เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby บก.ลายจุด » Sun Jan 11, 2009 10:13 am

Caocao wrote:ยกตัวอย่างมาอย่างฮา ถ้าไม่ลงชื่อว่าลายดอก คงนึกว่าเกรียนที่ไหน เอาง่ายๆ พนักงานที่โกง ผลประโยชน์ที่ได้รับได้แก่ใคร ถ้าได้แก่ตัวพนักงานคนนั้น เท่ากับพนักงานคนนั้นโกงลูกค้าถูกไหม และยังโกงบริษัทอีกด้วยถูกไหม เอาเป็นว่าพนักงานคนนี้ผิดเต็มๆ แต่ถ้าผลประโยชน์ตกอยู่กับบริษัท เท่ากับว่าพนักงานเป็นผู่ช่วยให้บริษัทได้รับผลประโยชน์จากการโกง ดังนั้นทั้งพนักงานและบริษัทต่างก็ผิดจริงไหม เอาง่ายๆลายดอกเข้าใจไหมว่าการกระทำดังกล่าวผลประโยชน์ตกอยู่กับพรรคหรือแค่ตัวสส. เรื่องมะวานซืนมากๆ :lol:
เพิ่มเติมเดี๋ยวมีกรณีอ้างว่าบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็น เอาหลักกูไม่ต้องหลักการแล้วกัน คงไม่มีพนักงานคนไหนตั้งใจจะโกงลูกค้าเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทอย่างเดียวล้วนๆ เพราะมันผิดเงื่อนไขในเรื่องแรงจูงใจ คงไม่มีมนุษย์หน้าโง่คนไหนทำเข้าใจไหมลายดอก :lol:


ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ

หนึ่ง...การกระทำความผิดนั้นเป็นของผู้ใด กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่ง หรือ กรรมการบริหารคนอื่น หรือ ทั้งคณะผู้บริหารทั้งหมด หรือ การสมรู้ร่วมคิด ยินยอมของสมาชิกพรรค

สอง...รธน 50 ในมาตรา 237 ระบุว่า หากกรรมการบริหารพรรคคนอื่นรู้เห็น หรือ ละเลย ให้ยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ประเด็นอยู่ที่ว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในการยุบ 3 พรรค ที่ผ่านมา ตัดโอกาสให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคคนอื่น ๆ ได้มีโอกาสชี้แจง ศาล รธน มีธงไว้เรียบร้อย เรียกว่าเขียนรอไว้เลย เมื่อหัวหน้าพรรคเข้าชี้แจงครบสุดท้ายในตอนเที่ยง หลังจากนั้นเพียง 20 นาที ศาลรัฐธรรมนูญก็อ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคทันที ด้วยพฤติกรรมดังกล่าวของศาล รธน ทำให้สาธารณะชน และ นักกฎหมายจำนวนหนึ่ง ไม่มั่นใจต่อกลไกอิสระแห่งนี้ มีคนจับผิดว่า แม้แต่คำวินิจฉัย ก็ยังอ่านผิด มีการเอาปากกามาแก้ไขกันในขณะที่อ่าน เพราะกระทำไปด้วยความเร่งรีบ จนเกินงาม วิธีการอธิบายว่า ความผิดของทั้ง 3 พรรคนั้น เข้าข่าย ม.237 คือ ในเมื่อกรรมการบริหารคนหนึ่งซื้อเสียง นั่นก็แสดงว่า มีกรรมการบริหารพรรครู้เห็นเป็นใจ (คนนั้นแหละแน่นอน) อันเป็นเหตุให้ยุบพรรค

สาม...ม.237 ตั้งอยู่บนฐานคิดกฎหมายโบราณ(เผด็จการ) ที่ใช้วิธีการ ตัดหัวเจ็ดชั่วโครต ซึ่งหลายท่านในนี้เห็นด้วย ลองนึกถึงความรู้สึกของคนในสมัยก่อน ตัวเขาเองอาจไม่รู้ว่ามีการทำความผิดอย่างกรณีกบฎ แต่ต้องได้รับผลโดยตายกันไปทั้งยวงเช่นนี้ มันยุติธรรมตรงไหน

สี่....การดูว่าผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทำการโกงเลือกตั้ง มีเจตนาและประโยชน์ตกอยู่กับผู้โกงเอง หรือ ตกอยู่กับใคร แน่นอนว่า พื้นฐานเขาต้องการที่จะเป็น สส และหาก สส ของพรรคมีจำนวนมาก ก็อาจได้อำนาจรัฐ (เป็นรัฐบาล) แต่เมื่อพิจารณาเหตุผลเดียวกัน ม.237 ให้ใช้กับกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ซึ่งไม่รวม สส ที่ไม่ใช่กรรมการบริหาร หลักการนี้จึงขัดกัน เพราะ หาก สส ธรรมดา ไปโกงการเลือกตั้ง เขาก็ได้ประโยชน์โดยการเป็น สส และ พรรคก็ได้ประโยชน์ในการเป็นรัฐบาล แต่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ นั่นกฎหมายมองว่าเป็นความผิดเฉพาะตน

ห้า....มุมมองที่ข้ามหัวประชาชน ที่เป็นสมาชิกพรรค และ เป็นผู้สนับสนุนพรรค ทำไมลุงแคน หรือ บางคนในนี้ ไม่คิดว่า นี่คือการสะท้อนว่า ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง เขารู้สึกเป็นเจ้าของร่วมในพรรคการเมืองนั้น นี่ไม่ใช่จิตวิญญาณของ พลเมืองที่ตื่นพร้อมดอกหรือ นี่เป็นสัญญาณที่ดี ที่ชี้วัดว่า พรรคการเมืองกำลังเป็นองค์กรทางการเมืองของประชาชน

ผมตอบรวม ๆ ไปถึง คคห อื่น ๆ ข้างบนด้วย เพราะคิดว่าอยู่ในกรอบประเด็นเดียวกัน
เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงหมา(บ้า)
หนึ่ง....ใจเย็น ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เป็นปกติ
สอง....เมื่อหมามันเห่าครั้งแรก ๆ ให้แผ่เมตตาไว้
สาม....เมื่อมันแว้งกัด เอาก้อนหินเขวี้ยงใส่หัวมัน
สี่......เมื่อหมาม้นยังไล่กัดอีก ให้ตะโกนด่ามันว่า "ถ่อย"
User avatar
บก.ลายจุด
 
Posts: 1221
Joined: Sun Nov 09, 2008 12:02 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Argus » Sun Jan 11, 2009 10:20 am

loginofu wrote:ขอยืมรูปมาตอบหน่อยเถอะ
Image


ผมมาช่วยลายจุดตอบข้อนี้ครับ

-กร(Mr.GentleBoy) เป็นใครเหรอ ทำอะไร มีเหตุผลหรือเปล่า.
-หาสาระไม่ได้เลย มากัดห้องราชดำเนินอย่างเดียว
-ดวงตามืดบอดไม่มองเห็นความยิ่งใหญ๋และเป็นกลางของ ห้องราชดำิเนินและทีมงานพันทิพ
-มองไม่เห็นที่เสื้อแดงโดนแบนหลายคน

อ๊ะๆ ลายจุดไม่ต้องขอบคุณผมหรอกนะครับที่มาช่วย
ไงๆ ช่วยไปตอบคำถามของผมที่ถามไว้ด้วยหล่ะ ไม่ใช่ ใช้คำพูดสุดหรูเรียกเสียงเห่าว่า
"หาสาระไม่ได้เลย มากัดอย่างเดียว"
ที่แน่แน่ ผมอยู่ใน specie Homo sapiens
ไม่ได้อยู่ใน specie familiaris ก็เลยไม่มีจุด
User avatar
Argus
 
Posts: 1668
Joined: Wed Dec 03, 2008 11:30 am

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby nemesises » Sun Jan 11, 2009 10:33 am

nemesises wrote:
บก.ลายจุด wrote:
Canthai wrote:รัฐธรรมนูญมาตราไหน เขียนว่าให้ลงโทษเฉพาะคน เฉพาะกลุ่ม

ทักษิณทำผิด กฎหมาย ปปช.มาตรา 100 ฯลฯ คนอื่นไม่ได้ทำ ก็ไม่ผิด กฎหมาย ปปช. เคยเอาผิดอดีตรัฐมนตรีคิดคุกมาแล้ว กฎหมายเก่าที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ 2540 นั่นแหละครับ กฎหมาย ปปช. ปี 2542

ยุบพรรคการเมือง 3 พรรค ด้วยข้อหาเดียวกัน...ตรงไหน เพาะคนเฉพาะกลุ่ม


อ้าว ถ้าไม่เกี่ยว ไม่เฉพาะกลุ่ม แล้วทำไม บอกว่า แก้ รธน ตอนอนนี้ไม่เหมาะสม เพราะจะทำให้นักการเมืองบางคนได้ประโยชน์จากการแก้
ไล่ตรรกะดี ๆ ครับ


ถ้าจะให้เท่าเทียมกันตามตรรกะคุณ คงต้องเขียนให้คนที่ไม่ทำความผิด กับคนทำความผิดและมีส่วนร่วม ต้องรับโทษหรือไม่รับโทษเหมือนกันแล้วหละครับ


สงสัยเรามันหน้าใหม่ไม่สนใจ ตรรกะที่คุณว่าต้องไม่เป็นคุณเป็นโทษเฉพาะกลุ่มมันเป็นอย่างนี้หรือเปล่า
ว่าแต่ว่าหัวมันเป็น เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน? ไม่ใช่หรอไหงพอเจอเหตุผลที่หลายคนโดนแบนใน รดน. แบบมีเหตุผลโคตรๆกลับไม่พูดถึง แต่กลับอ้างว่าก็โดนทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ได้ดูเหตุผลที่โดนเลย แค่นี้ก็บอกว่าเป็นกลางไม่เอียง ตรรกะแบบนี้ตลกมากๆ หลายๆที่พอเจอเหตุผลแบบปั่นไม่ขึ้น แถไม่ออก ก็เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆ
User avatar
nemesises
 
Posts: 2
Joined: Sat Jan 10, 2009 7:38 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Num_Lock » Sun Jan 11, 2009 10:51 am

banana_dot wrote:หลักกฎหมายพื้นฐานที่คุณอ้างว่าไม่มี ผมจะเอามาให้ดู
----------------------------------------------------------------------------------

กรณีที่ต้องร่วมกันรับผิดหรือมีข้อกำหนดอื่นใดที่ทำให้จำต้องรับทราบถึงการกระทำผิดของผู้อยู่ในความดูแล

มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำ ความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้น เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษ ที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น

มาตรา 74 เด็กอายุกว่าเจ็ดปีแต่ยังไม่เกินสิบสี่ปี กระทำการ อันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะ ดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ว่ากล่าวตักเตือนเด็กนั้นแล้วปล่อยตัวไป และถ้าศาลเห็นสมควร จะเรียกบิดามารดา ผู้ปกครองหรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่มาตักเตือนด้วยก็ได้
(2) ถ้าศาลเห็น ว่า บิดามารดาหรือผู้ปกครองสามารถดูแลเด็กนั้นได้ ศาลจะมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กนั้นให้แก่บิดามารดาหรือผู้ปกครองไป โดยวาง ข้อกำหนดให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองระวังเด็กนั้นไม่ให้ก่อเหตุร้ายตลอดเวลา ที่ศาลกำหนด ซึ่งต้องไม่เกินสามปี และกำหนดจำนวนเงินตามที่เห็นสมควร ซึ่งบิดามารดาหรือผู้ปกครองจะต้องชำระต่อศาลไม่เกินครั้งละหนึ่งพันบาท ในเมื่อเด็กนั้นก่อเหตุร้ายขึ้น
ถ้าเด็กนั้นอาศัยอยู่กับบุคคลอื่นนอกจากบิดามารดาหรือผู้ปกครอง และ ศาลเห็นว่าไม่สมควรจะเรียกบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาวางข้อกำหนดดังกล่าว ข้างต้น ศาลจะเรียกตัวบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่มาสอบถามว่า จะยอมรับข้อกำหนด

ทำนองที่บัญญัติไว้สำหรับบิดามารดาหรือผู้ปกครองดังกล่าวมาข้างต้นหรือไม่ก็ได้ ถ้าบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่ยอมรับข้อกำหนดเช่นว่านั้น ก็ให้ศาลมีคำสั่งมอบตัวเด็ก ให้แก่บุคคลผู้นั้นไปโดยวางข้อกำหนดดังกล่าว
------------------------------------------------------------------------------
มันมีอยู่จริงๆน่ะครับ ไม่ใช่อย่างที่ บก.เข้าใจว่าไม่มี บก.บอกว่า"แน่นอนว่า คนที่โกงเลือกตั้ง ต้องรับโทษ ถูกต้องแล้ว ไม่มีใครเถียง
แต่คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้โกง ทำไมต้องรับโทษด้วย
นี่ลุงไม่เข้าใจหลักกฎหมายพื้นฐานนี้หรือครับ ?"

ไม่ทราบว่า ส.ส. ไม่สังกัดพรรคการเมืองตั่งแต่เมื่อไหร่? หือ



โทษทีครับ แต่คุณอ้างหลักกฎหมายมั่วแล้วนะครับ พิจารณาดูเผินๆ อาจจะใช้เรื่องการ ตัวการและผู้สนับสนุนได้ แต่ความจริงๆ ใช้ไม่ได้ แสดงว่าคุณไม่เข้าใจหลักกฎหมายเรื่องตัวการและผู้สนับสนุนเลย กล่าวคือ การสนับสนุนนั้น ตัวการหรือผู้กระทำความผิด ต้องได้รับประโยชน์แห่งการสนับสนุนนั้นด้วย เช่น นาย ก เจตนาช่วยเหลือนาย ข ให้บุกรุกบ้านนาย ค. โดยเปิดหน้าต่างไว้บ้านนาย ค ไว้ แต่นาย ข กับงัดประตูบ้าน เข้าไป เช่นนี้ นาย ก ไม่มีความผิดฐานสนับสนุน นะครับ (ขอให้กลับไปอ่านหลักกฎหมายก่อน แล้วค่อยมาอ้างหรือไม่ก็ ลองถามเด็กๆ ที่จบเนติฯ แล้วก็ได้ครับ เรียนหลักนี้มาทุกคน (ผมกลัวหาว่าผมบัญญัติหลักกฎหมายขึ้นมาเอง)) หลักกฎหมายอาญานี้นำมาปรับกับ มาตรา รธน. ไม่ได้ เพราะหลักการตีความต่างกันมากๆ

และมาตราเกียวกับเรื่องการการ คุมประพฤติในกรณีเด็กกระทำความผิด มาตรา 74 แก้ไขใหม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของให้ศาลต้องทำอย่างที่กฎหมายกำหนด ศาลจะกำหนดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันเลยนะครับ ....

ย้ำว่า การอ้างหลักกฎหมายท่านต้องศึกษาให้แตกฉานก่อนครับแล้วค่อยอ้าง ....... การอ้างกฎหมาย ในประมวลกฎหมายอาญาต้องตีความตามตัวบทครับ อ้างมาปรับใช้ไม่ได้เลย ดังนั้น หากท่านจะอ้างต้องศึกษาก่อนนะครับ

แต่สมมุติหากท่านอยากจะอ้างกฎหมายที่ กรรมการต้องรับผิดร่วมด้วยนั่น ผมแนะนำให้อ่าน ฎีกาที่ 2191/2541 ซึ่งฎีกานี้ พิพากษาให้ กรรมการบริษัทที่ไม่มีหน้าที่จัดการงานของบริษัทต้องร่วมรับผิดด้วย ซึ่งเรื่องแบบนี้ในฎีกาเก่าๆ นั่น กรรมการที่ต้องรับผิดคือกรรมการผู้จัดการหรือกรรมการที่มีหน้าที่จัดการงานของบริษัทเท่านั้น... (เปิด ป.แพ่งพาณิชย์ มาตรา 1186 อ่านประกอบนะครับ จะได้เข้าใจ)

สำหรับเรื่องที่พอจะปรับใช้ได้ในกรณี ยุบพรรค ผมนะเห็นด้วยนะ เพราะ ข้อแรกเลย กฎกติกาเค้าร่างและใช้ก่อนการเลือกตั้ง หากคุณๆ สส ยังโกงกัน ก็สำคัญ ยุบทิ้งไปซะ เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคทุกท่านมีหน้าที่ สอดส่อง กำกับ ดูแล และควบคุม สมาชิกพรรค ไม่ให้ทุกจริตการเลือกตั้ง หากกรรมการเห็นก็ต้องแจ้งให้เลิก หรือหยุดการกระทำนั้น หรือไม่ส่งบุคคลผู้นั่นลงเป็นตัวแทนประชาชน จะให้เป็นความผิดเฉพาะตัวนั่นไม่ถูกเพราะ สมาชิกแต่ละคนในแต่ละเขตพี้นที่คือ ตัวแทนของ "พรรคการเมือง" ถูกมั้ยครับ

ผมยังคิดว่า ควรคงมาตรานี้ไว้ แต่หากคันมืออยากจะแก้ก็ของให้แก้ให้ชัดเจนว่าอย่างไรถึงยุบ รู้เห็นอย่างไรถึงยุบ มีส่วน เป็นใจ อย่างไรถึงยุบ เอาให้ชัด

การแก้ไข การเลิกใช้กฎหมายหรือมาตราใด ตลอดจนการรตรากฎหมายขึ้นใช้ใหม่ทุกข้อทุกมาตรา มีเหตุผลหมดครับ หากตัดออกก็มีเรื่องเดียวคือ แก้เพื่อหนีการยุบพรรค

ปล. บก.ลายจุด ครับ ผมอ่านไม่ผิดคำถามหรอกครับ ท่านกล่าวของผมว่า เสียงข้างมากในสภาเป็น เผด็จการรัฐสภา แต่ผมตอบท่านว่าไม่ใช่ มันคือ ประชาธิปไตย ประชาชนช่วงนั้นเลือกมาขนาดนั้นก็ต้องตามนั้น (เสียงสรรค์นิครับ ผมเห็นด้วย) และเห็นด้วยว่า ควรมีมาตราที่ยุบพรรคไว้ตัดออกแสดงว่าเพือตัวเอง ผมนะเเดงเต็ม 101% เกินซะด้วยซ้ำ แต่เหตุผลที่นักการเมืองอย่างนายบรรหารฯอ้าง ท่านสมัครอ้างๆ ฟังไม่ได้...เรื่องนี้ไม่เห็นด้วย ก็อย่างที่เรียนให้ทราบตอนต้นแล้วว่า คุณกับผม เห็นธงเดียวกัน แต่เหตุผลเราสองคนต่างกัน
[url]"ทำดีอย่ากลัวสิครับ ความกลัวทำให้เสื่อม"[/url]
User avatar
Num_Lock
 
Posts: 33
Joined: Sat Jan 10, 2009 8:21 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Num_Lock » Sun Jan 11, 2009 11:04 am

บก.ลายจุด wrote:
Caocao wrote:ยกตัวอย่างมาอย่างฮา ถ้าไม่ลงชื่อว่าลายดอก คงนึกว่าเกรียนที่ไหน เอาง่ายๆ พนักงานที่โกง ผลประโยชน์ที่ได้รับได้แก่ใคร ถ้าได้แก่ตัวพนักงานคนนั้น เท่ากับพนักงานคนนั้นโกงลูกค้าถูกไหม และยังโกงบริษัทอีกด้วยถูกไหม เอาเป็นว่าพนักงานคนนี้ผิดเต็มๆ แต่ถ้าผลประโยชน์ตกอยู่กับบริษัท เท่ากับว่าพนักงานเป็นผู่ช่วยให้บริษัทได้รับผลประโยชน์จากการโกง ดังนั้นทั้งพนักงานและบริษัทต่างก็ผิดจริงไหม เอาง่ายๆลายดอกเข้าใจไหมว่าการกระทำดังกล่าวผลประโยชน์ตกอยู่กับพรรคหรือแค่ตัวสส. เรื่องมะวานซืนมากๆ :lol:
เพิ่มเติมเดี๋ยวมีกรณีอ้างว่าบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็น เอาหลักกูไม่ต้องหลักการแล้วกัน คงไม่มีพนักงานคนไหนตั้งใจจะโกงลูกค้าเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทอย่างเดียวล้วนๆ เพราะมันผิดเงื่อนไขในเรื่องแรงจูงใจ คงไม่มีมนุษย์หน้าโง่คนไหนทำเข้าใจไหมลายดอก :lol:


ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ

หนึ่ง...การกระทำความผิดนั้นเป็นของผู้ใด กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่ง หรือ กรรมการบริหารคนอื่น หรือ ทั้งคณะผู้บริหารทั้งหมด หรือ การสมรู้ร่วมคิด ยินยอมของสมาชิกพรรค

สอง...รธน 50 ในมาตรา 237 ระบุว่า หากกรรมการบริหารพรรคคนอื่นรู้เห็น หรือ ละเลย ให้ยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ประเด็นอยู่ที่ว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในการยุบ 3 พรรค ที่ผ่านมา ตัดโอกาสให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคคนอื่น ๆ ได้มีโอกาสชี้แจง ศาล รธน มีธงไว้เรียบร้อย เรียกว่าเขียนรอไว้เลย เมื่อหัวหน้าพรรคเข้าชี้แจงครบสุดท้ายในตอนเที่ยง หลังจากนั้นเพียง 20 นาที ศาลรัฐธรรมนูญก็อ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคทันที ด้วยพฤติกรรมดังกล่าวของศาล รธน ทำให้สาธารณะชน และ นักกฎหมายจำนวนหนึ่ง ไม่มั่นใจต่อกลไกอิสระแห่งนี้ มีคนจับผิดว่า แม้แต่คำวินิจฉัย ก็ยังอ่านผิด มีการเอาปากกามาแก้ไขกันในขณะที่อ่าน เพราะกระทำไปด้วยความเร่งรีบ จนเกินงาม วิธีการอธิบายว่า ความผิดของทั้ง 3 พรรคนั้น เข้าข่าย ม.237 คือ ในเมื่อกรรมการบริหารคนหนึ่งซื้อเสียง นั่นก็แสดงว่า มีกรรมการบริหารพรรครู้เห็นเป็นใจ (คนนั้นแหละแน่นอน) อันเป็นเหตุให้ยุบพรรค

สาม...ม.237 ตั้งอยู่บนฐานคิดกฎหมายโบราณ(เผด็จการ) ที่ใช้วิธีการ ตัดหัวเจ็ดชั่วโครต ซึ่งหลายท่านในนี้เห็นด้วย ลองนึกถึงความรู้สึกของคนในสมัยก่อน ตัวเขาเองอาจไม่รู้ว่ามีการทำความผิดอย่างกรณีกบฎ แต่ต้องได้รับผลโดยตายกันไปทั้งยวงเช่นนี้ มันยุติธรรมตรงไหน

สี่....การดูว่าผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทำการโกงเลือกตั้ง มีเจตนาและประโยชน์ตกอยู่กับผู้โกงเอง หรือ ตกอยู่กับใคร แน่นอนว่า พื้นฐานเขาต้องการที่จะเป็น สส และหาก สส ของพรรคมีจำนวนมาก ก็อาจได้อำนาจรัฐ (เป็นรัฐบาล) แต่เมื่อพิจารณาเหตุผลเดียวกัน ม.237 ให้ใช้กับกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ซึ่งไม่รวม สส ที่ไม่ใช่กรรมการบริหาร หลักการนี้จึงขัดกัน เพราะ หาก สส ธรรมดา ไปโกงการเลือกตั้ง เขาก็ได้ประโยชน์โดยการเป็น สส และ พรรคก็ได้ประโยชน์ในการเป็นรัฐบาล แต่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ นั่นกฎหมายมองว่าเป็นความผิดเฉพาะตน

ห้า....มุมมองที่ข้ามหัวประชาชน ที่เป็นสมาชิกพรรค และ เป็นผู้สนับสนุนพรรค ทำไมลุงแคน หรือ บางคนในนี้ ไม่คิดว่า นี่คือการสะท้อนว่า ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง เขารู้สึกเป็นเจ้าของร่วมในพรรคการเมืองนั้น นี่ไม่ใช่จิตวิญญาณของ พลเมืองที่ตื่นพร้อมดอกหรือ นี่เป็นสัญญาณที่ดี ที่ชี้วัดว่า พรรคการเมืองกำลังเป็นองค์กรทางการเมืองของประชาชน

ผมตอบรวม ๆ ไปถึง คคห อื่น ๆ ข้างบนด้วย เพราะคิดว่าอยู่ในกรอบประเด็นเดียวกัน



ผมตอบให้ท่านแล้วนะครับตามเห็นข้างบนว่าทำไมควรยุบพรรคทิ้ง และ เรื่องตัวอย่างกรรมการผุ้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ทำไมต้องโดนหางเลข ก็อ่านฎีกากฎหมายแพ่งนะครับ เข้าไปอ่านฎีกาย่อข้างในให้ความเป็นยุติธรรม

ปล. ย้ำให้ชัดว่า สส. คือตัวแทนของพรรคในแต่ละพี้น ดังนั้นหาก สส. ทำผิดโดยพรรคไม่มีส่วนรู้เห็น (กรรมบริหารทุกคน) สส. ต้องรับผิดต่อส่วนตัว แต่หาก มีกรรมการบริหารคนหนึ่งคนใดทราบแล้วไม่ย้ำยั้ง ทราบแล้วไม่จัดการ ปล่อยไป ก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายคือ ยุบพรรค บทลงโทษนี้ไม่แรงหรอกครับ เพราะ ท่านเป็นกรรมการบริหารพรรค ครับ ถูกเลือกมาให้บริหารพรรคโดยสมาชิกของพรรค และต้องบริหารให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการตั้งพรรค
User avatar
Num_Lock
 
Posts: 33
Joined: Sat Jan 10, 2009 8:21 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Argus » Sun Jan 11, 2009 11:09 am

เพิ่มเติมนะครับ สำหรับช่วงนี้ผมเห็น ข้อมูลคุณ "Num_Lock"

ผมไม่ ยุ่งเกี่ยวกับ เขาเลยไม่ใช่เพราะว่า ไม่มีเนื้อหาจะคุย แต่เนื้องจากเขาเข้ามาแบบมีมารยาท ทางสังคม และพูดคุยในเนื้อหาต่อเนื่อง

ซึ่งพฤติกรรมต่างจากคุณลายจุดอย่างรุนแรง ที่ใช้วาจาลดทอนผู้อื่นได้ตลอดเวลา.
ผมเห็นวาจาลดทอนผู้อื่นผมก็ตั้งคำถามกลับคุณไว้หลายๆ ข้อซึ่งมันเกี่ยวข้องกับหัวข้อ "เหตุผลที่สีเหลืองไม่ชอบไปราชดำเนิน"

คุัณเป็นคนตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเองนะครับ อยู่ๆ คุณไม่พูดถึงความดีงามของ "ราชดำเนิน" อีกแล้ว คุณไปเล่นงานรัฐธรรมนูน กฏหมาย กับลุงแคน นอกเรื่องนอกราวจุดหมายของ หัวข้อกระทู้เลย.

ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ในบอร์ดนี่ได้นำอะไรมาให้คุณเห็นบ้าง บอร์ดระดับโลก อย่าง พันทิพ เป็นอย่างไร สายตาห้องอื่นๆ เขามองยังไง.
ผมเห็นพฤติกรรมขัดแย้ง ในตัวคุณหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปากบอกไม่รักทักสินแต่ยกทักสินเหนือหัวห้ามแตะ
ปากบอกว่าไม่มีการหมิ่น แต่พฤติกรรม แถข้างอย่างรุนแรง แอบอ้างกฏหมาย.

ไม่ต้องมาด่าผมตรงนี้หรอกนะ ลองกลับไปตอบคำถามเก่าๆ ก่อน.

สำหรับคุณ Num_lock ผมขออภัยที่อ้างชื่อถีึงเนื่องจากผมเห็นคุณใช้ธงแดง และผมเห็นว่า เป็นข้อมูลที่น่าสนใจ ผมได้แค่หวังว่าคุณจะไม่เป็นแบบ คุณลายจุด เราคงคุยกันได้สนุกแน่ๆ ครับ
User avatar
Argus
 
Posts: 1668
Joined: Wed Dec 03, 2008 11:30 am

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby banana_dot » Sun Jan 11, 2009 11:28 am

------------------------------------------------------------------------------


โทษทีครับ แต่คุณอ้างหลักกฎหมายมั่วแล้วนะครับ พิจารณาดูเผินๆ อาจจะใช้เรื่องการ ตัวการและผู้สนับสนุนได้ แต่ความจริงๆ ใช้ไม่ได้ แสดงว่าคุณไม่เข้าใจหลักกฎหมายเรื่องตัวการและผู้สนับสนุนเลย กล่าวคือ การสนับสนุนนั้น ตัวการหรือผู้กระทำความผิด ต้องได้รับประโยชน์แห่งการสนับสนุนนั้นด้วย เช่น นาย ก เจตนาช่วยเหลือนาย ข ให้บุกรุกบ้านนาย ค. โดยเปิดหน้าต่างไว้บ้านนาย ค ไว้ แต่นาย ข กับงัดประตูบ้าน เข้าไป เช่นนี้ นาย ก ไม่มีความผิดฐานสนับสนุน นะครับ (ขอให้กลับไปอ่านหลักกฎหมายก่อน แล้วค่อยมาอ้างหรือไม่ก็ ลองถามเด็กๆ ที่จบเนติฯ แล้วก็ได้ครับ เรียนหลักนี้มาทุกคน (ผมกลัวหาว่าผมบัญญัติหลักกฎหมายขึ้นมาเอง)) หลักกฎหมายอาญานี้นำมาปรับกับ มาตรา รธน. ไม่ได้ เพราะหลักการตีความต่างกันมากๆ

และมาตราเกียวกับเรื่องการการ คุมประพฤติในกรณีเด็กกระทำความผิด มาตรา 74 แก้ไขใหม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของให้ศาลต้องทำอย่างที่กฎหมายกำหนด ศาลจะกำหนดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันเลยนะครับ ....

ย้ำว่า การอ้างหลักกฎหมายท่านต้องศึกษาให้แตกฉานก่อนครับแล้วค่อยอ้าง ....... การอ้างกฎหมาย ในประมวลกฎหมายอาญาต้องตีความตามตัวบทครับ อ้างมาปรับใช้ไม่ได้เลย ดังนั้น หากท่านจะอ้างต้องศึกษาก่อนนะครับ

แต่สมมุติหากท่านอยากจะอ้างกฎหมายที่ กรรมการต้องรับผิดร่วมด้วยนั่น ผมแนะนำให้อ่าน ฎีกาที่ 2191/2541 ซึ่งฎีกานี้ พิพากษาให้ กรรมการบริษัทที่ไม่มีหน้าที่จัดการงานของบริษัทต้องร่วมรับผิดด้วย ซึ่งเรื่องแบบนี้ในฎีกาเก่าๆ นั่น กรรมการที่ต้องรับผิดคือกรรมการผู้จัดการหรือกรรมการที่มีหน้าที่จัดการงานของบริษัทเท่านั้น... (เปิด ป.แพ่งพาณิชย์ มาตรา 1186 อ่านประกอบนะครับ จะได้เข้าใจ)

สำหรับเรื่องที่พอจะปรับใช้ได้ในกรณี ยุบพรรค ผมนะเห็นด้วยนะ เพราะ ข้อแรกเลย กฎกติกาเค้าร่างและใช้ก่อนการเลือกตั้ง หากคุณๆ สส ยังโกงกัน ก็สำคัญ ยุบทิ้งไปซะ เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคทุกท่านมีหน้าที่ สอดส่อง กำกับ ดูแล และควบคุม สมาชิกพรรค ไม่ให้ทุกจริตการเลือกตั้ง หากกรรมการเห็นก็ต้องแจ้งให้เลิก หรือหยุดการกระทำนั้น หรือไม่ส่งบุคคลผู้นั่นลงเป็นตัวแทนประชาชน จะให้เป็นความผิดเฉพาะตัวนั่นไม่ถูกเพราะ สมาชิกแต่ละคนในแต่ละเขตพี้นที่คือ ตัวแทนของ "พรรคการเมือง" ถูกมั้ยครับ

ผมยังคิดว่า ควรคงมาตรานี้ไว้ แต่หากคันมืออยากจะแก้ก็ของให้แก้ให้ชัดเจนว่าอย่างไรถึงยุบ รู้เห็นอย่างไรถึงยุบ มีส่วน เป็นใจ อย่างไรถึงยุบ เอาให้ชัด

การแก้ไข การเลิกใช้กฎหมายหรือมาตราใด ตลอดจนการรตรากฎหมายขึ้นใช้ใหม่ทุกข้อทุกมาตรา มีเหตุผลหมดครับ หากตัดออกก็มีเรื่องเดียวคือ แก้เพื่อหนีการยุบพรรค

ปล. บก.ลายจุด ครับ ผมอ่านไม่ผิดคำถามหรอกครับ ท่านกล่าวของผมว่า เสียงข้างมากในสภาเป็น เผด็จการรัฐสภา แต่ผมตอบท่านว่าไม่ใช่ มันคือ ประชาธิปไตย ประชาชนช่วงนั้นเลือกมาขนาดนั้นก็ต้องตามนั้น (เสียงสรรค์นิครับ ผมเห็นด้วย) และเห็นด้วยว่า ควรมีมาตราที่ยุบพรรคไว้ตัดออกแสดงว่าเพือตัวเอง ผมนะเเดงเต็ม 101% เกินซะด้วยซ้ำ แต่เหตุผลที่นักการเมืองอย่างนายบรรหารฯอ้าง ท่านสมัครอ้างๆ ฟังไม่ได้...เรื่องนี้ไม่เห็นด้วย ก็อย่างที่เรียนให้ทราบตอนต้นแล้วว่า คุณกับผม เห็นธงเดียวกัน แต่เหตุผลเราสองคนต่างกัน
[url]"ทำดีอย่ากลัวสิครับ ความกลัวทำให้เสื่อม"[/url][/quote]

--------------------------------------------------------------
จะว่าผมมั่วก็ดูประเด็นก่อนน่ะครับ ผมเถียงในประเด็นที่บอกว่า
"แน่นอนว่า คนที่โกงเลือกตั้ง ต้องรับโทษ ถูกต้องแล้ว ไม่มีใครเถียง
แต่คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้โกง ทำไมต้องรับโทษด้วย
นี่ลุงไม่เข้าใจหลักกฎหมายพื้นฐานนี้หรือครับ ?"
ถ้าคุณตอบว่าไม่มีค่อยมาเถียงกับผมน่ะครับ ส่วนถ้าผมยกหลักกฎหมายมาไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของท่านก็แล้วแต่ครับ

User avatar
banana_dot
 
Posts: 473
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:42 am

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Disconnected » Sun Jan 11, 2009 12:35 pm

Caocao wrote:ยกตัวอย่างมาอย่างฮา ถ้าไม่ลงชื่อว่าลายดอก คงนึกว่าเกรียนที่ไหน เอาง่ายๆ พนักงานที่โกง ผลประโยชน์ที่ได้รับได้แก่ใคร ถ้าได้แก่ตัวพนักงานคนนั้น เท่ากับพนักงานคนนั้นโกงลูกค้าถูกไหม และยังโกงบริษัทอีกด้วยถูกไหม เอาเป็นว่าพนักงานคนนี้ผิดเต็มๆ แต่ถ้าผลประโยชน์ตกอยู่กับบริษัท เท่ากับว่าพนักงานเป็นผู่ช่วยให้บริษัทได้รับผลประโยชน์จากการโกง ดังนั้นทั้งพนักงานและบริษัทต่างก็ผิดจริงไหม เอาง่ายๆลายดอกเข้าใจไหมว่าการกระทำดังกล่าวผลประโยชน์ตกอยู่กับพรรคหรือแค่ตัวสส. เรื่องมะวานซืนมากๆ :lol:
เพิ่มเติมเดี๋ยวมีกรณีอ้างว่าบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็น เอาหลักกูไม่ต้องหลักการแล้วกัน คงไม่มีพนักงานคนไหนตั้งใจจะโกงลูกค้าเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทอย่างเดียวล้วนๆ เพราะมันผิดเงื่อนไขในเรื่องแรงจูงใจ คงไม่มีมนุษย์หน้าโง่คนไหนทำเข้าใจไหมลายดอก :lol:



