google wrote:คิดบ้างมั๊ยที่ชวนนท์ไม่แย้งเพราะกลัวติดคุกเหมือนกัน หึหึ
มองในมุมกลับ
เคยมีคนเอามาแย้งผมเรื่องนี้ แต่ไม่ครบประเด็น ลองอ่านดู ยืนยันได้ว่าหนังสือนี้มีอยู่จริง
saopao wrote:ข้อสงสัย
สนธิสัญญากับแผนที่ อะไรใหญ่กว่าหรือควรอ้างอิงอะไรเป็นหลัก
ผมมีคำตอบให้เช่นกัน เชิญอ่าน คำตอบนี้ ผมเอามาจากลิ้งค์ข้างล่าง
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000107078
เอกสารอีกชิ้นหนึ่งชื่อว่า “ปัญหาเขตแดนไทย-ลาว” ซึ่งจัดทำโดย กรมสนธิสัญญาและกฎหมายกระทรวงการต่างประเทศ จัด ทำเมื่อปี พ.ศ. 2547 (ซึ่งเป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นหลัง MOU 2543) แม้ว่าจะไม่ใช่เอกสารไทย-กัมพูชา แต่ส่วนที่เกี่ยวข้องกันอยู่ก็คือ “วิธีคิด” ของกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศต่อแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน โดยยึดถือว่า “แผนที่ซึ่งจัดทำโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียว” นั้นถือเป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยาม-กับฝรั่งเศส และยังยึดถือด้วยว่า “แผนที่” เป็นหลักเหนือ “สนธิสัญญา” ดังนั้นจึงไม่มีพื้นที่พิพาทหรือทับซ้อน และมีเส้นเขตแดนเดียวก็คือ “แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน” เท่านั้น
ในหน้า 15 - 16 ในเอกสารของกรมสนธิสัญญาฉบับนี้ระบุความตอนหนึ่งว่า:
(1)เนื่องจากแผนที่ชุดนี้เป็นผล งานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนฯ ชุดที่ 1 ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามสนธิสัญญาปี ค.ศ. 1904 ดังนั้นส่วนใหญ่ของแผนที่ชุดนี้ (จำนวน 9 ระวาง) จึงแสดงเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาและความตกลงฉบับปี ค.ศ. 1904 ซึ่งยังมีผลใช้บังคับอยู่จนถึงปัจจุบัน เพียง 6 ระวาง (ระวางเมืองคอบและเชียงล้อม / ระวางลำน้ำต่างๆ ทางภาคเหนือ/ ระวางเมืองน่าน/ ระวางจำปาสัก/ ระวางโขง/ และ “ระวางดงรัก”)
ในกรณีของลา่วมันคนละกรณีกัน อันนั้นเราก็ต้องอ้างเอาสิ่งที่เราได้ประโยชน์อยู่แล้ว
กระทรงต่างประเทศตอบไว้ดังนี้ และตอบให้ปานเทพฟังด้วยชวนนท์ - ผมขออนุญาตนิดหนึ่งครับ คือสิ่งที่อาจารย์ได้เล่ามาเรื่องลาวนะครับ ขอชี้แจงอาจารย์นิดหนึ่ง ข้อเท็จจริง ว่าจริงๆ เรื่องลาวมันมีที่มาที่ไปคือตอน 1904 มา 1907 ที่อาจารย์ได้กล่าวมาในตอนต้นเลยว่าเราได้คืนเสียมราฐ พระตะบอง อะไรต่างๆ ให้กับทางกัมพูชา แล้วเราได้คืนตราด กับเกาะกูด เกาะต่างๆ อีกจุดหนึ่งที่เราได้ เราได้ด่านซ้ายที่เลย เราได้ด้วย ทีนี้พอได้ด่านซ้ายที่เลยมาปั๊บ
พีระพัฒน์ - เป็นหนึ่งในตัวนี้ด้วยใช่ไหมครับ
ชวนนท์ - 1907 มีด่านซ้ายที่เลย เราได้คืนด้วย ตอนนั้นรัชกาลที่ 5 เห็นว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวมันโดนปักลิ่มลงมา ถ้าด่านซ้ายออกไปมันอันตรายกับยุทธศาสตร์ เพราะฉะนั้นก็บอกว่าเราต้องเอาด่านซ้ายคืน เพราะมันเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ เมื่อได้ด่านซ้ายคืนมา อะไรเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือแผนที่ 1904 มันต้องไปแก้
พีระพัฒน์ - เพราะมันลากยาว
ชวนนท์ - เพราะมันลากมาเลย เพราะฉะนั้นมุมตรงนี้มันต้องลากใหม่ บริเวณด่านซ้าย ทีนี้ตรงบริเวณดังกล่าวปัญหาของมันคือว่ามันมีแม่น้ำเหือง ตรงบริเวณลาว มีอยู่ 3 สาย แล้วเขาก็บอกว่าเอาล่ะ ใช้สันปันน้ำ แต่ว่าแม่น้ำเหืองมันจะวิ่งหาสันปันน้ำแตกต่างกันแต่ละเส้น เรากับลาวก็เถียงกันว่าจะเอาเส้นไหน
พีระพัฒน์ - มีให้เลือก
ชวนนท์ - เพราะฉะนั้นผมเรียนว่าไทยกับลาวไม่ได้มีปัญหาเรื่องเราจะไปเอาตัวที่ไม่ตรง กับสันปันน้ำ จริงๆ แล้วสันปันน้ำ เพียงแต่เป็นตัวแม่น้ำเท่านั้นเองที่เราจะเลือกว่าจะใช้ตัวไหน นั่นประเด็นที่ 1 ประเด็นที่ 2 จริงๆ เรื่องนี้ก็เป็นความลับพอสมควรนะครับ แต่ผมก็จะชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้สบายใจ ประเด็นสำคัญอีกอันก็คือว่า แผนที่บริเวณลาวเป็นแผนที่ที่เรายืนยันได้ว่ามีการลงนาม เพราะอะไรครับ เพราะ พ.ท.แบร์กนาด์ ที่เป็นผู้ร่างแผนที่ทั้งหมด 1904 เหมือนที่อาจารย์เรียน เขาไม่ได้ปักปัน เขาไม่ได้เขียนอะไรเลย พอ 1907 เราเอาด่านซ้ายคืนมา เขากลับมาแก้แล้วเขาเซ็น ว่าเขาแก้เอง แล้วเราก็รับ หลักฐานชัดเจน เพราะฉะนั้นแผนที่ฉบับนั้นมันถึงมีสถานะเหนือกว่าสนธิสัญญา ใช้ได้ นะครับ แล้วก็อาจจะพูดว่าเราก็มีจุดที่ค่อนข้าง อาจจะดูว่าได้เปรียบทางลาวเล็กน้อย เพราะฉะนั้นเราก็คิดว่าการต่อสู้วิธีนี้ก็ไม่เสียหาย
อธิบายเพิ่มเติมหน่อยว่า
-สนธิสัญญาให้ยึดแม่น้ำเหือง
-แต่จริงๆแม่น้ำเหืองช่วนนั้นแยกเป็น 3 เส้น ซึ'งสนธิสัญญาไม่ได้ระบุว่าเส้นไหน
-แผนที่ฉบับนั้นตรงกับสนธิสัญญาและระบุตำแหน่งแม'น้ำเหืองไว้ ทางฝรั่งเศสได้แก้และลงชื่อยอมรับ โดยไทยได้ประโยชน์
-ไทยจึงยึดถือว่าเหนือสนธิสัญญา ต่างกับแผนที่ระวางดงรักที่ผิดสนธิสัญญาที่ไทยหรือแม้แต่ศาลโลกก็ไมรับรอง
จะเห็นว่า แม้แต่แผนที่ 1:200000 ตามสนธิสัญญาสามารถนำไปแก้ได้ให้ตรงกับสนธิสัญญา ไม่ใช่ยึดตายตัว และเคยแก้มาแล้ว
ที่ผมบอกว่าตอบไม่ครบประเด็นก็เพราะยังไม่ได้ตอบเรื่องแผนที่ ดังนี้
ในหน้า 15 - 16 ในเอกสารของกรมสนธิสัญญาฉบับนี้ระบุความตอนหนึ่งว่า:
(1)เนื่องจากแผนที่ชุดนี้เป็นผล งานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนฯ ชุดที่ 1 ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามสนธิสัญญาปี ค.ศ. 1904 ดังนั้นส่วนใหญ่ของแผนที่ชุดนี้ (จำนวน 9 ระวาง) จึงแสดงเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาและความตกลงฉบับปี ค.ศ. 1904 ซึ่งยังมีผลใช้บังคับอยู่จนถึงปัจจุบัน เพียง 6 ระวาง (ระวางเมืองคอบและเชียงล้อม / ระวางลำน้ำต่างๆ ทางภาคเหนือ/ ระวางเมืองน่าน/ ระวางจำปาสัก/ ระวางโขง/และ “ระวางดงรัก”)
จะลองตอบดูก็ได้นะ