เมื่อก่อนเชื่อว่าพรรคการเมืองใหม่จะดับไปพร้อมกับคนชื่อสนธิ แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วเพราะพรรคการเมืองใหม่ดับไปตั้งแต่ยังไม่เลือกตั้งเลย
พันธมิตรฯ อยากได้อำนาจ แต่เมื่อรู้ว่าเลือกตั้งไปก็สู้พรรคการเมืองใหญ่ๆ ไม่ได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่เลือก ไม่นิยมชมชอบ ไม่ศรัทธาก็เลยต้องหาทางออกหวังพึ่งท๊อบบู๊ตเข้ามามีอำนาจ อ้างล้มล้างนักการเมืองชั่วๆ เหมือนที่นายประพันธ์บอกว่าพรรคการเมืองใหม่จะเดินหน้าเลือกตั้งไปเพื่อเอาหัวโขกกำแพงหรือ
การเปลี่ยนมารณรงค์ให้โหวตโนแทนที่จะกาเลือกพรรคการเมืองใหม่ ที่จริงมันก็แค่การวางหมากหวังอยากเข้ามามีอำนาจโดยไปยืมมือคนอื่นโดยเฉพาะกองทัพเพื่อปลุกกระแสรัฐประหาร ถ้าสำเร็จนอกจากพวกพ้องจะได้มีอำนาจแล้วที่สำคัญคือแกนนำพันธมิตรฯ จะได้หลุดพ้นคดีความต่างๆ โดยอาศัยอำนาจรัฐ ถามว่าคนที่โหวตโนหรือไม่ไปลงคะแนนเสียงทั้งหมดต้องเห็นด้วยกับพันธมิตรฯ หรือ คำตอบคือไม่ใช่ เพราะพวกเขาหรือเธออาจไม่ชอบพรรคการเมืองใดๆ เลย แล้วก็ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯ จะไปบอกว่าคนโหวตโนต้องเชื่อสิ่งที่สนธิบอกทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้หรอก
โหวตโนผลกระทบจริงๆ ก็ตกไปอยู่กับพรรคการเมืองใหม่นั่นแหละ สมศักดิ์ หัวหน้าพรรค สุริยะใส พิเชษฐ แกนนำบริหารพรรคคนอื่นๆ ถามว่าพวกเขาไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหรือที่อยู่ๆ บนเวทีก็ประกาศให้คนที่จะเลือกพรรคการเมืองใหม่ทำการโหวตโน
ความจริงแล้วกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขใหม่ก็ให้โอกาสกับพรรคการเมืองขนาดเล็ก เดิมที ส.ส.ระบบสัดส่วน ตัดคะแนนขั้นต่ำที่ 5 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันไม่มีเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำ เมื่อเอาทุกคะแนนเสียงเข้ามาโหวตกันแล้ว พรรคการเมืองเล็กๆ ก็มีสิทธิจะได้ตัวแทนเข้าสภาฯ พรรคการเมืองใหม่น่าจะมีโอกาสได้ ส.ส.สัดส่วนสัก 4-5 คน สุดท้ายก็คงหมดโอกาสไปเพราะพวกเดียวกันทำร้ายกันเอง
บนเวทีบอกเลือกตั้งครั้งนี้อย่าลงให้ไปลงเลือกตั้งครั้งหน้าเพราะตอนนี้มีแต่นักการเมืองชั่วๆ ไปว่าคนอื่นชั่วแต่กลับปล่อยให้ คำนูณ สิทธิสมาน สมัครเป็น ส.ว.สรรหา ผ่านทางมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน อย่างนี้ไม่ตลกไปหน่อยหรือ กลุ่มของสนธิหรือพันธมิตรฯ หวังจะเข้ามามีอำนาจจากประชาชนกลุ่มน้อยของประเทศแล้วจะมีอำนาจอยู่ยาว 3 ปี 5 ปี อย่างนี้ประชาชนที่ไม่ชอบพรรคการเมืองใหม่หรือพันธมิตรฯ คงไม่ยอมหรอก
พรรคการเมืองอ้างไม่มีทุน สู้พรรคการเมืองอื่นไม่ได้ เคยบอกจะสู้การเมืองในระดับชาติแต่ทำไปทำมาก็ใจเสาะ เลือกตั้ง ส.ส. ในกรุงเทพฯ ก็ไม่เอา เลือกตั้งที่สุราษฎร์ก็ไม่เอาเพราะกลัวแพ้เหมือนตอน เลือกตั้ง ส.ก. และ ส.ข. เรียกว่ายังไม่ได้เริ่มตั้งไข่แค่นี้ก็ถอดใจเสียแล้ว อย่างนี้คงเป็นความหวังให้สังคม ให้ประชาชน ให้ประเทศชาติในระยะยาวไม่ได้หรอก