Caocao wrote:ยกตัวอย่างมาอย่างฮา ถ้าไม่ลงชื่อว่าลายดอก คงนึกว่าเกรียนที่ไหน เอาง่ายๆ พนักงานที่โกง ผลประโยชน์ที่ได้รับได้แก่ใคร ถ้าได้แก่ตัวพนักงานคนนั้น เท่ากับพนักงานคนนั้นโกงลูกค้าถูกไหม และยังโกงบริษัทอีกด้วยถูกไหม เอาเป็นว่าพนักงานคนนี้ผิดเต็มๆ แต่ถ้าผลประโยชน์ตกอยู่กับบริษัท เท่ากับว่าพนักงานเป็นผู่ช่วยให้บริษัทได้รับผลประโยชน์จากการโกง ดังนั้นทั้งพนักงานและบริษัทต่างก็ผิดจริงไหม เอาง่ายๆลายดอกเข้าใจไหมว่าการกระทำดังกล่าวผลประโยชน์ตกอยู่กับพรรคหรือแค่ตัวสส. เรื่องมะวานซืนมากๆ
เพิ่มเติมเดี๋ยวมีกรณีอ้างว่าบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็น เอาหลักกูไม่ต้องหลักการแล้วกัน คงไม่มีพนักงานคนไหนตั้งใจจะโกงลูกค้าเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทอย่างเดียวล้วนๆ เพราะมันผิดเงื่อนไขในเรื่องแรงจูงใจ คงไม่มีมนุษย์หน้าโง่คนไหนทำเข้าใจไหมลายดอก
ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ
หนึ่ง...การกระทำความผิดนั้นเป็นของผู้ใด กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่ง หรือ กรรมการบริหารคนอื่น หรือ ทั้งคณะผู้บริหารทั้งหมด หรือ การสมรู้ร่วมคิด ยินยอมของสมาชิกพรรค
สอง...รธน 50 ในมาตรา 237 ระบุว่า หากกรรมการบริหารพรรคคนอื่นรู้เห็น หรือ ละเลย ให้ยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ประเด็นอยู่ที่ว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในการยุบ 3 พรรค ที่ผ่านมา ตัดโอกาสให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคคนอื่น ๆ ได้มีโอกาสชี้แจง ศาล รธน มีธงไว้เรียบร้อย เรียกว่าเขียนรอไว้เลย เมื่อหัวหน้าพรรคเข้าชี้แจงครบสุดท้ายในตอนเที่ยง หลังจากนั้นเพียง 20 นาที ศาลรัฐธรรมนูญก็อ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคทันที ด้วยพฤติกรรมดังกล่าวของศาล รธน ทำให้สาธารณะชน และ นักกฎหมายจำนวนหนึ่ง ไม่มั่นใจต่อกลไกอิสระแห่งนี้ มีคนจับผิดว่า แม้แต่คำวินิจฉัย ก็ยังอ่านผิด มีการเอาปากกามาแก้ไขกันในขณะที่อ่าน เพราะกระทำไปด้วยความเร่งรีบ จนเกินงาม วิธีการอธิบายว่า ความผิดของทั้ง 3 พรรคนั้น เข้าข่าย ม.237 คือ ในเมื่อกรรมการบริหารคนหนึ่งซื้อเสียง นั่นก็แสดงว่า มีกรรมการบริหารพรรครู้เห็นเป็นใจ (คนนั้นแหละแน่นอน) อันเป็นเหตุให้ยุบพรรค
สาม...ม.237 ตั้งอยู่บนฐานคิดกฎหมายโบราณ(เผด็จการ) ที่ใช้วิธีการ ตัดหัวเจ็ดชั่วโครต ซึ่งหลายท่านในนี้เห็นด้วย ลองนึกถึงความรู้สึกของคนในสมัยก่อน ตัวเขาเองอาจไม่รู้ว่ามีการทำความผิดอย่างกรณีกบฎ แต่ต้องได้รับผลโดยตายกันไปทั้งยวงเช่นนี้ มันยุติธรรมตรงไหน
สี่....การดูว่าผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทำการโกงเลือกตั้ง มีเจตนาและประโยชน์ตกอยู่กับผู้โกงเอง หรือ ตกอยู่กับใคร แน่นอนว่า พื้นฐานเขาต้องการที่จะเป็น สส และหาก สส ของพรรคมีจำนวนมาก ก็อาจได้อำนาจรัฐ (เป็นรัฐบาล) แต่เมื่อพิจารณาเหตุผลเดียวกัน ม.237 ให้ใช้กับกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ซึ่งไม่รวม สส ที่ไม่ใช่กรรมการบริหาร หลักการนี้จึงขัดกัน เพราะ หาก สส ธรรมดา ไปโกงการเลือกตั้ง เขาก็ได้ประโยชน์โดยการเป็น สส และ พรรคก็ได้ประโยชน์ในการเป็นรัฐบาล แต่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ นั่นกฎหมายมองว่าเป็นความผิดเฉพาะตน
ห้า....มุมมองที่ข้ามหัวประชาชน ที่เป็นสมาชิกพรรค และ เป็นผู้สนับสนุนพรรค ทำไมลุงแคน หรือ บางคนในนี้ ไม่คิดว่า นี่คือการสะท้อนว่า ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง เขารู้สึกเป็นเจ้าของร่วมในพรรคการเมืองนั้น นี่ไม่ใช่จิตวิญญาณของ พลเมืองที่ตื่นพร้อมดอกหรือ นี่เป็นสัญญาณที่ดี ที่ชี้วัดว่า พรรคการเมืองกำลังเป็นองค์กรทางการเมืองของประชาชน
ผมตอบรวม ๆ ไปถึง คคห อื่น ๆ ข้างบนด้วย เพราะคิดว่าอยู่ในกรอบประเด็นเดียวกัน