ในหลวงกับการศึกษาไทย

[network1912]

ในหลวงกับการศึกษาไทย

5 ธันวาคม 2546 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบในการวางแผน และกำหนดนโยบายทางการศึกษาของชาติ ได้ตระหนักดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ เป็นคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแก่การพัฒนาการศึกษาของไทย พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในการศึกษาของชาติเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่อาณาประชาราษฎร์ตลอดมา ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม และเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติจึงได้จัดทำเว็บไซต์ "ในหลวงกับการศึกษาไทย" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมการพัฒนาการศึกษาที่เกี่ยวเนื่องในพระราชดำริ ทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบโรงเรียน และการศึกษาตามอัธยาศัย พระราชปณิธานและพระราชดำริที่สำคัญเกี่ยวกับการศึกษา รวมทั้งพระราชกรณียกิจของพระองค์ในการสร้างคน และการพระราชทานทุนการศึกษาซึ่งพสกนิกรได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ในพระปรีชาญาณและสายพระเนตรอันยาวไกล ในการให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน ซึ่งเป็นทรัพยากรอันมีค่าสูงสุดในการพัฒนาประเทศ และส่งผลให้ปวงชนชาวไทยมีความร่มเย็นเป็นสุขทั่วหน้ากัน พระเจ้าอยู่หัวกับการศึกษาในระบบโรงเรียน

[tarato13]

อ่านถวาย"ในหลวง" ความดีเล็กๆ ของเด็กไทย

โดย เดือนเต็ม สรรสาส์น

จนถึงวันนี้คำกล่าวที่ว่า "คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 8 บรรทัด" ยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำอันเจ็บปวด และกระตุ้นให้หลายๆ หน่วยงานพยายามส่งเสริมให้คนไทย เด็กไทย อ่านหนังสือให้มากขึ้น

ไม่ว่าจะโดยการผลิตหนังสือสวยๆ ตัวหนังสือน้อยๆ รูปภาพมากๆ เพื่อดึงดูดให้เด็กสนใจและหยิบจับขึ้นมาพลิกดู-พลิกอ่าน

การทำโครงการวิจัย คัดเลือกและแนะนำหนังสือดีที่คนไทยควรได้อ่าน โดยแบ่งเป็นช่วงอายุ แบ่งเป็นหมวดหมู่หนังสือ รวมทั้งทำโครงการส่งเสริมให้ห้องสมุดตามโรงเรียน มีหนังสือดีๆ ไว้ให้เด็กๆ อ่าน ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่ทำขึ้นเพื่อให้เด็กไทยเป็นนักอ่าน

>"เด็กไทยรวมใจอ่านถวายในหลวง 60 ล้านเล่ม" เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของโครงการเล่มโปรดบุ๊คคลับ จากความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กระดาษดั๊บเบิ้ลเอ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับเด็กๆ และเปิดโอกาสให้เด็กๆ และประชาชนทุกคนได้ทำความดีด้วยการอ่านหนังสือ ถวายเป็นราชสักการะในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เพิ่งมีการมอบ "รางวัลสุดยอดนักอ่านระดับประเทศ" และ "สุดยอดนักอ่านระดับภูมิภาค" เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ แต่ละรางวัลนั้นสรรหามาจากการประกวดเขียนเรียงความ ในหัวข้อ "อ่านหนังสือด้วยใจภักดิ์ รักในหลวง" ซึ่งมีแบ่งออกเป็นระดับชั้นต่างๆ

ตั้งแต่อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา และประชาชนทั่วไป โดยผู้ชนะเลิศในแต่ละระดับชั้นจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และได้รับรางวัลไปทัศนศึกษาประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับครูผู้ดูแลการเขียนเรียงความ

นอกจากนี้ ยังมีรางวัลโรงเรียนสุดยอดนักอ่านประจำพื้นที่เขตการศึกษา 137 โรง โดยในงานพิธีมอบรางวัล ผู้อำนวยการและผู้บริหารโรงเรียนได้มาร่วมงานรับโล่รางวัล ด้วยความภาคภูมิใจ ที่ครู นักเรียน และผู้ปกครองในโรงเรียนได้ร่วมแรงร่วมใจอ่านจนได้สถิติการอ่านต่อคน สูงสุดในเขตพื้นที่การศึกษา

"ด.ญ.วสุลักษณ์ ธรรมวุฒิกุล" หนึ่งในผู้ชนะเลิศรางวัลสุดยอดนักอ่านระดับประเทศ ระดับประถมศึกษาตอนต้น โรงเรียนบ้านโพธิ์ จังหวัดหนองคาย บอกว่า
"หนูอ่านหนังสือครบ 40 เล่ม แล้วหนูก็บันทึกลงสมุดบันทึกการอ่าน คุณครูสอนให้หนูเขียนเรียงความ ดีใจมากค่ะที่ได้รับรางวัล จากนี้ต่อไปหนูจะตั้งใจอ่านหนังสือไปทุกวันจนครบหกสิบล้านเล่มเลยค่ะ"


"ด.ญ.ปิยะดา สว่างวงศ์" ผู้ชนะเลิศรางวัลสุดยอดนักอ่านระดับประเทศ ระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนหนองแวงบึงงาม จังหวัดร้อยเอ็ด บอกว่า
"รู้สึกดีใจภูมิใจอย่างยิ่งในชีวิต เพราะเป็นความดีที่เด็กๆ อย่างหนูได้ทำถวายพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ ต้องเป็นเพราะพระบารมีของพระองค์ท่านที่ทำให้หนูได้เป็นสุดยอดนักอ่านระดับประเทศ และจะได้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่หนูไม่เคยคาดคิดมาก่อน หนูอยากให้ทุกๆ คนอ่านหนังสือ เพราะการอ่านหนังสือเป็นบ่อเกิดของปัญญา"


ส่วนรางวัลชนะเลิศสุดยอดนักอ่านระดับประเทศ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น "ด.ญ.ศันสนีย์ ปรารมย์" จากโรงเรียนบึงมะลูวิทยา จังหวัดศรีสะเกษ เล่าถึงที่มาของการเขียนเรียงความส่งเข้าประกวดในครั้งนี้ว่า ปกติเป็นสมาชิกในโครงการรักการอ่านของโรงเรียนอยู่แล้ว เมื่อทราบเรื่องการประกวดจากอาจารย์จึงลองเขียนดู
"แม้ว่าจะชนะรางวัลสุดยอดนักอ่านแล้ว แต่หนูก็จะอ่านหนังสือต่อไปค่ะ แล้วจะจดบันทึกเอาไว้ว่าอ่านเรื่องไหนไปแล้วบ้าง หนูว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีค่ะ สนับสนุนให้เด็กไทยอ่านหนังสือเพื่อถวายในหลวง แล้วเป็นการร่วมกันทำดีด้วยค่ะ"


ทางด้าน "นายอับดุลเลาะห์ แวมะมิง" ผู้ชนะเลิศรางวัลสุดยอดนักอ่านระดับประเทศ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี บอกว่า
"ผมเข้าร่วมโครงการแล้วอ่านหนังสือครบ 32 เล่ม เล่มหนึ่งมี 50 เรื่อง ทั้งหมดมี 1,600 เรื่องครับ ผมดีใจมากที่ได้รางวัลนี้ รางวัลของผมเป็นรางวัลที่กระตุ้นให้เพื่อนๆ อ่านหนังสือได้ แม้จบโครงการนี้แล้วผมก็จะอ่านหนังสือต่อไปเพื่อถวายแด่ในหลวงครับ"


สำหรับเรียงความระดับประชาชนทั่วไปมีแต่ผู้ชนะระดับภาค ไม่มีผลงานใดเหมาะสมกับรางวัลระดับประเทศ

"สุวดี จงสถิตย์วัฒนา" กรรมการผู้จัดการบริษัทนานมีบุ๊คส์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา โครงการเล่มโปรดบุ๊คคลับ "เด็กไทยรวมใจอ่านถวายในหลวง 60 ล้านเล่ม" ได้รับความสนใจและการตอบรับเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ครู นักเรียน นักการภารโรง ผู้ปกครองของนักเรียน รวมถึงประชาชนทั่วไป

ทุกคนร่วมใจกันอ่าน ร่วมใจกันจดบันทึกการอ่าน จนได้สถิติของโรงเรียนที่ร่วมโครงการ 6,802 โรงเรียน ซึ่งทุกโรงเรียนต่างส่งข้อมูลตอบกลับครบถ้วน จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการรวม 2,650,738 คน และทุกคนร่วมใจกันอ่านหนังสือเป็นจำนวนทั้งสิ้น 48,211,210 เล่ม


แม้จะไม่ถึงเป้าหมาย 60 ล้านเล่ม แต่โครงการนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กหลายคนรักการอ่านอย่างได้ผล
โครงการเล่มโปรดบุ๊คคลับ ปีที่ 7 จะยังคงดำเนินการส่งเสริมให้เด็กไทยรักมีนิสัยการอ่านมาอย่างต่อเนื่องต่อไป

โรงเรียน ห้องสมุด และหน่วยงานที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ติดต่อได้ที่โทร.0-2662-3000 ต่อ 4335
ร่วมแรงร่วมใจให้เด็กไทยอ่านหนังสือ เป็นนักอ่านในอนาคต เพื่อลบสถิติที่ว่า

"คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 8 บรรทัด"

[NUBO]

เป็นคนไทยต้องรักตัวหนังสือไทย
ช่วยกันอนุรักษ์ความเป็นไทยกันเถอะนะ

[chaobaan]

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงความสำคัญของ การศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะทรงถือว่า “การศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาชีวิตมนุษย์” ดังจะเห็นได้จากพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่คณะครูและนักเรียน ณ ศาลาดุสิดาลัย เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๔ และเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๘ รวมทั้งที่พระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๙ มีความตามลำดับดังนี้
“…การศึกษาเป็นปัจจัยในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ และคุณธรรมของบุคคล…“
“…ปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งของทั้งชีวิตและส่วนรวม คือ การศึกษาซึ่งเป็นรากฐานส่งเสริมความเจริญมั่นคงเกือบทุกอย่างในบุคคล และประเทศชาติ…“
“…การศึกษาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนาบุคคลให้มีคุณภาพ ให้เป็นทรัพยากรทางปัญญาที่มีค่าของชาติ…“
“…งานด้านการศึกษาเป็นงาน สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้น ขึ้นอยู่กับการศึกษาของชาติเป็นข้อใหญ่ ตามข้อเท็จจริงที่ทราบกันดีแล้ว ระยะนี้บ้านเมืองของเรามีพลเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งมีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้นด้วยว่า พลเมืองของเราบางส่วนเสื่อมทรามลงไปในความประพฤติและจิตใจ ซึ่งเป็นอาการที่น่าวิตก ถ้าหากยังคงเป็นอยู่ต่อไป เราอาจจะเอาตัวไม่รอด ปรากฏการณ์เช่นนี้ นอกจากเหตุอื่นแล้ว ต้องมีเหตุมาจากการจัดการศึกษาด้วยอย่างแน่นอน เราต้องจัดงานด้านการศึกษาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น…”

[น้ำตก]

พระองค์ทรงสนพระทัยในการศึกษาของชาติเป็นอย่างยิ่ง
การพระราชทานทุนการศึกษาให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน
ซึ่งการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนไทยทุกคน
และเป็นการสร้างคนให้มีความรู้ไม่ถูกใครเอาเปรียบได้

[tarato13]

การอ่านเป็นการเปิดโลกทัศน์ในการเรียนรู้ที่ดีที่สุด ปัจจุบันเราสามารถอ่านหรือเรียนรู้ได้ทุกเรื่องจาก Internet ซึ่งถ้าเราใส่ใจหรือรักการอ่านเราก็สามารถทำได้อย่าง่ายและสะดวก ในหลวงทรงเป็นพระบิดาแห่งการเรียนรู้ พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับเรื่องทุกเรื่อง และสิ่งที่พระองค์ทรงทำก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่พระองค์ทำได้อย่างดีเยี่ยมและสมบูรณ์ที่สุด

[babycat]

การศึกษา ทำให้คนมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในห้องเรียน ทางอินเตอร์เน็ต หรือทางหนังสือ ฯลฯ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีวันหมด สามารถเรียนรู้หรือศึกษาได้ตลอดไป

[โดราเอมอน]

"...งานด้านการศึกษา เป็นงานสำคัญที่สุดอย่าง หนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้น ขึ้น อยู่กับการศึกษาของ พลเมืองเป็นข้อใหญ่ จึงต้องจัดการศึกษาให้เข้มแข็ง ยิ่งขึ้น..."

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ณ วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร 12 ธันวาคม 2512



"...มหาวิทยาลัย มุ่งสั่งสอนนักศึกษาให้เป็นคนเก่ง ซึ่งเป็นการดี แต่นอกจากจะสอนให้เก่งแล้วจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะอบรมให้ดีพร้อมกันไปด้วย ประเทศเราจึงจะได้คนที่มีคุณภาพพร้อมคือ ทั้งเก่งและทั้งดีมาเป็นกำลัง ของบ้านเมือง..."

พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะผู้บริหาร
และสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ
ณ ศาลาดุสิดาลัย 3 ตุลาคม 2533

[kuron23]

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นความสำคัญของการศึกษาของประชาชนชาวไทยที่อยู่นอกระบบโรงเรียนของประชาชนที่อยู่ในชนบทเป็นอย่างมาก ทรงริเริ่มตั้ง "ศาลารวมใจ" ตามหมู่บ้านชนบทเพื่อให้ประชาชนได้ใช้เป็นที่อ่านหนังสือ โดยพระราชทานหนังสือประเภทต่างๆ แก่ห้องสมุด "ศาลารวมใจ" นอกจากนั้นมีพระราชดำริ จัดทำโครงการพระดาบส เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙
"อาศรมของพระดาบส" เป็นพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงห่วงใยประชาชนนอกระบบโรงเรียนที่พลาดโอกาสในการศึกษา เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานแก่ประชาชนที่มีความรักวิชาการ ใฝ่หาความรู้ใส่ตนเองแต่ไม่สามารถหาที่เรียนได้อาจเนื่องจากการขาดแคลนทุนทรัพย์ จึงมีพระราชดำริให้การศึกษาแก่ประชาชนประเภทนี้ ให้มีลักษณะเดียวกับการศึกษาในสมัยโบราณ ที่ผู้ต้องการหาวิชาต้องดั้นด้นไปหาพระอาจารย์ ซึ่งเป็นพระดาบสมีสำนักอยู่ในป่า แล้วฝากฝังตัวเป็นศิษย์ สำหรับอาศรมของพระดาบสหรือส่วนใหญ่เรียก "โรงเรียนพระดาบส" ใช้สถานที่ของสำนักพระราชวัง ณ ๓๘๔–๓๘๙ ถนนสามเสน รับสมัครผู้เรียนไม่จำกัดเพศ วัย วุฒิ ความรู้หรือฐานะ เปิดสอนครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๑๙ มีผู้เข้าศึกษาจำนวน ๖ คน หลักสูตรการเรียนใช้เวลา ๑ ปี แต่เมื่อปฏิบัติจริงๆ ใช้เวลาเพียง ๙ เดือน นักศึกษาที่เรียนสำเร็จการโรงเรียนพระดาบส มีความรู้ความสามารถประกอบอาชีพได้ตามวิชาที่ต้องการ ผู้ที่สนใจเข้าศึกษาในโรงเรียนพระดาบสมีทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน และทหารผ่านศึกที่ทุพพลภาพ ครูผู้สอนส่วนมากเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ อาสาสมัคร โดยถือว่าการสอนวิชาความรู้ให้ศิษย์เป็นวิทยาทาน ไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น โรงเรียนนี้มีองคมนตรีและผู้ทรงคุณวุฒอื่นๆ เป็นผู้ดำเนินการ วิชาที่โรงเรียนเปิดสอนครั้งแรก ได้แก่ วิชาซ่อมเครื่องไฟฟ้า วิทยุติดตั้งไฟฟ้า พร้อมกับการเรียนการสอนนี้ ผู้เรียนสามารถหารายได้ในรูปสหกรณ์ด้วย
สำหรับการศึกษาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่ประชาชนนอกระบบโรงเรียนนั้นได้แก่ ในขณะที่พระองค์เสด็จแปรพระราชฐานไปยังต่างจังหวัดทุกภาค เฉลี่ยภาคละ ๑ เดือนครึ่ง ระหว่างที่ทรงเยี่ยมเยียนราษฎร ไต่ถามถึงทุกข์สุข และปัญหาต่างๆ ในการดำรงชีพ แนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้คือ พระราชทานพระราชดำริในลักษณะของการแก้ไขปัญหาและพัฒนาในพื้นที่ที่ประสบกับปัญหานั้นๆ ในขณะเดียวกันก็ใช้พื้นที่นั้นๆ เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าและให้ความรู้แก่ประชาชนผู้สนใจทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะทั้งในระบบ นอกระบบโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากพระราชประสงค์ที่ทรงมุ่งหวังพัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎร ให้สามารถช่วยเหลือพึ่งตนเองได้ ทรงพิจารณาเห็นว่าการได้เรียนรู้และพบเห็นด้วยประสบการณ์ของตนเองนั้นเป็นวิธีการหนึ่งของการสร้างการเรียนรู้ในการพัฒนาชนบท ด้วยเหตุนี้จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยให้ทำหน้าที่เสมือน "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต" เพื่อเป็นศูนย์รวมของการศึกษาค้นคว้า ทดลองวิจัยและแสวงหาแนวทางและวิธีการพัฒนาด้านต่างๆ ที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม และการประกอบอาชีพของราษฎรที่อาศัยอยู่ในภูมิประเทศนั้นๆ และเมื่อค้นพบพิสูจน์ได้ผลแล้วก็จะนำผลที่ได้ไป "พัฒนา" สู่ราษฎรในหมู่บ้านใกล้เคียงจนกระทั่งขยายผลแผ่กระจายวงกว้างออกไปตามลำดับ

[รักเมืองไทย55]

"สละสุขส่วนพระองค์ทรงงานหนัก เป็นแบบหลักสร้างพื้นฐานการศึกษา

ด้อยโอกาส...ขาดสิ่งใด...แม้ภัยมา พระเมตตา...โครงการหลวงช่วยปวงชน

สองพระหัตถ์ปัดทุกข์แผ่สุขชาติ สองพระบาทเบิกทางกระจ่างผล

น้อมใจภักดิ์นบจักรีภูมิพล บุญเหลือล้นที่เกิดในร่มใบบุญ"
ที่มา http://campus.sanook.com/u_life/showroom_03257.php

[ชมพู่]

"...งานด้านการศึกษา เป็นงานสำคัญที่สุดอย่าง หนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้น ขึ้น อยู่กับการศึกษาของ พลเมืองเป็นข้อใหญ่ จึงต้องจัดการศึกษาให้เข้มแข็ง ยิ่งขึ้น..."
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ณ วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร 12 ธันวาคม 2512

[โดราเอมอน]

"...ผู้มีปัญญาและความรู้ดี เพราะมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนมามากว่าผู้อื่น ย่อมมีหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นพิเศษ ที่จะต้องทำตัวทำงานให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน. การที่จะกระทำให้ได้ผลประโยชน์ดังนั้น จำเป็นที่แต่ละคนจะต้องรู้ซึ้งถึงประโยชน์ที่แท้เป็นเบื้องต้นก่อน. ประโยชน์ที่แท้นั้นมีอยู่ ๒ อย่าง คือ ประโยชน์ส่วนตัว ที่ทุกคนมีสิทธิ์จะแสวงหาและได้รับ แต่ต้องด้วยวิถีทางที่สุจริตและเป็นธรรม กับประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งเป็นประโยชน์ของชาติที่แต่ละคนมีส่วนร่วมอยู่. การทำงานทุกอย่างจะต้องให้ได้ประโยชน์แท้ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม ประโยชน์นั้นจึงจะสมบูรณ์และมั่นคงถาวร เป็นผลดีแก่ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง..."

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยมหิดล วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๓๙

[sareesri_39]

"...การศึกษาเป็นเครื่องมืออันสำคัญในการพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านิยม
และคุณธรรมของบุคคลเพื่อให้เป็นพลเมืองดีมีคุณภาพ และประสิทธิภาพ การพัฒนาประเทศก็ผ่อน
ทำได้สะดวกราบรื่นได้ผลที่แน่นอนและรวดเร็ว..."
แนวพระราชดำริเกี่ยวกับความหมายของการศึกษา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2520

[tragedy]

ในหลวงท่านทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์ให้มีความรู้ เป็นการสร้างคนเพราะคนเป็น
สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติพัฒนา ขอให้พระองค์
ทรงพระเจริญ และอยากเห็นคนไทยรักการอ่าน ขวนขวาย
หาความรู้ เพื่อนำความรู้มาพัฒนาประเทศให้เจริญ

[เพียงดิน2889]

พระองค์ให้ความสำคัญกับการศึกษา เพราะการศึกษาทำให้ประชาชนมีความรู้ สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ นำไปพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองได้ การศึกษาตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้ใหญ่ จึงมีความสำคัญยิ่ง เพราะสามารถเรียนรู้ได้ทั้งในห้องเรียน หรือนอกห้องเรียน การศึกษาสามารถศึกษาได้ตลอดเวลา
ทั้งเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ

[น้ำตก]

ไม่ว่าจะเป็นด้านใดท่านก็ทรงเห็นความสำคัญด้วยกันหมด
อย่างเช่นการศึกษา ท่านก็ทรงเสด็จไปทุกที่ที่เด็ก ๆมีความ
คลาดแคลนไม่มีที่จะเรียน ท่านทรงสร้างและทนุบำรุง
ถวายสิ่งของเพื่อเด็ก ๆ จะได้มีที่เรียนเพื่อจะได้มีความรู้

[tragedy]

พระปรีชาสามารถและแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านการพัฒนาพลังงานนั้น
ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทยอย่างกว้างขวาง พระองค์ทรงริเริ่มการพัฒนา
เชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรมาเป็นเวลานานร่วม ๒๐ ปีแล้ว
โดยสิ่งประดิษฐ์ที่พระองค์ได้ทรงค้นคว้าวิจัยและสร้างสรรค์ขึ้น ล้วนเป็นประโยชน์แก่อาณาประชาราษฎร์
และต่อประเทศนานัปการ ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

[NUBO]

ไม่ว่าท่านทำอะไรก็มีแต่เป็นประโยชน์กับ
ประเทศไทยและคนไทยทั้งนั้น

[sweet2011]

พระองค์ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกล และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างแท้จริง
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

[chaobaan]

สำหรับการศึกษาของประชาชนชาวไทยที่อยู่นอกระบบโรงเรียน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นความสำคัญของการศึกษาสำหรับประชาชนที่ อยู่ในชนบทเป็นอย่างมาก ทรงริเริ่มตั้ง “ศาลารวมใจ” ตามหมู่บ้านชนบทเพื่อให้ประชาชนได้ใช้เป็นที่อ่านหนังสือ โดยพระราชทานหนังสือประเภทต่างๆ แก่ห้องสมุด “ศาลารวมใจ” นอกจากนั้นมีพระราชดำริ จัดทำโครงการพระดาบส เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙

[รักเมืองไทย55]

“...วัตถุประสงค์ของการศึกษานั้นคืออย่างไร กล่าวโดยรวบยอด ก็คือการทำให้บุคคลมีปัจจัยหรืออุปกรณ์สำหรับชีวิตอย่างครบถ้วนเพียงพอ ทั้งส่วนวิชาความรู้ ความคิดวินิจฉัย ส่วนจิตใจและคุณธรรมความประพฤติ ส่วนความขยันอดทน และความสามารถ ในอันที่จะนำความรู้ความคิดไปใช้ปฏิบัติงานด้วยตนเองให้ได้จริงๆ เพื่อสามารถดำรงชีพอยู่ได้ด้วยความสุขความเจริญมั่นคง และสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและบ้านเมืองได้ตามควรแก่ฐานะด้วย...”

ความตอนหนึ่ง ในพระบรมราโชวาท

ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

วันพุธที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๒๓

[รักเมืองไทย55]

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยด้านการศึกษาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการศึกษาของเยาวชนไทย เพราะทรงตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา ทรงถือว่า “การศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาชีวิตมนุษย์” พระองค์ทรงมีบทบาทในการพัฒนาการศึกษาในมาโดยตลอด ทรงมีพระปณิธานในการให้การศึกษาแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง ในทุกระดับของการศึกษา ทั้งในระบบและนอกระบบ นับตั้งแต่ปัจเจกบุคคล จนถึงระดับประเทศ พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการพัฒนาการศึกษาในระบบโรงเรียนเริ่มมาตั้งแต่ปี 2498 โดยทรงให้ตั้ง “โรงเรียนจิตรลดา” ขึ้น ต่อมาจึงทรงให้สร้างโรงเรียน “ราชประชานุเคราะห์” ขึ้น เพื่อช่วยเหลือราษฎรซึ่งประสบภัยจากพายุแฮเรียต เมื่อปี 2505 จนทำให้ 12 จังหวัดในภาคใต้และที่แหลมตะลุมพุกได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทรงให้สร้างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ขึ้น 12 แห่ง และสร้างเพิ่มเติมอีกหลายแห่งในเวลาต่อมา
ที่มา http://board.palungjit.com/archive/t-257242.html

[โดเรมอน01]

ในหลวงทรงรับโรงเรียนทั้งของรัฐและเอกชนไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ อันหมายถึงทรงให้การช่วยเหลืออุปถัมภ์ พระราชทานพระราชทรัพย์ ทรงให้คำแนะนำ และเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเพื่อพระราชทานกำลังใจแก่ครูและนักเรียนอีกหลายโรงเรียนได้แก่ โรงเรียนราชวินิต โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัยเป็นต้น
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/true/know ... tent_id=73