เรื่องแผนที่เล็กกว่าสนธิสัญญา หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ เคยชี้แจงมาแล้ว แต่ไม่ค่อยได้รับการขยายผล
ถ้าคนที่พยายามคิดตามก็เข้าใจได้ไม่ยาก แต่ถ้าปิดรับข้อมูลจะเถียงเอาชนะอย่างเดียว มันก็วนไปวนมา
ผลดีของ MOU 2543 ก็มีปรากฎตามข้อเขียนของสื่อต่างๆ แต่ก็ไม่ค่อยเชื่อกัน
มันขึ้นกับมุมมองว่าอยากจะได้ผลลัพท์ไปจบที่ตรงไหน แต่ก็เป็นผลดีที่รู้จักตั้งคำถาม ให้คนอื่นหาข้อมูลมาตอบ
0000
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ดังนั้นเอ็มโอยูฉบับดังกล่าวจึงไม่ได้ระบุเพียงว่าจะต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ฉบับเดียว จะนำแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนมาดูก็ได้ หรือจะเอาแผนที่แต่ละส่วนก็ได้ เพราะแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ มันเป็นผลจากการสำรวจ จึงต้องเอาแผนที่เหล่านั้นมาเทียบว่าตรงกันหรือไม่ และอีกส่วนหนึ่งคือต้องเอาแผนที่ทั้งหมดทั้งมวลมาเทียบกับสนธิสัญญา จะเห็นว่าแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน มันผิดกับสนธิสัญญาอย่างไร แต่เราไม่รวมแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนก็ไม่ได้ เพราะโดยนัยยะ เป็นเอกสารที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์จริง
“จะยกเอกสารอะไรเข้ามาก็ได้ ในเอ็มโอยูไม่ได้กำหนดไว้ แต่เอ็มโอยูระบุแผนที่ทั้งหมด และบรรดาเอกสารที่เกี่ยวข้องเปิดได้หมด ส่วนว่าใครจะให้น้ำหนักเอกสารแผนที่ไหน เป็นเรื่องของการเจรจากัน
ไม่ได้หมายความว่าแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน จะต้องถูกเสมอ ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีใครเซ็นเอ็มโอยูหรอก แต่
ที่สำคัญที่สุด คือ สนธิสัญญา สนธิสัญญาต้องมาก่อน ตามด้วยแผนที่ทั้งหมด ตามด้วยเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และชัดเจนว่าเอ็มโอยูฉบับนี้เป็นการกำหนดห้ามใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน แค่กัมพูชาเสนอขึ้นทะเบียนมรดกก็ผิดแล้ว ผิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ถ้าไม่มีเอ็มโอยูฉบับนี้ไทยเราเสร็จไปแล้ว เสร็จฝรั่งไปแล้วอีกครั้งหนึ่ง ” ผู้ว่าฯกทม. ระบุ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ตนพูดตั้งแต่แรกสมัยนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ซึ่งขณะนั้นพรรค ปชป.เป็นฝ่ายค้าน ว่าจริงแล้วเราไม่ต้องทำอะไรเลย เราทำหนังสือประท้วงใปยูเนสโกอย่างเดียวว่าเรามีเอ็มโอยูฉบับนี้ ดังนั้นกัมพูชาจะดำเนินการอะไรที่พลการไม่ได้ เนื่องจากมีข้อความตอนหนึ่งบอกว่า ในขณะที่การสำรวจและปักปันเขตแดนยังไม่แล้วเสร็จ ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตามสภาพเดิมในพื้นที่ทับซ้อน ดังนั้นเราไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องไปตอบโต้เขา เรามีหนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นเครื่องมือ ก็ชัดเจนที่สุดแล้วว่าเขาไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ แม้แต่ศาลโลกกรณีมีคำพิพากษาเรื่องเขาพระวิหารก็ยังไม่กล้า
http://www.komchadluek.net/detail/20100 ... B8%B4.html