไปด้วย จึงสำคัญกว่าสนธิสัญญาได้
แต่ของเขมร ฝรั่งเศสทำแต่ฝ่ายเดียว เป็นแผนที่ในความต้องการของเขมร ไทยไม่ได้รับรองมันก็ต่างกันแล้วนิครับ
จะมาตีความเข้าข้างเขมร แบบนีั้ได้ไง

อันนี้ กระทรวงต่างประเทศพูดอธิบายให้กับ อ.ปานเทพ ในรายการ ดูย้อนหลังได้ที่นี่ นาทีประมาณ 30-40 กว่าๆ
http://www.xn--72czji8btl8aq7bybb2c7o.tv/?c=11&dd=03&mm=08&yyyy=2010&tt=22
Image
User avatar
saopao
Moderator
 
Posts: 2593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:21 am

Re: MOU 43

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Wed Aug 04, 2010 11:08 pm

เห็นมีคนบอกว่า อ.ปานเทพ เสนอให้ทำ MOU54 แทน
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: MOU 43

Postby saopao » Thu Aug 05, 2010 12:42 am

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:เห็นมีคนบอกว่า อ.ปานเทพ เสนอให้ทำ MOU54 แทน


คราวนี้เขมรมันจะยอมทำด้วยมั๊ยล่ะน่ะ
Image
User avatar
saopao
Moderator
 
Posts: 2593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:21 am

Re: MOU 43

Postby finder » Thu Aug 05, 2010 12:53 am

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:
เป็นเอกสารที่เชื่อกันว่าเผยแพร่ในวงจำกัดของกองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกันยายน 2547


แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ MOU ครับ ขนาดคนเอาเปิดเผยยังเชื่อว่าอยู่ในวงจำกัด แล้วมันจะรับรองแผนที่ได้อย่างไร รับรองแผนที่กับใคร เนื่องจากอะไร

ผมอยากอ่านเต็มเอามาให้ผมอ่านหน่อยได้ไหม ผมอาจจะตีความต่างจากคุณคำนูณก็ได้ เอกสารจำกัดภายในอาจจะเป็นแค่ความคิดเห็นเท่านั้น ยังไม่ใช่การรับรอง

ถ้าหาไม่ได้ผมก็ถือว่าหลักฐานชิ้นนี้ตกไป ไม่รับพิจารณาครับ :D


ผมแปะลิ้งค์ให้คุณแล้วทั้งวิทยุและวีดีโอ แต่คุณคงยังไม่ได้ฟัง

หนังสือที่ทำปี2547 พูดว่าแผนที่1:200000นี้ทำโดยบาร์กแนร์ (คนที่ทำแผนที่เจ้าปัญหานี่แหละ)
เท่ากับยอมรับว่้าเป็นฉบับเดียวกับที่เขมรเอามาอ้าง (ระหว่างไทย-ลาว จึงมิใช่ทำขึ้นใหม่
แต่ก็เป็นฉบับเดียวกับเขมรนั่นเอง)

เอกสาร ตีตราลับ ครับ ถ้าใครๆก็มี คนแจกคงซวย อยากรู้ก็ไปคลิกฟัง สละเวลา15นาทีเท่านั้น

User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 43

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Thu Aug 05, 2010 9:16 am

finder wrote:
แดง ขาว น้ำเงิน wrote:
เป็นเอกสารที่เชื่อกันว่าเผยแพร่ในวงจำกัดของกองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกันยายน 2547


แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ MOU ครับ ขนาดคนเอาเปิดเผยยังเชื่อว่าอยู่ในวงจำกัด แล้วมันจะรับรองแผนที่ได้อย่างไร รับรองแผนที่กับใคร เนื่องจากอะไร

ผมอยากอ่านเต็มเอามาให้ผมอ่านหน่อยได้ไหม ผมอาจจะตีความต่างจากคุณคำนูณก็ได้ เอกสารจำกัดภายในอาจจะเป็นแค่ความคิดเห็นเท่านั้น ยังไม่ใช่การรับรอง

ถ้าหาไม่ได้ผมก็ถือว่าหลักฐานชิ้นนี้ตกไป ไม่รับพิจารณาครับ :D


ผมแปะลิ้งค์ให้คุณแล้วทั้งวิทยุและวีดีโอ แต่คุณคงยังไม่ได้ฟัง

หนังสือที่ทำปี2547 พูดว่าแผนที่1:200000นี้ทำโดยบาร์กแนร์ (คนที่ทำแผนที่เจ้าปัญหานี่แหละ)
เท่ากับยอมรับว่้าเป็นฉบับเดียวกับที่เขมรเอามาอ้าง (ระหว่างไทย-ลาว จึงมิใช่ทำขึ้นใหม่
แต่ก็เป็นฉบับเดียวกับเขมรนั่นเอง)

เอกสาร ตีตราลับ ครับ ถ้าใครๆก็มี คนแจกคงซวย อยากรู้ก็ไปคลิกฟัง สละเวลา15นาทีเท่านั้น



นั่นสิเอกสารลับแล้วไทยมันรอบรองให้เขมรเหรอ เขมรมันเอามาใช้ได้หรือไง

แผนที่นี้ก็อ่านที่ผมเอาข้อมูลมาหน่อยสิครับ ว่าเค้าใช้เนื่องอะไร อย่างไร

ในเมื่อเอกสารที่คุณคำนูณเอามามันไม่ได้ใช้กับเขมร เอามาทำไมครับ

แล้วก็ไม่ได้เผยแพร่อีกต่างหาก ถามว่าใครจะใช้ครับเอกสารนี้

ผมดูรายการสดตอนคุณคำนูณพูดแล้วครับ ผมก็ว่ามันแปร่งๆ ในการตีความ
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: MOU 43

Postby SpeedDeVa » Thu Aug 05, 2010 3:27 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:
finder wrote:
แดง ขาว น้ำเงิน wrote:
เป็นเอกสารที่เชื่อกันว่าเผยแพร่ในวงจำกัดของกองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกันยายน 2547


แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ MOU ครับ ขนาดคนเอาเปิดเผยยังเชื่อว่าอยู่ในวงจำกัด แล้วมันจะรับรองแผนที่ได้อย่างไร รับรองแผนที่กับใคร เนื่องจากอะไร

ผมอยากอ่านเต็มเอามาให้ผมอ่านหน่อยได้ไหม ผมอาจจะตีความต่างจากคุณคำนูณก็ได้ เอกสารจำกัดภายในอาจจะเป็นแค่ความคิดเห็นเท่านั้น ยังไม่ใช่การรับรอง

ถ้าหาไม่ได้ผมก็ถือว่าหลักฐานชิ้นนี้ตกไป ไม่รับพิจารณาครับ :D


ผมแปะลิ้งค์ให้คุณแล้วทั้งวิทยุและวีดีโอ แต่คุณคงยังไม่ได้ฟัง

หนังสือที่ทำปี2547 พูดว่าแผนที่1:200000นี้ทำโดยบาร์กแนร์ (คนที่ทำแผนที่เจ้าปัญหานี่แหละ)
เท่ากับยอมรับว่้าเป็นฉบับเดียวกับที่เขมรเอามาอ้าง (ระหว่างไทย-ลาว จึงมิใช่ทำขึ้นใหม่
แต่ก็เป็นฉบับเดียวกับเขมรนั่นเอง)

เอกสาร ตีตราลับ ครับ ถ้าใครๆก็มี คนแจกคงซวย อยากรู้ก็ไปคลิกฟัง สละเวลา15นาทีเท่านั้น



นั่นสิเอกสารลับแล้วไทยมันรอบรองให้เขมรเหรอ เขมรมันเอามาใช้ได้หรือไง

แผนที่นี้ก็อ่านที่ผมเอาข้อมูลมาหน่อยสิครับ ว่าเค้าใช้เนื่องอะไร อย่างไร

ในเมื่อเอกสารที่คุณคำนูณเอามามันไม่ได้ใช้กับเขมร เอามาทำไมครับ

แล้วก็ไม่ได้เผยแพร่อีกต่างหาก ถามว่าใครจะใช้ครับเอกสารนี้

ผมดูรายการสดตอนคุณคำนูณพูดแล้วครับ ผมก็ว่ามันแปร่งๆ ในการตีความ


ผมของลองอธิบายแทนนะครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องของแนวคิดที่ต่างกันนะครับ การอธิบายของ สว คำนูน มันมีบางส่วนสืบเนื่องมาจากการตอบโต้ของ ศิริโชค ที่บอกให้เข้าใจได้ว่า ระวางใหนได้ประโยชน์เราก็ใช้ ระวางใหนเสียประโยชน์เราก็ไม่ใช้ เหมือนเรื่อง map มี s ของท่านนายกนั่นแหละ

ประเด็นก็คือ สว คำนูนเค้าจะพยายามพิสูจน์ว่า ตระกะและวิธีคิดของนายกเนี่ยไม่อยู่กับรองกับรอย อ้างเรื่อง map มี s บ้าง อ้างว่าระวางใหนใช้ประโยชน์เราก็ใช้ อันใหนเสียก็ไม่ใช้ แต่พอดีมีการเจอเอกสารที่ว่าของ กต(น่าจะกรมสนธิสัญญา) ระบุชัดว่าให้เรายึดแผนที่ 1:200000 ซึ่งมันไม่ใช่แบบที่ท่านนายกพูด หรือที่ ศิริโชคพูด เพราะระบุไว้ว่าใช้ทั้งหมด และมีบางเอกสารบอกว่าให้ใช้ 1:200000 เป็นหลักใน JBC (น่ากลัวไม๊?)

กลายเป็นว่าตอนนี้ แม้แต่นายก กับ กต ก็เข้าใจไม่เหมือนกัน ซึ่งถ้าเรายึด 1:200000 จริง(ตามเอกสารที่ว่า) 1.5 ล้านตามแนวชายแดนอาจจะน้อยไป

พูดถึง พธม(รวมหมดที่ไม่เห็นด้วยกะ รบ) หน่อยนึงว่า หลักของกลุ่มนี้คือ ยึดสันปันน้ำ ไทยไม่เคยยอมรับ 1:200000 ศาลโลกไม่เคยตัดสินเรื่องความถุกต้องของแผนที่และเส้นเขตแดน เขมรได้เฉพาะตัวปราสาท พื้นที่รอบปราสาทเป็นของไทย (หมายความว่าแผน ที่ลากเว้าเข้ามาในส่วนของปราสาทนั้นก็ผิด)

สิ่งที่กลุ่ม พธม กลัวก็คือว่าถ้ามีการขึ้นทะเบียนมรดกโลก มันมีผลเท่ากับเราไปยอมรับในเวทีโลกว่า แผนที่ 1:200000 นั้นถูกต้อง แล้วมันจะลากยาวตลอดตามแนวชายแดน รวมถึงเส้นเขตแดนทางทะเล หมายถึงเขมรจะได้พื้นที่มี ก๊าซและน้ำมันไปมหาศาล

ประมาณนั้น
User avatar
SpeedDeVa
 
Posts: 1126
Joined: Sat Jul 31, 2010 6:54 am

Re: MOU 43

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Thu Aug 05, 2010 6:53 pm

ประเด็นก็คือ สว คำนูนเค้าจะพยายามพิสูจน์ว่า ตระกะและวิธีคิดของนายกเนี่ยไม่อยู่กับรองกับรอย อ้างเรื่อง map มี s บ้าง อ้างว่าระวางใหนใช้ประโยชน์เราก็ใช้ อันใหนเสียก็ไม่ใช้ แต่พอดีมีการเจอเอกสารที่ว่าของ กต(น่าจะกรมสนธิสัญญา) ระบุชัดว่าให้เรายึดแผนที่ 1:200000 ซึ่งมันไม่ใช่แบบที่ท่านนายกพูด หรือที่ ศิริโชคพูด เพราะระบุไว้ว่าใช้ทั้งหมด และมีบางเอกสารบอกว่าให้ใช้ 1:200000 เป็นหลักใน JBC (น่ากลัวไม๊?)


น่ากลัวครับ :mrgreen:

แต่

มันเกี่ยวกับว่านายกไม่อยู่กับร่องกับรอยยังไงครับ ก็เอกสารลับมันก็ไม่ได้ทำโดยนายก นายกก็ไม่เคยพูดถึง แล้วมันจะเกี่ยวกับนายกมั้ยครับ

แถมเป็นเอกสารที่ทำเพื่อใช้กับลาว ไม่ได้เกี่ยวกับเขมร ถ้าไม่เอาออกมาพูดเขมรมันจะรู้มั้ยครับ ในเมื่อเผยแพร่ในวงจำกัดไม่กี่คน

ใน MOU ที่ทำกับลาวจริงๆ ก็ยังยึดสันปันน้ำจากสนธิสัญญาฉบับต่างๆ ที่ทำกับฝรั่งเศสและลาวสืบทอดมรดกมา

แถมยังระบุุอีกว่าเอกสารทุกอย่างมากกว่าที่ทำกับเขมรอีกแล้วมีปัญหามั้ยครับในการปักปันร่วมกันกับลาว
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: MOU 43

Postby SpeedDeVa » Thu Aug 05, 2010 9:14 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:
ประเด็นก็คือ สว คำนูนเค้าจะพยายามพิสูจน์ว่า ตระกะและวิธีคิดของนายกเนี่ยไม่อยู่กับรองกับรอย อ้างเรื่อง map มี s บ้าง อ้างว่าระวางใหนใช้ประโยชน์เราก็ใช้ อันใหนเสียก็ไม่ใช้ แต่พอดีมีการเจอเอกสารที่ว่าของ กต(น่าจะกรมสนธิสัญญา) ระบุชัดว่าให้เรายึดแผนที่ 1:200000 ซึ่งมันไม่ใช่แบบที่ท่านนายกพูด หรือที่ ศิริโชคพูด เพราะระบุไว้ว่าใช้ทั้งหมด และมีบางเอกสารบอกว่าให้ใช้ 1:200000 เป็นหลักใน JBC (น่ากลัวไม๊?)


น่ากลัวครับ :mrgreen:

แต่

มันเกี่ยวกับว่านายกไม่อยู่กับร่องกับรอยยังไงครับ ก็เอกสารลับมันก็ไม่ได้ทำโดยนายก นายกก็ไม่เคยพูดถึง แล้วมันจะเกี่ยวกับนายกมั้ยครับ

แถมเป็นเอกสารที่ทำเพื่อใช้กับลาว ไม่ได้เกี่ยวกับเขมร ถ้าไม่เอาออกมาพูดเขมรมันจะรู้มั้ยครับ ในเมื่อเผยแพร่ในวงจำกัดไม่กี่คน

ใน MOU ที่ทำกับลาวจริงๆ ก็ยังยึดสันปันน้ำจากสนธิสัญญาฉบับต่างๆ ที่ทำกับฝรั่งเศสและลาวสืบทอดมรดกมา

แถมยังระบุุอีกว่าเอกสารทุกอย่างมากกว่าที่ทำกับเขมรอีกแล้วมีปัญหามั้ยครับในการปักปันร่วมกันกับลาว



นี่ครับที่ผมจะบอก

กลายเป็นว่าตอนนี้ แม้แต่นายก กับ กต ก็เข้าใจไม่เหมือนกัน


หมายความว่าไงครับ? มีการปิดบังอะไรเหรอครับ? พอเรื่องเริ่มปิดไม่อยู่ภาพลวงตาที่สร้างไว้ก็ค่อยๆหายไป

ถ้าพวกคุณกันเองยังเข้าใจไม่เหมือนกันแล้วจะแก้ปัญหายังไงครับ

แล้วใหนจะ JBC ที่นำโดย กต เค้าทำอะไรกันนายกจะรู้ไม๊ครับ ว่าตอนนี้จริงๆมันเกิดอะไรขึ้น อย่าให้เหมือนตอนเผาห้างล่ะ คราวนี้จะบอกว่าผมคิดไม่ถึงไม่ได้
User avatar
SpeedDeVa
 
Posts: 1126
Joined: Sat Jul 31, 2010 6:54 am

Re: MOU 43

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Thu Aug 05, 2010 9:51 pm

เฮ้อ ไทยปักปันกับลาวเสียดินแดนมั้ยครับ

ถ้าเสียทำไมไม่โวย

ถ้าไม่เสียก็เพราะการปักปันดำเนินไปตามระเบียบ

เขมรเหมือนกันเราเสียส่วนไหนไปแล้วชี้ชัดๆ สิครับ จาก MOU เนี่ย

ชี้มาเลยเราเสียส่วนไหนไปแล้วที่มันเป้นผลมาจาก MOU 43

เราเสียดินแดนเพราะการปักปันอันเป็นผลมาจาก MOU 2543 ตรงส่วนไหน

ชี้มาเลยครับที่เสียไปแล้วตรงไหน
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: MOU 43

Postby saopao » Thu Aug 05, 2010 9:57 pm

เขมรดีใจตายเลย
มีนักวิชาการไทยช่วยวิเคราะห์ ข้อได้เปรียบของเขมร และเอาเอกสารลับมาช่วยให้เขมรมีข้อโต้แย้งเรื่องดินแดน กับรัฐบาลไทย
Image
User avatar
saopao
Moderator
 
Posts: 2593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:21 am

Re: MOU 43

Postby SpeedDeVa » Thu Aug 05, 2010 10:03 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:เฮ้อ ไทยปักปันกับลาวเสียดินแดนมั้ยครับ

ถ้าเสียทำไมไม่โวย

ถ้าไม่เสียก็เพราะการปักปันดำเนินไปตามระเบียบ

เขมรเหมือนกันเราเสียส่วนไหนไปแล้วชี้ชัดๆ สิครับ จาก MOU เนี่ย

ชี้มาเลยเราเสียส่วนไหนไปแล้วที่มันเป้นผลมาจาก MOU 43

เราเสียดินแดนเพราะการปักปันอันเป็นผลมาจาก MOU 2543 ตรงส่วนไหน

ชี้มาเลยครับที่เสียไปแล้วตรงไหน


ทีละเรื่องนะครับ เรื่องกับลาวไว้ว่ากันทีหลัง

ผมกำลังจะบอกว่า กต เขาใจผิดว่าศาลโลกยอมรับเรื่องแผนที่ 1:200000 ซึ่งเรื่องนี้ อ สมปอง อธิบายไปหลายรอบแล้วว่าไม่ใช่ แถมมีคำพิพากษาแย้งเรื่องแผนทีอีกต่างหาก เป็นเหตุว่าทำไม นายก พูดไม่ตรงกับ กต เพราะตอนอภิปรายสมัคร ท่านก็นายกรู้เรื่องนี้ดี แต่ผมไม่รู้ว่าทำไม่ท่านนายกไปยอม กต ทำไม

และ MOU43 ก็มาจาก กต และเอกสารของ กต ก็ระบุว่าให้ยึดแผนที่(1:200000)มากกว่าสนธิสัญญา (1904 1907 1909) บ้าไม๊ครับ

โดยสรุป กต คือตัวปัญหาหลัก และท่านนายกก็อ่อนเกินไป แล้วมันจะเข้าอีหรอบเดียวกะตอนแดงเผาเมือง อันนี้แหละที่ผมกลัว
User avatar
SpeedDeVa
 
Posts: 1126
Joined: Sat Jul 31, 2010 6:54 am

Re: MOU 43

Postby finder » Thu Aug 05, 2010 10:05 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:เฮ้อ ไทยปักปันกับลาวเสียดินแดนมั้ยครับ

ถ้าเสียทำไมไม่โวย

ถ้าไม่เสียก็เพราะการปักปันดำเนินไปตามระเบียบ

เขมรเหมือนกันเราเสียส่วนไหนไปแล้วชี้ชัดๆ สิครับ จาก MOU เนี่ย

ชี้มาเลยเราเสียส่วนไหนไปแล้วที่มันเป้นผลมาจาก MOU 43

เราเสียดินแดนเพราะการปักปันอันเป็นผลมาจาก MOU 2543 ตรงส่วนไหน

ชี้มาเลยครับที่เสียไปแล้วตรงไหน

จากคำตัดสินของศาลโลก ให้เขมรได้สิทธิ์ตัวปราสาท
แต่พื้นที่โดยรอบยังเป็นของไทยแม้แต่บันไดทางขึ้น ตามที่จอมพลสฤษดิ์เอารั้ว
ไปกั้นไว้ และไทยได้ขอสงวนสิทธิ์ตามกฎของศาลโลกว่าถ้าวันหนึ่งข้างหน้า
ไทยมีหลักฐานเพิ่มเติมก็จะขอนำมาใช้อ้างสิทธิ์ได้อีก

จากผลการยื่นของไทยดังกล่าว ทำให้ไทยยังสามารถอ้างสิทธิ์ในตัวปราสาทได้อีก เท่ากับว่า

ตัวปราสาทคือพื้นที่ทับซ้อนหรือจะเรียกพื้นที่พิพาทก็แล้วแต่

เพราะอ้างสิทธิ์โดยสองประเทศ ส่วนพื้นที่รอบๆเป็นของไทย100% ไม่มีพื้นที่ทับซ้อนอื่นใดอีก แผ่นดินบริเวณนั้นก็เป็นของไทย เพราะศาลโลกไม่ได้รับรองแผนที่ของเขมร(1:200000) และ ไม่มีพื้นที่กันชนใดๆ(BUFFER ZONE)

ไทยจึงมีสิทธิ์เด็ดขาดในพื้นที่ดังกล่าว

ด้วยเหตุดังกล่าว หลังจากมีMOU2543แล้วและตามมาด้วยสนธิสัญญาต่างๆ โดยอ้างอิงMOUฉบับนี้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทำไมจึงมีพื้นที่ทับซ้อนอื่นๆและพื้นที่พิพาทเพิ่มขึ้นมาได้ ถ้าไม่ใช่มีสาเหตุจากการไปทำสัญญากับเขมร โดยอ้างMOU2543ฉบับนี้เป็นต้นเรื่อง ถ้่าอ้างว่าเขมรรุกเข้ามาเอง ไทยเราย่อมมีสิทธิ์ขับไล่ออกไป ไม่เช่นนั้น ทำไมไทยต้องรบกับลาวที่บ้านร่มเกล้าทั้งๆที่เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันครับ
[b][color=#800000]ข้อความข้างต้นผมโพสท์ไว้ ไม่จริงตรงไหนไหมครับ ถ้าพูดเฉพาะตัวปราสาท เรายอมให้มันขึ้นทะเบียนได้ เราก็เสียดินแดนแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลยก็ได้ครับ
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 43

Postby finder » Thu Aug 05, 2010 10:12 pm

saopao wrote:เขมรดีใจตายเลย
มีนักวิชาการไทยช่วยวิเคราะห์ ข้อได้เปรียบของเขมร และเอาเอกสารลับมาช่วยให้เขมรมีข้อโต้แย้งเรื่องดินแดน กับรัฐบาลไทย

ผมคิดว่าเขมรคงดีใจที่มีนักการเมืองไทยขายชาติยอมประเคนที่บนบกและทะเล รวมทั้งน้ำมันในอ่าวไทยบริเวณนั้นให้เขมร โดยเขมรไม่ต้องทำอะไร หลังจากนั้นก็เอามาให้สัมปทานนักการเมืองขายชาติอีกทีไงครับ

-เขมรได้ปราสาทตามแนวชายแดนและหุ้นน้ำมัน

-นักการเมืองขายชาติได้สัมปทานน้ำมันซึ่งควรเป็นของคนไทยทั้งชาติ

-คนไทยทั้งชาติก็จนต่อไปและก็บ่นเหมือนกับที่บ่นมาตลอดชีวิตว่า
"เวรกรรมของชาติเราที่มีแต่นักการเมืองเลว"
ไม่คุ้นหูกับประโยคนี้หรือครับ
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 43

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Thu Aug 05, 2010 10:17 pm

finder wrote:
แดง ขาว น้ำเงิน wrote:เฮ้อ ไทยปักปันกับลาวเสียดินแดนมั้ยครับ

ถ้าเสียทำไมไม่โวย

ถ้าไม่เสียก็เพราะการปักปันดำเนินไปตามระเบียบ

เขมรเหมือนกันเราเสียส่วนไหนไปแล้วชี้ชัดๆ สิครับ จาก MOU เนี่ย

ชี้มาเลยเราเสียส่วนไหนไปแล้วที่มันเป้นผลมาจาก MOU 43

เราเสียดินแดนเพราะการปักปันอันเป็นผลมาจาก MOU 2543 ตรงส่วนไหน

ชี้มาเลยครับที่เสียไปแล้วตรงไหน

จากคำตัดสินของศาลโลก ให้เขมรได้สิทธิ์ตัวปราสาท
แต่พื้นที่โดยรอบยังเป็นของไทยแม้แต่บันไดทางขึ้น ตามที่จอมพลสฤษดิ์เอารั้ว
ไปกั้นไว้ และไทยได้ขอสงวนสิทธิ์ตามกฎของศาลโลกว่าถ้าวันหนึ่งข้างหน้า
ไทยมีหลักฐานเพิ่มเติมก็จะขอนำมาใช้อ้างสิทธิ์ได้อีก

จากผลการยื่นของไทยดังกล่าว ทำให้ไทยยังสามารถอ้างสิทธิ์ในตัวปราสาทได้อีก เท่ากับว่า

ตัวปราสาทคือพื้นที่ทับซ้อนหรือจะเรียกพื้นที่พิพาทก็แล้วแต่

เพราะอ้างสิทธิ์โดยสองประเทศ ส่วนพื้นที่รอบๆเป็นของไทย100% ไม่มีพื้นที่ทับซ้อนอื่นใดอีก แผ่นดินบริเวณนั้นก็เป็นของไทย เพราะศาลโลกไม่ได้รับรองแผนที่ของเขมร(1:200000) และ ไม่มีพื้นที่กันชนใดๆ(BUFFER ZONE)

ไทยจึงมีสิทธิ์เด็ดขาดในพื้นที่ดังกล่าว

ด้วยเหตุดังกล่าว หลังจากมีMOU2543แล้วและตามมาด้วยสนธิสัญญาต่างๆ โดยอ้างอิงMOUฉบับนี้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทำไมจึงมีพื้นที่ทับซ้อนอื่นๆและพื้นที่พิพาทเพิ่มขึ้นมาได้ ถ้าไม่ใช่มีสาเหตุจากการไปทำสัญญากับเขมร โดยอ้างMOU2543ฉบับนี้เป็นต้นเรื่อง ถ้่าอ้างว่าเขมรรุกเข้ามาเอง ไทยเราย่อมมีสิทธิ์ขับไล่ออกไป ไม่เช่นนั้น ทำไมไทยต้องรบกับลาวที่บ้านร่มเกล้าทั้งๆที่เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันครับ
[b][color=#800000]ข้อความข้างต้นผมโพสท์ไว้ ไม่จริงตรงไหนไหมครับ ถ้าพูดเฉพาะตัวปราสาท เรายอมให้มันขึ้นทะเบียนได้ เราก็เสียดินแดนแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลยก็ได้ครับ


ผมถาม MOU 2543 ที่เกิดจากการปักปันครับ ที่ว่าจะเสีย 1.8 ล้านไร่ครับ เสียตรงไหนไปบ้างแล้ว

ส่วนเรื่องปราสาทพระวิหารไปอ่านมาใหม่นะครับ ผมขี้เกียจเถียงผิดประเด็น

เอาเฉพาะที่เกี่ยวกับ MOU นะครับ อย่าโยงไปมั่ว
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: MOU 43

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Thu Aug 05, 2010 10:18 pm

finder wrote:
saopao wrote:เขมรดีใจตายเลย
มีนักวิชาการไทยช่วยวิเคราะห์ ข้อได้เปรียบของเขมร และเอาเอกสารลับมาช่วยให้เขมรมีข้อโต้แย้งเรื่องดินแดน กับรัฐบาลไทย

ผมคิดว่าเขมรคงดีใจที่มีนักการเมืองไทยขายชาติยอมประเคนที่บนบกและทะเล รวมทั้งน้ำมันในอ่าวไทยบริเวณนั้นให้เขมร โดยเขมรไม่ต้องทำอะไร หลังจากนั้นก็เอามาให้สัมปทานนักการเมืองขายชาติอีกทีไงครับ

-เขมรได้ปราสาทตามแนวชายแดนและหุ้นน้ำมัน

-นักการเมืองขายชาติได้สัมปทานน้ำมันซึ่งควรเป็นของคนไทยทั้งชาติ

-คนไทยทั้งชาติก็จนต่อไปและก็บ่นเหมือนกับที่บ่นมาตลอดชีวิตว่า
"เวรกรรมของชาติเราที่มีแต่นักการเมืองเลว"
ไม่คุ้นหูกับประโยคนี้หรือครับ


ใครครับนักการเมืองคนนั้น
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: MOU 43

Postby saopao » Thu Aug 05, 2010 10:34 pm

แล้วมันใช่เรื่องเหรอฮะ เอาเอกสารลับมาแถลงเป็นปากเป็นเสียงให้เขมรออกสาธารณะ

ผมว่าแทนที่จะเล่นเรื่อง MOU43 จนมากลายเป็นเรื่องเป็นปากเป็นเสียง หรือหาข้อมูลให้เขมรแบบนี้
ไปโจมตีรัฐบาลเรื่องที่ไม่ได้ผลักดันเขมรออกจากพื้นที่ดีกว่า อันนี้ผมเห็นด้วย
ถ้ารัฐบาลยึดถือ MOU นัก ก็ควรจะผลักดันเขมรออกไป จนกว่าจะปักปันเขตแดนเสร็จ ก็เท่านั้น
Image
User avatar
saopao
Moderator
 
Posts: 2593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:21 am

Re: MOU 43

Postby SpeedDeVa » Thu Aug 05, 2010 10:49 pm

saopao wrote:แล้วมันใช่เรื่องเหรอฮะ เอาเอกสารลับมาแถลงเป็นปากเป็นเสียงให้เขมรออกสาธารณะ

ผมว่าแทนที่จะเล่นเรื่อง MOU43 จนมากลายเป็นเรื่องเป็นปากเป็นเสียง หรือหาข้อมูลให้เขมรแบบนี้
ไปโจมตีรัฐบาลเรื่องที่ไม่ได้ผลักดันเขมรออกจากพื้นที่ดีกว่า อันนี้ผมเห็นด้วย
ถ้ารัฐบาลยึดถือ MOU นัก ก็ควรจะผลักดันเขมรออกไป จนกว่าจะปักปันเขตแดนเสร็จ ก็เท่านั้น


มันเป็นก็เป็นเรื่องซิครับ เพราะไม่มีใครคิดว่า กต โง่ ไปทำเรื่องโง่ๆ เอาไว้ขนาดนี้ ถ้าไม่หาข้อมูลเพิ่มแล้วจะรู้ไม๊ครับ
User avatar
SpeedDeVa
 
Posts: 1126
Joined: Sat Jul 31, 2010 6:54 am

Re: MOU 43

Postby SpeedDeVa » Thu Aug 05, 2010 11:00 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:
finder wrote:
แดง ขาว น้ำเงิน wrote:เฮ้อ ไทยปักปันกับลาวเสียดินแดนมั้ยครับ

ถ้าเสียทำไมไม่โวย

ถ้าไม่เสียก็เพราะการปักปันดำเนินไปตามระเบียบ

เขมรเหมือนกันเราเสียส่วนไหนไปแล้วชี้ชัดๆ สิครับ จาก MOU เนี่ย

ชี้มาเลยเราเสียส่วนไหนไปแล้วที่มันเป้นผลมาจาก MOU 43

เราเสียดินแดนเพราะการปักปันอันเป็นผลมาจาก MOU 2543 ตรงส่วนไหน

ชี้มาเลยครับที่เสียไปแล้วตรงไหน

จากคำตัดสินของศาลโลก ให้เขมรได้สิทธิ์ตัวปราสาท
แต่พื้นที่โดยรอบยังเป็นของไทยแม้แต่บันไดทางขึ้น ตามที่จอมพลสฤษดิ์เอารั้ว
ไปกั้นไว้ และไทยได้ขอสงวนสิทธิ์ตามกฎของศาลโลกว่าถ้าวันหนึ่งข้างหน้า
ไทยมีหลักฐานเพิ่มเติมก็จะขอนำมาใช้อ้างสิทธิ์ได้อีก

จากผลการยื่นของไทยดังกล่าว ทำให้ไทยยังสามารถอ้างสิทธิ์ในตัวปราสาทได้อีก เท่ากับว่า

ตัวปราสาทคือพื้นที่ทับซ้อนหรือจะเรียกพื้นที่พิพาทก็แล้วแต่

เพราะอ้างสิทธิ์โดยสองประเทศ ส่วนพื้นที่รอบๆเป็นของไทย100% ไม่มีพื้นที่ทับซ้อนอื่นใดอีก แผ่นดินบริเวณนั้นก็เป็นของไทย เพราะศาลโลกไม่ได้รับรองแผนที่ของเขมร(1:200000) และ ไม่มีพื้นที่กันชนใดๆ(BUFFER ZONE)

ไทยจึงมีสิทธิ์เด็ดขาดในพื้นที่ดังกล่าว

ด้วยเหตุดังกล่าว หลังจากมีMOU2543แล้วและตามมาด้วยสนธิสัญญาต่างๆ โดยอ้างอิงMOUฉบับนี้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทำไมจึงมีพื้นที่ทับซ้อนอื่นๆและพื้นที่พิพาทเพิ่มขึ้นมาได้ ถ้าไม่ใช่มีสาเหตุจากการไปทำสัญญากับเขมร โดยอ้างMOU2543ฉบับนี้เป็นต้นเรื่อง ถ้่าอ้างว่าเขมรรุกเข้ามาเอง ไทยเราย่อมมีสิทธิ์ขับไล่ออกไป ไม่เช่นนั้น ทำไมไทยต้องรบกับลาวที่บ้านร่มเกล้าทั้งๆที่เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันครับ
[b][color=#800000]ข้อความข้างต้นผมโพสท์ไว้ ไม่จริงตรงไหนไหมครับ ถ้าพูดเฉพาะตัวปราสาท เรายอมให้มันขึ้นทะเบียนได้ เราก็เสียดินแดนแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลยก็ได้ครับ


ผมถาม MOU 2543 ที่เกิดจากการปักปันครับ ที่ว่าจะเสีย 1.8 ล้านไร่ครับ เสียตรงไหนไปบ้างแล้ว

ส่วนเรื่องปราสาทพระวิหารไปอ่านมาใหม่นะครับ ผมขี้เกียจเถียงผิดประเด็น

เอาเฉพาะที่เกี่ยวกับ MOU นะครับ อย่าโยงไปมั่ว


การปักหลักเขตแดนมันทำไปแล้วใน 1909 หมายความว่าถ้า MOU บอกให้ยึดแผนที่ฝรั่งเศส ก็หมายความว่าจะมีการย้ายหลักให้เป็นตาม แผนที่ฝรั่งเศส มันก็เลยมีเรื่องหมุดสกัดที่ทำชื่อผิด ว่าเป็นเขตแดนไทยกำพูชาไง หลักใหม่อาจจะปักตามแผนที่ฝรั่งเศสไปแล้วก็ได้ ถ้าย้ายจริงก็ไปนั่งคำนวนกันละกันว่าตลอดตามแนวชายแดนยึดตามแผนที่ฝรั่งเศสมันโดนกินเข้ามากี่ไร่

ถามว่าเสียไปแล้วกี่ไรอันนี้ต้องถาม JBC ว่าทำอะไรไปบ้างบนพื้นฐานของแผนที่ฉบับใหนถึงจะรู้

แต่สิ่งที่เราเห็น ก็คือ มีประชาชนเขมรบุกรุกเข้ามาหลายพื้นที่สร้างบ้าน สร้างวัด สร้างถนน โดยไม่สนสันปันน้ำ มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเค้าไม่ได้คิดอย่างที่เราคิด
User avatar
SpeedDeVa
 
Posts: 1126
Joined: Sat Jul 31, 2010 6:54 am

Re: MOU 43

Postby finder » Thu Aug 05, 2010 11:02 pm

saopao wrote:แล้วมันใช่เรื่องเหรอฮะ เอาเอกสารลับมาแถลงเป็นปากเป็นเสียงให้เขมรออกสาธารณะ

ผมว่าแทนที่จะเล่นเรื่อง MOU43 จนมากลายเป็นเรื่องเป็นปากเป็นเสียง หรือหาข้อมูลให้เขมรแบบนี้
ไปโจมตีรัฐบาลเรื่องที่ไม่ได้ผลักดันเขมรออกจากพื้นที่ดีกว่า อันนี้ผมเห็นด้วย
ถ้ารัฐบาลยึดถือ MOU นัก ก็ควรจะผลักดันเขมรออกไป จนกว่าจะปักปันเขตแดนเสร็จ ก็เท่านั้น

คนในพื้นที่และกลุ่มต่างๆเรียกร้องเรื่องนี้ด้วยครับ จนปากจะฉีกอยู่แล้ว

แต่นายกฯบอกกลัวเกิดสงคราม แล้วเขมรจะขึ้นมรดกโลกได้ยาก

ตามที่ผมเคยแย้งคำพูดนายกฯไว้ดังนี้


noway2know wrote:
นายกฯรับปากไม่ยอมเสียตาเมือนธมแม้ตารางนิ้วเดียวหลังกูเกิ้ลชี้ให้เป็นของเขมร
ดูวีดีโอประกอบจาก Manager Multimedia
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2553 20:45 น.


รวมทั้งดูท่าทีของนายกรัฐมนตรีต่อการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญครั้งที่ 34 ในระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม ที่ประเทศบราซิล โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงท่าทีว่า “เราจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้ว เราจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาดินแดนไว้”
ถ้าที่ผ่านมา ท่านพูดแล้วท่านทำได้อย่างพูด ประชาชนคงวางใจ แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น ความน่าเชื่อถือในคำพูดของท่าน มีถึง50%หรือเปล่าครับ


นายปริญญา กล่าวต่อว่าทั้งนี้ตนได้รายงานถึงเรื่องนักวิชาการที่แย้งว่าตัวแทนที่จะไปประชุมคณะกรรมการ มรดกโลก ควรมีนักวิชาการไปด้วย เผื่อมีปัญหาจะได้ช่วยกันแก้ไข ซึ่งตรงนี้เราก็ชี้แจงว่า ถ้าคณะกรรมการที่จะให้ไปประชุมด้วย เราก็จะยินดี รวมทั้งนายกฯ ยังแสดงท่าทีต่อประเทศกัมพูชาว่า ปล่อยให้มีปัญหาความขัดแย้งดีกว่าที่จะให้ทหารออกไป เพราะถ้ามีความรุนแรงในพื้นที่ที่มีปัญหา ก็จะทำให้เกิดความรุนแรงและจะทำให้การขึ้นทะเบียนมรดกโลกทำได้ยาก
เวรกรรม,นายกฯเรากลัวเขมรไม่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก แน่ใจนะว่าใช้ปากพูด ฟังแล้วอยากจะอ้วก...

นายปริญญากล่าวถึงพื้นที่ตามแนวตามชายแดนจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ที่เป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติที่คนไทยไม่สามารถเข้าไปได้ แต่คนกัมพูชาเข้าไปอาศัยอยู่ได้ ซึ่งนายกฯกล่าวว่า ได้มีการทวงถามเป็นวาจาไปที่ประเทศกัมพูชาแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
นั่นสิ,ใช้วาจาแล้ว เขมรก็เฉย แล้วจะเอาไงครับ ท่านนายกฯ คงไม่รอจนมันฮุบไปหมดก่อนนะถึงคิดออก แล้วจะมาทำสงสครามตอนนั้นยิ่งยากใหญ่ เหมือนตอนปล่อยให้ม๊อบโตที่ราชประสงค์ สุดท้ายก็ต้องปราบ แล้วง่ายไหมครับ


finder wrote:
การที่เราเข้าดินแดนของเราไม่ได้ ก็เหมือนเสียดินแดนโดยพฤตินัย

ถ้าจะอ้างสนธิสัญญามาไล่ภายหลังแล้วเขาไม่ออก จะเกิดเป็นปัญหาชนกลุ่มน้อย

ถ้าตอนนั้นเกิดความรุนแรงเหมือนในหลายประเทศ อาจต้องให้สหประชาชาติเข้ามาถามว่า

พวกสูเจ้าจะอยู่กับใคร ถ้ามันตอบว่า อยากอยู่กับเขมร แล้วจะทำอย่างไรครับ

กลุ่มกบฎพยัคฆ์ทมิฬในศรีลังกาคือกรณีศึกษาเรื่องนี้ แต่โชคดีที่

รัฐบาลศรีลังกาปราบได้เสียก่อน แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยมาเป็นสิบๆปี ทำลายเศรษฐกิจไปมหาศาล

จะรอให้เป็นอย่างนี้ก่อนใช่ไหมครับ
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 43

Postby finder » Thu Aug 05, 2010 11:05 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:
finder wrote:
saopao wrote:เขมรดีใจตายเลย
มีนักวิชาการไทยช่วยวิเคราะห์ ข้อได้เปรียบของเขมร และเอาเอกสารลับมาช่วยให้เขมรมีข้อโต้แย้งเรื่องดินแดน กับรัฐบาลไทย

ผมคิดว่าเขมรคงดีใจที่มีนักการเมืองไทยขายชาติยอมประเคนที่บนบกและทะเล รวมทั้งน้ำมันในอ่าวไทยบริเวณนั้นให้เขมร โดยเขมรไม่ต้องทำอะไร หลังจากนั้นก็เอามาให้สัมปทานนักการเมืองขายชาติอีกทีไงครับ

-เขมรได้ปราสาทตามแนวชายแดนและหุ้นน้ำมัน

-นักการเมืองขายชาติได้สัมปทานน้ำมันซึ่งควรเป็นของคนไทยทั้งชาติ

-คนไทยทั้งชาติก็จนต่อไปและก็บ่นเหมือนกับที่บ่นมาตลอดชีวิตว่า
"เวรกรรมของชาติเราที่มีแต่นักการเมืองเลว"
ไม่คุ้นหูกับประโยคนี้หรือครับ


ใครครับนักการเมืองคนนั้น


ลองอ่านดูก็คงเข้าใจครับ ผมเคยโพสท์ในอีกเวบนานแล้ว ตอนฮุนเซ็นมายืนเห่าที่สุวรรณภูมิ ขอลงไว้ทั้งหมด

ปลายยุคทักษิณ ได้ยกคณะเล็กๆไปหาฮุนเซ็นรวมเจ้ากรมแผนที่ทหารด้วย เรื่องพื้นที่ทับซ้อนใน

อ่าวไทย ในอ่าวไทยมีน้ำมัน ผมเคยได้คุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง สามีเธอเคยทำงานเป็นช่างเชื่อมใต้น้ำ ได้

ทำหน้าที่เชื่ื่อมปิดปากหลุมน้ำมันที่ขุดขึ้นเพื่อหาน้ำมัน แต่ยังขุดไม่ได้ เพราะอะไรไม่มีใครทราบและไม่

ประกาศให้คนในประเทศรู้ด้วย แต่ผมจะแจงต่อไป เดี๋ยวจะร้องอ๋อ

พื้นที่ที่มีน้ำมันอยู่ในเขตไทย100% แต่ทักษิณพอมาเป็นรัฐบาลก็ไปทำ MOU กับเขมรรับรอง

ให้พื้นที่นี้ เป็นพื้นที่ทับซ้อนกับเขมร กลายเป็นเขมรมีสิทธิ์เข้ามาเกี่ยว หลักฐานหรือครับ ก็ที่

อภิสิทธิ์กำลังจะยกเลิกMOUกับเขมร และที่เขมรให้สัมปทานบริษัทTOTAL

ของฝรั่งเศษเข้าสำรวจน้ำมันตรงบริเวณนี้ จึงถูก พธม ส่วนหนึ่งไปร่วมประท้วงหน้าสถานฑุต

ฝรั่งเศษไงครับ

ถ้ามันประกาศให้คนไทยรู้ว่ามีน้ำมัน มันก็ต้องยอมให้ ปตท เข้าไปขุด แต่ปตทไม่ใช่ของ

มัน100% แม้จะมีนอมินีถือแทนให้มันอยู่ มันก็ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย มันจึงขายชินคอร์ป

ให้เทมาเส็ก แล้วจะเอาเงินมาลงพลังงานตรงนี้(มันมีเงินอยู่เมืองนอกอีกเป็นแสนๆล้าน

ซึ่งพอลงทุนแน่นอน) แต่ถ้ามันจะทำเอง คนไทยไม่ยอมแน่นอน จึงต้องวางแผน ทำให้อ่าวไทย

บริเวณนี้เป็นของเขมร จากนั้นให้เขมรยอมให้สัมปทานมันเข้าไปขุดน้ำมัน โดยยอมให้ฮุนเซ็น

ได้ผลประโยชน์ด้วย แค่นี้คนไทยก็ทำอะไรมันไม่ได้ แล้วมันไม่กลัวฮุนเซ็นฮุบหรือ อย่าลืมว่า

ตอนนั้นมันเป็นนายกไทย ฮุนเซ็นยังต้องอาศัยมันให้ยกเขาพระวิหารให้ฮุนเซ็นไปหาเสียง

และถ้าต้องใช้กำลัง กำลังไทยก็เหนือกว่า และผลของสงครามอาจเป็นผลให้ฮุนเซ็นหลุดจาก

อำนาจได้ (ผมทายว่ากรณีขัดแย้งขณะนี้ ฮุนเซ็นก็ไม่กล้าทำสงคราม อาจแค่แหย่ๆแล้วขอ

เจรจา เพื่อปรับความสัมพันธ์กันใหม่)

คนในรัฐบาลอภิิสิทธิ์หลายคนก็รู้เรื่องน้ำมัน ใครที่เคยไปพบฮุนเซ็นเป็นการส่วนตัวและไม่ยอม

แตะต้องฮุนเซ็นในความขัดแย้งครั้งล่าสุดกับเขมร คนนั้นแหละจะมาสานงานเรื่องน้ำมันต่อ

แต่จะทำเพื่อทักษิณหรือเพื่อตัวเองก็ให้ดูกันต่อไป

ต่อด้วย ความสัมพันธ์ของเทพเทือกกับทักษิณ

เทพ เทือกกับทักษิณสัมพันธ์ลึกแน่นอนครับ ตอนปชป.เป็นฝ่ายค้าน เทพเทือกแอบไปคุยกับทักษิณโดยไม่มีใครในปชป.รู้เรื่อง มาภายหลัง มีสส.ไทยรักไทยออกมาปูด เรื่องถึงได้แดงขึ้นมา พอโดนไล่บี้มากเข้า มันถึงได้สารภาพว่าไปพบจริง ปชป.หลายคนก็เริ่มระแวงมันตั้งแต่นั้นแล้ว และพอมาเป็นรัฐบาลไม่กี่วัน ทักษิณโทรมาบอกว่า ขอคุย (ไม่เจาะจงว่าใคร) นายกฯก็อยู่เฉย เทพเทือกอีกแล้วครับท่าน ออกมาพูดเช้า-เย็นเลย "ผมจะคุยกับคุณทักษิณ" เล่นเอาอึ้งไปหมด5555
กรณีสหกรณ์(CO-OP)เกือบเจ๊ง นั่นก็น่าจะมาจากการช่วยของทักษิณ และเรื่องน้ำมันในอ่าวไทย ในความเห็นผม ผมมองว่าเทพเทือกแม้จะเป็นรัฐบาล แต่ตอนแรกก็ยังแอบจับมือกับทักษิณ สังเกตุว่าไม่มีความคืบหน้าในคดีของทักษิณเลย เทพเทือกคุมตำรวจและทหารไงครับ ขนาดเรื่องถอดยศ ถึงตอนนี้ก็ยังดองเค็มอยู่นะครับ ส่วนคดีที่ดินที่โดนไป เพราะอัยการคนเก่าส่งฟ้อง ถ้ามันไม่กลับมาจูบปฐพี คดีก็ไม่เดินหน้าต่ออยู่แล้ว เรียกว่ากลับมาหาเรื่องใส่ตัว จนมาตอนเสื้อแดงประท้วง ก็ยังแอบใช้ม็อบหาประโยชน์ จึงไม่ยอมสกัดกั้นกันจริงจัง พูดแล้วจะยาว มีเบื้องลึกเยอะ สรุปว่า เทพเทือกดูผลประโยชน์เป็นหลัก หยั่งขาไปเข้ากับทุกฝ่าย ฝ่ายไหนชนะ เขาก็ได้ด้วย

กรณียังเข้ากับทักษิณได้นี่ผมมองว่า ถ้าต้องลงทุนบ่อน้ำมัน ก็หวังเงินจากทักษิณ แต่เดิมเชื่อว่าทักษิณเองหวังฮุบไว้เอง แต่เพราะการเมืองไม่แน่นอน จึงอาศัยเทพเทือกเป็นไส้ศึกอยู่ในปชป. ในอนาคตยังอาจช่วยเหลือกันได้ในยามคับขัน แน่นอนว่า ผลประโยชน์ต้องมีร่วมกันทางใดทางหนึ่ง

ส่วนพวกประวิตรและอื่นๆ น่าจะเข้ามาร่วมภายหลัง เพราะเทพเทือกคนเดียวอาจเอาปชป.ทั้งพรรคไม่อยู่ จึงเอาคนทีมีแรงบีบพรรคปชป.มาร่วมโครงการ (ส่วนนี้ยอมรับว่าคาดเดาจาก รูปการณ์)

ตอนทักษิณเป็นนายกฯไม่กี่วัน จำได้ว่า จอร์ช บุช คนพ่อ พากลุ่มพลังงานใหญ่ในอเมริกามาเมืองไทยเหมือนกับมาแสดงความยินดี ทักษิณก็ออกมารับ เรื่องน้ำมันคงเริ่มจากตรงนี้เองครับ ผมว่าถ้าจะสืบก็อย่ามองข้ามการโอนหรือซื้อ-ขายหุ้นของบริษัทที่เข้ามาขุด น้ำมันว่าให้บริษัทนอมินีสิงคโปร์หรือไม่ ทักษิณและนักการเมืองชั่วคงไม่เอาชื่อตัวไปโชว์ในบริษัทเหล่านี้ คงใช้นอมินีแทนครับ และก็น่าจะเป็นสิงคโปร์.


อีกชุดครับ

ผมคิดว่าเทพเทือกและประวิตร ไปหาฮุนเซ็นเพื่อบ่อน้ำมันเท่านั้น ในความคิดผม กลุ่มอำนาจใหม่ที่มี เทพเทือก+ประวิตร+อนุพงษ์+เนวิน(พรรคภจท.) คนเหล่านี้จับมือกันครับ สังเกตุได้เลย ผลประโยชน์ทุกอย่างจะมาลงที่กลุ่มนี้ โดยที่นายกฯไม่สามารถทำอะไรได้ ผมเชื่อว่านายกฯรู้ แต่ก็ยังปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนี้ ถ้าดูเหตุผลก็เพียงเพราะกลัวรัฐบาลจะเป็นเสียงข้างน้อย จึงไม่กล้ารุนแรง
หรือ ไม่ก็อาจจะสนับสนุนอยู่ข้างหลัง โดยให้เทพเทือกออกหน้า ไม่เช่นนั้นทำไมจึงไม่ลงมาเล่นเรื่องนี้เอง คอยพูดแต่คำที่เขารายงานมาให้ ก็ขนาดโทรศัพท์ยังลงมารับเองได้นี่ครับ ชักสงสัยนายกฯมากขึ้นทุกทีแล้ว


อันนี้แถม

วัน ก่อนกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆก็ฉุกใจคิดว่า ถ้าเขมรได้เขาพระวิหารแล้ว ฮุนเซ็นได้อะไร ก็คงอย่างที่มีหลายคนพูดกันว่า มันก็ได้เป็นนายกฯต่อแน่นอน ฝ่ายค้านคงอ่อนกำลัง จะทำอะไรก็ยิ่งลำบาก

ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ก็คงมีเป้าหมายของชีวิต ฮุนเซ็นไต่เต้าขึ้นมาจากคนธรรมดาจนเป็นถึงนายกฯและล่าสุดเป็นถึงสมเด็จฮุน เซ็น ผมว่าคนอย่างนี้ไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอกครับ ในแวบหนึ่งของความคิดของผมบอกว่า

มันต้องการเป็นเจ้า....ครับ

การจะได้เป็นถึงขนาดนั้นต้องมีผลงานที่ประชาชนยกย่องว่าสมควรแล้วที่จะได้ เป็น ผลงานที่ทำให้ประชาชนเขมรคลั่ง ขนาดทำให้เขมรทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งได้คงไม่พ้นเรื่องเขาพระวิหารครับ และถ้าขนาดว่าได้ปราสาทตามแนวชายแดนไทยเขมรไปทั้งหมด ฮุนเซ็นอยากเป็นอะไรก็คงได้เป็นแน่นอนครับ ทำให้ผมนึกถึงตั๋งโต๊ะในสามก๊กครับ โดยอุปนิสัยอันชั่วร้ายต่างๆเหมือนกันไม่มีผิด เพียงแต่ไม่ทราบว่าตอนตายจะตายเหมือนกันไหมเท่านั้นเอง

งานนี้ฮุนเซ็นคงลุ้นตัวโก่ง มีแต่ได้กับได้ และได้หลายทางด้วย เช่นได้บ่อน้ำมันในอ่าวไทยอีกทาง แทบไม่ต้องลงทุนอะไร เพราะนักการเมืองชั่วของไทยเอาไปประเคนให้มันถึงที่ ความเสี่ยงก็น้อยมาก
ผิดท่าขึ้นมาก็โยนบาปให้เสธฯแดงเอ๊ย,ไม่ใช่ โยนบาปให้แผนที่ฝรั่งเศสเลยไงครับ
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron