by kuron23 » Wed Mar 30, 2011 8:21 am
พระปฐมบรมราชโองการ ที่ทรงตรัสเป็นคำแรกวันที่นั่งเก้าอี้พระราชบัลลังก์ว่า “เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ถ้าคำพูดนี้ ประชาชนทุกคนในแผ่นดินได้ยินและจดจำมาถึงทุกวันนี้ นี่ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดธรรมดาคำพูดหนึ่ง แต่เป็นคำพูดที่พูดแล้วทำได้จริงในระยะเวลา 50 ปี พระองค์ได้ทรงทำตามคำพูดของพระองค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีบกพร่อง พระองค์ได้ปกครองแผ่นดินนี้โดยนำเอาคุณธรรมมาปกครอง และได้ทรงขยายความต่อมาอีกว่า “เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” พระองค์ทรงโอบอุ้มคนไทยเหมือนกับลูกและทำให้ลูกๆ ทุกคนมีความสุข พระองค์ไม่ได้ใช้ธรรมะในปกครองประเทศเพื่อความสุขของพระองค์ แต่เพื่อประโยชน์สุขของคนไทยทั้งประเทศ พระองค์ได้นำความสุขมาให้กับประชาชนของพระองค์ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าที่แห่งนั้นจะทุรกันดารเพียงไร ถึงแม้การเดินทางเพื่อไปยังจุดหมายนั้นจะแสนยากลำบาก แต่พระองค์ก็เสด็จเข้าถึงทุกหนทุกแห่งในแผ่นดิน เรารู้ได้อย่างไร ก็รู้ได้จากป้ายที่ปักไว้ว่า “โครงการพระราชดำริ”
โครงการหลายๆ โครงการในท้องถิ่นทุรกันดารนั้น ได้เอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนในท้องถิ่นนั้น โครงการต่างๆ มากมาย นับเป็นร้อยเป็นพัน ซึ่งได้มีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นมานั้น เกิดขึ้นมาโดยไม่มีที่สิ้นสุด มีโครงการเพิ่มขึ้นมาตามกาลเวลา และพระองค์ท่านยังเป็นผู้ที่มองการณ์ไกล ซึ่งเรื่องบางเรื่องยังไม่มีใครคิดที่จะทำ แต่พระองค์ได้ทรงคิดริเริ่มขึ้นมา ตัวอย่างเช่น ทรงคิดหาพลังงานอื่นขึ้นมาทดแทนการใช้น้ำมัน เมื่อก่อนน้ำมันยังราคาไม่แพง ทุกคนยังไม่เดือดร้อน แต่พระองค์ทรงคิดทำน้ำมันไบโอดีเซลขึ้นมา ทุกคนคิดว่าพระองค์ทรงทำไปทำไม เอาปาล์มมาทำน้ำมันเพื่ออะไร นั่นเพราะพระองค์ทรงเห็นว่า น้ำมันคือทรัพยากรที่อาจหมดไป ทรงคิดทำน้ำมันทดแทนขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เคยคิดถึง พอถึงวันนี้ทุกคนก็ตระหนักถึงประโยชน์ ไม่ว่าผู้ใช้น้ำมันหรือผู้ผลิตก็ล้วนแต่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ และมีอยู่โครงการหนึ่ง คือ กรุงเทพกำลังอดน้ำ มีการประกาศว่าให้เริ่มประหยัดน้ำ พระองค์ก็ทรงถามว่า “ประหยัดน้ำแล้ว มันจะพ้นจากการไม่มีน้ำใช้ไหม” การประหยัดไม่ใช่การแก้ปัญหา มันถึงเวลาที่จะต้องสร้างเขื่อน โดยการสร้างเขื่อนที่นครนายกได้น้ำเท่านี้ สร้างเขื่อนที่แถวลำน้ำป่าสักได้น้ำเท่านี้ สองเขื่อนนี้มีน้ำ พอเลี้ยงคนสิบล้านคนได้ ไม่มีขาด ถึงเวลาที่กรุงเทพฯ น้ำท่วม รัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ พระองค์ทรงให้ทำโครงการแก้มลิง ต่อมาน้ำก็ไม่ท่วมที่กรุงเทพฯ นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับพระราชกรณียกิจ มันเป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ โครงการในพระราชดำริของพระองค์ที่สำคัญมีหลายโครงการ เช่น โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ โครงการเกษตร โครงการสิ่งแวดล้อม โครงการส่งเสริมอาชีพ โครงการส่งเสริมสาธารณสุข
ในด้านการศึกษา พระองค์ทรงเห็นถึงประโยชน์ของการศึกษาของเยาวชน จึงทรงจัดตั้งมูลนิธิอานันทมหิดล เพื่อให้นักศึกษาได้มีเงินทุนไปศึกษาหาความรู้ในวิชาการชั้นสูง เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศและพระองค์ได้ทรงจัดสร้างโรงเรียนตามวัดในชนบท เพื่อให้เด็กๆ ในชนบทได้มีการศึกษา ในหลายครั้งที่เราพบเห็นตามข่าวที่พระองค์ทรงเสด็จไปเปิดโรงเรียนด้วยพระองค์เอง และได้พระราชทานชื่อโรงเรียนด้วย เช่น โรงเรียนร่มเกล้า และเมื่อถึงวาระที่นักศึกษาเรียนจบการศึกษา พระองค์ทรงเสด็จไปมอบประกาศณียบัตรด้วยพระองค์เอง นั่นแสดงว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก
"ความเจริญของประเทศต้องอาศัยความเจริญของภาคเกษตรเป็นสำคัญ" พระราชดำรัสนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสำคัญของภาคการเกษตรที่มีต่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย การเกษตรกรรมเป็นอาชีพพื้นฐานของคนไทยทุกยุคทุกสมัย ประชาชนประมาณสองในสามอยู่ในภาคเกษตรกรรม การพัฒนาภาคเกษตรกรรมนั้นเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ และในการทำเกษตรนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือน้ำที่ใช้ในการทำเกษตร พระองค์ทรงเร่งพัฒนาแหล่งน้ำในหลายๆ พื้นที่ เพื่อการเพาะปลูกหรือการชลประทาน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก หลายพื้นที่แห้งแล้งทำการเพาะปลูกไม่ได้ ก็ได้ทรงนำการชลประทานเข้าไปใช้ในการกักเก็บน้ำ ในบางพื้นที่ การทำชลประทานทำไม่ได้ พระองค์ได้ทรงคิดโครงการฝนหลวง ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งที่ทั่วโลกให้การยอมรับ เพราะไม่มีประเทศใดคิดค้นทำ แต่พระองค์ทรงคิดได้ ซึ่งทำให้เกษตรกรคลายความเดือดร้อนไปได้มาก การพัฒนาแหล่งน้ำต่างๆ เป็นไปโดยการรักษาธรรมชาติให้คงอยู่ด้วย ไม่ทำลายธรรมชาติ เป็นการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูก
ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนชาวไทยทุกคนให้ความเคารพรักและเทิดทูน เพราะพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยมาตลอดตั้งแต่ทรงขี้นครองราชย์จนถึงปัจจุบัน สมควรอย่างยิ่งที่ประชาชนอย่างเราจะเอาแบบอย่างที่ดี ไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของตัวเรา