รวมแหลทักษิณ

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Fri May 27, 2011 1:14 pm

ตอแหลที่ 4 จอมซุกหุ้น

พูดกันอย่างยุติธรรมแล้ว แม้วจะต้องเว้นวรรค ตั้งแต่คดีซุกหุ้นภาคแรกแล้ว การเป็นนายก ไม่ควรจะมีอีกต่อไป.....แต่ในเมื่อบ้านเมืองเรามันถูกซื้อได้ ตุลาการบางคน ก็ยอมขายตัวให้แม้ว ประเทศเราจึงฉิอ๋ายมาถึงวันนี้

การซุกหุ้นนั้น แม้วทำมาตั้งแต่ยังไม่ได้เล่นการเมือง ผมเองไม่เคยรวยขนาดหลายพันล้าน ก็เลยไม่รู้ว่า เอาหุ้นไปไว้ในชื่อคนอื่นทำไม รู้แต่ว่า มันทู่เร่ดง่ะ

สมัยที่หนังสือการเงินธนาคารของไต้ฝุ่นออกใหม่ๆ มีการทำสกูปปลายปี สรุปชื่อเศรษฐีรวยหุ้นของประเทศ...สองสามปีแรก ชื่อของผู้ร่ำรวยสุด ไม่มีใครรู้จักครับ

ภายหลังต่อมา หนังสือประชาชาติธุรกิจ ตามรอยจนเจอตัวเป็นๆ ของบุคคลเหล่านั้น คนหนึ่งอยู่ในสลัมน้ำครำ คนหนึ่งเป็นยาม และอีกคนเป็นแม่บ้าน ทั้งสามคนล้วนแต่เป็นลูกจ้างแม้ว.......ใช้จ่ายชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่ครอบครองหุ้นเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย

รายละเอียดจะนำมาลงไปทีละน้อยนะครับ ต้องไปตามชื่อของท่านมหาเศรษฐีเหล่านั้นมาก่อน

ระหว่างนี้ เชิญน้องแจ็ว บรรเลงผลงานซุกหุ้นของชายโฉดแห่งมอนเตรต่อไป....อิอิ ขอบคุณล่วงฟน้าจ้า
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Tam-mic-ra » Fri May 27, 2011 3:20 pm

หนูแจ๋ว นี่ตอบอะไรแบบคิกขุอาโนเน๊ะน่ารักๆดีน่ะ
แต่ไปศึกษาเรื่องราวให้แม่นก่อนค่อยมาคุยกะเฮียง่ะ
จะได้คุยกันรู้เรื่องหน่อย

ขายในตลาด เขายกเว้นภาษี ก็ถูกแล้วนิ
ใครๆก็รู้ หนูแจ๋วยกกฏหมายมา ให้เป็นประเด็นอะไรทำไมหว่า

แม้วเขาขายลูกไป แล้วลูกก็ซื้อขายกับสิงคโปที่ต่างประเทศซึ่งมันก็ไม่มีภาษี
แล้วมาโอนในตลาดไทยก็ไม่มีภาษี

คิดง่ายๆนะ สมมติถ้าแม้วขายตรงๆรวดเดียว ให้เขาไป ในตลาดไทย
ก็ไม่ต้องเสียภาษี

จบ.. . ไม่ต้องผิดอะไรเลย
(ควายนักเลงสถุน ก็จะหาเรื่องไปใส่ร้ายเรื่องอื่นต่อ เช่น ขายสมบัติชาติ ฯ บลาๆๆ)
คำว่า "คนฉลาด" ด้วยเพราะคนอื่นเขายกย่อง มิใช่ ยกหางเน่าๆของตัวเอง โดยการโยนยัดใส่คนอื่นว่า โง่
มาดูกัน นักเรียนตลอดชีพแถว่าสมัยแม้วปล่อยเขมรมาสร้างวัด viewtopic.php?f=2&t=37916&p=708131#p707996
User avatar
Tam-mic-ra
 
Posts: 901
Joined: Mon Mar 02, 2009 4:03 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Tam-mic-ra » Fri May 27, 2011 3:30 pm

amplepoor wrote:
overtherainbow wrote:;) สวัสดีวันศุกร์

อันนึงชื่อกระทู้สับนิธิ
อันนึงชื่อเปลือยทักษิน

น่าจะขายดีนะคุณแอม

รวมเล่ม ขายเลย ขายได้ ชัวร์เชื่อเจ๊ ;)

---------------

พิมพ์มาทันนางไพร่แดงเป็นนายก และแม้วกลับประเทศ....กึ๋ยย์ เอางั้นเหรอเจ๊

ปล
น้องแจ๋ว แม่นกฏหมายจริงๆ

ถามหน่อยว่า ไอ้กองทุนแอมเปิ้ลริช(ที่แอมเปิ้ลพัวร์ยืมชื่อมา)น่ะ มีอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของแม้วป่าว ... นี่มันซุกหุ้นนี่นา


คุณหนูน่าสังเวช(poor)
จะถามทำไมอีกล่ะ
เราแปะไว้ข้างบนให้ดูแล้วไง ทนปวดใจยอมอ่านหน่อยสิ่จ้ะ


(ยกหุ้น49% ให้ลูก) ปลายปี 43 คุณทักษิณและภรรยา ขายโอนชินคอร์ปฯให้ลูกที่ต้นทุน ก่อนจะเป็นนายกฯ เพื่อให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ: เป็นหุ้นชินคอร์ปฯส่วน 38% (ที่ถือในฐานะบุคคล) และเป็นตัวบริษัทแอมเพิลริช (ที่ถือหุ้นชินคอร์ปฯส่วน 11%)
คำว่า "คนฉลาด" ด้วยเพราะคนอื่นเขายกย่อง มิใช่ ยกหางเน่าๆของตัวเอง โดยการโยนยัดใส่คนอื่นว่า โง่
มาดูกัน นักเรียนตลอดชีพแถว่าสมัยแม้วปล่อยเขมรมาสร้างวัด viewtopic.php?f=2&t=37916&p=708131#p707996
User avatar
Tam-mic-ra
 
Posts: 901
Joined: Mon Mar 02, 2009 4:03 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Fri May 27, 2011 3:35 pm

พอดีเรียนมาทางอ่านภาษาคนอ่ะครับ...อ่านภาษากระบือไม่ออก จะพูดอะไร ก็ให้มันเน้นๆ ชัดๆ ถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามาออกความเห็นเลยนะ...น่าอาย
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Fri May 27, 2011 3:37 pm

Tam-mic-ra wrote:หนูแจ๋ว นี่ตอบอะไรแบบคิกขุอาโนเน๊ะน่ารักