เบื่อ นช ทักสิน wrote:มาพูดเรื่อง Resonance กันหน่อยครับ คุณทราบไหมว่า มีการประดิษฐ์ เครื่องมือหักล้างคลื่นเสียงที่รบกวน จนทำให้เสียงนั้นเงียบลง
คุณเชื่อไหมว่า เราสามารถใช้เสียง ส่งไปทำลายกระจกที่ปืนยิงไม่ทะลุให้แหลกเป็นจุลได้
เหตุเหล่านี้เกิดจากที่วัตถุแต่ละชนิดจะมีค่าวิกฤติของ resonance เมื่อเราสามารถส่งคลื่นเสียงที่มีresonance เดียวกับวัตถุนั้น จะสามารถทำลายวัตถุนั้นได้ เช่นทดลองกับกระจก หรือสามารถหักล้าง คลื่นเสียงที่ดัง จนกลายค่าเป็นศูนย์
จากเรื่องความรู้เกี่ยวกับคลื่นนี้ ผมเชื่อว่า เราสามารถทำให้เกิดwave ขนาดใหญ่ และผลิตพลังความร้อน แบบเดียวกับ infrared ทำให้บรรยากาศโลกบริเวณนั้น ร้อนผิดปกติ และเกิดการยกตัวขึ้น ทำให้เกิด พายุหมุนพวก tonado พุ่งลงมาทำลายเป้าหมายได้
ปรากฎการณ์นี้เคยเกิดกับสะพานชื่ออะไรผมจำไม่ได้ ใน USA พังมาแล้ว โดยลมพัดในจังหวะ resonance ของสะพาน ทำให้สะพานแก่งมากขึ้นๆๆๆๆๆจนพังลงมา
ลักษณะเดียวกับที่เราแกว่งชิงช้าในจังหวะ resonance จะค่อยๆทำให้ชิงช้าโยนตัวสูงขึ้นๆๆๆๆ โดยใช้แรงไม่มากแต่ถูกจังหวะ เท่านั้นเอง
ว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้นานแล้ว แต่ติดงานที่ประชาไท ว่างๆก็ไปช่วยกันหน่อยนะครับ ลองไปอยู่ในดงแดงบ้าง ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
กลับมาเรื่อง Resonance ครับ
ที่คุณ "เบื่อ นช ทักสิน" บอกนั้นถูกครับ แต่การจะเอาเรื่องนี้มาใช้กับชั้นบรรยากาศนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ การเกิด resonance นั้นมีปัจจัยที่สำคัญคือ "เงื่อนไขที่ขอบ" (boundary condition) ครับ ตัวอย่างที่คุณยกมานั้น เช่นสะพาน หรือ เตาอบไมโครเวฟนั้น มันเป็นระบบที่ปิด ทำให้พลังงานสามารถสะสมได้เรื่อยๆ เช่นสะพานนั้น เรายึดมันกับดิน กับถนน เมื่อเกิดการสั่นสะเทือน พลังงานจะถ่ายเทไปให้ตัวสะพานที่เคลื่อนที่ได้ง่ายกว่า "ขอบ" เกิดเป็นคลื่นวิ่งไปมาอยู่ในสะพาน เมื่อมีลมที่พัดด้วยจังหวะที่พอเหมาะและต่อเนื่อง การสะสมพลังงานจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ amplitude ของการสั่นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่สะพานทนไม่ไหวและพังในที่สุด
ส่วนกรณีไมเครเวฟนั้นก็คล้ายกัน ในเตาอบจะมีเครื่องยิงคลื่นไมโครเวฟอยู่ตลอดเมื่อเราอุ่นอาหาร โดยหลักการแล้ว เขาจะออกแบบให้คลื่นที่อยู่ในเตาอบนั้นฟอร์มตัวเป็น "คลื่นนิ่ง" อยู่บริเวณตรงกลางเครื่อง ที่เราใช้วางอาหารไงครับ เจ้าคลื่นนิ่งนี้ก็คือ resonance อีกเช่นกันครับ ลักษณะของมันขึ้นอยู่กับความถี่ของคลื่นที่ส่ง และรูปร่างของเตาที่กักมันไว้
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ เงื่อนไขที่ทำให้เกิด resonance มีสองข้อคือ
๑) มันต้องมีการ "กัก" หรือ "ขัง" พลังงานเอาไว้ครับ
๒)ถ้าเรากักพลังงานเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง(ซึ่งต้องมากพอสมควร) และเราก็ใส่พลังเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆด้วยความถี่ที่เหมาะสม มันถึงจะเกิด resonance ขึ้นครับ ไม่เช่นนั้น สิ่งที่เกิดจะเป็นเหมือนโยนหินลงในบ่อน้ำครับ คือมีการกระเพื่อมของคลื่นในตอนแรก หลังจากนั้นไม่นานมันก็จะหายไปเพราะสูญเสียพลังงาน ซึ่งเราเรียกมันว่่า dissipation ครับ
และนี่แหละครับ ที่ผมเห็นว่าเรื่องการเปลี่ยนสภาพอากาศด้วยการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องยากครับ เพราะว่า
๑ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในชั้นบรรยากาศนั้นมีลักษณะอย่างไร และประกอบไปด้วยอะไรบ้าง(ในรายละเอียด) ทำให้เราไม่ทราบว่า resonance frequency คืออะไร
๒ คุณสมบัติอีกอย่างคือ เมื่อส่งคลื่นนั้นไป พลังงานที่ส่งจะแบ่งเป็นสามส่วนคือ สะท้อนกลับมา ทะลุผ่านไป และดูดซับเอาไว้ ถ้ามีสองอันแรกเยอะ ก็เป็นเรื่องยากครับ ที่เราจะสร้าง resonance ได้
สองข้อนี้ผมมีสมมุติฐานว่า เรายังรู้เกี่ยวกับชั้นบรรยากาศ ionosphere น้อยอยู่นะครับ เอาล่ะ สมมุติว่าเรารู้จนได้ แต่ก็ยังมีความยากที่ตามมาอีกครับ คือ
๓ boundary condition ของชั้นบรรยากาศนั้นไม่เหมาะกับการเกิด resonance ครับ พลังงานที่เราให้ไป ถ้ามันเกิดเป็นความร้อนขึ้นมา มันจะสามารถ drain ออกจากระบบได้หลายทิศทาง ทำให้การกักเก็บพลังงานอย่างต่อเนื่องเกิดได้ยากครับ
๔ ด้วยข้อจำกัดของข้อ ๓ ทำให้เหลือทางเดียวที่จะทำให้เกิดความร้อนได้ก็คือ การให้พลังงานในปริมาณที่สูงมากในบริเวณหนึ่งอย่างรวดเร็ว เหมือนเราโยนก้อนเหล็กร้อนลงในน้ำ จะเกิดน้ำเดือดขึ้นได้บริเวณเล็กๆ รอบๆก้อนเหล็กนั้น ซึ่งเป็นเรื่งที่เป็นไปได้ทางทฤษฎี แต่เป็นไปได้ยากมากๆในทางปฏิบัติครับ เพราะเราต้องการพลังงานที่มาก ในเวลาอันรวดเร็ว หมายความว่าเราต้องการ power มากๆ ผมเองก็ยังไม่เคยลองคำนวณ แต่ผมมั่นใจว่ามันต้องมหาศาลแน่นอน เพราะการจะรบกวนชั้นบรรยากาศ จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ ต้องเกิดการรบกวนที่เป็นบริเวณกว้างมากครับ ผมว่าอย่างน้อยต้องระดับเดียวกับระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว เท่าที่ผมรู้ เครื่องส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่สามารถทำอย่างนั้น(ให้พลังงานมาก และเร็วพอๆกับระเบิดนิวเคลียร์) ได้ครับ
ยังมีข้อจำกัดอีกมากมายครับ ที่สำคัญที่สุดคือ dissipation หรือการสูญเสียพลังงานนี่แหละครับ เรื่องสิทธิบัตรของ Tesla นั้นผมก็เคยได้ยิน Tesla พยายามโปรโมทโครงการนี้มากครับ เขาต้องการส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไม่มีสาย แต่ปัญหาคือการสูญเสียพลังงานนี่แหละครับ ที่ทำให้โครงการนี้เป็นหมัน เทสล่า เองก็หมดเงินไปเยอะครับ หอส่งสัญญาณก็กลายเป็นเศษเหล็กไปในที่สุด
ต่อให้เราสร้างเครื่องส่งพลังงานสูงขึ้นได้ กว่าจะถึงชั้นบรรยากาศ ผมไม่รู้ว่ามันจะเหลือซักเท่าไหร่ แถมอาจกระจายเป็นวงกว้าง(กว่าที่ต้องการ)มากอีกต่างหาก
ความยากนั้นผมนึกได้เท่านี้แหละครับ ผมเชื่อว่ายังมีอีกเยอะ ถ้านึกได้เพิ่มก็จะเอามาลงอีก จะพยายามหา reference ให้ครับ เอาแบบเขียนเพียวๆ ไปก่อนนะครับ และขอบคุณ คุณ J7th ที่หาเอกสารอ้างอิงของ Stanford มาให้ อันนี้ค่อยยังชั่วหน่อยครับ อย่าไปจริงจังกับพวกสารคดีมากเลยครับ มันเน้นความบันเทิงมากกว่าสาระครับ