MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby finder » Sat Nov 13, 2010 11:14 pm

55555 wrote:ส่วนข้อ 1-3 ผมต้องดูภูมิปัญญาคุณก่อนว่า มีสติปัญญาพอจะตอบผมได้ป่าว...

เรื่องการใส่เรื่องสันปันน้ำเข้าไปใน MOU 43 ....คุณว่า ไอ้ฮุนเซ็นต์มันยกเขาพระวิหารทั้งลูกให้ไทยเลยใช่ป่าว...
สัญญา1904และ1907ใช้สันปันน้ำ เขาทั้งลูกจึงเป็นของไทย ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง

อีกเรือง คุณรู้หรือป่าว ว่าทำไมเค้าถึงทำ MOU 43 กัน....
ก็ดูที่กษิตพูดและผมแย้งไว้สิ
กระผมขอเรียนว่าMOU ๒๕๔๓ เป็นเครื่องมือที่ไทยกับกัมพูชาใช้ในการดำเนินการเรื่องเขตแดนระหว่างทั้ง สองประเทศเพื่อหาว่า เส้นเขตแดนที่สยามกับฝรั่งเศสได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วในอดีต ว่าอยู่ที่ใด กระผมหมายถึงตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๐๔ และปี ค.ศ. ๑๙๐๗ ดังนั้น MOU ๒๕๔๓ จึงไม่ใช่ความตกลงเพื่อปักปันเขตแดน หรือเพื่อกำหนดหรือแบ่งเขตแดนกันใหม่

ถ้าหาแล้วคนไทยจะรู้ได้ไงว่า ไม่มีการทำให้เราเสียดินแดน เพราะข้อสงสัยมีมากมาย
1.คนไทยถูกไล่ออกจากพื้นที่ของตนที่อยู่มาแต่บรรพบุรุษ
2.คนเขมรเข้าไปอยู่แทนในที่ของคนไทย
3.พื้นที่ทับซ้อนมีแต่ตัวปราสาท ทำไมจึงเกิดสิ่งปลูกสร้างของเขมรในพื้นที่4.6ตร.กม.
4.เมื่อเขมรล้ำเข้ามาเป็นการทำผิดกติกา ทำไมการเจรจาจึงยังเดินหน้า ทำไมไม่หยุดการเจรจาแล้วให้เขมรถอยออกไปก่อน
5.คำกล่าวของนายวา คิม ฮง ที่กล่าวหาไทยว่าไทยล้ำเข้าไปในดินแดนของเขมร และมีอยู่ในบันทึกของJBC โดยทางไทยไม่ได้โต้แย้ง จะถูกทางเขมรใช้เป็นข้ออ้างว่าพื้นที่ทั้งหมดที่เขากล่าวถึงเป็นของเขา เพราะไทยไม่ได้โต้แย้ง เช่นเดียวกับกฎหมายปิดปาก


นี่คำถามยิ่งกว่าพื้นอีกน๊ะเนี่ย...[/b]


:lol: :lol: :lol:

ผมว่าเรื่องอย่างนี้อย่าเอามาถามผมเลยนะ เพราะมีคำตอบอยู่ทั่วไปแล้ว ปัญหาคือจะมาขัดตาทัพเพื่อหาทางไม่ตอบที่เหลือหรือครับ ถ้าไม่ใช่จะกั๊กไว้ทำไม ตอบมาเลย ผมตอบพวกคุณ ผมตอบหมดทุกใจความสำคัญนะ ไม่เคยกั๊กหลบไปขอข้อมูลใคร หรือภูมิปัญญาของคุณมันติดขัด ก็บอกมา จะขอเวลานอกให้

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby คนไกล » Sat Nov 13, 2010 11:18 pm

เหวย เหว่ย เหว้ย เหว๊ย เหว๋ย
“You now see complexity when you once saw simplicity; you see grays rather than black and white. But this is to the good because the world is in fact complicated.” ==>Dean Elena Kagan :Associate Justice of the Supreme Court of the United States
User avatar
คนไกล
 
Posts: 4327
Joined: Fri Oct 09, 2009 3:18 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby dutchout » Sat Nov 13, 2010 11:52 pm

55555 wrote:
ถ้าเป็นคอพระวิหารตัวจริง...คงไม่ต้องบอกน๊ะครับ...ว่าล่าสุด UNESCO เลื่อนมติออกไป เพราะมัปัญหาเรื่องแผนบริหารจัดการ...หลังจากรัฐบาลโดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ ไปนั่งคัดค้านหน้าดำหน้าแดงในที่ประชุม [/b]

:lol: :lol: :lol:



ขออนุญาติแย้งครับ จากที่ฟัง พธม มา เขาบอกว่า ที่ UNESCO เลื่อนมติออกไป เพราะ พธม ไปประท้วงหน้า UENSCO ในไทยครับ

ถ้าไม่มีคนกลุ่มนี้ มติ ไม่มีทางเลื่อนไปปีหน้าครับ เชื่อผม เชื่อแป๊ะ ชาบูๆๆๆ
User avatar
dutchout
 
Posts: 2194
Joined: Tue Apr 14, 2009 10:53 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby finder » Sat Nov 13, 2010 11:56 pm

คนไกล wrote:เหวย เหว่ย เหว้ย เหว๊ย เหว๋ย


เหวย เหว่ย เหว้ย ผันได้แค่3เสียงเอง

แสดงว่า ตกภาษาไทย


:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby finder » Sat Nov 13, 2010 11:58 pm

dutchout wrote:
55555 wrote:
ถ้าเป็นคอพระวิหารตัวจริง...คงไม่ต้องบอกน๊ะครับ...ว่าล่าสุด UNESCO เลื่อนมติออกไป เพราะมัปัญหาเรื่องแผนบริหารจัดการ...หลังจากรัฐบาลโดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ ไปนั่งคัดค้านหน้าดำหน้าแดงในที่ประชุม [/b]

:lol: :lol: :lol:



ขออนุญาติแย้งครับ จากที่ฟัง พธม มา เขาบอกว่า ที่ UNESCO เลื่อนมติออกไป เพราะ พธม ไปประท้วงหน้า UENSCO ในไทยครับ

ถ้าไม่มีคนกลุ่มนี้ มติ ไม่มีทางเลื่อนไปปีหน้าครับ เชื่อผม เชื่อแป๊ะ ชาบูๆๆๆ


คุณเข้าใจผิดครับ

เป็นคำพูดของสุวิทย์ คุณกิตติครับ ทันทีที่เดินลงจากเครื่อง หลังกลับจากยูเนสโก :mrgreen:
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby คนไกล » Sun Nov 14, 2010 12:01 am

finder wrote:
คนไกล wrote:เหวย เหว่ย เหว้ย เหว๊ย เหว๋ย


เหวย เหว่ย เหว้ย ผันได้แค่3เสียงเอง

แสดงว่า ตกภาษาไทย


:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

อูยยยยยยยยย พี่ท่านอยากจะเขียนให้ถูกหลักภาษาก็ช่างเถอะคร่า น้องนางไม่แคร์สื่อ :lol: แต่พี่ท่านก็ยังต้องหัดฟังภาษาไทยให้รู้เรื่องแล้วตอบตรงคำถามด้วยเน้อ คริคริ
“You now see complexity when you once saw simplicity; you see grays rather than black and white. But this is to the good because the world is in fact complicated.” ==>Dean Elena Kagan :Associate Justice of the Supreme Court of the United States
User avatar
คนไกล
 
Posts: 4327
Joined: Fri Oct 09, 2009 3:18 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby Robert De Niro » Sun Nov 14, 2010 12:24 am

คนไกล wrote:อูยยยยยยยยย พี่ท่านอยากจะเขียนให้ถูกหลักภาษาก็ช่างเถอะคร่า น้องนางไม่แคร์สื่อ :lol: แต่พี่ท่านก็ยังต้องหัดฟังภาษาไทยให้รู้เรื่องแล้วตอบตรงคำถามด้วยเน้อ คริคริ

โดน อย่างแรง!!! :lol:
กองกำลังไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด (...ใส่แว่นสีฟ้า)
User avatar
Robert De Niro
 
Posts: 6093
Joined: Sat Nov 08, 2008 11:27 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby คนไกล » Sun Nov 14, 2010 12:28 am

Robert De Niro wrote:
คนไกล wrote:อูยยยยยยยยย พี่ท่านอยากจะเขียนให้ถูกหลักภาษาก็ช่างเถอะคร่า น้องนางไม่แคร์สื่อ :lol: แต่พี่ท่านก็ยังต้องหัดฟังภาษาไทยให้รู้เรื่องแล้วตอบตรงคำถามด้วยเน้อ คริคริ

โดน อย่างแรง!!! :lol:

ฟ้องๆๆๆๆ พี่ท่านหาว่าจารย์ปู่สอนศิษย์ไม่ดีอ่ะ ว่าศิษย์ตกภาษาไทยด้วยแหละ :cry:
“You now see complexity when you once saw simplicity; you see grays rather than black and white. But this is to the good because the world is in fact complicated.” ==>Dean Elena Kagan :Associate Justice of the Supreme Court of the United States
User avatar
คนไกล
 
Posts: 4327
Joined: Fri Oct 09, 2009 3:18 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby Robert De Niro » Sun Nov 14, 2010 12:35 am

คนไกล wrote:ฟ้องๆๆๆๆ พี่ท่านหาว่าจารย์ปู่สอนศิษย์ไม่ดีอ่ะ ว่าศิษย์ตกภาษาไทยด้วยแหละ :cry:

เจ้าอายุยังน้อย ผันเสียงเล่นขำๆ ใครอุตริมาเอาความด้วยกับเรื่องแค่นี้
คงไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย ไม่ก็คงใกล้เพี้ยนแล้วล่ะ :mrgreen:

เคยได้ยินโคลงบทนี้ไม๊

รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ... ;)
กองกำลังไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด (...ใส่แว่นสีฟ้า)
User avatar
Robert De Niro
 
Posts: 6093
Joined: Sat Nov 08, 2008 11:27 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby Robert De Niro » Sun Nov 14, 2010 12:39 am

เผื่อบางคนเค้าจะลืม เอามาฝาก ;)

รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไปเห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้น ลึกเหลือ

:mrgreen:
กองกำลังไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด (...ใส่แว่นสีฟ้า)
User avatar
Robert De Niro
 
Posts: 6093
Joined: Sat Nov 08, 2008 11:27 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby คนไกล » Sun Nov 14, 2010 12:46 am

Robert De Niro wrote:เผื่อบางคนเค้าจะลืม เอามาฝาก ;)

รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไปเห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้น ลึกเหลือ

:mrgreen:

โอ๊ยๆๆ รู้จักแต่น้ำบ่อหน้า กะพายเรื่อในอ่างให้โจรนั่งง่ะ :roll:
“You now see complexity when you once saw simplicity; you see grays rather than black and white. But this is to the good because the world is in fact complicated.” ==>Dean Elena Kagan :Associate Justice of the Supreme Court of the United States
User avatar
คนไกล
 
Posts: 4327
Joined: Fri Oct 09, 2009 3:18 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby Robert De Niro » Sun Nov 14, 2010 12:51 am

แต่คนแถวนี้ชอบกำแผนที่แล้ว...พายเรือในอ่างนะ :lol:
วันนี้คงไม่มีใครตอบคำถามพื้นๆอีกแหละ ไปอาบน้ำก็ได้ฟะ
กองกำลังไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด (...ใส่แว่นสีฟ้า)
User avatar
Robert De Niro
 
Posts: 6093
Joined: Sat Nov 08, 2008 11:27 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby 55555 » Sun Nov 14, 2010 3:23 pm

finder wrote:
dutchout wrote:
55555 wrote:
ถ้าเป็นคอพระวิหารตัวจริง...คงไม่ต้องบอกน๊ะครับ...ว่าล่าสุด UNESCO เลื่อนมติออกไป เพราะมัปัญหาเรื่องแผนบริหารจัดการ...หลังจากรัฐบาลโดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ ไปนั่งคัดค้านหน้าดำหน้าแดงในที่ประชุม [/b]

:lol: :lol: :lol:



ขออนุญาติแย้งครับ จากที่ฟัง พธม มา เขาบอกว่า ที่ UNESCO เลื่อนมติออกไป เพราะ พธม ไปประท้วงหน้า UENSCO ในไทยครับ

ถ้าไม่มีคนกลุ่มนี้ มติ ไม่มีทางเลื่อนไปปีหน้าครับ เชื่อผม เชื่อแป๊ะ ชาบูๆๆๆ


คุณเข้าใจผิดครับ

เป็นคำพูดของสุวิทย์ คุณกิตติครับ ทันทีที่เดินลงจากเครื่อง หลังกลับจากยูเนสโก :mrgreen:


นี่ก็มั่วอีกแล้ว....เมื่อไหร่จะเลิกมั่วซักที...(ก็ยังไม่รู้)


http://www.thaiwhic.go.th/preview_activity.aspx?nid=179

การหารือใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงจนฝ่ายไทยได้ข้อตกลงเป็นร่างมติ (Draft Decision) แต่เมื่อฝ่ายบราซิล ได้นำร่างมตินี้ไปหารือกับทางกัมพูชาในลักษณะเดียวกับที่ได้หารือกับไทย เพื่อให้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นร่วมกัน ปรากฏว่าทางฝ่ายกัมพูชาไม่สามารถรับข้อเสนอได้ ทำให้วาระการประชุมดังกล่าว ซึ่งเลื่อนการประชุมมาจากเย็นวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ มาเป็นเช้าวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓ จึงต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ดังนั้น เมื่อการเจรจาไม่สามารถเจรจาผ่านตัวกลางสำเร็จ เจ้าภาพจึงต้องจัดให้มีการหารือกันโดยตรงระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมีบราซิลในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ ๓๔ และในฐานะประเทศเจ้าภาพ เป็นตัวกลางอีกครั้ง การประชุมเริ่มประมาณ ๑๗.๓๐ น. โดยฝ่ายไทยประกอบด้วย ๑) นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะ ๒) นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓) นายอัษฎา ชัยนาม ที่ปรึกษาพิเศษด้านการต่างประเทศ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายกัมพูชา ประกอบด้วย ๑) นายสก อาน ๒) ที่ปรึกษากฎหมายชาวอเมริกันเข้าร่วมด้วย (การประชุมครั้งนี้ทางผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม ไม่ได้มีส่วนร่วมแสดงข้อคิดเห็นและไม่ได้เข้าร่วมประชุม รวมทั้งไม่มีส่วนในการร่าง Draft Decision) การเจรจาใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงเศษ และได้ข้อสรุปในเบื้องต้น

โดยมีสาระสำคัญคือ ให้เลื่อนการพิจารณาเอกสารแผนการบริหารจัดการพื้นที่มรดกโลกปราสาทพระวิหารของประเทศภาคีสมาชิก (กัมพูชา) จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๔ ณ ประเทศบราซิล ไปในการประชุมฯ ครั้งที่ ๓๕ ในปีพ.ศ. ๒๕๕๔ ณ ประเทศบาห์เรน โดยปัญหาหลักของประเทศไทยคือพื้นที่การบริหารจัดการของปราสาทพระวิหาร (buffer zone) ที่มีบางส่วนที่รุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทยในพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตร ซึ่งฝ่ายไทยก็อ้างสิทธิในพื้นที่นี้ตามชายขอบของสันปันน้ำ (watershed) รวมทั้งเอกสารรายงานสถานะของการอนุรักษ์หมายเลข ๓๔COM ๗B.Add.๓ จำนวน ๗ หน้า ที่ทางฝ่ายเลขานุการได้แจกในที่ประชุมก่อนการพิจารณาวาระ มีกิจกรรมบางอย่างซึ่งในเนื้อหากล่าวถึง กระทำในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งฝ่ายไทยไม่สามารถยอมรับได้ นอกจากนี้แล้ว แผนการบริหารจัดการในเขตพื้นที่ฉบับเต็ม ซึ่งทางกัมพูชาอ้างว่าได้เผยแพร่ในเว็บไซต์ของศูนย์มรดกโลกแล้ว ก็ยังไม่ปรากฏแต่อย่างใด



คงไม่บอกว่าว่าเป็นรายงานของ สุวิทย์ คุณกิตติ อีกน๊ะเนี่ย..

เห็นข่าวนี้แล้วคงไม่ต้องถามอีกน๊ะครับว่า ถึงเวลาแล้วไทยจะกล้าไปแย้ง เรื่อง 7 ชาติ เข้ามาบริหารจัดหรือไม่....

เห็นข่าวนี้แล้วคงไม่ต้องถามน๊ะครับ...ว่า เรายังยืนยันเรื่องสันปันน้ำอยู่หรือไม่....

ตกลงคุณเห็นแล้วใช่มั๊ยว่า UNESCO อนุมัติการขึ้นทะเบียน โดยไม่เกี่ยวกับ พื้นที่โดยรอบ.....

แล้วที่บอกว่าทำไมรัฐบาลยอมให้ UNESCO ทำผิดหลักเกณฑ์ คุณคงหมายถึงรัฐบาลสมัคร โดย นพดล มั๊ง....

เห็นข่าวนี้แล้วคงรู้ว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ปล่อยให้ UNESCO ทำผิดหลักเกณฑ์...อย่ามั่วดิ....


:lol: :lol: :lol:
Last edited by 55555 on Sun Nov 14, 2010 4:19 pm, edited 2 times in total.
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby 55555 » Sun Nov 14, 2010 3:28 pm

ซ้ำ
Last edited by 55555 on Sun Nov 14, 2010 4:06 pm, edited 1 time in total.
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby 55555 » Sun Nov 14, 2010 3:51 pm

55555 wrote:
finder wrote:
55555 wrote:ส่วนข้อ 1-3 ผมต้องดูภูมิปัญญาคุณก่อนว่า มีสติปัญญาพอจะตอบผมได้ป่าว...

เรื่องการใส่เรื่องสันปันน้ำเข้าไปใน MOU 43 ....คุณว่า ไอ้ฮุนเซ็นต์มันยกเขาพระวิหารทั้งลูกให้ไทยเลยใช่ป่าว...
สัญญา1904และ1907ใช้สันปันน้ำ เขาทั้งลูกจึงเป็นของไทย ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง

อีกเรือง คุณรู้หรือป่าว ว่าทำไมเค้าถึงทำ MOU 43 กัน....
ก็ดูที่กษิตพูดและผมแย้งไว้สิ
กระผมขอเรียนว่าMOU ๒๕๔๓ เป็นเครื่องมือที่ไทยกับกัมพูชาใช้ในการดำเนินการเรื่องเขตแดนระหว่างทั้ง สองประเทศเพื่อหาว่า เส้นเขตแดนที่สยามกับฝรั่งเศสได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วในอดีต ว่าอยู่ที่ใด กระผมหมายถึงตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๐๔ และปี ค.ศ. ๑๙๐๗ ดังนั้น MOU ๒๕๔๓ จึงไม่ใช่ความตกลงเพื่อปักปันเขตแดน หรือเพื่อกำหนดหรือแบ่งเขตแดนกันใหม่

ถ้าหาแล้วคนไทยจะรู้ได้ไงว่า ไม่มีการทำให้เราเสียดินแดน เพราะข้อสงสัยมีมากมาย
1.คนไทยถูกไล่ออกจากพื้นที่ของตนที่อยู่มาแต่บรรพบุรุษ
2.คนเขมรเข้าไปอยู่แทนในที่ของคนไทย
3.พื้นที่ทับซ้อนมีแต่ตัวปราสาท ทำไมจึงเกิดสิ่งปลูกสร้างของเขมรในพื้นที่4.6ตร.กม.
4.เมื่อเขมรล้ำเข้ามาเป็นการทำผิดกติกา ทำไมการเจรจาจึงยังเดินหน้า ทำไมไม่หยุดการเจรจาแล้วให้เขมรถอยออกไปก่อน
5.คำกล่าวของนายวา คิม ฮง ที่กล่าวหาไทยว่าไทยล้ำเข้าไปในดินแดนของเขมร และมีอยู่ในบันทึกของJBC โดยทางไทยไม่ได้โต้แย้ง จะถูกทางเขมรใช้เป็นข้ออ้างว่าพื้นที่ทั้งหมดที่เขากล่าวถึงเป็นของเขา เพราะไทยไม่ได้โต้แย้ง เช่นเดียวกับกฎหมายปิดปาก


นี่คำถามยิ่งกว่าพื้นอีกน๊ะเนี่ย...[/b]


:lol: :lol: :lol:

ผมว่าเรื่องอย่างนี้อย่าเอามาถามผมเลยนะ เพราะมีคำตอบอยู่ทั่วไปแล้ว ปัญหาคือจะมาขัดตาทัพเพื่อหาทางไม่ตอบที่เหลือหรือครับ ถ้าไม่ใช่จะกั๊กไว้ทำไม ตอบมาเลย ผมตอบพวกคุณ ผมตอบหมดทุกใจความสำคัญนะ ไม่เคยกั๊กหลบไปขอข้อมูลใคร หรือภูมิปัญญาของคุณมันติดขัด ก็บอกมา จะขอเวลานอกให้

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:


finder wrote:กระผมขอเรียนว่าMOU ๒๕๔๓ เป็นเครื่องมือที่ไทยกับกัมพูชาใช้ในการดำเนินการเรื่องเขตแดนระหว่างทั้ง สองประเทศเพื่อหาว่า เส้นเขตแดนที่สยามกับฝรั่งเศสได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วในอดีต ว่าอยู่ที่ใด กระผมหมายถึงตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๐๔ และปี ค.ศ. ๑๙๐๗ ดังนั้น MOU ๒๕๔๓ จึงไม่ใช่ความตกลงเพื่อปักปันเขตแดน หรือเพื่อกำหนดหรือแบ่งเขตแดนกันใหม่




งั้นก็แสดงว่า ฮุนเซ็นมันเซ็นต์ยกเขาพระวิหารให้ไทยเลยดิ....ด้วยตรรกะเดียวกัน....


แล้ว MOU 43 มันไปเกี่ยวอะไร กับการรุกล้ำ.....ถ้าเค้าละเมิดเพราะ MOU บอกว่าให้เข้าไปอยู่ได้ นั่นก็อีกเรื่องสิครับ....ผมเห็นมีแต่ ลงไว้ใน MOU แบบข้างล่าง....




Image

ตกลง เวลามีโจรทำผิด ก็บอกว่า กฏหมายไม่ดีใช่ป่ะ....
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby finder » Sun Nov 14, 2010 10:07 pm

55555 wrote:
finder wrote:
dutchout wrote:
55555 wrote:
ถ้าเป็นคอพระวิหารตัวจริง...คงไม่ต้องบอกน๊ะครับ...ว่าล่าสุด UNESCO เลื่อนมติออกไป เพราะมัปัญหาเรื่องแผนบริหารจัดการ...หลังจากรัฐบาลโดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ ไปนั่งคัดค้านหน้าดำหน้าแดงในที่ประชุม [/b]

:lol: :lol: :lol:



ขออนุญาติแย้งครับ จากที่ฟัง พธม มา เขาบอกว่า ที่ UNESCO เลื่อนมติออกไป เพราะ พธม ไปประท้วงหน้า UENSCO ในไทยครับ

ถ้าไม่มีคนกลุ่มนี้ มติ ไม่มีทางเลื่อนไปปีหน้าครับ เชื่อผม เชื่อแป๊ะ ชาบูๆๆๆ


คุณเข้าใจผิดครับ

เป็นคำพูดของสุวิทย์ คุณกิตติครับ ทันทีที่เดินลงจากเครื่อง หลังกลับจากยูเนสโก :mrgreen:


นี่ก็มั่วอีกแล้ว....เมื่อไหร่จะเลิกมั่วซักที...(ก็ยังไม่รู้)
ผมยืนยันได้ว่าสุวิทย์พูด ไปหาอ่านข่าวเก่าได้
ที่ASTV,วิทยากรที่มาพูดหลายคนก็พูดว่าสุวิทย์พูด และสุวิทย์ก็ไม่เคยปฏิเสธ
ว่าไม่ได้พูด ถ้าคุณไม่เคยได้ยิน ก็มิได้แปลว่า ผมพูดไม่จริง
เพราะผมได้ยินกับหูของผม ดังนั้นผมคิดว่า ถ้าคุณไม่รู้ ก็อย่ายัดเยียดว่าคนอื่นมั่ว
เพราะเท่ากับคุณนั่นแหละที่กำลังมั่ว



http://www.thaiwhic.go.th/preview_activity.aspx?nid=179

การหารือใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงจนฝ่ายไทยได้ข้อตกลงเป็นร่างมติ (Draft Decision) แต่เมื่อฝ่ายบราซิล ได้นำร่างมตินี้ไปหารือกับทางกัมพูชาในลักษณะเดียวกับที่ได้หารือกับไทย เพื่อให้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นร่วมกัน ปรากฏว่าทางฝ่ายกัมพูชาไม่สามารถรับข้อเสนอได้ ทำให้วาระการประชุมดังกล่าว ซึ่งเลื่อนการประชุมมาจากเย็นวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ มาเป็นเช้าวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓ จึงต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ดังนั้น เมื่อการเจรจาไม่สามารถเจรจาผ่านตัวกลางสำเร็จ เจ้าภาพจึงต้องจัดให้มีการหารือกันโดยตรงระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมีบราซิลในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ ๓๔ และในฐานะประเทศเจ้าภาพ เป็นตัวกลางอีกครั้ง การประชุมเริ่มประมาณ ๑๗.๓๐ น. โดยฝ่ายไทยประกอบด้วย ๑) นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะ ๒) นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓) นายอัษฎา ชัยนาม ที่ปรึกษาพิเศษด้านการต่างประเทศ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายกัมพูชา ประกอบด้วย ๑) นายสก อาน ๒) ที่ปรึกษากฎหมายชาวอเมริกันเข้าร่วมด้วย (การประชุมครั้งนี้ทางผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม ไม่ได้มีส่วนร่วมแสดงข้อคิดเห็นและไม่ได้เข้าร่วมประชุม รวมทั้งไม่มีส่วนในการร่าง Draft Decision) การเจรจาใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงเศษ และได้ข้อสรุปในเบื้องต้น

โดยมีสาระสำคัญคือ ให้เลื่อนการพิจารณาเอกสารแผนการบริหารจัดการพื้นที่มรดกโลกปราสาทพระวิหารของประเทศภาคีสมาชิก (กัมพูชา) จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๔ ณ ประเทศบราซิล ไปในการประชุมฯ ครั้งที่ ๓๕ ในปีพ.ศ. ๒๕๕๔ ณ ประเทศบาห์เรน โดยปัญหาหลักของประเทศไทยคือพื้นที่การบริหารจัดการของปราสาทพระวิหาร (buffer zone) ที่มีบางส่วนที่รุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทยในพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตร ซึ่งฝ่ายไทยก็อ้างสิทธิในพื้นที่นี้ตามชายขอบของสันปันน้ำ (watershed) รวมทั้งเอกสารรายงานสถานะของการอนุรักษ์หมายเลข ๓๔COM ๗B.Add.๓ จำนวน ๗ หน้า ที่ทางฝ่ายเลขานุการได้แจกในที่ประชุมก่อนการพิจารณาวาระ มีกิจกรรมบางอย่างซึ่งในเนื้อหากล่าวถึง กระทำในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งฝ่ายไทยไม่สามารถยอมรับได้ นอกจากนี้แล้ว แผนการบริหารจัดการในเขตพื้นที่ฉบับเต็ม ซึ่งทางกัมพูชาอ้างว่าได้เผยแพร่ในเว็บไซต์ของศูนย์มรดกโลกแล้ว ก็ยังไม่ปรากฏแต่อย่างใด



คงไม่บอกว่าว่าเป็นรายงานของ สุวิทย์ คุณกิตติ อีกน๊ะเนี่ย..

เห็นข่าวนี้แล้วคงไม่ต้องถามอีกน๊ะครับว่า ถึงเวลาแล้วไทยจะกล้าไปแย้ง เรื่อง 7 ชาติ เข้ามาบริหารจัดหรือไม่....

เห็นข่าวนี้แล้วคงไม่ต้องถามน๊ะครับ...ว่า เรายังยืนยันเรื่องสันปันน้ำอยู่หรือไม่....

ตกลงคุณเห็นแล้วใช่มั๊ยว่า UNESCO อนุมัติการขึ้นทะเบียน โดยไม่เกี่ยวกับ พื้นที่โดยรอบ.....
อันนี้ผมเชื่ออยู่แล้ว ผมถึงถามไงครับ

แล้วที่บอกว่าทำไมรัฐบาลยอมให้ UNESCO ทำผิดหลักเกณฑ์ คุณคงหมายถึงรัฐบาลสมัคร โดย นพดล มั๊ง....

เห็นข่าวนี้แล้วคงรู้ว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ปล่อยให้ UNESCO ทำผิดหลักเกณฑ์...อย่ามั่วดิ....


:lol: :lol: :lol:

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

ขอหัวเราะก่อนแล้วค่อยโพสท์นะครับ น้อยครั้งครับที่ผมจะทำอย่างนี้ ผมอ่านแล้วผมขำจริงๆ ไม่ได้แกล้ง

ถ้าสมัครและนพดลทำผิดหลักเกณฑ์แล้วอภิสิทธิ์มารับช่วงบริหารต่อ ถ้าอภิสิทธิ์ไม่แก้ไขเรื่องที่ผิด ทั้งๆที่ตนเองก็อภิปรายเรื่องนี้ในสภา


อภิสิทธิ์จะไม่ผิดได้อย่างไรครับ หรือมาแบบ

ทักษิณทำชั่ว พวกเราไม่ยอม
อภิสิทธิ์ทำชั่ว พวกเรายอม

แล้วตกลงข้อที่เหลือเมื่อไรจะตอบครับ :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby finder » Sun Nov 14, 2010 10:31 pm

55555 wrote:
55555 wrote:
finder wrote:
55555 wrote:ส่วนข้อ 1-3 ผมต้องดูภูมิปัญญาคุณก่อนว่า มีสติปัญญาพอจะตอบผมได้ป่าว...

เรื่องการใส่เรื่องสันปันน้ำเข้าไปใน MOU 43 ....คุณว่า ไอ้ฮุนเซ็นต์มันยกเขาพระวิหารทั้งลูกให้ไทยเลยใช่ป่าว...
สัญญา1904และ1907ใช้สันปันน้ำ เขาทั้งลูกจึงเป็นของไทย ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง

อีกเรือง คุณรู้หรือป่าว ว่าทำไมเค้าถึงทำ MOU 43 กัน....
ก็ดูที่กษิตพูดและผมแย้งไว้สิ
กระผมขอเรียนว่าMOU ๒๕๔๓ เป็นเครื่องมือที่ไทยกับกัมพูชาใช้ในการดำเนินการเรื่องเขตแดนระหว่างทั้ง สองประเทศเพื่อหาว่า เส้นเขตแดนที่สยามกับฝรั่งเศสได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วในอดีต ว่าอยู่ที่ใด กระผมหมายถึงตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๐๔ และปี ค.ศ. ๑๙๐๗ ดังนั้น MOU ๒๕๔๓ จึงไม่ใช่ความตกลงเพื่อปักปันเขตแดน หรือเพื่อกำหนดหรือแบ่งเขตแดนกันใหม่

ถ้าหาแล้วคนไทยจะรู้ได้ไงว่า ไม่มีการทำให้เราเสียดินแดน เพราะข้อสงสัยมีมากมาย
1.คนไทยถูกไล่ออกจากพื้นที่ของตนที่อยู่มาแต่บรรพบุรุษ
2.คนเขมรเข้าไปอยู่แทนในที่ของคนไทย
3.พื้นที่ทับซ้อนมีแต่ตัวปราสาท ทำไมจึงเกิดสิ่งปลูกสร้างของเขมรในพื้นที่4.6ตร.กม.
4.เมื่อเขมรล้ำเข้ามาเป็นการทำผิดกติกา ทำไมการเจรจาจึงยังเดินหน้า ทำไมไม่หยุดการเจรจาแล้วให้เขมรถอยออกไปก่อน
5.คำกล่าวของนายวา คิม ฮง ที่กล่าวหาไทยว่าไทยล้ำเข้าไปในดินแดนของเขมร และมีอยู่ในบันทึกของJBC โดยทางไทยไม่ได้โต้แย้ง จะถูกทางเขมรใช้เป็นข้ออ้างว่าพื้นที่ทั้งหมดที่เขากล่าวถึงเป็นของเขา เพราะไทยไม่ได้โต้แย้ง เช่นเดียวกับกฎหมายปิดปาก


นี่คำถามยิ่งกว่าพื้นอีกน๊ะเนี่ย...[/b]


:lol: :lol: :lol:

ผมว่าเรื่องอย่างนี้อย่าเอามาถามผมเลยนะ เพราะมีคำตอบอยู่ทั่วไปแล้ว ปัญหาคือจะมาขัดตาทัพเพื่อหาทางไม่ตอบที่เหลือหรือครับ ถ้าไม่ใช่จะกั๊กไว้ทำไม ตอบมาเลย ผมตอบพวกคุณ ผมตอบหมดทุกใจความสำคัญนะ ไม่เคยกั๊กหลบไปขอข้อมูลใคร หรือภูมิปัญญาของคุณมันติดขัด ก็บอกมา จะขอเวลานอกให้

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:


finder wrote:กระผมขอเรียนว่าMOU ๒๕๔๓ เป็นเครื่องมือที่ไทยกับกัมพูชาใช้ในการดำเนินการเรื่องเขตแดนระหว่างทั้ง สองประเทศเพื่อหาว่า เส้นเขตแดนที่สยามกับฝรั่งเศสได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วในอดีต ว่าอยู่ที่ใด กระผมหมายถึงตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๐๔ และปี ค.ศ. ๑๙๐๗ ดังนั้น MOU ๒๕๔๓ จึงไม่ใช่ความตกลงเพื่อปักปันเขตแดน หรือเพื่อกำหนดหรือแบ่งเขตแดนกันใหม่




งั้นก็แสดงว่า ฮุนเซ็นมันเซ็นต์ยกเขาพระวิหารให้ไทยเลยดิ....ด้วยตรรกะเดียวกัน....


แล้ว MOU 43 มันไปเกี่ยวอะไร กับการรุกล้ำ.....ถ้าเค้าละเมิดเพราะ MOU บอกว่าให้เข้าไปอยู่ได้ นั่นก็อีกเรื่องสิครับ....ผมเห็นมีแต่ ลงไว้ใน MOU แบบข้างล่าง....




Image

ตกลง เวลามีโจรทำผิด ก็บอกว่า กฏหมายไม่ดีใช่ป่ะ....


กฎหมายจะเขียนและแปลออกมาอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของคนเขียนและคนแปล ซึ่งอยู่บนกระดาษ

แต่ผลของมันต่างหากที่ทำให้ผมสงสัย

ทางพุทธศาสนาว่า ผลย่อมเกิดจากเหตุ

และผลของMOU43ก็เกิดขึ้นแล้ว เชิญอ่าน


ทำเป็นเข้าใจไขว็เขวหรือครับ ผมไม่ได้ขัดขวางการชี้แนวเขตแดน อยากทำก็เชิญทำ แต่ต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นก่อน ปัญหามีอะไรก็ลองอ่านดู และไม่ต้องยกแผนที่และMOU43มา ผมไม่สน ผมสนแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องแก้ไขก่อน

สถานะสุดท้ายที่มีการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ปราสาทพระวิหารเกิดขึ้นเมื่อพ.ศ.2505
1.เส้นเขตแดนยังเหมือนเมื่อหลังปีค.ศ.1907เป็นต้นมาคือยึดสันปันน้ำ ทั้งหมดเป็นของไทย
2.เขมรมีสิทธิ์เฉพาะตัวปราสาท ตามคำตัดสินของศาลโลก
ก็สถานะนี้แหละที่จะไปยืนยัน เพราะสถานะนี้แหละที่ในอดีตทำให้เขมรทำอะไรไม่ได้เลย ผมฟันเสาธงเลยว่า ถ้ากลับไปสถานะนี้ เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกไม่ได้

และนี่คือปัญหาที่ต้องแก้ไข
สถานะนี้คงอยู่มาจนมีMOU43,44และTOR46 จึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจนเกิดปัญหา
ส่วนที่เพิ่มเข้ามาทำให้ผิดเพี้ยนไปคือ
-แผนที่1:200,000ของเขมร โผล่มาอยู่ในMOU43
-รัฐบาลไล่คนไทยออกจากพื้นที่และให้เขมรเช้ามาอยู่แทน
- เขมรมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่ของไทย
-เขมรสร้างถนนขึ้นมา
สิ่งเหล่านี้สุ่มเสี่ยงให้ไทยต้องเสียดินแดน แล้วจะมาบอกว่าไม่เสียดินแดนเพราะMOUได้ไงครับ
เพิ่มอีกหน่อย,แต่เดิมมา คนที่เชียร์นายกฯในเวบนี้พูดหลายครั้งว่า

ในMOUไม่มีแผนที่1:200,000 แต่วันนี้กษิตพูดแล้วว่า มี

ตกลงเรื่องMOUคำพูดใครที่ไม่น่าเชื่อถือครับ

แม้แต่คุณนาม ยิ้มแย้มพูดในฐานะเป็นศาลมาก่อน

ท่านยังเชื่อข้อมูลจากฝ่ายพธม.ครับ


มีหลายคนแต่ก็อับจนปัญญา ยังตอบไม่ได้สักคน น่าสงสารครับ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby PettyCash » Sun Nov 14, 2010 10:42 pm

สรุปคือตอบมากรูไม่ฟัง
จะเชื่อแต่คำพูดตัวเอง
แล้วจะไปเรียกร้องให้คนอื่นเขาตอบทำมัย
ก็ถามเอง ตอบเองเลยดีกว่า ถูกใจแน่นอน :P
เบือพวกตัวเองดีอยู่คนเดียว
คนอื่นผิดหมด เลวหมด
User avatar
PettyCash
 
Posts: 1666
Joined: Fri Nov 28, 2008 11:26 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby พายุ » Sun Nov 14, 2010 10:58 pm

PettyCash wrote:สรุปคือตอบมากรูไม่ฟัง
จะเชื่อแต่คำพูดตัวเอง
แล้วจะไปเรียกร้องให้คนอื่นเขาตอบทำมัย
ก็ถามเอง ตอบเองเลยดีกว่า ถูกใจแน่นอน :P


กด like ให้ร้อยครั้งเลยเอ๊า :D :D
" คนที่พูดคำว่า จงรักภักดี คำที่ดีที่สุดคือ สติ เหนือสิ่งอื่นใด ทุกวันนี้สติหด หาย ขาด ถ้ามีสติ มีศีล มีปัญญา ฉลาดรอบคอบ ก็ไม่ทำให้ใครเดือด ร้อน เพราะฉะนั้น คนในสังคมต้องมีสติ อย่าขาดสติ จะให้เราเข้าใจที่สุด"
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
User avatar
พายุ
 
Posts: 3977
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:33 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby คนไกล » Sun Nov 14, 2010 11:12 pm

พายุ wrote:
PettyCash wrote:สรุปคือตอบมากรูไม่ฟัง
จะเชื่อแต่คำพูดตัวเอง
แล้วจะไปเรียกร้องให้คนอื่นเขาตอบทำมัย
ก็ถามเอง ตอบเองเลยดีกว่า ถูกใจแน่นอน :P


กด like ให้ร้อยครั้งเลยเอ๊า :D :D

เด่วเขาก็มาถามหาอีกหรอกว่าปุ่มกด like มันอยู่ตรงไหน :mrgreen:
“You now see complexity when you once saw simplicity; you see grays rather than black and white. But this is to the good because the world is in fact complicated.” ==>Dean Elena Kagan :Associate Justice of the Supreme Court of the United States
User avatar
คนไกล
 
Posts: 4327
Joined: Fri Oct 09, 2009 3:18 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby finder » Sun Nov 14, 2010 11:15 pm

พายุ wrote:
PettyCash wrote:สรุปคือตอบมากรูไม่ฟัง
จะเชื่อแต่คำพูดตัวเอง
แล้วจะไปเรียกร้องให้คนอื่นเขาตอบทำมัย
ก็ถามเอง ตอบเองเลยดีกว่า ถูกใจแน่นอน :P

ก็ที่ตอบมาน่ะ ตอบคำถามผมได้หรือเปล่า

โดนแย้งหน้าหักกลับไปทั้งนั้น แล้วจะให้ผมเชื่อได้ไงครับ

ผมมีสมองคิด คิดแล้วว่ามีเหตุผลพอ ถึงเชื่อ

ไม่ใช่มีสมองไว้เชื่ออย่างเดียว อย่างคุณนี่ครับ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:



กด like ให้ร้อยครั้งเลยเอ๊า :D :D

ผมถามคุณหน่อยนะ อย่าว่ากัน ที่คุณโพสท์มา3505ครั้ง(จนถึงเวลานี้)

นอกจากเชียร์ชาวบ้านแล้ว คุณเคยแสดงความเห็นเองบ้างไหมครับ ไม่ใช่จะดูถูกคุณนะ ผมเห็นว่า การเกิดมาเป็นคน มีสมอง ก็สามารถคิดและแสดงความเห็นได้ ไม่ใช่เอาแต่เป็นตัวรองคอยเดินตามตัวหัวหน้า เพื่อเชียร์เอาใจเท่านั้น
ไม่ทราบคุณเข้าใจที่ผมพูดไหม
ที่ต้องถามเพราะ พวกคุณเข้าใจอะไรยากจริงๆ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby คนไกล » Sun Nov 14, 2010 11:16 pm

finder wrote:
55555 wrote:มีหลายคนแต่ก็อับจนปัญญา ยังตอบไม่ได้สักคน น่าสงสารครับ

แล้วพี่ท่านไม่ฉงฉานตัวเองมั่งหยอ :roll:
“You now see complexity when you once saw simplicity; you see grays rather than black and white. But this is to the good because the world is in fact complicated.” ==>Dean Elena Kagan :Associate Justice of the Supreme Court of the United States
User avatar
คนไกล
 
Posts: 4327
Joined: Fri Oct 09, 2009 3:18 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby finder » Sun Nov 14, 2010 11:16 pm

คนไกล wrote:
พายุ wrote:
PettyCash wrote:สรุปคือตอบมากรูไม่ฟัง
จะเชื่อแต่คำพูดตัวเอง
แล้วจะไปเรียกร้องให้คนอื่นเขาตอบทำมัย
ก็ถามเอง ตอบเองเลยดีกว่า ถูกใจแน่นอน :P


กด like ให้ร้อยครั้งเลยเอ๊า :D :D

เด่วเขาก็มาถามหาอีกหรอกว่าปุ่มกด like มันอยู่ตรงไหน :mrgreen:


เปลี่ยนคำถามแล้ว อ่านข้างบนดูสิ :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby PettyCash » Sun Nov 14, 2010 11:27 pm

มีข้อสงสัยว่าถ้าเรายกเลิก mou 2543
แล้วกลับไปยึดสนธิสัญญา 1904 กับ 1907
แล้วขึ้นศาลโลก สืบหลักฐานต่างๆ
เรายกเลิกหมดแล้ว แต่เขมรไปอ้างแผนที่ 1:200000
ซึ่งเราเคยแพ้เรื่องปราสาทพระวิหารมาแล้ว
เรามีสิทธิแพ้อีกครั้งหรือเปล่าเนี่ย
แต่ถ้าสืบหลักฐานกันจริงแผนที่ 1:200000 เราก็เคยไปยอมรับจนแพ้
ถ้ามีกรณีพิพาทเรื่องดินแดนขึ้นมา
เขมรเอาเอกสารประกอบต่างๆที่ไทยเราเซนต์รับสมัยนพเหล่มาอ้าง
ถึงแม้จะเราจะบอกว่ายกเลิกไปแล้วแต่เขมรก็มีสิทธิ์อ้างได้ว่า
เขาไม่รับรู้ ยกเลิกฝ่ายเดียวไม่ได้มีความรู้สึกว่าสู้ยังงัยก็เหมือนจะแพ้
เบือพวกตัวเองดีอยู่คนเดียว
คนอื่นผิดหมด เลวหมด
User avatar
PettyCash
 
Posts: 1666
Joined: Fri Nov 28, 2008 11:26 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby finder » Sun Nov 14, 2010 11:51 pm

PettyCash wrote:มีข้อสงสัยว่าถ้าเรายกเลิก mou 2543
แล้วกลับไปยึดสนธิสัญญา 1904 กับ 1907
แล้วขึ้นศาลโลก สืบหลักฐานต่างๆ
เรายกเลิกหมดแล้ว แต่เขมรไปอ้างแผนที่ 1:200000
ซึ่งเราเคยแพ้เรื่องปราสาทพระวิหารมาแล้ว
เรามีสิทธิแพ้อีกครั้งหรือเปล่าเนี่ย
ถ้ายกเลิกหมดก็กลับมาที่สถานะข้างล่างครับ
สถานะสุดท้ายที่มีการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ปราสาทพระวิหารเกิดขึ้นเมื่อพ.ศ.2505
1.เส้นเขตแดนยังเหมือนเมื่อหลังปีค.ศ.1907เป็นต้นมาคือยึดสันปันน้ำ ทั้งหมดเป็นของไทย
2.เขมรมีสิทธิ์เฉพาะตัวปราสาท ตามคำตัดสินของศาลโลก
ก็สถานะนี้แหละที่จะไปยืนยัน เพราะสถานะนี้แหละที่ในอดีตทำให้เขมรทำอะไรไม่ได้เลย ผมฟันเสาธงเลยว่า ถ้ากลับไปสถานะนี้ เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกไม่ได้


แต่ถ้าสืบหลักฐานกันจริงแผนที่ 1:200000 เราก็เคยไปยอมรับจนแพ้
ที่เราแพ้เพราะความลำเอียงของศาลโลกครับ โดยมีฝรั่งเสศคอยช่วยเขมร ไม่ใช่เพราะเรายอมรับแผนที่ แต่ตอนนี้ไม่แน่ เพราะในMOU43ระบุว่าเขมรเสนอแผนที่เข้ามาในฝ่ายของเขา(กษิตพูดเอง)

ถ้ามีกรณีพิพาทเรื่องดินแดนขึ้นมา
เขมรเอาเอกสารประกอบต่างๆที่ไทยเราเซนต์รับสมัยนพเหล่มาอ้าง
ถึงแม้จะเราจะบอกว่ายกเลิกไปแล้วแต่เขมรก็มีสิทธิ์อ้างได้ว่า
เขาไม่รับรู้ ยกเลิกฝ่ายเดียวไม่ได้มีความรู้สึกว่าสู้ยังงัยก็เหมือนจะแพ้

เมื่อเรายกเลิกทั้งหมดและแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ ถ้าเขาไม่ยอมก็ช่างเขาสิ ข้อตกลงที่ยอมรับเพียงฝ่ายเดียว จะมีผลในทางปฏิบัติได้อย่างไร สุดท้ายก็ต้องลองกำลังกันหน่อย อย่าอ้างว่า พธม.บ้าเลือด เพราะ
1.ถ้าเขมรไม่ได้ผลประโยชน์มากกว่า มันจะเสี่ยงทำสงครามหรือ เพราะไม่คุ้ม แต่ถ้ามันทำ แสดงว่าผลประโยชน์ต้องมากพอที่จะเสี่ยง
2.ถ้าทำตามMOUแล้วไม่เสียดินแดน พธม.ก็โดนด่า อันนี้ไม่เป็นไร แต่ถ้าเสียดินแดนล่ะ คนไทยก็คงเรียกร้องให้เอาคืน แต่ถึงตอนนั้นมี7ชาติเข้ามาบริหาร ไทยรับศึก7ชาติไหวไหม ถ้าดูแล้ว ต้องเสียดินแดนแน่ และต้องทำศึก ควรทำตอนนี้ เพราะ7ชาติยังไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby พายุ » Mon Nov 15, 2010 12:16 am

คนไกล wrote:
พายุ wrote:
PettyCash wrote:สรุปคือตอบมากรูไม่ฟัง
จะเชื่อแต่คำพูดตัวเอง
แล้วจะไปเรียกร้องให้คนอื่นเขาตอบทำมัย
ก็ถามเอง ตอบเองเลยดีกว่า ถูกใจแน่นอน :P


กด like ให้ร้อยครั้งเลยเอ๊า :D :D

เด่วเขาก็มาถามหาอีกหรอกว่าปุ่มกด like มันอยู่ตรงไหน :mrgreen:



ไม่กลัวค่า ถามไปก็ไม่เห็นอยู่ดี 55555 :lol: :lol:
" คนที่พูดคำว่า จงรักภักดี คำที่ดีที่สุดคือ สติ เหนือสิ่งอื่นใด ทุกวันนี้สติหด หาย ขาด ถ้ามีสติ มีศีล มีปัญญา ฉลาดรอบคอบ ก็ไม่ทำให้ใครเดือด ร้อน เพราะฉะนั้น คนในสังคมต้องมีสติ อย่าขาดสติ จะให้เราเข้าใจที่สุด"
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
User avatar
พายุ
 
Posts: 3977
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:33 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby Robert De Niro » Mon Nov 15, 2010 12:39 am

โปจิเพิ่งเฉลยให้เค้าฟังเมื่อวานว่า ถ้า quote ถึงจะมองเห็น โพสตรงๆมองไม่เห็น
ไม่รู้เค้าจะเก็ทไม๊อ่ะ คิดเองไม่ออกจะยุ่งเอาน๊า :lol:
กองกำลังไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด (...ใส่แว่นสีฟ้า)
User avatar
Robert De Niro
 
Posts: 6093
Joined: Sat Nov 08, 2008 11:27 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby 55555 » Mon Nov 15, 2010 9:36 am

finder wrote:
55555 wrote:
finder wrote:
dutchout wrote:
55555 wrote:
ถ้าเป็นคอพระวิหารตัวจริง...คงไม่ต้องบอกน๊ะครับ...ว่าล่าสุด UNESCO เลื่อนมติออกไป เพราะมัปัญหาเรื่องแผนบริหารจัดการ...หลังจากรัฐบาลโดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ ไปนั่งคัดค้านหน้าดำหน้าแดงในที่ประชุม [/b]

:lol: :lol: :lol:



ขออนุญาติแย้งครับ จากที่ฟัง พธม มา เขาบอกว่า ที่ UNESCO เลื่อนมติออกไป เพราะ พธม ไปประท้วงหน้า UENSCO ในไทยครับ

ถ้าไม่มีคนกลุ่มนี้ มติ ไม่มีทางเลื่อนไปปีหน้าครับ เชื่อผม เชื่อแป๊ะ ชาบูๆๆๆ


คุณเข้าใจผิดครับ

เป็นคำพูดของสุวิทย์ คุณกิตติครับ ทันทีที่เดินลงจากเครื่อง หลังกลับจากยูเนสโก
:mrgreen:


นี่ก็มั่วอีกแล้ว....เมื่อไหร่จะเลิกมั่วซักที...(ก็ยังไม่รู้)
ผมยืนยันได้ว่าสุวิทย์พูด ไปหาอ่านข่าวเก่าได้
ที่ASTV,วิทยากรที่มาพูดหลายคนก็พูดว่าสุวิทย์พูด และสุวิทย์ก็ไม่เคยปฏิเสธ
ว่าไม่ได้พูด ถ้าคุณไม่เคยได้ยิน ก็มิได้แปลว่า ผมพูดไม่จริง
เพราะผมได้ยินกับหูของผม ดังนั้นผมคิดว่า ถ้าคุณไม่รู้ ก็อย่ายัดเยียดว่าคนอื่นมั่ว
เพราะเท่ากับคุณนั่นแหละที่กำลังมั่ว



http://www.thaiwhic.go.th/preview_activity.aspx?nid=179

การหารือใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงจนฝ่ายไทยได้ข้อตกลงเป็นร่างมติ (Draft Decision) แต่เมื่อฝ่ายบราซิล ได้นำร่างมตินี้ไปหารือกับทางกัมพูชาในลักษณะเดียวกับที่ได้หารือกับไทย เพื่อให้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นร่วมกัน ปรากฏว่าทางฝ่ายกัมพูชาไม่สามารถรับข้อเสนอได้ ทำให้วาระการประชุมดังกล่าว ซึ่งเลื่อนการประชุมมาจากเย็นวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ มาเป็นเช้าวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓ จึงต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ดังนั้น เมื่อการเจรจาไม่สามารถเจรจาผ่านตัวกลางสำเร็จ เจ้าภาพจึงต้องจัดให้มีการหารือกันโดยตรงระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมีบราซิลในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ ๓๔ และในฐานะประเทศเจ้าภาพ เป็นตัวกลางอีกครั้ง การประชุมเริ่มประมาณ ๑๗.๓๐ น. โดยฝ่ายไทยประกอบด้วย ๑) นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะ ๒) นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓) นายอัษฎา ชัยนาม ที่ปรึกษาพิเศษด้านการต่างประเทศ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายกัมพูชา ประกอบด้วย ๑) นายสก อาน ๒) ที่ปรึกษากฎหมายชาวอเมริกันเข้าร่วมด้วย (การประชุมครั้งนี้ทางผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม ไม่ได้มีส่วนร่วมแสดงข้อคิดเห็นและไม่ได้เข้าร่วมประชุม รวมทั้งไม่มีส่วนในการร่าง Draft Decision) การเจรจาใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงเศษ และได้ข้อสรุปในเบื้องต้น

โดยมีสาระสำคัญคือ ให้เลื่อนการพิจารณาเอกสารแผนการบริหารจัดการพื้นที่มรดกโลกปราสาทพระวิหารของประเทศภาคีสมาชิก (กัมพูชา) จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๔ ณ ประเทศบราซิล ไปในการประชุมฯ ครั้งที่ ๓๕ ในปีพ.ศ. ๒๕๕๔ ณ ประเทศบาห์เรน โดยปัญหาหลักของประเทศไทยคือพื้นที่การบริหารจัดการของปราสาทพระวิหาร (buffer zone) ที่มีบางส่วนที่รุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทยในพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตร ซึ่งฝ่ายไทยก็อ้างสิทธิในพื้นที่นี้ตามชายขอบของสันปันน้ำ (watershed) รวมทั้งเอกสารรายงานสถานะของการอนุรักษ์หมายเลข ๓๔COM ๗B.Add.๓ จำนวน ๗ หน้า ที่ทางฝ่ายเลขานุการได้แจกในที่ประชุมก่อนการพิจารณาวาระ มีกิจกรรมบางอย่างซึ่งในเนื้อหากล่าวถึง กระทำในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งฝ่ายไทยไม่สามารถยอมรับได้ นอกจากนี้แล้ว แผนการบริหารจัดการในเขตพื้นที่ฉบับเต็ม ซึ่งทางกัมพูชาอ้างว่าได้เผยแพร่ในเว็บไซต์ของศูนย์มรดกโลกแล้ว ก็ยังไม่ปรากฏแต่อย่างใด



คงไม่บอกว่าว่าเป็นรายงานของ สุวิทย์ คุณกิตติ อีกน๊ะเนี่ย..

เห็นข่าวนี้แล้วคงไม่ต้องถามอีกน๊ะครับว่า ถึงเวลาแล้วไทยจะกล้าไปแย้ง เรื่อง 7 ชาติ เข้ามาบริหารจัดหรือไม่....

เห็นข่าวนี้แล้วคงไม่ต้องถามน๊ะครับ...ว่า เรายังยืนยันเรื่องสันปันน้ำอยู่หรือไม่....

ตกลงคุณเห็นแล้วใช่มั๊ยว่า UNESCO อนุมัติการขึ้นทะเบียน โดยไม่เกี่ยวกับ พื้นที่โดยรอบ.....
อันนี้ผมเชื่ออยู่แล้ว ผมถึงถามไงครับ

แล้วที่บอกว่าทำไมรัฐบาลยอมให้ UNESCO ทำผิดหลักเกณฑ์ คุณคงหมายถึงรัฐบาลสมัคร โดย นพดล มั๊ง....

เห็นข่าวนี้แล้วคงรู้ว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ปล่อยให้ UNESCO ทำผิดหลักเกณฑ์...อย่ามั่วดิ....


:lol: :lol: :lol:

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

ขอหัวเราะก่อนแล้วค่อยโพสท์นะครับ น้อยครั้งครับที่ผมจะทำอย่างนี้ ผมอ่านแล้วผมขำจริงๆ ไม่ได้แกล้ง

ถ้าสมัครและนพดลทำผิดหลักเกณฑ์แล้วอภิสิทธิ์มารับช่วงบริหารต่อ ถ้าอภิสิทธิ์ไม่แก้ไขเรื่องที่ผิด ทั้งๆที่ตนเองก็อภิปรายเรื่องนี้ในสภา

อภิสิทธิ์จะไม่ผิดได้อย่างไรครับ หรือมาแบบ

ทักษิณทำชั่ว พวกเราไม่ยอม
อภิสิทธิ์ทำชั่ว พวกเรายอม

แล้วตกลงข้อที่เหลือเมื่อไรจะตอบครับ
:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:


อ่านภาษาไทยก็ไม่เข้าใจ ....เอาลิ้งมาแปะให้ก็ไม่ดู ...อ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าเค้าไปต่อสู้อะไรบ้างยังคิดว่าเค้าไม่ทำอะไรอีก......

:lol: :lol: :lol:

finder wrote:
เรื่องการใส่เรื่องสันปันน้ำเข้าไปใน MOU 43 ....คุณว่า ไอ้ฮุนเซ็นต์มันยกเขาพระวิหารทั้งลูกให้ไทยเลยใช่ป่าว...
[color=#800000]สัญญา1904และ1907ใช้สันปันน้ำ เขาทั้งลูกจึงเป็นของไทย ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง

อีกเรือง คุณรู้หรือป่าว ว่าทำไมเค้าถึงทำ MOU 43 กัน....
ก็ดูที่กษิตพูดและผมแย้งไว้สิ
กระผมขอเรียนว่าMOU ๒๕๔๓ เป็นเครื่องมือที่ไทยกับกัมพูชาใช้ในการดำเนินการเรื่องเขตแดนระหว่างทั้ง สองประเทศเพื่อหาว่า เส้นเขตแดนที่สยามกับฝรั่งเศสได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วในอดีต ว่าอยู่ที่ใด[/b] กระผมหมายถึงตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๐๔ และปี ค.ศ. ๑๙๐๗ ดังนั้น MOU ๒๕๔๓ จึงไม่ใช่ความตกลงเพื่อปักปันเขตแดน หรือเพื่อกำหนดหรือ[b][size=150]แบ่งเขตแดนกันใหม่[/size][/b]

กลัวคนอื่นจะไม่เข้าใจตามที่ตนเองชี้นำ.....ตัดตอนเอามาบางส่วน.....แล้วตีความดั่งใจปรารถนา...

เอ้าอ่านต่ออีกหน่อยจากที่เดียวกันนั่นแหละ.....
:lol: :lol: :lol:

ดังนั้น MOU ๒๕๔๓ จึงไม่ใช่การยอมรับแผนที่ระวางดงรักมาตราส่วน ๑: ๒๐๐,๐๐๐ แต่เป็นเพียงเอกสารหนึ่งในเอกสารหลาย ๆ ฉบับที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา ร่วมกับเอกสารสำคัญอีกสองฉบับ คือ อนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ๑๙๐๔ (๒๔๔๗) และสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. ๑๙๐๗ (๒๔๕๐) ซึ่งอาจเทียบเคียงได้กับกระบวนการในศาล กรณีการเสนอพยานหรือหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายสามารถเสนอได้ แต่มิได้หมายความว่า จะผูกมัดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ต้องยอมรับพยานหรือหลักฐานนั้น หรือยอมรับความถูกต้องของพยานหรือหลักฐานนั้น โดยในการดำเนินการตาม MOU ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีการดำเนินการสำรวจภูมิประเทศจริง การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่คือภาพถ่ายทางอากาศมาตรวจสอบ ประกอบเอกสารต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความถูกต้อง


แล้วตรงไหน ที่บอกว่า MOU 43 รับรองแผนที่ หนึ่งต่อสองแสน[/color]

ถ้า MOU ไม่ใช่ความตกลงเพื่อปักปันเขตแดน...นั่นแสดงว่าคุณไม่รู้ว่า MOU คืออะไร...(หรืออาจแกล้งไม่รู้, หรืออาจไม่เคยอ่าน ตัว MOU)

เพราะคุณนั่งจินตนาการหลายสิบความเห็นว่า MOU 43 รับรองแผนที่ หนึ่งต่อสองแสน แล้วทำให้ไทยเสียดินแดน ด้วยการรุกล้ำพื้นที่

หรือแม้ว่า คุณอาจเห็นว่าเป็นสนธิสัญญา แล้ว กล่าวหาว่า MOU ทำให้ไทยเสียดินแดนด้วยแผนที่ 1 ต่อ สองแสน

แต่ ใน MOU ก็ยังระบุเรื่องอนุสัญญา 1904 ที่พูดไว้เรื่องสันปันน้ำ นั่นก็หมายถึง เขมรก็ยกเขาทั้งลูกให้ไทยเช่นกัน....(รวมทั้งเขาพระวิหาร)

แล้วตกลงไอ้ MOU 43 เนี่ย ใครยกพื้นที่ให้ใครกันแน่ว๊ะเนี่ย งง ครับ...
:lol: :lol: :lol:




ข้อตกลงที่เหลือ ผมพิจารณาแล้วว่าจะไม่ตอบ....

เพราะมั่นใจว่า คุณจะไม่มีวันรู้เรื่อง.........ด้วยเหตุผล 3 ข้อ....

1. คุณไม่อ่านสิ่งที่ผมนำมาแปะ หรือ สิ่งที่ผมอธิบาย....หรือ อ่านแล้วไม่พยายามจะเข้าใจ ก็ไม่ทราบ...

2. เราจะถกกันเรื่อง MOU 43 แต่คุณยังไม่เข้าใจว่า MOU คืออะไร...แต่กลับนั่งเขียนเป็นวรรคเป็นเวร ว่า ให้ยกเลิก MOU


:lol:

3.ที่สำคัญมาก ๆ คือ คุณตั้งหน้าตั้งตาเถียงอย่างเดียว...แม้กระทั่งเรื่องสันปันน้ำ ที่ ผม และ พันธมิตร รวมทั้ง นายอภิสิทธิ์ นายกษิต เห็นตรงกันคือ การใช้สันปันน้ำ...

คุณก็ยังอุตส่าห์หลับหูหลับตาเถียง จน เป็นเหตุให้เกิดคำถามว่า สนธิสัญญา กับ แผนที่อันไหน ใหญ่กว่า....( คือพูดง่าย ๆ เอ็งเขียนอะไรมาข้าไม่สน... ข้าต้องเถียงไว้ก่อน)อย่างข้างล่างนี่ไง...
:lol:

55555 wrote:
finder wrote:
ฉลาม wrote:การเกิด เอ็มโอยู 2543 คือการกลับไปยึดอนุสัญญา 1904 และ สนธิสัญญา 1907

นั่นคือนำเอาเรื่อง "สันปันน้ำ" มาใส่ในกรอบเจรจา


รวมทั้งเอกสารแผนที่ทุกชนิด นำเข้าสู่การเจรจาให้เป็นรูปธรรม


อนุสัญญา 1904 และ สนธิสัญญา 1907ไม่มีแผนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการปักปัน และหลังจากศาลโลกตัดสินในปี2505 ก็ไม่ได้รับรองแผนที่1:200,000 ก็แสดงว่าแผนที่นี้ทางเขมรเอามาเกี่ยวข้องไม่ได้

1.แล้วยอมให้เอาเข้ามาในMOU43ได้อย่างไร

2.แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเส้นเขตแดนไม่เพี้ยนไปจากเดิม


นี่ก็ยังอุตส่าห์แถกไปได้....เคยอ่านอนุสัญญา 1904 บ้างหรือเปล่านี่....

มีการเขียนไว้ชัดเรื่องสันปันน้ำ.....

ถ้าไม่เข้าใจ ต้องไปถามปานเทพ ที่พยายามอธิบายนักหนา ว่าต้องกลับไปใช้สันปันน้ำ...ปานเทพเอาที่ไหนมาพูด...

คุณนั่งฟังปานเทพพูดจนซึมเข้าเส้นเลือดฝอย..ยังไม่เข้าใจเหรอครับ...ถ้ายึดหลักสันปันน้ำ แม้แต่เขาพระวิหาร มันก็เป็นของไทยอีกต่างหาก...

วันนี้นึกอยากจะเถียงขึ้นมาเลยไม่เข้าใจคำว่าสันปันน้ำซะแระ...


:lol: :lol: :lol:
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby PettyCash » Mon Nov 15, 2010 10:37 am

กลุ่ม Chevron Corp กับกลุ่ม Mitsui และ กลุ่ม GS Caltex ร่วมทุนกันในสัดส่วน 55% ต่อ 30%
และ 15% ตามลำดับ และได้ทำการขุดเจาะและสำรวจหาน้ำมันในเขตสัมปทาน A
ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งทะเลของเขตจังหวัดสีหนุวิลล์นั้น ก็พบว่า 4 ใน 15 หลุมที่ได้ดำเนินการ
สำรวจนั้นเป็นแหล่งที่คุ้มค่าที่จะลงทุนอย่างยิ่ง

ซึ่งด้วยผลจากการสำรวจฯดังกล่าว ก็ปรากฏว่ามีบริษัทต่างชาติอีกกว่า 10
รายที่ได้หลั่งไหลเข้าไปขออนุญาตสำรวจหาน้ำมันและแก๊สฯ ในเขตอ่าวไทย
ในส่วนที่รัฐบาลกัมพูชาถือเป็นเขตน่านน้ำของฝ่ายตนแล้ว
ซึ่งรวมถึงการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยและยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานจากจีนด้วย
http://www.indochinapublishing.com/content/view.php?code=at12879120600256
--------------------------------------------------------------------------------

จะสู้กับเขมรแบบแตกหักต้องดูก่อนว่ามีใครมาเอี่ยวด้วย แล้วไทยจะเปได้เท่ากับเขมรหรือเปล่า
ถ้าจ่ายไม่หนักจริง จับมือกันไปคุยเบาๆ 2 ต่อ 2 ดีกว่ามั้ย ;)
เบือพวกตัวเองดีอยู่คนเดียว
คนอื่นผิดหมด เลวหมด
User avatar
PettyCash
 
Posts: 1666
Joined: Fri Nov 28, 2008 11:26 am

Re: MOU 2543 / สัญญา 1907 และสัญญาปักปันเขตร์แดน

Postby Robert De Niro » Mon Nov 15, 2010 4:45 pm

ดินน้ำลมไฟ wrote:แผนที่ซึ่งเกิดขึ้นจากการปักปันเขตแดน อยู่ในสนธิสัญญา 1907 อยู่แล้ว ( อ่าน ข้อ 3 ในกรอบเจรจา ) แต่แผนที่นั้นเป็นไปตามหลักสันปันน้ำหรือไม่ ตรงนี้คือสิ่งที่ต้องพิสูจน์สอบเขตและเจรจาปักหลักเขตแดนกันใหม่ให้เป็นไปตามสนธิสัญญา 1904 , 1907

สาระสำคัญของ MOU 2543 และกรอบจรจา เจบีซี น่าจะอยู่ตรงนี้

โอ้โฮ ปรบมือให้เลยครับ ท่านดินน้ำลมไฟ เพิ่งมาโพสได้ 20 ครั้ง
แต่กลับจับประเด็นเก่งกว่าคนที่โพสเป็นพันบางคนอีก

ท่านไฝ่เด๋อดูไว้เป็นตัวอย่างนะครับ ไม่จำเป็นต้อง flood ไม่ต้องทำ
ตัวหนา ตัวใหญ่ ไม่ต้องใส่สีแสบตา ไม่ต้องตอบเยอะแยะวกวน


แค่ 2-3 บรรทัดก็สะท้อนความเข้าใจออกมาได้แล้วครับ :mrgreen:
กองกำลังไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด (...ใส่แว่นสีฟ้า)
User avatar
Robert De Niro
 
Posts: 6093
Joined: Sat Nov 08, 2008 11:27 am

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron