ก้าวสู่แผนตากแดด ๒ ความล้มเหลวของ ปรัชญาฟินแลนด์ ส่งผลให้ท่านอดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ตกจากบัลลังค์อำนาจ
ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ มีตำแหน่งเป็น นักโทษชาย ตามคำพิพากษาอย่างไร้ข้อกังขา
แต่นั้นไม่ได้ทำให้ นช อดีตผู้นำรู้สึกสำนึกแต่อย่างใด กลับฟาดงวงฟาดงา แกว่งปากฟาดฟัน
ให้ร้ายบ้านเกิดอย่างไร้สติ
กล่าวหาประเทศว่าปกครองโดยระบบอำมาตย์ ไม่มีประชาธิปไตย สองมาตราฐาน อยู่ภายใต้
อำนาจของมือที่มองไม่เห็น จาบจ้วง โดยไร้สามัญสำนึก เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการ
เคลื่อนไหวของตนเองและบรรดาผู้สนับสนุน
แล้ว “ปรัชญาฟินแลนด์” คืออะไร ประเด็นนี้ได้รับการบอกเล่าจากสายลมเหนือทะเลสาบไซมา พอจะจับใจความได้ว่า
“
ปรัชญาฟินแลนด์ ” เกิดขึ้นจากการพบปะพูดคุยกัน เพื่อกระทำการอย่างใดอย่างหนี่งของ
กลุ่มบุคคล ๓ กลุ่ม คือ
- กลุ่มอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์บางคน ที่กลับคืนสังคมภายหลังการโค่นอำนาจด้วยปาก
กระบอกปืนไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
- กลุ่มบุคคลบางคนที่ร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองกับ นช. อดีตผู้นำ
- กลุ่มที่ปรึกษาในด้านต่าง ๆ
การพูดคุยหารือกันครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนการจัดตั้งพรรคการเมือง ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปพอสังเขป
๑) ใช้มวลชนดึงพวกรากหญ้ามาเป็นฐานการเมือง
๒) มุ่งให้ประเทศปกครองด้วยพรรคการเมืองเดียวแบบผูกขาดอำนาจรัฐ
๓) ใช้ทุนนิยมเป็นเครื่องมือ
๔) ให้สถาบันเป็นเพียงสัญลักษณ์
๕) ปฏิรูปการเมืองโดยนำระบบซีอีโอมาใช้โดยให้ขึ้นตรงต่ออำนาจนายกรัฐมนตรีคนเดียวติดตามมาด้วย “
แผนตากแดด” (ช่วงมีนาคม ๒๕๕๒) ที่ถูกทำลายลง พร้อม ๆ กับการสูญเสีย
ชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่ต่อสู้เพื่อปกป้องชุมชนที่พักอาศัยย่านนางเลิ้ง ๒ ชีวิต ทรัพย์สินสาธารณะอีก
จำนวนหนึ่ง แต่สิ่งที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ คือ
ภาพลักษณ์ของประเทศ สยามเมืองยิ้ม ที่บัดนี้ได้แปรเปลี่ยน ยากที่จะเรียกร้องกลับคืนมา
แผนตากแดด ๑ มีเป้าหมายเพื่อให้มีการนิรโทษกรรม “ ทักษิณ ” และเพื่อโค่นล้มรัฐบาล
โดยมีรูปแบบการเคลือนไหว ๕ ด้าน ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดสงครามกลางเมืองหรือที่เรียกว่า
สงครามแบ่งแยกประชาชน (สงคราประชาชน) ดังนี้
๑) จัดตั้งมวลชน โดยเฉพาะกลุ่ม เรดคัลเลอร์
๒) ขัดขวางการทำงานของรัฐบาล
๓) ขยายการเคลื่อนไหวจากรุงเทพฯ ไปยังต่างจังหวัด
๔) ปิดล้อมสถานที่ราชการ
๕) จัดตั้งมวลชนหัวรุนแรง สร้างสถานการณ์รุนแรง เพื่อนำไปสู่สงครามประชาชน
ขบวนการเรดคัลเลอร์ ได้ยกระดับแผนการเคลื่อนไหวขึ้นไปอีกระดับ แต่จะเป็นเรื่องจริง หรือ
เป็นเพียงการจินตนาของฝ่ายรัฐ เป็นเพียงข่าวลือ ข่าวปล่อย เพื่อสร้างกระแส หรือจะด้วย
วัตถุประสงค์ใดก็สุดแต่จะคาดเดา หากลองย้อนดูแผนการเคลื่อนไหวของ แผนตากแดด ๒
เปรียบเทียบกับสถานการณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการเคลื่อนไหวมวลชนกลุ่ม
เรดคัลเลอร์ ตั้งแต่ช่วงหลังสงกรานต์วิปโยค ๒๕๕๒...ประเด็นนี้ซิที่น่าสนใจ
เหตุใดหนอ...จึงตรงกันอย่างไม่น่าเป็นไปได้...ช่างเถอะ ละประเด็นนี้ไว้ก่อน
“แผนตากแดด ๒” เป็นการยกระดับการต่อสู้ให้เข้มข้นและรุนแรงมากกว่า แผนตากแดด ๑
โดยแบ่งการเคลื่อนไหวออกเป็น ๗ ยุทธศาสตร์ (ประเด็นนี้ขออนุญาติหยิบมาจาก หนังสือ
พิมพ์แนวหน้า, เลียบวิภาวดี, กมลศักดิ์ ตั้งธรรมเนียม) ความว่า
๑) กำจัดอำนาจเปาบุ้นจิ้น
๒) ตัดลิ้นนกพิราบนอกค่าย
๓) กระจายข่าว ลับ ลวง พราง อย่างฉับไวโดยเหล่า อีกาแดง
๔) สร้างความขัดแย้งในหมู่เสนาบดี
๕) แยกปฐพีปลายด้ามขวาน
๖) ปฏิบัติการขจัดคนดังอย่างสุดมั่น
๗) ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทุกวิถีทาง กับสีเดียวกันต่างแนวทาง ต่างสีต่างความคิด ที่ปกป้องมาร์ค
สำหรับเป้าหมายการเคลื่อนไหวตามแนวปฏิบัติที่วางไว้ เพื่อ
- ล้มล้างรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้อยู่ในช่วงเวลาการเคลื่อนไหว
- ผลักดันให้มีการประกาศใช้ ฉบับร่าง เหวงเหวง
- แก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการกลับมาของ นช. อดีตผู้นำ
- สถานการณ์เพื่อให้รัฐตกอยู่ในสภาพ บริหารได้ แต่ ปกครองไม่ได้
- ทำลายความน่าเชื่อถือของระบบยุติธรรม นำไปสู่ข้อกล่าวหา ๒ มาตรฐาน
- เปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบยุติธรรม เพื่อให้อยู่ภายใต้อำนาจฝ่ายการเมือง
- ผลักดันให้เปลี่ยนแปลงวันชาติ เป็น ๒๔ มิถุนายน เหล่าเรดคัลเลอร์ ดำเนินการตามเป้าหมายและยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ โดยอาศัยสื่อบางกลุ่ม
ที่พอจะ ตกลงเป็นจำนวนตัวเลขได้ ทั้งที่เป็นสื่อแท้ สื่อเทียม สื่อที่ไร้จรรยาบรรณ รวมไปถึง
การใช้สื่อต่างประเทศเข้ากดดัน โดยผ่านล็อบบี้ยิสต์ การสร้างข่าว เพื่อหวังขยายผลด้านลบ
ของเหล่าบรรดาเสนาบดีระดับ นายก ถึง รอมอตอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุจริต และ ด้านชู้สาว

หนังสือพจนานุกรมภาษาอังกฤษให้ความหมายคำว่า
ล็อบบี้ยิสต์ คือ การล็อบบี้ เป็นความพยายามโน้มน้าวให้ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไข
กฏหมาย หรือเปลี่ยนสถานการณ์หนึ่งสถานการณ์ใดได้ตามที่ต้องการ คนที่ทำงานนี้เรียกว่า
ล็อบบี้ยิสต์ (Lobbyist)ซึ่งตรงกับคำว่า "นายหน้า" ในความหมายของคนไทยนั่นเอง
คำบอกเล่าจากบุคคลต่างแดนท่านหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันยึดอาชีพเป็นนายหน้าในประเทศไทย และ
มีประสบการณ์เคยเป็นล็อบบี้ยิสต์ในอเมริกาเล่าว่า
" ในต่างประเทศโดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา "ล็อบบี้ยิสต์" ถือเป็นอาชีพหนึ่งที่ต้องมีการเรียน
การสอน เป็นอาชีพที่ถูกกฏหมาย มีการจดทะเบียนวิชาชีพ ระบุชัดเจนว่ามีสิทธิ์ประกอบอาชีพ
"ล็อบบี้ยิสต์"ได้ และมีข้อมูลระบุว่ามีใครประกอบอาชีพนี้บ้าง คงคล้ายๆ กับอาชีพทนายความ
ในประเทศไทย มีการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ด้วย แต่ในเมืองไทยอาชีพนี้กลับไม่เป็นที่ยอมรับ
และถูกรังเกียจ "แล้วทำไมอเมริกาจึงยอมรับอาชีพนี้ ในอเมริกาถือว่า ล็อบบี้ยิสต์ เป็นบุคคลที่คอยช่วยเหลือ
แก้ปัญหาต่างๆ ให้ ถ้าคุณมีปัญหาอะไร เขาช่วยคุณแก้ไขปัญหาได้ ในอเมริกามีคนประกอบ
อาชีพนี้จำนวนมาก เพราะคนอเมริกันไม่ชอบเสียเวลา จึงต้องหาคนมาช่วยไม่ให้เสียเวลา จะ
เสียเงินบ้างก็ไม่เป็นไร ขอให้งานของเขาเรียบร้อยประสบความสำเร็จ
การทำงานบ็อบบี้ในอเมริกา จะทำงานล็อบบี้กันระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ แต่หากจะทำงานล็อบบี้
กับหน่วยราชการ จะต้องไปลงทะเบียนก่อนเพื่อแสดงตน จะพาเจ้าหน้าที่ไปเลี้ยงอาหาร หรือ
ให้ของขวัญ ก็ต้องแจ้งและมีใบเสร็จรับเงินชัดเจน
ท่านยังกรุณาฝากข้อความทิ้งท้ายไว้ว่า
" ล็อบบี้ยิสต์ ไม่ใช่จะเลวไปทั้งหมด ต้องถือว่าเป็นหมอทางธุรกิจ ที่จะช่วยแก้ไม่ให้มีปัญหา
แต่ไม่ใช่มาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วอย่างในเมืองไทย"
แผนตากแดด ๒ ถูกปล่อยออกมาก่อนการชุมนุมใหญ่ของเหล่าเรดคัลเลอร์เพียงไม่กี่วัน แม้ว่า
แกนนำคนสำคัญ จะออกมาปฎิเสธว่า เป็นเพียงการจินตนาการของฝ่ายรัฐบาล ที่ต้องการเพียง
ดิสเครดิตมวลชนคนเรดคัลเลอร์เท่านั้น
การปล่อยข่าวลือออกมาในช่วงเวลาดังกล่าวจะถือเป็นการประชาสัมพันธ์การชุมนุมครั้งสุดท้าย
(หรือป่าว) ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ได้หรือไม่ คงมิอาจรับรองประการใด
ข้อเท็จจริงคงต้องรอให้ผู้ปล่อยข่าวออกมาแถลงไขด้วยตัวเอง...
ว่าแต่จะมีความกล้าพอหรือไม่เท่านั้น...
ในส่วนของความต่างที่คล้ายกันระหว่าง แผนตากแดด และ ยุทธศาสต์เพื่อแม้วร้อยใจเป็นหนึ่ง
จะนำเสนอในครั้งต่อไป เพื่อให้ทุกท่านได้วิเคราะห์พิจารณาตามวิสัยทัศน์