ส่วนตัวผมไม่คิดหรอกนะครับ ว่าจะหยิบยก คห.นี้มาตอบโต้ แต่เข้าใจครับ ถ้าคนๆนั้นคือ บก.ลายจุด

เพราะมันง่ายเกินที่จะเข้าใจ :lol: :lol: :lol: :lol:
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ


ประชาธิปไตยต้องมีสิทธิ์เท่ากันทุกคน แล้วทำไมเด็กต่ำ 18 ไม่มี

http://www.imeem.com/honeylollipop/musi ... _raise_up/
User avatar
Disconnected
 
Posts: 1337
Joined: Tue Oct 14, 2008 6:26 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Disconnected » Sun Jan 11, 2009 12:41 pm

บก.ลายจุด wrote:
Caocao wrote:ยกตัวอย่างมาอย่างฮา ถ้าไม่ลงชื่อว่าลายดอก คงนึกว่าเกรียนที่ไหน เอาง่ายๆ พนักงานที่โกง ผลประโยชน์ที่ได้รับได้แก่ใคร ถ้าได้แก่ตัวพนักงานคนนั้น เท่ากับพนักงานคนนั้นโกงลูกค้าถูกไหม และยังโกงบริษัทอีกด้วยถูกไหม เอาเป็นว่าพนักงานคนนี้ผิดเต็มๆ แต่ถ้าผลประโยชน์ตกอยู่กับบริษัท เท่ากับว่าพนักงานเป็นผู่ช่วยให้บริษัทได้รับผลประโยชน์จากการโกง ดังนั้นทั้งพนักงานและบริษัทต่างก็ผิดจริงไหม เอาง่ายๆลายดอกเข้าใจไหมว่าการกระทำดังกล่าวผลประโยชน์ตกอยู่กับพรรคหรือแค่ตัวสส. เรื่องมะวานซืนมากๆ :lol:
เพิ่มเติมเดี๋ยวมีกรณีอ้างว่าบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็น เอาหลักกูไม่ต้องหลักการแล้วกัน คงไม่มีพนักงานคนไหนตั้งใจจะโกงลูกค้าเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทอย่างเดียวล้วนๆ เพราะมันผิดเงื่อนไขในเรื่องแรงจูงใจ คงไม่มีมนุษย์หน้าโง่คนไหนทำเข้าใจไหมลายดอก :lol:


ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ

หนึ่ง...การกระทำความผิดนั้นเป็นของผู้ใด กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่ง หรือ กรรมการบริหารคนอื่น หรือ ทั้งคณะผู้บริหารทั้งหมด หรือ การสมรู้ร่วมคิด ยินยอมของสมาชิกพรรค

สอง...รธน 50 ในมาตรา 237 ระบุว่า หากกรรมการบริหารพรรคคนอื่นรู้เห็น หรือ ละเลย ให้ยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ประเด็นอยู่ที่ว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในการยุบ 3 พรรค ที่ผ่านมา ตัดโอกาสให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคคนอื่น ๆ ได้มีโอกาสชี้แจง ศาล รธน มีธงไว้เรียบร้อย เรียกว่าเขียนรอไว้เลย เมื่อหัวหน้าพรรคเข้าชี้แจงครบสุดท้ายในตอนเที่ยง หลังจากนั้นเพียง 20 นาที ศาลรัฐธรรมนูญก็อ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคทันที ด้วยพฤติกรรมดังกล่าวของศาล รธน ทำให้สาธารณะชน และ นักกฎหมายจำนวนหนึ่ง ไม่มั่นใจต่อกลไกอิสระแห่งนี้ มีคนจับผิดว่า แม้แต่คำวินิจฉัย ก็ยังอ่านผิด มีการเอาปากกามาแก้ไขกันในขณะที่อ่าน เพราะกระทำไปด้วยความเร่งรีบ จนเกินงาม วิธีการอธิบายว่า ความผิดของทั้ง 3 พรรคนั้น เข้าข่าย ม.237 คือ ในเมื่อกรรมการบริหารคนหนึ่งซื้อเสียง นั่นก็แสดงว่า มีกรรมการบริหารพรรครู้เห็นเป็นใจ (คนนั้นแหละแน่นอน) อันเป็นเหตุให้ยุบพรรค

สาม...ม.237 ตั้งอยู่บนฐานคิดกฎหมายโบราณ(เผด็จการ) ที่ใช้วิธีการ ตัดหัวเจ็ดชั่วโครต ซึ่งหลายท่านในนี้เห็นด้วย ลองนึกถึงความรู้สึกของคนในสมัยก่อน ตัวเขาเองอาจไม่รู้ว่ามีการทำความผิดอย่างกรณีกบฎ แต่ต้องได้รับผลโดยตายกันไปทั้งยวงเช่นนี้ มันยุติธรรมตรงไหน

สี่....การดูว่าผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทำการโกงเลือกตั้ง มีเจตนาและประโยชน์ตกอยู่กับผู้โกงเอง หรือ ตกอยู่กับใคร แน่นอนว่า พื้นฐานเขาต้องการที่จะเป็น สส และหาก สส ของพรรคมีจำนวนมาก ก็อาจได้อำนาจรัฐ (เป็นรัฐบาล) แต่เมื่อพิจารณาเหตุผลเดียวกัน ม.237 ให้ใช้กับกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ซึ่งไม่รวม สส ที่ไม่ใช่กรรมการบริหาร หลักการนี้จึงขัดกัน เพราะ หาก สส ธรรมดา ไปโกงการเลือกตั้ง เขาก็ได้ประโยชน์โดยการเป็น สส และ พรรคก็ได้ประโยชน์ในการเป็นรัฐบาล แต่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ นั่นกฎหมายมองว่าเป็นความผิดเฉพาะตน

ห้า....มุมมองที่ข้ามหัวประชาชน ที่เป็นสมาชิกพรรค และ เป็นผู้สนับสนุนพรรค ทำไมลุงแคน หรือ บางคนในนี้ ไม่คิดว่า นี่คือการสะท้อนว่า ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง เขารู้สึกเป็นเจ้าของร่วมในพรรคการเมืองนั้น นี่ไม่ใช่จิตวิญญาณของ พลเมืองที่ตื่นพร้อมดอกหรือ นี่เป็นสัญญาณที่ดี ที่ชี้วัดว่า พรรคการเมืองกำลังเป็นองค์กรทางการเมืองของประชาชน

ผมตอบรวม ๆ ไปถึง คคห อื่น ๆ ข้างบนด้วย เพราะคิดว่าอยู่ในกรอบประเด็นเดียวกัน



กลับชึ้นไปอ่านใหม่อีกที หลายๆคห อ่านวนไปวนมาสัก 20-30 รอบ :mrgreen:
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ


ประชาธิปไตยต้องมีสิทธิ์เท่ากันทุกคน แล้วทำไมเด็กต่ำ 18 ไม่มี

http://www.imeem.com/honeylollipop/musi ... _raise_up/
User avatar
Disconnected
 
Posts: 1337
Joined: Tue Oct 14, 2008 6:26 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby loginofu » Sun Jan 11, 2009 1:15 pm

พูดกับลายด่างนึกว่าพูดอยู่กับพวกมีปัญหาทางสมองแบบในเรื่อง 50th first date
พูดอธิบายไปยืดยาว ซักพักก็ลืมกลับมาถามเรื่องเดิมใหม่ เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
ไปตอแหลใส่ร้ายชาวบ้านไว้ พอเขาจับได้ บอกให้ไปขอโทษก็ทำเหมือนตัวเองไม่เคยทำ

และที่หนักกว่านั้น ยังเป็นพวกอ่านเจอเฉพาะที่ตัวเองอยากอ่าน
พวกสมาธิสั้นที่สนใจได้เฉพาะบางจุดเท่านั้นไม่สามารถมองภาพทั้งหมดได้
เมื่อพูดอะไรออกมาจึงดูแปลกประหลาด พิสดาร
ไม่น่าเชื่อว่าคนที่อ่านเรื่องเดียวกัน บทความจะเพี้ยนไปได้ถึงขนาดนั้น

เอ...แล้วพวกเราจะตอบไปให้มันวนเป็นร้อยรอบแล้วก็มาจบลงที่เดิมทำไม
เอาเป็นว่าถ้าใครอยากตอบก็ตอบ แต่ถ้าเห็นว่าประเด็นมันเวียนก็เลิกตอบ
ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ปล่อยมันพล่ามไปคนเดียว จะได้ไม่ต้องมานั่งเซ็งกะระบบรับรู้ห่วยๆอีก

Don't Feed the troll กันเถอะครับ
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby ก้อนหินละเมอ » Sun Jan 11, 2009 2:43 pm

Argus wrote:
loginofu wrote:ขอยืมรูปมาตอบหน่อยเถอะ
Image


ผมมาช่วยลายจุดตอบข้อนี้ครับ

-กร(Mr.GentleBoy) เป็นใครเหรอ ทำอะไร มีเหตุผลหรือเปล่า.
-หาสาระไม่ได้เลย มากัดห้องราชดำเนินอย่างเดียว
-ดวงตามืดบอดไม่มองเห็นความยิ่งใหญ๋และเป็นกลางของ ห้องราชดำิเนินและทีมงานพันทิพ
-มองไม่เห็นที่เสื้อแดงโดนแบนหลายคน

อ๊ะๆ ลายจุดไม่ต้องขอบคุณผมหรอกนะครับที่มาช่วย
ไงๆ ช่วยไปตอบคำถามของผมที่ถามไว้ด้วยหล่ะ ไม่ใช่ ใช้คำพูดสุดหรูเรียกเสียงเห่าว่า
"หาสาระไม่ได้เลย มากัดอย่างเดียว"
ที่แน่แน่ ผมอยู่ใน specie Homo sapiens
ไม่ได้อยู่ใน specie familiaris ก็เลยไม่มีจุด


มาเห็นแย้งครับ
ผมไม่ได้ไปค้นประวัตินาย Mr.GentleBoy ไม่รู้ด้วยว่าเค้าโพสต์สาระเป็นไงในราชดำเนิน
แต่ผมสนใจแค่จำนวน Give ที่ได้ เท่าที่ประมาณการณ์ น่าจะเกือบร้อย login นะครับ ที่ give ให้ แสดงว่ามีคนเห็นด้วยในข้อเขียนจำนวนมากเหมือนกัน
อันนี้นับเฉพาะ login แต่ถ้านับบัตรผ่านด้วย น่าจะมีมากกว่านี้
User avatar
ก้อนหินละเมอ
 
Posts: 699
Joined: Sat Nov 01, 2008 12:25 am

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby loginofu » Sun Jan 11, 2009 3:37 pm

รูปที่ว่ามาจากห้องเฉลิมไทยกระทู้ยายเนียมครับ
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/ ... 00622.html
ผมก็ไม่รู้ว่าคุณ กร(Mr.GentleBoy) เป็นใคร
แต่ดูจาก Give แล้วย่อมแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่คนเสื้อเหลืองที่ไม่ชอบลากดำนา
แต่เป็นคนส่วนใหญ่แม้แต่ในเว็บพันทิปห้องอื่นๆเองก็รู้ดีว่าห้องนั้นเป็นยังไง
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Num_Lock » Sun Jan 11, 2009 3:59 pm

banana_dot wrote:------------------------------------------------------------------------------


โทษทีครับ แต่คุณอ้างหลักกฎหมายมั่วแล้วนะครับ พิจารณาดูเผินๆ อาจจะใช้เรื่องการ ตัวการและผู้สนับสนุนได้ แต่ความจริงๆ ใช้ไม่ได้ แสดงว่าคุณไม่เข้าใจหลักกฎหมายเรื่องตัวการและผู้สนับสนุนเลย กล่าวคือ การสนับสนุนนั้น ตัวการหรือผู้กระทำความผิด ต้องได้รับประโยชน์แห่งการสนับสนุนนั้นด้วย เช่น นาย ก เจตนาช่วยเหลือนาย ข ให้บุกรุกบ้านนาย ค. โดยเปิดหน้าต่างไว้บ้านนาย ค ไว้ แต่นาย ข กับงัดประตูบ้าน เข้าไป เช่นนี้ นาย ก ไม่มีความผิดฐานสนับสนุน นะครับ (ขอให้กลับไปอ่านหลักกฎหมายก่อน แล้วค่อยมาอ้างหรือไม่ก็ ลองถามเด็กๆ ที่จบเนติฯ แล้วก็ได้ครับ เรียนหลักนี้มาทุกคน (ผมกลัวหาว่าผมบัญญัติหลักกฎหมายขึ้นมาเอง)) หลักกฎหมายอาญานี้นำมาปรับกับ มาตรา รธน. ไม่ได้ เพราะหลักการตีความต่างกันมากๆ

และมาตราเกียวกับเรื่องการการ คุมประพฤติในกรณีเด็กกระทำความผิด มาตรา 74 แก้ไขใหม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของให้ศาลต้องทำอย่างที่กฎหมายกำหนด ศาลจะกำหนดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันเลยนะครับ ....

ย้ำว่า การอ้างหลักกฎหมายท่านต้องศึกษาให้แตกฉานก่อนครับแล้วค่อยอ้าง ....... การอ้างกฎหมาย ในประมวลกฎหมายอาญาต้องตีความตามตัวบทครับ อ้างมาปรับใช้ไม่ได้เลย ดังนั้น หากท่านจะอ้างต้องศึกษาก่อนนะครับ

แต่สมมุติหากท่านอยากจะอ้างกฎหมายที่ กรรมการต้องรับผิดร่วมด้วยนั่น ผมแนะนำให้อ่าน ฎีกาที่ 2191/2541 ซึ่งฎีกานี้ พิพากษาให้ กรรมการบริษัทที่ไม่มีหน้าที่จัดการงานของบริษัทต้องร่วมรับผิดด้วย ซึ่งเรื่องแบบนี้ในฎีกาเก่าๆ นั่น กรรมการที่ต้องรับผิดคือกรรมการผู้จัดการหรือกรรมการที่มีหน้าที่จัดการงานของบริษัทเท่านั้น... (เปิด ป.แพ่งพาณิชย์ มาตรา 1186 อ่านประกอบนะครับ จะได้เข้าใจ)

สำหรับเรื่องที่พอจะปรับใช้ได้ในกรณี ยุบพรรค ผมนะเห็นด้วยนะ เพราะ ข้อแรกเลย กฎกติกาเค้าร่างและใช้ก่อนการเลือกตั้ง หากคุณๆ สส ยังโกงกัน ก็สำคัญ ยุบทิ้งไปซะ เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคทุกท่านมีหน้าที่ สอดส่อง กำกับ ดูแล และควบคุม สมาชิกพรรค ไม่ให้ทุกจริตการเลือกตั้ง หากกรรมการเห็นก็ต้องแจ้งให้เลิก หรือหยุดการกระทำนั้น หรือไม่ส่งบุคคลผู้นั่นลงเป็นตัวแทนประชาชน จะให้เป็นความผิดเฉพาะตัวนั่นไม่ถูกเพราะ สมาชิกแต่ละคนในแต่ละเขตพี้นที่คือ ตัวแทนของ "พรรคการเมือง" ถูกมั้ยครับ

ผมยังคิดว่า ควรคงมาตรานี้ไว้ แต่หากคันมืออยากจะแก้ก็ของให้แก้ให้ชัดเจนว่าอย่างไรถึงยุบ รู้เห็นอย่างไรถึงยุบ มีส่วน เป็นใจ อย่างไรถึงยุบ เอาให้ชัด

การแก้ไข การเลิกใช้กฎหมายหรือมาตราใด ตลอดจนการรตรากฎหมายขึ้นใช้ใหม่ทุกข้อทุกมาตรา มีเหตุผลหมดครับ หากตัดออกก็มีเรื่องเดียวคือ แก้เพื่อหนีการยุบพรรค

ปล. บก.ลายจุด ครับ ผมอ่านไม่ผิดคำถามหรอกครับ ท่านกล่าวของผมว่า เสียงข้างมากในสภาเป็น เผด็จการรัฐสภา แต่ผมตอบท่านว่าไม่ใช่ มันคือ ประชาธิปไตย ประชาชนช่วงนั้นเลือกมาขนาดนั้นก็ต้องตามนั้น (เสียงสรรค์นิครับ ผมเห็นด้วย) และเห็นด้วยว่า ควรมีมาตราที่ยุบพรรคไว้ตัดออกแสดงว่าเพือตัวเอง ผมนะเเดงเต็ม 101% เกินซะด้วยซ้ำ แต่เหตุผลที่นักการเมืองอย่างนายบรรหารฯอ้าง ท่านสมัครอ้างๆ ฟังไม่ได้...เรื่องนี้ไม่เห็นด้วย ก็อย่างที่เรียนให้ทราบตอนต้นแล้วว่า คุณกับผม เห็นธงเดียวกัน แต่เหตุผลเราสองคนต่างกัน
[url]"ทำดีอย่ากลัวสิครับ ความกลัวทำให้เสื่อม"[/url]


--------------------------------------------------------------
จะว่าผมมั่วก็ดูประเด็นก่อนน่ะครับ ผมเถียงในประเด็นที่บอกว่า
"แน่นอนว่า คนที่โกงเลือกตั้ง ต้องรับโทษ ถูกต้องแล้ว ไม่มีใครเถียง
แต่คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้โกง ทำไมต้องรับโทษด้วย
นี่ลุงไม่เข้าใจหลักกฎหมายพื้นฐานนี้หรือครับ ?"
ถ้าคุณตอบว่าไม่มีค่อยมาเถียงกับผมน่ะครับ ส่วนถ้าผมยกหลักกฎหมายมาไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของท่านก็แล้วแต่ครับ

[/quote]

ออกทะเลแล้วครับ

ผมไม่ได้ว่าคุณมั่วประเด็น แต่ผมตำหนิว่าคุณเรื่องการอ้างหลักกฎหมาย"ผิด" สิ่งที่คุณอ้างมานำมาปรับใช้กับเรื่องนี้ไม่ได้

แล้วกฎหมายพื้นฐานนะครับ เรียกว่า กฎหมายสี่มุมเมืองคือ ป.แพ่ง ป.อาญา ป.วิ.แพ่ง ป.วิ.อาญา หรือภาษาบ้านๆ เรียกว่า กฎหมายพี้นฐาน เพราะหากไม่มีกฎหมายเรื่องใดให้ปรับใช้หรือบทเทียบเคียงได้ก็ให้นำกฎหมายเหล่านี้มาปรับ แต่กฎหมาย อาญา นั้น หากไม่เรื่องใดบัญญัติไว้ให้รับโทษ ก็จะลงโทษไม่ได้ คำว่ากฎหมายพี้นฐานคุณต้องดูก่อนว่า ในเรื่องนั้นๆ มีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้หรือไม่ เช่น กฎหมายลิขสิทธิ์ ก็มีเรื่งอ พรบ.ลิขสิทธิ์ 2537 บัญญัติไว้เฉพาะอะไรที่เรียกว่าละเมิดลิขสิทธิ์คุณก็ต้องดูในตาม 27-31 เท่านั้น และในแต่ละมาตราก็กำหนดไว้แต่ละเรื่องซึ่งหากละเมิดเรื่องใดๆ ก็ให้ปรับใช้มาตรานั้นๆ ไม่นำหลักทั่วไปปรับใช้.... เช่น ร้านค้าหมูกะทะติด UBC และเสียค่าตอบแทนแล้วเปิดช่องที่มีแต่เพลงให้ลูกค้าภายในร้านฟัง ต่อมานาย GMM จะฟ้องว่า ร้านค้าหมูกะทะ ละเมิดลิขสิทธิ์งานดนตรีกรรมเพราะเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นนี้ไม่ได้ เพราะสิ่งที่ร้านหมูกะทะทำคือ การเผยแพร่งานแพร่เสียงแพร่ภาพ ซึ่งในมาตรา 29 ของ พรบ.ลิขสิทธิ์ 2537 ไม่ได้บัญญัติไว้ให้ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ดังนั้นจึงไม่ละเมิด และนาย GMM จะมำมาตาม 27 บททั่วไปมาใช้ไม่ได้... (ลองไปโหลด พรบ.ลิขสิทธิ์ 2537 มาอ่านตามนะครับ

ดังนั้น การจะปรับบทกฎหมายใดมาอ้างให้มีเหตุผลได้น้ำหนักก็ต้องศึกษาก่อนครับ สำหรับผมเรื่องที่ปรับได้กับกรณี ยุบพรรค ก็คือ คำพิพากษาฏีกาของกฎหมายแพ่งที่ให้ไว้

ปล. เห็นด้วยครับและอยากให้คงไว้ในมาตรานี้ และหากอยากจะแก้ก็ขอและภาวนาให้แก้ให้ชัดเจนว่า อะไร อย่างไร ที่อยากฝากไว้ก็คือ กกต. หากพ้นวันประกาศรับรองไปแล้วจะสอย สส. สว. ต้องส่งให้ศาล รธน.เท่านั้น แต่หากจะไม่สอย สส. สว. เรื่องนี้ไม่ต้องส่งให้ ศาล กกต. มีอำนาจเต็มซึ่งเรื่องนี้เป็นช่วงว่างทางกฎหมายที่ให้ ปปช. ไม่ถูกยุบ หากแก้ไขกฎหมายก็น่าจะนำเรื่องนี้เข้าไปแก้ด้วย เพราะ อำนาจลงโทษโยนให้ศาล แต่อำนาจให้คุณยังมีอยู่ จริงๆ หากจะให้โทษให้คุณ ก็ควรให้เต็มๆ หากจะโยนให้ศาลก็ควรโยนให้เต็มๆ เข้าใจเหมือนกันครับว่า ตอนร่างกฎหมายนี้คงไม่ได้ทันนึกถึงปัญหาลักษณะนี้เพราะจะพิจารณาให้คุณหรือไม่เอาผิดมันพิจารณาง่ายกว่าการเอาผิด การในทางกลับกัน การเปิดช่องแบบนี้ก็ไม่ควรให้เกิดขี้น
User avatar
Num_Lock
 
Posts: 33
Joined: Sat Jan 10, 2009 8:21 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Num_Lock » Sun Jan 11, 2009 3:59 pm

banana_dot wrote:------------------------------------------------------------------------------


โทษทีครับ แต่คุณอ้างหลักกฎหมายมั่วแล้วนะครับ พิจารณาดูเผินๆ อาจจะใช้เรื่องการ ตัวการและผู้สนับสนุนได้ แต่ความจริงๆ ใช้ไม่ได้ แสดงว่าคุณไม่เข้าใจหลักกฎหมายเรื่องตัวการและผู้สนับสนุนเลย กล่าวคือ การสนับสนุนนั้น ตัวการหรือผู้กระทำความผิด ต้องได้รับประโยชน์แห่งการสนับสนุนนั้นด้วย เช่น นาย ก เจตนาช่วยเหลือนาย ข ให้บุกรุกบ้านนาย ค. โดยเปิดหน้าต่างไว้บ้านนาย ค ไว้ แต่นาย ข กับงัดประตูบ้าน เข้าไป เช่นนี้ นาย ก ไม่มีความผิดฐานสนับสนุน นะครับ (ขอให้กลับไปอ่านหลักกฎหมายก่อน แล้วค่อยมาอ้างหรือไม่ก็ ลองถามเด็กๆ ที่จบเนติฯ แล้วก็ได้ครับ เรียนหลักนี้มาทุกคน (ผมกลัวหาว่าผมบัญญัติหลักกฎหมายขึ้นมาเอง)) หลักกฎหมายอาญานี้นำมาปรับกับ มาตรา รธน. ไม่ได้ เพราะหลักการตีความต่างกันมากๆ

และมาตราเกียวกับเรื่องการการ คุมประพฤติในกรณีเด็กกระทำความผิด มาตรา 74 แก้ไขใหม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของให้ศาลต้องทำอย่างที่กฎหมายกำหนด ศาลจะกำหนดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันเลยนะครับ ....

ย้ำว่า การอ้างหลักกฎหมายท่านต้องศึกษาให้แตกฉานก่อนครับแล้วค่อยอ้าง ....... การอ้างกฎหมาย ในประมวลกฎหมายอาญาต้องตีความตามตัวบทครับ อ้างมาปรับใช้ไม่ได้เลย ดังนั้น หากท่านจะอ้างต้องศึกษาก่อนนะครับ

แต่สมมุติหากท่านอยากจะอ้างกฎหมายที่ กรรมการต้องรับผิดร่วมด้วยนั่น ผมแนะนำให้อ่าน ฎีกาที่ 2191/2541 ซึ่งฎีกานี้ พิพากษาให้ กรรมการบริษัทที่ไม่มีหน้าที่จัดการงานของบริษัทต้องร่วมรับผิดด้วย ซึ่งเรื่องแบบนี้ในฎีกาเก่าๆ นั่น กรรมการที่ต้องรับผิดคือกรรมการผู้จัดการหรือกรรมการที่มีหน้าที่จัดการงานของบริษัทเท่านั้น... (เปิด ป.แพ่งพาณิชย์ มาตรา 1186 อ่านประกอบนะครับ จะได้เข้าใจ)

สำหรับเรื่องที่พอจะปรับใช้ได้ในกรณี ยุบพรรค ผมนะเห็นด้วยนะ เพราะ ข้อแรกเลย กฎกติกาเค้าร่างและใช้ก่อนการเลือกตั้ง หากคุณๆ สส ยังโกงกัน ก็สำคัญ ยุบทิ้งไปซะ เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคทุกท่านมีหน้าที่ สอดส่อง กำกับ ดูแล และควบคุม สมาชิกพรรค ไม่ให้ทุกจริตการเลือกตั้ง หากกรรมการเห็นก็ต้องแจ้งให้เลิก หรือหยุดการกระทำนั้น หรือไม่ส่งบุคคลผู้นั่นลงเป็นตัวแทนประชาชน จะให้เป็นความผิดเฉพาะตัวนั่นไม่ถูกเพราะ สมาชิกแต่ละคนในแต่ละเขตพี้นที่คือ ตัวแทนของ "พรรคการเมือง" ถูกมั้ยครับ

ผมยังคิดว่า ควรคงมาตรานี้ไว้ แต่หากคันมืออยากจะแก้ก็ของให้แก้ให้ชัดเจนว่าอย่างไรถึงยุบ รู้เห็นอย่างไรถึงยุบ มีส่วน เป็นใจ อย่างไรถึงยุบ เอาให้ชัด

การแก้ไข การเลิกใช้กฎหมายหรือมาตราใด ตลอดจนการรตรากฎหมายขึ้นใช้ใหม่ทุกข้อทุกมาตรา มีเหตุผลหมดครับ หากตัดออกก็มีเรื่องเดียวคือ แก้เพื่อหนีการยุบพรรค

ปล. บก.ลายจุด ครับ ผมอ่านไม่ผิดคำถามหรอกครับ ท่านกล่าวของผมว่า เสียงข้างมากในสภาเป็น เผด็จการรัฐสภา แต่ผมตอบท่านว่าไม่ใช่ มันคือ ประชาธิปไตย ประชาชนช่วงนั้นเลือกมาขนาดนั้นก็ต้องตามนั้น (เสียงสรรค์นิครับ ผมเห็นด้วย) และเห็นด้วยว่า ควรมีมาตราที่ยุบพรรคไว้ตัดออกแสดงว่าเพือตัวเอง ผมนะเเดงเต็ม 101% เกินซะด้วยซ้ำ แต่เหตุผลที่นักการเมืองอย่างนายบรรหารฯอ้าง ท่านสมัครอ้างๆ ฟังไม่ได้...เรื่องนี้ไม่เห็นด้วย ก็อย่างที่เรียนให้ทราบตอนต้นแล้วว่า คุณกับผม เห็นธงเดียวกัน แต่เหตุผลเราสองคนต่างกัน
[url]"ทำดีอย่ากลัวสิครับ ความกลัวทำให้เสื่อม"[/url]


--------------------------------------------------------------
จะว่าผมมั่วก็ดูประเด็นก่อนน่ะครับ ผมเถียงในประเด็นที่บอกว่า
"แน่นอนว่า คนที่โกงเลือกตั้ง ต้องรับโทษ ถูกต้องแล้ว ไม่มีใครเถียง
แต่คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้โกง ทำไมต้องรับโทษด้วย
นี่ลุงไม่เข้าใจหลักกฎหมายพื้นฐานนี้หรือครับ ?"
ถ้าคุณตอบว่าไม่มีค่อยมาเถียงกับผมน่ะครับ ส่วนถ้าผมยกหลักกฎหมายมาไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของท่านก็แล้วแต่ครับ

[/quote]

ออกทะเลแล้วครับ

ผมไม่ได้ว่าคุณมั่วประเด็น แต่ผมตำหนิว่าคุณเรื่องการอ้างหลักกฎหมาย"ผิด" สิ่งที่คุณอ้างมานำมาปรับใช้กับเรื่องนี้ไม่ได้

แล้วกฎหมายพื้นฐานนะครับ เรียกว่า กฎหมายสี่มุมเมืองคือ ป.แพ่ง ป.อาญา ป.วิ.แพ่ง ป.วิ.อาญา หรือภาษาบ้านๆ เรียกว่า กฎหมายพี้นฐาน เพราะหากไม่มีกฎหมายเรื่องใดให้ปรับใช้หรือบทเทียบเคียงได้ก็ให้นำกฎหมายเหล่านี้มาปรับ แต่กฎหมาย อาญา นั้น หากไม่เรื่องใดบัญญัติไว้ให้รับโทษ ก็จะลงโทษไม่ได้ คำว่ากฎหมายพี้นฐานคุณต้องดูก่อนว่า ในเรื่องนั้นๆ มีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้หรือไม่ เช่น กฎหมายลิขสิทธิ์ ก็มีเรื่งอ พรบ.ลิขสิทธิ์ 2537 บัญญัติไว้เฉพาะอะไรที่เรียกว่าละเมิดลิขสิทธิ์คุณก็ต้องดูในตาม 27-31 เท่านั้น และในแต่ละมาตราก็กำหนดไว้แต่ละเรื่องซึ่งหากละเมิดเรื่องใดๆ ก็ให้ปรับใช้มาตรานั้นๆ ไม่นำหลักทั่วไปปรับใช้.... เช่น ร้านค้าหมูกะทะติด UBC และเสียค่าตอบแทนแล้วเปิดช่องที่มีแต่เพลงให้ลูกค้าภายในร้านฟัง ต่อมานาย GMM จะฟ้องว่า ร้านค้าหมูกะทะ ละเมิดลิขสิทธิ์งานดนตรีกรรมเพราะเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นนี้ไม่ได้ เพราะสิ่งที่ร้านหมูกะทะทำคือ การเผยแพร่งานแพร่เสียงแพร่ภาพ ซึ่งในมาตรา 29 ของ พรบ.ลิขสิทธิ์ 2537 ไม่ได้บัญญัติไว้ให้ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ดังนั้นจึงไม่ละเมิด และนาย GMM จะมำมาตาม 27 บททั่วไปมาใช้ไม่ได้... (ลองไปโหลด พรบ.ลิขสิทธิ์ 2537 มาอ่านตามนะครับ

ดังนั้น การจะปรับบทกฎหมายใดมาอ้างให้มีเหตุผลได้น้ำหนักก็ต้องศึกษาก่อนครับ สำหรับผมเรื่องที่ปรับได้กับกรณี ยุบพรรค ก็คือ คำพิพากษาฏีกาของกฎหมายแพ่งที่ให้ไว้

ปล. เห็นด้วยครับและอยากให้คงไว้ในมาตรานี้ และหากอยากจะแก้ก็ขอและภาวนาให้แก้ให้ชัดเจนว่า อะไร อย่างไร ที่อยากฝากไว้ก็คือ กกต. หากพ้นวันประกาศรับรองไปแล้วจะสอย สส. สว. ต้องส่งให้ศาล รธน.เท่านั้น แต่หากจะไม่สอย สส. สว. เรื่องนี้ไม่ต้องส่งให้ ศาล กกต. มีอำนาจเต็มซึ่งเรื่องนี้เป็นช่วงว่างทางกฎหมายที่ให้ ปปช. ไม่ถูกยุบ หากแก้ไขกฎหมายก็น่าจะนำเรื่องนี้เข้าไปแก้ด้วย เพราะ อำนาจลงโทษโยนให้ศาล แต่อำนาจให้คุณยังมีอยู่ จริงๆ หากจะให้โทษให้คุณ ก็ควรให้เต็มๆ หากจะโยนให้ศาลก็ควรโยนให้เต็มๆ เข้าใจเหมือนกันครับว่า ตอนร่างกฎหมายนี้คงไม่ได้ทันนึกถึงปัญหาลักษณะนี้เพราะจะพิจารณาให้คุณหรือไม่เอาผิดมันพิจารณาง่ายกว่าการเอาผิด การในทางกลับกัน การเปิดช่องแบบนี้ก็ไม่ควรให้เกิดขี้น
User avatar
Num_Lock
 
Posts: 33
Joined: Sat Jan 10, 2009 8:21 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Argus » Sun Jan 11, 2009 4:02 pm

ก้อนหินละเมอ wrote:
มาเห็นแย้งครับ
ผมไม่ได้ไปค้นประวัตินาย Mr.GentleBoy ไม่รู้ด้วยว่าเค้าโพสต์สาระเป็นไงในราชดำเนิน
แต่ผมสนใจแค่จำนวน Give ที่ได้ เท่าที่ประมาณการณ์ น่าจะเกือบร้อย login นะครับ ที่ give ให้ แสดงว่ามีคนเห็นด้วยในข้อเขียนจำนวนมากเหมือนกัน
อันนี้นับเฉพาะ login แต่ถ้านับบัตรผ่านด้วย น่าจะมีมากกว่านี้


ผมเข้าใจครับ ผมช่วยเขาตอนให้เพราะผมเข้าใจว่าเขาจะเอาสีข้างถูแบบไหน น่ะครับ
เพราะไงๆ ห้องราชดำเนินคือ บอร์ดระดับโลก.

อีก เหตุผล หนึ่งที่เขาจะตอบแน่นอน give จัดตั้งครับ พวกนี้ไม่ใช่ความจริงทั้งนั้นจัดตั้งชัวร์.
User avatar
Argus
 
Posts: 1668
Joined: Wed Dec 03, 2008 11:30 am

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby banana_dot » Sun Jan 11, 2009 6:43 pm

ขอบคุณครับที่ให้ความรู้ผม num_lock

ถ้าผมไม่เขียนไปก็คงไม่ได้อะไรเพิ่มเติม

แต่ถ้าผมนั่งอยู่เฉยๆ ผมก็จะเข้าใจแค่ตรงนี้

ไม่ใช่ว่าผมไม่เตรียมตัวโดนแย้งหรอกน่ะครับ

ปรกติผมก็ชอบคุยกับผู้ใหญ่ที่ให้ความรู้เราได้

ผมคิดผิดอย่างไรก็จะได้แก้ไขใหม่ให้ถูกและชัดเจนยิ่งขึ้น

แต่ทุกครั้งตอนท้ายๆผมก็จะลืม เพราะเมาแล้วน่ะครับ 555+

อาจจะเรียกได้ว่า ความจริงครึ่งเดียวตามประสาผม

เสื้อแดงก็อาจจะเป็นเหมือนผมรู้แค่ความจริงครึ่งเดียว

เพราะคุยได้ไม่จบเมาไปก่อนแล้ว
User avatar
banana_dot
 
Posts: 473
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:42 am

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby บก.ลายจุด » Sun Jan 11, 2009 8:52 pm

Num_Lock wrote:
บก.ลายจุด wrote:
Caocao wrote:ยกตัวอย่างมาอย่างฮา ถ้าไม่ลงชื่อว่าลายดอก คงนึกว่าเกรียนที่ไหน เอาง่ายๆ พนักงานที่โกง ผลประโยชน์ที่ได้รับได้แก่ใคร ถ้าได้แก่ตัวพนักงานคนนั้น เท่ากับพนักงานคนนั้นโกงลูกค้าถูกไหม และยังโกงบริษัทอีกด้วยถูกไหม เอาเป็นว่าพนักงานคนนี้ผิดเต็มๆ แต่ถ้าผลประโยชน์ตกอยู่กับบริษัท เท่ากับว่าพนักงานเป็นผู่ช่วยให้บริษัทได้รับผลประโยชน์จากการโกง ดังนั้นทั้งพนักงานและบริษัทต่างก็ผิดจริงไหม เอาง่ายๆลายดอกเข้าใจไหมว่าการกระทำดังกล่าวผลประโยชน์ตกอยู่กับพรรคหรือแค่ตัวสส. เรื่องมะวานซืนมากๆ :lol:
เพิ่มเติมเดี๋ยวมีกรณีอ้างว่าบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็น เอาหลักกูไม่ต้องหลักการแล้วกัน คงไม่มีพนักงานคนไหนตั้งใจจะโกงลูกค้าเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทอย่างเดียวล้วนๆ เพราะมันผิดเงื่อนไขในเรื่องแรงจูงใจ คงไม่มีมนุษย์หน้าโง่คนไหนทำเข้าใจไหมลายดอก :lol:


ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ

หนึ่ง...การกระทำความผิดนั้นเป็นของผู้ใด กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่ง หรือ กรรมการบริหารคนอื่น หรือ ทั้งคณะผู้บริหารทั้งหมด หรือ การสมรู้ร่วมคิด ยินยอมของสมาชิกพรรค

สอง...รธน 50 ในมาตรา 237 ระบุว่า หากกรรมการบริหารพรรคคนอื่นรู้เห็น หรือ ละเลย ให้ยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ประเด็นอยู่ที่ว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในการยุบ 3 พรรค ที่ผ่านมา ตัดโอกาสให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคคนอื่น ๆ ได้มีโอกาสชี้แจง ศาล รธน มีธงไว้เรียบร้อย เรียกว่าเขียนรอไว้เลย เมื่อหัวหน้าพรรคเข้าชี้แจงครบสุดท้ายในตอนเที่ยง หลังจากนั้นเพียง 20 นาที ศาลรัฐธรรมนูญก็อ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคทันที ด้วยพฤติกรรมดังกล่าวของศาล รธน ทำให้สาธารณะชน และ นักกฎหมายจำนวนหนึ่ง ไม่มั่นใจต่อกลไกอิสระแห่งนี้ มีคนจับผิดว่า แม้แต่คำวินิจฉัย ก็ยังอ่านผิด มีการเอาปากกามาแก้ไขกันในขณะที่อ่าน เพราะกระทำไปด้วยความเร่งรีบ จนเกินงาม วิธีการอธิบายว่า ความผิดของทั้ง 3 พรรคนั้น เข้าข่าย ม.237 คือ ในเมื่อกรรมการบริหารคนหนึ่งซื้อเสียง นั่นก็แสดงว่า มีกรรมการบริหารพรรครู้เห็นเป็นใจ (คนนั้นแหละแน่นอน) อันเป็นเหตุให้ยุบพรรค

สาม...ม.237 ตั้งอยู่บนฐานคิดกฎหมายโบราณ(เผด็จการ) ที่ใช้วิธีการ ตัดหัวเจ็ดชั่วโครต ซึ่งหลายท่านในนี้เห็นด้วย ลองนึกถึงความรู้สึกของคนในสมัยก่อน ตัวเขาเองอาจไม่รู้ว่ามีการทำความผิดอย่างกรณีกบฎ แต่ต้องได้รับผลโดยตายกันไปทั้งยวงเช่นนี้ มันยุติธรรมตรงไหน

สี่....การดูว่าผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทำการโกงเลือกตั้ง มีเจตนาและประโยชน์ตกอยู่กับผู้โกงเอง หรือ ตกอยู่กับใคร แน่นอนว่า พื้นฐานเขาต้องการที่จะเป็น สส และหาก สส ของพรรคมีจำนวนมาก ก็อาจได้อำนาจรัฐ (เป็นรัฐบาล) แต่เมื่อพิจารณาเหตุผลเดียวกัน ม.237 ให้ใช้กับกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ซึ่งไม่รวม สส ที่ไม่ใช่กรรมการบริหาร หลักการนี้จึงขัดกัน เพราะ หาก สส ธรรมดา ไปโกงการเลือกตั้ง เขาก็ได้ประโยชน์โดยการเป็น สส และ พรรคก็ได้ประโยชน์ในการเป็นรัฐบาล แต่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ นั่นกฎหมายมองว่าเป็นความผิดเฉพาะตน

ห้า....มุมมองที่ข้ามหัวประชาชน ที่เป็นสมาชิกพรรค และ เป็นผู้สนับสนุนพรรค ทำไมลุงแคน หรือ บางคนในนี้ ไม่คิดว่า นี่คือการสะท้อนว่า ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง เขารู้สึกเป็นเจ้าของร่วมในพรรคการเมืองนั้น นี่ไม่ใช่จิตวิญญาณของ พลเมืองที่ตื่นพร้อมดอกหรือ นี่เป็นสัญญาณที่ดี ที่ชี้วัดว่า พรรคการเมืองกำลังเป็นองค์กรทางการเมืองของประชาชน

ผมตอบรวม ๆ ไปถึง คคห อื่น ๆ ข้างบนด้วย เพราะคิดว่าอยู่ในกรอบประเด็นเดียวกัน



ผมตอบให้ท่านแล้วนะครับตามเห็นข้างบนว่าทำไมควรยุบพรรคทิ้ง และ เรื่องตัวอย่างกรรมการผุ้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ทำไมต้องโดนหางเลข ก็อ่านฎีกากฎหมายแพ่งนะครับ เข้าไปอ่านฎีกาย่อข้างในให้ความเป็นยุติธรรม

ปล. ย้ำให้ชัดว่า สส. คือตัวแทนของพรรคในแต่ละพี้น ดังนั้นหาก สส. ทำผิดโดยพรรคไม่มีส่วนรู้เห็น (กรรมบริหารทุกคน) สส. ต้องรับผิดต่อส่วนตัว แต่หาก มีกรรมการบริหารคนหนึ่งคนใดทราบแล้วไม่ย้ำยั้ง ทราบแล้วไม่จัดการ ปล่อยไป ก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายคือ ยุบพรรค บทลงโทษนี้ไม่แรงหรอกครับ เพราะ ท่านเป็นกรรมการบริหารพรรค ครับ ถูกเลือกมาให้บริหารพรรคโดยสมาชิกของพรรค และต้องบริหารให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการตั้งพรรค



สิ่งที่คุณอธิบาย แม้จะเข้าใจได้ ในการอธิบายความต่างระหว่าง สส กับ กรรมการบริหารพรรค (แม้ผมไม่เห็นด้วย)
แต่ช่วยอธิบายหน่อยว่า ทำไม ไมสอบกรรมการบริหารพรรคคนอื่นที่เป็นจำเลย
บุคคลที่ถูกกล่าวหา ย่อมมีสิทธิ์ในทางศาลเพื่ออธิบายและชี้แจงใช่หรือไม่
รธน เขียนว่า กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งทำผิด แล้ว กรรมการบริหาร หรือ หัวหน้าพรรค รู้เห็นเป็นใจ หรือ ละเลย ก็ต้องรับผิด
ประเด็นคือ ไม่ให้กรรมการบริหารพรรคคนอื่นชี้แจงเรื่อง รู้เห็นเป็นใจ หรือ ละเลย หรือไม่ แต่ศาล รธน เล่นสรุปว่า ละเลย ทำให้มีกรรมการคนหนึ่งไปทำผิดเลือกตั้ง
แล้วจะเขียน รธน มาตรา 237 ว่าให้ค้นหาความจริงว่า รู้เห็นเป็นใจ หรือ ละเลย ทำไม ก็เขียนไปเลยดิว่า ถ้ากรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งทำผิดเลือกตั้ง ให้สันนิฐานว่า คณะกรรมการบริหารพรรคละเลย หรือ สมรู้ร่วมคิด ให้ตัดสิทธิ์ไปเลย

เมื่อครั้งมีการโต้เถียงในมาตรานี้นั้น ผมยังคิดไปในทางที่ดีว่า ถ้าคนอื่นไม่รู้ไม่เห็น และ ได้ดูแลเต็มที่แล้ว แต่มันมีคนหลุดไปทำผิดจริง ๆ ศาลต้องพิจารณาไม่เอาผิดกับคนที่ไม่รู้เรื่อง แต่ปรากฎว่า ศาล รธน เล่นตัดสินแบบไม่ต้องสอบ แล้วฟันธงดื้อ ๆ ว่า ละเลย

กรรม ไม่รู้ว่า มาตร 237 นี่มันเลว หรือ คนตัดสินมีปัญหากันแน่
เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงหมา(บ้า)
หนึ่ง....ใจเย็น ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เป็นปกติ
สอง....เมื่อหมามันเห่าครั้งแรก ๆ ให้แผ่เมตตาไว้
สาม....เมื่อมันแว้งกัด เอาก้อนหินเขวี้ยงใส่หัวมัน
สี่......เมื่อหมาม้นยังไล่กัดอีก ให้ตะโกนด่ามันว่า "ถ่อย"
User avatar
บก.ลายจุด
 
Posts: 1221
Joined: Sun Nov 09, 2008 12:02 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Canthai » Sun Jan 11, 2009 9:53 pm

เรื่องยุบพรรคก็แค่ความเห็นที่แตกต่าง

ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ได้อธิบายประเด็นตัดสิทธิ์ไว้เรียบร้อยแล้ว ลองโค้ดมาประกอบด้วยสิ

คุณจะได้โต้แย้งปีเด็นของคำวินิจฉัย

ส่วนเรื่องยุบพรรค เป็นกฎหมายเก่า ที่คุณยอมรับว่าดีที่สุด หรือเป็นประชาธิปไตยที่สุดนั่นแหละ

ประเด็น ยุบพรรคการเมืองเมื่อกรรมการบริหารพรรคทำผิด มาจาก รัฐธรรมนูญ 2540 ครับ
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Albert Einsteins » Sun Jan 11, 2009 10:30 pm

บก.ลายจุด wrote:เหลวไหลครับ
ที่อ้างกรณีบริษัทล้มละลาย แล้วผู้ถือหุ้นต้องรับผิดชอบร่วม
กรณีดังกล่าว เป็นกรณีคือ พนักงานไปโกงลูกค้า แล้วถูกจับได้ คนที่รับผิดชอบคือ คนที่โกง ไมใช่พนักงานคนอื่นในบริษัท
ไม่ต้องมาเสียเงินชดใช้ด้วย หรือ ไปติดคุกด้วย

ยืนยันว่า เป็นความผิดเฉพาะตัว
เจตนาที่มีการเขียนให้ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคคนอื่น และยุบพรรค ก็เพราะต้องการยุบพรรค ทรท โดยออกมาเป็นประกาศคณะปฏิวัติฯ
ความคิดในมาตรานี้ ไม่ได้อยู่บนหลักของความรับผิดชอบร่วมอย่างที่ผมอธิบายไป



ผมว่าคุณ นะ เหลวไหลมากกว่า :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:


ตัวอย่างก็มีให้เห็น อย่างธนาคารแบริ่งของอังกฤษ เก่าแก่เป็นร้อยปี
ต้องล้มคืนเพราะมีพนักกงานฉ้อฉล ทำให้ธนาคารเป็นหนี้มหาศาล
ธนาคารก็ต้องรับผิดชอบ ผู้ถือหุ้นเจ๊งกันไป
นี่เป็นตัวอย่างเทียบเคียง :mrgreen:

ถามว่าธนาคารและผู้ถือหุ้นต้องรับผิดไหม ใช่ ธนาคารต้องรับผิดตามกฎหมาย
ถามว่าธนาคาและผู้ถือหุ้นรจะอ้างว่ากฎหมายมันเลว เหรอ ก็ไม่ใช่ เพราะเขาต้องควบคุมบริหารไม่ให้เกิดความเสียหาย ทำให้ธนาคารต้องรับผิดชอบ
ถามว่าคนตัดสินมีปัญหาหรือไม่ อันนี้ไม่รู้ แต่คนตัดสินก็ทำตามกฎหมาย ถ้าธนาคารเห็นว่าคนตัดสินมีปัญหา ก็ฟ้องร้องกันไป

เช่นเดียวกัน มาตร 237 นี่ ทุกพรรคก็รับรู้ก่อนการเลือกตั้ง ไม่ทำผิด ก็ไม่มีปัญหา
ถ้าทำผิดก็รับโทษไป ไม่เห็นว่า มาตร 237 นี่จะเลวตรงไหน
ออกจะดีต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยซ้ำ
ที่จะทำให้ประชาชนได้ผู้ปกครองที่ดี มีคุณธรรม ได้รับประชามติผ่านการเลือกตั้งอย่างใสสะอาด

หรือ คนตัดสินมีปัญหา อันนี้ไม่รู้ แต่คนตัดสินก็ทำตามกฎหมาย ถ้าประชาชนหรือผู้สนับสนุนเห็นว่าคนตัดสินมีปัญหา
ก็หาชอ่งทางฟ้องร้องกันไป ทุกอย่างมีช่องทาง


แต่ที่ผมรู้ คือ พรรคการเมืองมีปัญหา แน่ๆ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
เพราะผู้บริหารไม่รู้จักบริหารจัดการให้ไม่เกิดการโกงการเลือกตั้ง
แถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการโกงซะเอง :lol: :lol: :lol:
บอกได้เต็มๆ เลยว่า กรรมการบริหารและ สส. ที่ทำการโกงเลว
ทำให้พรรคการเมืองนั้นเลวไปด้วย ที่ต้องการอำนาจ โดยการโกงการเลือกตั้ง
ไม่สมควรมาเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เพราะการโกงการเลือกตั้งคือการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข :lol: :lol: :lol: :lol:
User avatar
Albert Einsteins
 
Posts: 609
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:19 am

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby บก.ลายจุด » Sun Jan 11, 2009 10:46 pm

Albert Einsteins wrote:
บก.ลายจุด wrote:เหลวไหลครับ
ที่อ้างกรณีบริษัทล้มละลาย แล้วผู้ถือหุ้นต้องรับผิดชอบร่วม
กรณีดังกล่าว เป็นกรณีคือ พนักงานไปโกงลูกค้า แล้วถูกจับได้ คนที่รับผิดชอบคือ คนที่โกง ไมใช่พนักงานคนอื่นในบริษัท
ไม่ต้องมาเสียเงินชดใช้ด้วย หรือ ไปติดคุกด้วย

ยืนยันว่า เป็นความผิดเฉพาะตัว
เจตนาที่มีการเขียนให้ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคคนอื่น และยุบพรรค ก็เพราะต้องการยุบพรรค ทรท โดยออกมาเป็นประกาศคณะปฏิวัติฯ
ความคิดในมาตรานี้ ไม่ได้อยู่บนหลักของความรับผิดชอบร่วมอย่างที่ผมอธิบายไป



ผมว่าคุณ นะ เหลวไหลมากกว่า :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:


ตัวอย่างก็มีให้เห็น อย่างธนาคารแบริ่งของอังกฤษ เก่าแก่เป็นร้อยปี
ต้องล้มคืนเพราะมีพนักกงานฉ้อฉล ทำให้ธนาคารเป็นหนี้มหาศาล
ธนาคารก็ต้องรับผิดชอบ ผู้ถือหุ้นเจ๊งกันไป
นี่เป็นตัวอย่างเทียบเคียง :mrgreen:

ถามว่าธนาคารและผู้ถือหุ้นต้องรับผิดไหม ใช่ ธนาคารต้องรับผิดตามกฎหมาย
ถามว่าธนาคาและผู้ถือหุ้นรจะอ้างว่ากฎหมายมันเลว เหรอ ก็ไม่ใช่ เพราะเขาต้องควบคุมบริหารไม่ให้เกิดความเสียหาย ทำให้ธนาคารต้องรับผิดชอบ
ถามว่าคนตัดสินมีปัญหาหรือไม่ อันนี้ไม่รู้ แต่คนตัดสินก็ทำตามกฎหมาย ถ้าธนาคารเห็นว่าคนตัดสินมีปัญหา ก็ฟ้องร้องกันไป

เช่นเดียวกัน มาตร 237 นี่ ทุกพรรคก็รับรู้ก่อนการเลือกตั้ง ไม่ทำผิด ก็ไม่มีปัญหา
ถ้าทำผิดก็รับโทษไป ไม่เห็นว่า มาตร 237 นี่จะเลวตรงไหน
ออกจะดีต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยซ้ำ
ที่จะทำให้ประชาชนได้ผู้ปกครองที่ดี มีคุณธรรม ได้รับประชามติผ่านการเลือกตั้งอย่างใสสะอาด

หรือ คนตัดสินมีปัญหา อันนี้ไม่รู้ แต่คนตัดสินก็ทำตามกฎหมาย ถ้าประชาชนหรือผู้สนับสนุนเห็นว่าคนตัดสินมีปัญหา
ก็หาชอ่งทางฟ้องร้องกันไป ทุกอย่างมีช่องทาง


แต่ที่ผมรู้ คือ พรรคการเมืองมีปัญหา แน่ๆ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
เพราะผู้บริหารไม่รู้จักบริหารจัดการให้ไม่เกิดการโกงการเลือกตั้ง
แถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการโกงซะเอง :lol: :lol: :lol:
บอกได้เต็มๆ เลยว่า กรรมการบริหารและ สส. ที่ทำการโกงเลว
ทำให้พรรคการเมืองนั้นเลวไปด้วย ที่ต้องการอำนาจ โดยการโกงการเลือกตั้ง
ไม่สมควรมาเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เพราะการโกงการเลือกตั้งคือการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข :lol: :lol: :lol: :lol:


เรายกเคสกันคนละเคส ผลมันย่อมไม่เหมือนกัน มองยั งไง ผมก็ยังรู้สึกว่า เคสที่คุณยกมา ไม่เหมือนกับเคสยุบพรรค
ถ้าจะเอากันจริง ๆ ก็ตรงไปที่กรณียุบพรรคครั้งนี้เลย
ผมตามไปอ่านคำวินิจฉัน ศาล รธน แล้ว อย่างที่ให้ความเห็นและตั้งข้อสังเกตไว้ข้างบนนั้นแหละ
จำเลยไม่มีสิทธิ์ชี้แจง
ศาล รธน พิจารณาโดย เขียนคำพิพากษาก่อนที่จะฟังคำอธิบายของหัวหน้าพรรค
นี่มันมีธงชัด ๆ ทำได้ไง
เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงหมา(บ้า)
หนึ่ง....ใจเย็น ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เป็นปกติ
สอง....เมื่อหมามันเห่าครั้งแรก ๆ ให้แผ่เมตตาไว้
สาม....เมื่อมันแว้งกัด เอาก้อนหินเขวี้ยงใส่หัวมัน
สี่......เมื่อหมาม้นยังไล่กัดอีก ให้ตะโกนด่ามันว่า "ถ่อย"
User avatar
บก.ลายจุด
 
Posts: 1221
Joined: Sun Nov 09, 2008 12:02 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Canthai » Sun Jan 11, 2009 11:09 pm

ประเด็นยุบพรรค ทุกพรรคป้องกันแล้วว่าจะไม่ให้มีใบแดง

ส่วนคุณยงยุธ์ ไปเจอใบแดงจาก กกต. แม้แต่ศาลก็ไม่มีอำนาจไปถอนใบแดง เนื่องเพราะการตัดสินของกกต. ถือเป็นที่สุด

หากจะแก้ไข ต้องไปต่อว่า กกต. ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ

ประเด็นปัญหามันจึงอยู่ที่ว่า เมื่อ กรรมการบริหารพรรคโดนใบแดง กฎหมายเขียนอย่างไร

ไม่มีประเด็นที่จะต้องฟังนายยงยุทธ์แล้วครับ เพราะถึงฟังไป ก็ไม่มีผลให้ "ใบแดงเป็นโมฆะ"

ส่วนที่เหลือก็เป็นไปตามที่กฎหมายเขียนไว้

ศาลรัฐธรรมนูญ ก็แค่มาประกาศผลของกฎหมายแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรซับซ้อน
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Albert Einsteins » Sun Jan 11, 2009 11:11 pm

บก.ลายจุด wrote:เรายกเคสกันคนละเคส ผลมันย่อมไม่เหมือนกัน มองยั งไง ผมก็ยังรู้สึกว่า เคสที่คุณยกมา ไม่เหมือนกับเคสยุบพรรค
ถ้าจะเอากันจริง ๆ ก็ตรงไปที่กรณียุบพรรคครั้งนี้เลย
ผมตามไปอ่านคำวินิจฉัน ศาล รธน แล้ว อย่างที่ให้ความเห็นและตั้งข้อสังเกตไว้ข้างบนนั้นแหละ
จำเลยไม่มีสิทธิ์ชี้แจง
ศาล รธน พิจารณาโดย เขียนคำพิพากษาก่อนที่จะฟังคำอธิบายของหัวหน้าพรรค
นี่มันมีธงชัด ๆ ทำได้ไง


:lol: :lol: :lol:
คนละเคส ก็ คนละเคส
แต่ตรรกกะไม่ต่างกัน
เอ ตรรกกะ อีกแระ เรา ลืมไปว่า... :mrgreen:


ส่วนที่คุณบอกคนตัดสินมีปัญหา อันนี้ไม่รู้ แต่คนตัดสินก็ต้องทำตามกฎหมาย
ถ้าประชาชนหรือผู้สนับสนุนเห็นว่าคนตัดสินมีปัญหา ผิด ไม่ถูกต้อง
ก็หาชอ่งทางฟ้องร้องกันไป ทุกอย่างมีช่องทาง


แต่ผมว่าสามารถสรุปได้แล้วนะว่า
กฎหมายไม่ผิดแน่ๆ เพราะทุกพรรครับรู้กติกานี้ก่อนลงสนามเลือกตั้ง
ดังนั้นพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคต้องไปจัดการบริหารใ ห้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ให้มีการโกงการเลือกตั้ง
ถ้าโกง โดนจับได้ ก็ไปว่ากฎหมายไม่ได้ :mrgreen:

ส่วนคุณจะชอบ ไม่ชอบกฎหมายข้อนี้ เป็นคนละประเด็น
ถ้าไม่ชอบก็ไปรณณรงค์ให้มีการแก้ไขผ่านตามกลไกที่มี


คนตัดสินก็ตัดสนไปตามกระบวนการตามหน้าที่ เพราะคนตัดสินก็ต้องทำตามกฎหมาย
ตัดสินอย่างไรก็ว่ากันไป ยอมรับกันไป
เพราะผลการตัดสินมีผลผูกพันธ์ กฎหมายให้การรับรอง :lol: :lol: :lol:

ถ้าประชาชนหรือผู้สนับสนุนเห็นว่าคนตัดสินมีปัญหา ผิด ไม่ถูกต้อง
ทำให้ผลการตัดสินที่ออกมาไม่เป็นธรรม
ก็หาชอ่งทางฟ้องร้องกันไป ทุกอย่างมีช่องทาง
ถ้าพิสูจน์ได้ว่าคนตัดสินผิด ผลการตัดสินก็ไม่ชอบธรรมเอง


บอกคนเสื้อแดงด้วยนะ เคารพกฎหมายหน่อย :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
User avatar
Albert Einsteins
 
Posts: 609
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:19 am

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Magicmyth » Sun Jan 11, 2009 11:14 pm

:?:
Last edited by Magicmyth on Wed Mar 11, 2009 8:56 am, edited 1 time in total.
This account has been resigned.
User avatar
Magicmyth
 
Posts: 79
Joined: Sat Jan 10, 2009 5:57 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Num_Lock » Sun Jan 11, 2009 11:21 pm

บก.ลายจุด wrote:
Num_Lock wrote:
บก.ลายจุด wrote:
Caocao wrote:ยกตัวอย่างมาอย่างฮา ถ้าไม่ลงชื่อว่าลายดอก คงนึกว่าเกรียนที่ไหน เอาง่ายๆ พนักงานที่โกง ผลประโยชน์ที่ได้รับได้แก่ใคร ถ้าได้แก่ตัวพนักงานคนนั้น เท่ากับพนักงานคนนั้นโกงลูกค้าถูกไหม และยังโกงบริษัทอีกด้วยถูกไหม เอาเป็นว่าพนักงานคนนี้ผิดเต็มๆ แต่ถ้าผลประโยชน์ตกอยู่กับบริษัท เท่ากับว่าพนักงานเป็นผู่ช่วยให้บริษัทได้รับผลประโยชน์จากการโกง ดังนั้นทั้งพนักงานและบริษัทต่างก็ผิดจริงไหม เอาง่ายๆลายดอกเข้าใจไหมว่าการกระทำดังกล่าวผลประโยชน์ตกอยู่กับพรรคหรือแค่ตัวสส. เรื่องมะวานซืนมากๆ :lol:
เพิ่มเติมเดี๋ยวมีกรณีอ้างว่าบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็น เอาหลักกูไม่ต้องหลักการแล้วกัน คงไม่มีพนักงานคนไหนตั้งใจจะโกงลูกค้าเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทอย่างเดียวล้วนๆ เพราะมันผิดเงื่อนไขในเรื่องแรงจูงใจ คงไม่มีมนุษย์หน้าโง่คนไหนทำเข้าใจไหมลายดอก :lol:


ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ

หนึ่ง...การกระทำความผิดนั้นเป็นของผู้ใด กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่ง หรือ กรรมการบริหารคนอื่น หรือ ทั้งคณะผู้บริหารทั้งหมด หรือ การสมรู้ร่วมคิด ยินยอมของสมาชิกพรรค

สอง...รธน 50 ในมาตรา 237 ระบุว่า หากกรรมการบริหารพรรคคนอื่นรู้เห็น หรือ ละเลย ให้ยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ประเด็นอยู่ที่ว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในการยุบ 3 พรรค ที่ผ่านมา ตัดโอกาสให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคคนอื่น ๆ ได้มีโอกาสชี้แจง ศาล รธน มีธงไว้เรียบร้อย เรียกว่าเขียนรอไว้เลย เมื่อหัวหน้าพรรคเข้าชี้แจงครบสุดท้ายในตอนเที่ยง หลังจากนั้นเพียง 20 นาที ศาลรัฐธรรมนูญก็อ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคทันที ด้วยพฤติกรรมดังกล่าวของศาล รธน ทำให้สาธารณะชน และ นักกฎหมายจำนวนหนึ่ง ไม่มั่นใจต่อกลไกอิสระแห่งนี้ มีคนจับผิดว่า แม้แต่คำวินิจฉัย ก็ยังอ่านผิด มีการเอาปากกามาแก้ไขกันในขณะที่อ่าน เพราะกระทำไปด้วยความเร่งรีบ จนเกินงาม วิธีการอธิบายว่า ความผิดของทั้ง 3 พรรคนั้น เข้าข่าย ม.237 คือ ในเมื่อกรรมการบริหารคนหนึ่งซื้อเสียง นั่นก็แสดงว่า มีกรรมการบริหารพรรครู้เห็นเป็นใจ (คนนั้นแหละแน่นอน) อันเป็นเหตุให้ยุบพรรค

สาม...ม.237 ตั้งอยู่บนฐานคิดกฎหมายโบราณ(เผด็จการ) ที่ใช้วิธีการ ตัดหัวเจ็ดชั่วโครต ซึ่งหลายท่านในนี้เห็นด้วย ลองนึกถึงความรู้สึกของคนในสมัยก่อน ตัวเขาเองอาจไม่รู้ว่ามีการทำความผิดอย่างกรณีกบฎ แต่ต้องได้รับผลโดยตายกันไปทั้งยวงเช่นนี้ มันยุติธรรมตรงไหน

สี่....การดูว่าผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทำการโกงเลือกตั้ง มีเจตนาและประโยชน์ตกอยู่กับผู้โกงเอง หรือ ตกอยู่กับใคร แน่นอนว่า พื้นฐานเขาต้องการที่จะเป็น สส และหาก สส ของพรรคมีจำนวนมาก ก็อาจได้อำนาจรัฐ (เป็นรัฐบาล) แต่เมื่อพิจารณาเหตุผลเดียวกัน ม.237 ให้ใช้กับกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ซึ่งไม่รวม สส ที่ไม่ใช่กรรมการบริหาร หลักการนี้จึงขัดกัน เพราะ หาก สส ธรรมดา ไปโกงการเลือกตั้ง เขาก็ได้ประโยชน์โดยการเป็น สส และ พรรคก็ได้ประโยชน์ในการเป็นรัฐบาล แต่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ นั่นกฎหมายมองว่าเป็นความผิดเฉพาะตน

ห้า....มุมมองที่ข้ามหัวประชาชน ที่เป็นสมาชิกพรรค และ เป็นผู้สนับสนุนพรรค ทำไมลุงแคน หรือ บางคนในนี้ ไม่คิดว่า นี่คือการสะท้อนว่า ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง เขารู้สึกเป็นเจ้าของร่วมในพรรคการเมืองนั้น นี่ไม่ใช่จิตวิญญาณของ พลเมืองที่ตื่นพร้อมดอกหรือ นี่เป็นสัญญาณที่ดี ที่ชี้วัดว่า พรรคการเมืองกำลังเป็นองค์กรทางการเมืองของประชาชน

ผมตอบรวม ๆ ไปถึง คคห อื่น ๆ ข้างบนด้วย เพราะคิดว่าอยู่ในกรอบประเด็นเดียวกัน



ผมตอบให้ท่านแล้วนะครับตามเห็นข้างบนว่าทำไมควรยุบพรรคทิ้ง และ เรื่องตัวอย่างกรรมการผุ้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ทำไมต้องโดนหางเลข ก็อ่านฎีกากฎหมายแพ่งนะครับ เข้าไปอ่านฎีกาย่อข้างในให้ความเป็นยุติธรรม

ปล. ย้ำให้ชัดว่า สส. คือตัวแทนของพรรคในแต่ละพี้น ดังนั้นหาก สส. ทำผิดโดยพรรคไม่มีส่วนรู้เห็น (กรรมบริหารทุกคน) สส. ต้องรับผิดต่อส่วนตัว แต่หาก มีกรรมการบริหารคนหนึ่งคนใดทราบแล้วไม่ย้ำยั้ง ทราบแล้วไม่จัดการ ปล่อยไป ก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายคือ ยุบพรรค บทลงโทษนี้ไม่แรงหรอกครับ เพราะ ท่านเป็นกรรมการบริหารพรรค ครับ ถูกเลือกมาให้บริหารพรรคโดยสมาชิกของพรรค และต้องบริหารให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการตั้งพรรค



สิ่งที่คุณอธิบาย แม้จะเข้าใจได้ ในการอธิบายความต่างระหว่าง สส กับ กรรมการบริหารพรรค (แม้ผมไม่เห็นด้วย)
แต่ช่วยอธิบายหน่อยว่า ทำไม ไมสอบกรรมการบริหารพรรคคนอื่นที่เป็นจำเลย
บุคคลที่ถูกกล่าวหา ย่อมมีสิทธิ์ในทางศาลเพื่ออธิบายและชี้แจงใช่หรือไม่
รธน เขียนว่า กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งทำผิด แล้ว กรรมการบริหาร หรือ หัวหน้าพรรค รู้เห็นเป็นใจ หรือ ละเลย ก็ต้องรับผิด
ประเด็นคือ ไม่ให้กรรมการบริหารพรรคคนอื่นชี้แจงเรื่อง รู้เห็นเป็นใจ หรือ ละเลย หรือไม่ แต่ศาล รธน เล่นสรุปว่า ละเลย ทำให้มีกรรมการคนหนึ่งไปทำผิดเลือกตั้ง
แล้วจะเขียน รธน มาตรา 237 ว่าให้ค้นหาความจริงว่า รู้เห็นเป็นใจ หรือ ละเลย ทำไม ก็เขียนไปเลยดิว่า ถ้ากรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งทำผิดเลือกตั้ง ให้สันนิฐานว่า คณะกรรมการบริหารพรรคละเลย หรือ สมรู้ร่วมคิด ให้ตัดสิทธิ์ไปเลย

เมื่อครั้งมีการโต้เถียงในมาตรานี้นั้น ผมยังคิดไปในทางที่ดีว่า ถ้าคนอื่นไม่รู้ไม่เห็น และ ได้ดูแลเต็มที่แล้ว แต่มันมีคนหลุดไปทำผิดจริง ๆ ศาลต้องพิจารณาไม่เอาผิดกับคนที่ไม่รู้เรื่อง แต่ปรากฎว่า ศาล รธน เล่นตัดสินแบบไม่ต้องสอบ แล้วฟันธงดื้อ ๆ ว่า ละเลย

กรรม ไม่รู้ว่า มาตร 237 นี่มันเลว หรือ คนตัดสินมีปัญหากันแน่



ตอบยากนะครับ เพราะเป็นเรื่องของการวินิจฉัย (ผมไม่ได้ แต่ให้ตอบในสิ่งที่เป็นความเห็นและดุลพินิจ ตอบแทนองค์กรนั้นๆ ลำบากมาก ดีไม่ดีตอบไม่ได้เลยครับ)
"ประเด็นคือ ไม่ให้กรรมการบริหารพรรคคนอื่นชี้แจงเรื่อง รู้เห็นเป็นใจ หรือ ละเลย หรือไม่ แต่ศาล รธน เล่นสรุปว่า ละเลย ทำให้มีกรรมการคนหนึ่งไปทำผิดเลือกตั้ง
แล้วจะเขียน รธน มาตรา 237 ว่าให้ค้นหาความจริงว่า รู้เห็นเป็นใจ หรือ ละเลย ทำไม ก็เขียนไปเลยดิว่า ถ้ากรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งทำผิดเลือกตั้ง ให้สันนิฐานว่า คณะกรรมการบริหารพรรคละเลย หรือ สมรู้ร่วมคิด ให้ตัดสิทธิ์ไปเลย"

ก่อนอื่นหากเขียนว่า ให้สันนิษฐาน เขียนอย่างนี้กลายเป็นผิดเต็มๆ แล้วพลักภาระการพิสูจน์มายังพรรคการเมือง ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ กกต. เป็นฝ่ายพิสูจน์ครับ (บทสันนิษฐานหากคุณ บก.ลายจุด ที่เพื่อนเป็น ทนายจะทราบว่า น่ากลัวครับ ฝ่ายใดได้บทสันนิษฐานเมื่อไร ฝ่านนั้นได้เปรียบเลย อีกฝ่ายต้องหาหลักฐานมาแก้ต่าง) ดังนั้น ไม่เขียนตามที่ คุณ บก.ลายจุด ว่าดีแล้ว ในมาตรา 237 ก็กำหนดชัดนิครับ แต่จำได้มั้ยครับ ว่า ศาล เค้าเปิดช่องดุลพิจนิจครับ ว่าจะรับฟังพยานหลักฐานหรือจะถือเอาหลักฐานของ กกต. เป็นที่สุดก็ได้ กฎหมายยังเปิดช่องให้ ศาลมีความเห็นต่างจาก กกต. ได้ครับ

สิ่งที่ท่านถามผม คือ ให้ผมตอบในดุลพินิจขององค์อื่น ตอบยากครับ ... (จะหาว่าผมแถอีก แต่ใครจะตอบได้) แต่เอาเป็นว่า หากผมเป็นองค์คณะนะครับ ผมจะอาศัยเรื่อง กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาครับ เจตนาทุจริตอยู่ในใจ อยากจะพิสูจน์ต้องพิจารณาที่การกระทำ ดังนั้น หากได้ข้อเท็จจริงยุติว่า รู้เห็น เป็นใจ มีส่วนร่วม หรือทุจริต เสีย เช่นนี้ก็ต้องยุบพรรคตามกติกาครับ

เอาล่ะหากให้ตัดออกนะครับ ผลก็คือ หัวหน้าพรรค อำนาจล้นฟ้า โกงได้ โดนแค่เฉพาะตัว พรรคอยู่รอด ชูคอเป็นนายกฯ แน่นอน เนื่องจากก่อนหน้าเราไม่มีมาตรานี้เลย มีแต่ใส่ความอีกพรรคแล้วจึงยุบ เกิดง่ายยุบง่ายดีครับ ตัวแทนพวกนี้จะได้ตะหนักถึง หน้าที ...

เราไม่เคยมีมาตรานี้ครบ พอดี ผมว่าดี เป็นกฎหมายลักษณะป้องกัน ไม่ใช่กฎหมายส่งเสริม

สิ่งที่น่ากลัวไม่ได้อยู่ตรงที่ว่า ตัดหรือไม่ตัดครับ อยู่ตรงที่ผมให้ข้อสังเกตุไว้คือ กกต. เมื่อพ้นวันประกาศ ต้องศาลวินิจฉัย ถ้าจะเอาผิด แต่ถ้าให้ผ่าน (ตัวอย่าง ปปช.) ก็ให้ได้โดยอำนาจ นี้ต่างหากครับ "ช่องว่างของกฎหมาย" หากแทรกแซงจริง กกต. แทรกง่ายกว่า เพราะทำในนามตนเอง ในนาม แต่หากจะแทรกแซงศาลยากครับ ตุลาการรัฐธรรมนูญ ของ คมช. ไม่ใช่ทำในนามนะครับ เป็นคณะบุคคลของ พวกเผด็จการ


สำหรับกรณี กรรมการกระทำผิดนั้น เค้าเปิดโอกาสให้ชี้แจงแล้ว ให้กรรมการท่านนั้นชี้แจง เอาล่ะหากจะเอา กรรมการที่ไม่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ผลก็คือ พยานปากนี้ถือเป็นพยานฟุ่มเฟื่อย ไม่เกี่ยวข้องในค๊ด (คือ ไม่ใช่คนที่กระทำผิด) ดังนั้นต้องให้กรรมการที่ถูกกล่าวหาชี้แจง ส่วนกรณีคุณบรรหารฯ กล่าวต่อศาลนั้น เค้าเรียกว่า การแถลง ครับ ซึ่งการแถลงสำหรับในการพิจาณานั้น ระบบศาลไทย ไม่มีผลใดๆ ไม่ถือเป็นคำให้การ ศาลจะไม่นำมาวินิจฉัย

ปล. ในโลกนี้มีระบอบ ศาลอยู่สองแบบ ครับ คือ ระบบไต่สวน (ลูกขุน) และ ระบบกล่าวหา (ผู้ใดกล่าวอ้าง ผู้นั้นนำสืบ) ในระบบไต่สวน ให้อำนาจศาลเต็มที่ครับแต่ให้อำนาจตัดสินที่ลูกขุน สำหรับของไทย ใช้ระบบ กล่าวหาครับ ใครกล่าวหาใครก็ต้องเอาหลักฐานเข้าพิสูจน์ ศาลจะมีหน้าที่รับฟังพยานของทั้งสองฝ่าย ประเทศไทยลอกรูปแบบและให้ต่างประเทศร่างกฎหมายให้ครับ (ย้อนไปนานแน่หากจะอธิบาย) เอาเป็นว่าของไทยง่ายๆ คือ ผสมครับ แต่ใช้หลักระบบอันหลัง ดังนั้นจึงเห็นมีการแถลงด้วย การแถลงของระบบไต่สวนนั้นคือ การโน้มนาวลูกขุนให้เชื่อในหลักฐานของตนก่อนปิดคดีหรือเปิดคดีครับ... แถลงของ หัวหน้าพรรค จึงไม่เป็นผล ด้วยเห็นนี้

ผมอยากเรียนให้ท่าน บก. ลายจุด ทราบอีกครั้งว่า ศาลนี้ที่เราถกเถียงกันอยู่นี้คือ ศาลของการเมืองครับ ดังนั้นมันคือเรื่องของการเมือง การเมืองไม่ว่าถูกหรือผิด ต้องมีทางออกไม่ว่างทางหนึ่งทางใดในลักษณะการเมืองครับ ศาลจะหาทางออกอย่างลักษณะการเมือง เพราะนิคือศาลการเมือง อาจคิดว่ามีธง หรือคิดว่าไม่มีธง หรือสมควรโดนแล้ว หรือไม่สมควร ตอบไมได้ครับ เพราะมันคือเรื่องของการเมือง อาศัยหลักกฎหมายเกณฑ์ไม่ได้ครับ กล่าวมาในประโยคนี้เชือจะหาว่าผมแถอีก ดูอย่างต่างประเทศสิครับ เลขาฯUN งั้ยครับ ไต้หวัน งั้ยครับ เค้าว่าเค้าเป็นประเทศ แต่อเมริกา ยังไม่ยอมรับว่า นั่นเป็นประเทศเลย มาเลเชีย งั้ยครับ สาธารณรัฐ ประเทศเล็กๆ แต่ดันแบ่งตัวเองแบบเป็นรัฐๆ ประเทศกัมพูชา งั้ยครับ มีนายกฯสองคน มีที่ไหนเค้าทำกัน เรียนไม่เคยพบเคยเจอ เค้าจึงเรียกว่า การเมือง ยิ่งเป็นศาลการเมืองด้วยแล้ว ยิ่งต้องตัดสินในวิถีทางการเมือง ความยุติธรรมต้องไปศาลยุติธรรม ครับ ศาลแพ่ง กับศาลอาญา หรือศาลชำนาญพิเศษอื่นที่ไม่ใช่ศาลการเมือง... (คัดมือ อยากพิมพ์บอกใจจะขาดแต่กล่าวไม่ได้ กลัวคุก ครับ)

ผมไม่ได้แถ นะครับ แต่จะให้ผมตอบแทนคนอื่นไม่ได้ เหมือนครั้งหนี่งที่ผมเห็นท่านทาง TPBS กล่าวว่า "พันธมิตรอยากเอาคำว่า เป็นเรื่องประชาชนกับรัฐบาลมายัดใส่ปากประชาชน" เหมือนกันครับผมตอบแทนองค์นั้นๆ ไม่ได้ เพราะไม่ได้ใช้อำนาจ

สรุป (ผมกลัวท่านคิดว่าผมไม่ได้ตอบ) การให้กรรมการคนอื่นเข้ามาชี้แจ้งนั้น ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ใช่ผุ้เกี่ยวข้องในคดี (พยานฟุ่มเฟือยครับ) คนที่เกี่ยวข้องในคดีคือ กรรมการผุ้กระทำผิด และหากกระทำผิดโดยข้อเท็จจริงยุติเช่นนั้น ถือว่า กระทำผิด การตีความว่ากระทำผิดนั้นต้องอาศัยกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาครับ ลองอ่านหมายเหตุฎีกานี้ดูนะครับ ศาลท่านเขียนไว้ดีมากเป็นฎีกาของ แกนนำเสื้อแดงเมื่อครั้งกระโน้น ครับ เจตนาไม่มีเลย ไม่มีถ้อยคำใดแต่ทำไม ศาลถึงพิพากษาลงโทษ (รบกวนตามอ่านหมายเหตุ ฎีกานี้อีกกระทู้นะครับ สงสัยตัวอักษรเต็ม)
User avatar
Num_Lock
 
Posts: 33
Joined: Sat Jan 10, 2009 8:21 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Num_Lock » Sun Jan 11, 2009 11:23 pm

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2354/2531
พนักงานอัยการ จังหวัด บุรีรัมย์
โจทก์

นาย วีระ มุสิกพงศ์
จำเลย

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2521 มาตรา 6, 45, 46, 54

ป.อ. มาตรา 59, 78, 112

ป.วิ.อ. มาตรา 226, 243

หมายเหตุ

โดยปกติความเห็นของบุคคลธรรมดา ศาลไม่รับฟังเป็นพยานหลักฐานในการวินิจฉัยคดี แต่ในคดีหมิ่นประมาทนั้นเป็นข้อยกเว้น ความเห็นที่ประกอบข้อความที่เป็นหมิ่นประมาท พยานออกความเห็นได้ว่าข้อความหรือถ้อยคำเช่นนั้นพยานเข้าใจว่าผู้กล่าวได้หมายถึงตัวผู้เสียหายหรือผู้ใด (ศาสตราจารย์ประมูล สุวรรณศร, คำอธิบายกฎหมายลักษณะพยานหลักฐาน พิมพ์ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2525 สำนักพิมพ์นิติบรรณการหน้า 134; โอสถ โกศิน, คำอธิบายและเปรียบเทียบกฎหมายไทยและต่างประเทศในเรื่องกฎหมายลักษณะพยานหลักฐาน พิมพ์ครั้งที่ 2โรงพิมพ์ไทยเขษม 2517 หน้า 191) การตีความข้อความที่กล่าวว่าหมายความอย่างไรโดยปกติจึงพิจารณาตามความเข้าใจของวิญญูชนทั่วไปคือสามัญชนซึ่งหากได้ยินได้ฟัง มิใช่ความเข้าใจของผู้พูดหรือผู้ฟังข้อความที่กล่าวนั้น มิใช่พิจารณาว่าผู้กล่าวเข้าใจอย่างไรและไม่ใช่พิจารณาตามความรู้สึกของผู้ถูกหมิ่นประมาท (โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 256/25092509 ฎ.1957,ที่3176/25162516ฎ.2063,ที่ 619/25172517 ฎ.374และจิตติติงศภัทิย์, คำอธิบายประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ตอนที่ 2 และภาค 3 แก้ไขเพิ่มเติมพิมพ์ครั้งที่ 3 จัดพิมพ์โดยสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา2524 หัวข้อที่ 1142 หน้า 2171 ถึง 2172) อย่างไรก็ตาม ศาลก็คงไม่ต้องผูกมัดความเห็นของบุคคลธรรมดาเช่นว่านั้นไว้กับข้อวินิจฉัยของศาลเพราะเป็นไปได้ว่า ความรู้สึกของบุคคลในภาวะสิ่งแวดล้อมสภาพสังคม และในฐานะที่จำกัดสถานะหนึ่ง อาจมีความเข้าใจและความเห็นแตกต่างไปจากภาวะของบุคคลในสถานะอื่นที่แตกต่างกันได้การรับฟังความเห็นของบุคคลธรรมดาจึงเป็นเพียงการรับฟังเพียงส่วนหนึ่งเพื่อนำมาประกอบพยานหลักฐานและพฤติการณ์แห่งคดีอื่น ๆในการวินิจฉัยคดีของศาลเท่านั้น

ในคดีที่บันทึกนี้ ปัญหาเกี่ยวกับองค์ประกอบความผิดภายนอก(actusreus) ที่ว่า ข้อความที่จำเลยกล่าวนั้นเป็นการหมิ่นประมาทดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาทหรือไม่ โจทก์จำเลยต่างนำสืบพยานหลักฐานด้วยความเห็นของพยานบุคคล โดยโจทก์สืบว่าคำที่จำเลยกล่าวถึงพระบรมมหาราชวังมีความหมายถึง ที่ประทับของพระมหากษัตริย์ เป็นสัญลักษณ์แทนความเป็นพระมหากษัตริย์รวมทั้งเป็นที่ประสูติและที่สวรรคตด้วย และยังหมายถึงพระราชินี และองค์รัชทายาท เมื่อประชาชนได้ยินคำพูดถึง พระบรมมหาราชวังก็จะนึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ฯลฯ ส่วนจำเลยสืบว่า พระบรมมหาราชวัง คือศูนย์กลางของการปกครองและที่ประทับของพระมหากษัตริย์ คนทั่วไปเข้าใจว่า หมายความถึง บริเวณพระราชวังซึ่งอยู่ที่วัดพระแก้วและเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าไปประกอบพระราชพิธีสำคัญๆความจริงแล้วมิใช่เป็นที่ประทับที่ประสูติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯลฯ มีข้อสังเกตว่า คำว่า"พระบรมมหาราชวัง" ในคดีนี้ น่าจะไม่ใช่ถ้อยคำที่มีความหมายสามัญหากแต่เป็นถ้อยคำที่มีความหมายเป็นพิเศษพยานความเห็นย่อมมีความสำคัญในการรับฟังเพื่ออธิบายถึงความหมายของถ้อยคำนี้ (โอสถ โกศิน,อ้างแล้ว หน้า 192) การที่ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยหยิบยกคำเบิกความของนายภาวาสบุนนาค พยานโจทก์ซึ่ง "...เป็นถึงรองราชเลขาธิการย่อมจะมีความรอบรู้เกี่ยวกับราชประเพณีในราชสำนักดี..." เสมือนหนึ่งเป็นพยานผู้ชำนาญการพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 243(เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 1610/24982498 ฎ.1515)มาสนับสนุน ซึ่งศาลฎีกาเชื่อว่า พยานโจทก์ทั้งนายภาวาส และบุคคลอื่นต่างเบิกความให้ความเห็นโดยสุจริตและเป็นธรรม และเป็นความเห็นประกอบกับข้อความที่อ้างว่าเป็นหมิ่นประมาท ความเห็นของพยานโจทก์ย่อมรับฟังได้ และมีน้ำหนักให้ศาลฎีกาสรุปความเห็นของพยานโจทก์ประกอบพฤติการณ์แห่งคดีที่ว่า "...พระบรมมหาราชวังเป็นของพระมหากษัตริย์ ซึ่งทรงสร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นที่ประทับของพระองค์และพระบรมราชินี เป็นที่ประสูติพระราชโอรสและพระราชธิดาพระราชโอรสทรงเป็นรัชทายาทที่จะสืบราชสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์ต่อไป...คนภายนอกจะมาเกิดในพระบรมมหาราชวังมิได้..." เมื่อจำเลยกล่าวว่าจำเลยจะเลือกเกิดใจกลางพระบรมมหาราชวังเป็นพระองค์เจ้าเพื่อมีความสุขสบาย ศาลฎีกาจึงเห็นว่าเป็นการกล่าวเปรียบเทียบกับผู้ทรงเป็นเจ้าของและรัชทายาท เพราะไม่มีบุคคลอื่นใดที่จะประสูติหรือประทับในพระบรมมหาราชวังได้ จำเลยจึงกล่าวโดยมุ่งหมายถึงองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร องค์รัชทายาท

ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนาหมิ่นประมาท ฯลฯ หรือไม่นั้นเจตนาเป็นองค์ประกอบความผิดในส่วนจิตใจ (mensrea) การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยมีเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะเป็นเรื่องภายในจิตใจของจำเลย โดยเฉพาะในกรณีความผิดฐานหมิ่นประมาท ถ้าพฤติการณ์แห่งคดีมองเห็นเจตนาประสงค์ต่อผลของจำเลย ก็คงไม่มีปัญหามากนัก แต่ถ้าพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องเจตนาย่อมเล็งเห็นผล ก็คงจะต้องพิจารณาจากการกระทำและพฤติการณ์ต่าง ๆ ของจำเลยตามหลักที่ยึดถือกันมาแต่เดิมว่า"กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา"(actaexterioraindicantinteriorasecreta) เจตนาในคดีหมิ่นประมาทนี้คงมีเพียงเจตนาในการกระทำคือใส่ความ มิใช่เจตนาพิเศษเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังผู้กล่าวจะเถียงว่าตนไม่เล็งเห็นผลที่คนทั่วไปเขาเล็งเห็นหาได้ไม่(จิตติติงศภัทิย์, อ้างแล้ว หัวข้อที่ 1155 หน้า 2199)"...เหตุนี้ถ้ามีผู้แสดงได้ว่าคำกล่าวนั้นเป็นที่เข้าใจได้ว่าหมายถึงตนหรือหมายความถึงผู้ใด ผู้กล่าวจะเถียงว่าตนไม่เจตนากล่าวพาดพิงใส่ความผู้นั้นหาได้ไม่ ตามหลักเรื่องเจตนาโดยเล็งเห็นผลนั่นเอง..."(จิตติติงศภัทิย์, อ้างแล้ว หน้า 2201)ดังนั้นที่ศาลฎีกากล่าวว่า "...จำเลยจะมีเจตนาหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นหรือไม่ มิใช่ถือตามความเข้าใจของจำเลยซึ่งเป็นผู้กล่าวเอง..." ก็ดี และ "...การที่จำเลยกล่าวข้อความไปอย่างไรแล้วกลับมาแก้ว่าไม่มีเจตนาตามที่กล่าว ย่อมยากที่จะรับฟัง..."ก็ดี เป็นการวินิจฉัยตามข้อฎีกาของจำเลยที่ว่าจำเลยไม่มีเจตนาหมิ่นประมาทแล้วอันเป็นข้อวินิจฉัยอันหนึ่งที่ล้วงไปกล่าวถึงพฤติการณ์ข้อหนึ่งในพฤติการณ์อื่น ๆ ทั้งหมดแห่งคดี เป็นส่วนหนึ่งของคำวินิจฉัยของศาลฎีกา และหาได้ผูกมัดอยู่เฉพาะกับความเห็นของพยานโจทก์ที่เป็นบุคคลธรรมดาแต่ลำพังไม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิได้หมายความว่า แม้จำเลยไม่มีเจตนาก็เป็นความผิด
User avatar
Num_Lock
 
Posts: 33
Joined: Sat Jan 10, 2009 8:21 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Num_Lock » Sun Jan 11, 2009 11:45 pm

banana_dot wrote:ขอบคุณครับที่ให้ความรู้ผม num_lock

ถ้าผมไม่เขียนไปก็คงไม่ได้อะไรเพิ่มเติม

แต่ถ้าผมนั่งอยู่เฉยๆ ผมก็จะเข้าใจแค่ตรงนี้

ไม่ใช่ว่าผมไม่เตรียมตัวโดนแย้งหรอกน่ะครับ

ปรกติผมก็ชอบคุยกับผู้ใหญ่ที่ให้ความรู้เราได้

ผมคิดผิดอย่างไรก็จะได้แก้ไขใหม่ให้ถูกและชัดเจนยิ่งขึ้น

แต่ทุกครั้งตอนท้ายๆผมก็จะลืม เพราะเมาแล้วน่ะครับ 555+

อาจจะเรียกได้ว่า ความจริงครึ่งเดียวตามประสาผม

เสื้อแดงก็อาจจะเป็นเหมือนผมรู้แค่ความจริงครึ่งเดียว

เพราะคุยได้ไม่จบเมาไปก่อนแล้ว


ด้วยความยินดีครับ และต้องขออภัยเช่นกันมันบางประโยคที่ลักษณะกะแนะกะแหน... (ภาษาพูดผ่านมือพิมพ์มันพาไป) คุณเช่นกันครับ

ทั้งนี้ต้องขอบคุณ คุณ ระดับโลก จากเว็บ พันทิป ครับ ผมชอบกระทู้ของ บก.ลายจุด sky ไฟเขียวผ่านตลอด หญิงเบอะ soaเหลือnai (เสื้อแดงทั้งนั้น)

เสื้อเหลือง บอกตามตรงไม่มีถูกใจเลยครับ เอาเอกสารมากล่าวอ้างแต่ละอย่าง เรื่องจริงครับ แต่นิดเดียว ที่สำคัญ ผมชอบถ้อยคำนี้สุดๆ "เชื่อได้ว่า" "คาดว่า" แล้วก็บรรเลิงเลย จากนั้นก็มีคนเอามาพูด เอามาโพส เขียนต่อกระจายไป.... เช่น หมดความชอบธรรม รัฐบาลหุ่นเชิด ตำรวจฆ่าประชาชน ... เป็นต้น

สำหรับ บอกตามตรง (คุยกับเสื้อแดงด้วยกัน) คมช. เข้าเกือบสองปี กล่าวหาทักษิณว่า โกง แต่ทำอะไรไม่ได้เลยสักคดี แสดงว่าเต้าคดีกล่าวหาคนอื่น ศาลตัดสินก็แสนน่าศึกษา ไม่พบการทุจริต แต่ต้องติดคุกเพราะทำตามแบบกฎหมาย(ทีดิน) ภริยาต้องโดนจำคุกเพราะทำการวางแผนภาษีซึ่ง บริษัทฯ ของสนธิ ก็ทำกัน ใครๆก็ทำกัน บริษัทของคุณสุเทพฯ ก็ทำ เรื่องการวางแผนภาษี ทำกันทั้งประเทศ แต่มีคนเดียวที่โดนจำคุกคือ เมียทักษิณ...

แล้วหาว่าทักษิณโกง ผมล่ะ งง งง อำนาจเต็มมือ เรียกว่า ล้นฟ้าก็ว่าได้ แต่เอาผิดไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่มีหลักฐานหรือเนียน แต่มันไม่ผิด ดูอย่างกฎหมายยึดทรัยพ์ทักษิณก็แสดงตลก ไม่ตลกได้งั้ย กฎหมายของเผด็จ กลุ่มคนเห็นว่า ทักษิณโกง ก็เลยออกกฎหมายให้ยึดทรัยพ์ และที่ตลกสุดๆ เข้าสู่ประชาธิปไตย กฎหมายเผด็จการยังบังคับใช้อยู่ ภาษาวัยรุ่นต้องร้องว่า "โอ้วแม่เจ้า ต๋งโม่งเหมียมขือ" ซะแล้ว (คิดว่าทันสมัยนะครับ)

ปล. คาดว่า เสื้อเหลืองคงมากันตรึม
User avatar
Num_Lock
 
Posts: 33
Joined: Sat Jan 10, 2009 8:21 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Canthai » Mon Jan 12, 2009 12:47 am

ประเด็นยุบพรรคมีความเห็นสองด้าน

ฝ่ายหนึ่งว่าลงโทษแรงไป

ฝ่ายหนึ่งบอกว่าดีแล้ว หรือลงโทษน้อยไป ประเด็นมันมีแค่นี้

โต้กันไปมันก็วน ๆ อยู่แถวๆนี้แหละ
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Anakinta » Mon Jan 12, 2009 8:23 am

^
พวกบอกแรงไป ก็พวกเดียวกะ "ใครๆก็โกง" ใช่มะคะ์
แนวร่วมตรวจสอบ NGO ลายด่างภาคประชาชี
User avatar
Anakinta
 
Posts: 1620
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:07 am

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby บก.ลายจุด » Mon Jan 12, 2009 8:25 am

Canthai wrote:ประเด็นยุบพรรคมีความเห็นสองด้าน

ฝ่ายหนึ่งว่าลงโทษแรงไป

ฝ่ายหนึ่งบอกว่าดีแล้ว หรือลงโทษน้อยไป ประเด็นมันมีแค่นี้

โต้กันไปมันก็วน ๆ อยู่แถวๆนี้แหละ


เรียนลุงแคน ประเด็นเรื่องยุบพรรค ไม่ได้อยู่ตรงที่แรงไป หรือ เบาใบ
ประเด็นมีทั้ง
หนึ่ง...ที่มาของมาตรา 237 ที่หยิบมาจากประกาศคณะปฏิวัติ
สอง...การตีความมาตรา 237 ที่ไปถึงสิ่งที่เรียกว่า รู้เห็นเป็นใจ และ ละเลย
สาม...การไม่เปิดโอกาสให้จำเลยคนอื่นได้ใช้สิทธิ์ในการชี้แจง ตอบโต้ข้อกล่าวหา หรือ แสดงหลักฐานว่า ตนเองมิได้ละเลย และ รู้เห็นเป็นใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้รับว่าจะให้ชี้แจง
สี่.....การรีบเร่งในกระบวนการพิจารณาของศาล รธน แบบไม่หยุดกินข้าวกลางวัน และเขียนคำวินิจฉันก่อนฟังหัวหน้าพรรคชี้แจง
ห้า....ข้อสงสัยในองค์กร ศาล รธน ที่มีที่มาใกล้ชิดกับคณะรัฐประหาร (ท่านจรัญ)
เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงหมา(บ้า)
หนึ่ง....ใจเย็น ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เป็นปกติ
สอง....เมื่อหมามันเห่าครั้งแรก ๆ ให้แผ่เมตตาไว้
สาม....เมื่อมันแว้งกัด เอาก้อนหินเขวี้ยงใส่หัวมัน
สี่......เมื่อหมาม้นยังไล่กัดอีก ให้ตะโกนด่ามันว่า "ถ่อย"
User avatar
บก.ลายจุด
 
Posts: 1221
Joined: Sun Nov 09, 2008 12:02 pm

Re: เหตุผลที่สีเหลือง ไม่ชอบไป ราชดำเนิน ?

Postby Num_Lock » Mon Jan 12, 2009 10:40 am

บก.ลายจุด wrote:
Canthai wrote:ประเด็นยุบพรรคมีความเห็นสองด้าน

ฝ่ายหนึ่งว่าลงโทษแรงไป

ฝ่ายหนึ่งบอกว่าดีแล้ว หรือลงโทษน้อยไป ประเด็นมันมีแค่นี้

โต้กันไปมันก็วน ๆ อยู่แถวๆนี้แหละ


เรียนลุงแคน ประเด็นเรื่องยุบพรรค ไม่ได้อยู่ตรงที่แรงไป หรือ เบาใบ
ประเด็นมีทั้ง
หนึ่ง...ที่มาของมาตรา 237 ที่หยิบมาจากประกาศคณะปฏิวัติ
สอง...การตีความมาตรา 237 ที่ไปถึงสิ่งที่เรียกว่า รู้เห็นเป็นใจ และ ละเลย
สาม...การไม่เปิดโอกาสให้จำเลยคนอื่นได้ใช้สิทธิ์ในการชี้แจง ตอบโต้ข้อกล่าวหา หรือ แสดงหลักฐานว่า ตนเองมิได้ละเลย และ รู้เห็นเป็นใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้รับว่าจะให้ชี้แจง
สี่.....การรีบเร่งในกระบวนการพิจารณาของศาล รธน แบบไม่หยุดกินข้าวกลางวัน และเขียนคำวินิจฉันก่อนฟังหัวหน้าพรรคชี้แจง
ห้า....ข้อสงสัยในองค์กร ศาล รธน ที่มีที่มาใกล้ชิดกับคณะรัฐประหาร (ท่านจรัญ)


เรียน คุณ บก.ลายจุด

หนึ่ง... ที่มาของ มาตรา237 ของ รธน. 50 ประชาชนลงมติยอมรับ (ประชาธิปไตยสากลครับ ไม่ใช่ รธน.ของประเทศพม่าที่มีโก้ๆ หรือ พรรคฝ่านค้านของประเทศสิงคโปร์ ที่รัฐบาลบอกให้ประชาชนเลือกพรรคฝ่านค้านเถอะ อานาประเทศจะได้บอกว่าประเทศเราเป็นประชาธิปไตย) ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ในประเทศยอมรับแล้วครับ เข้าหลักประชาธิปไตยครับ เดินตามเสียงส่วนใหญ่ รับฟังเสียงส่วนน้อย และการรับฟังนั้นไม่ได้หมายความว่า เสียงส่วนใหญ่ต้องทำตาม เพราะเค้ารับฟังเท่านั้น เสียงส่วนน้อยย่อมเห็นต่างจากเสียงส่วนใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นให้เค้าทำตามเสียงส่วนน้อย ย่อมเป็นการแปลก แต่เสียงส่วนใหญ่จะห้ามไม่ให้เสียง่ส่วนน้อยไม่ให้พูด หรือ ไม่ยอมรับฟังไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่า "เผด็จการ" ยกตัวอย่างนะ พระราชดำรัสที่ให้ไว้เกี่ยวกับองค์มนตรีครับ ท่าน บก.ลายจุด คงมีในเครื่อง ลองเปิดอ่านดูสิครับ จะเห็นชัดว่า คือ องค์ที่ปรึกษา ไม่ทำตามที่ปรึกษาก็อย่าน้อยใจ เพราะเป็นแค่ที่ปรึกษา (เนี้อความประมาณนี้ครับ) แต่ส่วนที่เป็นประกาศคณะปฎิวัติ ต่างๆ ที่มีผลเป็นกฎหมาย อย่างนี้เผด็จการครับ แต่ก็ยังมีผลอยู่คือ กฎหมายยึดทรัพย์ทักษิณ กฎหมายตัวนี้ควรยกเลิกได้แล้ว เพราะออกมาเพื่อจัดการคนๆ เดียว ไม่ใช่ประชาธิปไตย และที่สำคัญ เราเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยแล้วครับ ไม่ใช่ เผด็จการ ดังนั้น รธน.50 คือประชาธิปไตย ครับ (สำหรับ อะไรก็ตามที่ให้ส่วนใหญ่ในประเทศตัดสิน เช่น การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. เห็นชัดว่า คนกรุงยังรักพรรค ปชป. อยู่ ผมก็ยอมรับเค้าเป็นผู้ว่าฯ แต่ไม่เห็นด้วยเพราะเป็นแค่เสาไฟฟ้า แล้วโครงการที่ทุจริต สองหมื่นล้านล่ะ กรรมการโดย พตอ.ประทินฯ สอบเสร็จแล้ว ตีตราเอกสารลับ ปิดไว้ ไม่ดำเนินการ เป็นต้น"

สอง...การตีความกฎหมาย (ต้องบอกก่อนว่าเราไปคิดแทนเขา เขามาคิดแทนเราไม่ได้) ผมยอมรับในคำตัดสินของศาลแต่ไม่เห็นด้วยในกรณี นายกฯสมัครฯ เพราะตีความแปลก แต่เมื่อคำตัดสินออกมาย่อมต้องยอมรับ ผมยอมรับในคำตัดสินของนายกฯทักษิณฯ แต่ไม่เห็นด้วย เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมาย ปปช. คือ ทุจริต หรือใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาผลประโยชน์ แต่อ่านฎีกาเต็มแล้วไม่พบเลยสักข้อ นี้คือ คำตัดสินที่ผมยอมรับแต่ไม่เห็นด้วย สำหรับการยุบพรรคทั้งสามพรรคนั้น ผมเห็นด้วยและยอมรับ เนื่องจากกรรมการผู้บริหารกระทำความผิด ก็ต้องยุบ (เหตุผลให้ไว้แล้วในความเห็นเรื่อง กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา โดยอาศัยฎีกาของ นายวีระฯ (แกนนำ นปช.ประกอบ)) ดังนั้นการตีความกฎหมายตอบอยากครับ แต่เมื่อองค์นั้นทำตามในนามพระองค์ ควรยอมรับ แต่ไม่เห็นด้วยก็วิจารณ์ได้ สมัยผมเรียนยังวิจารณ์คำพิพากษาเขียนเป็นบทความลงหนังสือที่ต่างๆ เลยครับ ว่าเราไม่เห็นด้วยจริงๆ ควรตัดสินเช่นนี้ ผมจะยกตัวอย่างให้อ่านสักหนึ่งเรื่องก็แล้วกันครับเกี่ยวกับเรื่องการตีความกฎหมาย นาย ก. ขายบ้านที่ตั้งอยุ่บนที่ดินของตนเอง โดยขายเฉพาะบ้านแบบรื้อเอาไปให้ นาย ข ซึ่ง นาย ข. ซื้อไว้แล้วแต่ไม่มีกำหนดที่แน่นอนว่าวันใดจะรื้อเอาไป นาย ก. และ นาย ข. จึงไปจดทะเบียนการซื้อขายตัวบ้าน (ขณะซื้อขายโดยสภาพแล้วมีลักษณะเป็นอสังหาริมทรัพย์ ต้องไปจดทะเบียน ตามมาตรา 456 ตาม ป.แพ่ง) ต่อมาไม่นาน นาย ก. ขายที่ดินให้ นาย ค. โดยไม่ได้ระบุว่าขายเฉพาะที่ดิน แต่ นาย ค. ทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวที่ที่ดินนั้นมีบ้านที่ นาย ก. ขายให้ นาย ข. นั้นตั้งอยู่ ซื้อขายกันถูกต้องและจดทะเบียน เมื่อ นาย ค. เข้าครอบครองที่ดิน แล้ว นาย ข. เกิดอยากจะเข้าไปรื้อบ้านที่ตนได้จดทะเบียนซื้อขายไว้กับ นาย ก. จึงเข้าไปปรากฏว่า นาย ค. ไม่ให้ นาย ข. จึงไปฟ้องศาล .... คุณ บก.ลายจุด ทราบมั้ยครับว่า ผลคดีเรื่องนี้ตัดสินอย่างไร ผมตอบให้เลยครับ นาย ข. ไม่สามารถเข้าไปรื้อบ้านได้ และบ้านตกเป็นของ นาย ค. ทั้งนี้ก็เพราะ นาย ค. ซื้อที่ดินและบ้านเป็นส่วนควบกับที่ดิน ถึงแม้ นาย ค.จะทราบว่า บ้านเป้นของ นาย ข. ก็ตาม แต่ไม่เกี่ยวและไม่ทำให้การซื้อขายที่ดินของ นาย ค. เป็นโมฆะ ประกอบกับ นาย ข. ขณะเข้าทำสัญญาและจดทะเบียนไม่ได้จดเทียนให้บ้านของตนมีสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น นาย ค. จึงเป็นเจ้าของที่ดินและเจ้าของบ้านตามหลักส่วนควบ ส่วน นาย ข. เมื่อถูก นาย ค. รอนสิทธิ นาย ข. ต้องไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอา นาย ก. ฐานรอนสิทธิ....

เห็นมั้ยความการตีความกฎหมาย เมื่อพิจารณาตามหลักมนุษย์ธรรมแล้วทำไมจึงไม่มีความเป็นธรรม เช่นนี้ขอให้เข้าใจด้วยรับว่า การตีความกฎหมายเป็นเรื่องของความเห็น แทรกแซงหรือจะเปลี่ยนใจให้ตรงใจเราไม่ได้

สาม....การไม่เปิดโอกาสให้จำเลยอื่นเข้ามาจี้แจ้ง ตามมาตรา 237 นั้นผู้เกียวข้องในคดีคือ กรรมการผู้กระทำความผิด กรรมการคนอื่นนั้นถึงเข้ามาชี้แจงเป็นพยาน ศาลก็ถือว่าเป็นพยานฟุ่มเฟื่อย เพราะไม่เกี่ยวข้องเลยในคดี เนื่องจาก กรรมการผู้นั้นไม่ได้เป็นผู้ถูกร้องเรียนว่ากระทำความผิด และประเด็นแห่งคดีคือ กรรมการท่านที่ถูกร้องเรียนว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งตาม 237 หรือไม่ ก็ต้องกำหนดประเด็นนำสืบ และให้ตัวกรรมการท่านนั้นที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดเป็นคนสืบแก้ว่าตนไม่ได้กระทำผิด ดังนั้น จึงไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องให้กรรมการบริหารพรรคท่านอื่นๆ เข้ามาชี้แจงว่าตนเองไม่ได้มีส่วนรู้เห็น ประกอบกับมาตรา 237 ไม่ได้ระบุว่าต้องกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดทำผิด เพียงแต่คนหนึ่งคนใดเท่านี้นที่กระทำผิด ก็ยุบพรรคได้แล้ว ย้ำอีกครั้งว่า ในทางกฎหมายไม่ถือว่า กรรมการบริหารพรรคที่ไม่ได้ถูกร้องเรียนเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีซึ่งภาษาของนักกฎหมายเรียกว่า "ไม่ใช่คู่ความในคดี" นั้นเอง

สี่...ผมเห็นด้วยกับข้อนี้ ถึงแม้ อ.จรัญ (ผมเรียกทุกท่านว่าอาจารย์เพราะท่านสอนหนังสือผมที่ เนติฯ อายุจะห่างกันไม่กี่สิบก็ตาม) ในฐานะนักกฎหมายด้วยกัน เห็นว่า ท่านต้องลาออกเพราะขาดคุณสมบัติตามแนวคดีของนายกฯสมัครฯ เพราะท่านถือเป็นลูกจ้างตามความหมายของ ศาล รธน. เช่นกัน (ก็ต้องร้องเรียนกันต่อไปครับ) แต่ข้อดีของ อ.จรัญ ท่านนี้ก็คือ เวลาสอนกฎหมายให้ความรู้กฎหมาย ไม่เคยเอาการเมืองเข้ามาพูด นั่นคือสิ่งที่ผมยอมรับท่าน ยังดีกว่ากลุ่มคนอ้างตัวเป็นอาจารย์สอนตามมหาลัย แทรกการเมืองในวิชา เช่นนี้แย่มาก
User avatar
Num_Lock
 
Posts: 33
Joined: Sat Jan 10, 2009 8:21 pm

PreviousNext

Return to สภากาแฟ