55555 wrote:ส่วนข้อ 1-3 ผมต้องดูภูมิปัญญาคุณก่อนว่า มีสติปัญญาพอจะตอบผมได้ป่าว...
เรื่องการใส่เรื่องสันปันน้ำเข้าไปใน MOU 43 ....คุณว่า ไอ้ฮุนเซ็นต์มันยกเขาพระวิหารทั้งลูกให้ไทยเลยใช่ป่าว...
สัญญา1904และ1907ใช้สันปันน้ำ เขาทั้งลูกจึงเป็นของไทย ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง
อีกเรือง คุณรู้หรือป่าว ว่าทำไมเค้าถึงทำ MOU 43 กัน....
ก็ดูที่กษิตพูดและผมแย้งไว้สิ
กระผมขอเรียนว่าMOU ๒๕๔๓ เป็นเครื่องมือที่ไทยกับกัมพูชาใช้ในการดำเนินการเรื่องเขตแดนระหว่างทั้ง สองประเทศเพื่อหาว่า เส้นเขตแดนที่สยามกับฝรั่งเศสได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วในอดีต ว่าอยู่ที่ใด กระผมหมายถึงตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๐๔ และปี ค.ศ. ๑๙๐๗ ดังนั้น MOU ๒๕๔๓ จึงไม่ใช่ความตกลงเพื่อปักปันเขตแดน หรือเพื่อกำหนดหรือแบ่งเขตแดนกันใหม่
ถ้าหาแล้วคนไทยจะรู้ได้ไงว่า ไม่มีการทำให้เราเสียดินแดน เพราะข้อสงสัยมีมากมาย
1.คนไทยถูกไล่ออกจากพื้นที่ของตนที่อยู่มาแต่บรรพบุรุษ
2.คนเขมรเข้าไปอยู่แทนในที่ของคนไทย
3.พื้นที่ทับซ้อนมีแต่ตัวปราสาท ทำไมจึงเกิดสิ่งปลูกสร้างของเขมรในพื้นที่4.6ตร.กม.
4.เมื่อเขมรล้ำเข้ามาเป็นการทำผิดกติกา ทำไมการเจรจาจึงยังเดินหน้า ทำไมไม่หยุดการเจรจาแล้วให้เขมรถอยออกไปก่อน
5.คำกล่าวของนายวา คิม ฮง ที่กล่าวหาไทยว่าไทยล้ำเข้าไปในดินแดนของเขมร และมีอยู่ในบันทึกของJBC โดยทางไทยไม่ได้โต้แย้ง จะถูกทางเขมรใช้เป็นข้ออ้างว่าพื้นที่ทั้งหมดที่เขากล่าวถึงเป็นของเขา เพราะไทยไม่ได้โต้แย้ง เช่นเดียวกับกฎหมายปิดปาก
นี่คำถามยิ่งกว่าพื้นอีกน๊ะเนี่ย...[/b]
![]()
![]()
ผมว่าเรื่องอย่างนี้อย่าเอามาถามผมเลยนะ เพราะมีคำตอบอยู่ทั่วไปแล้ว ปัญหาคือจะมาขัดตาทัพเพื่อหาทางไม่ตอบที่เหลือหรือครับ ถ้าไม่ใช่จะกั๊กไว้ทำไม ตอบมาเลย ผมตอบพวกคุณ ผมตอบหมดทุกใจความสำคัญนะ ไม่เคยกั๊กหลบไปขอข้อมูลใคร หรือภูมิปัญญาของคุณมันติดขัด ก็บอกมา จะขอเวลานอกให้




















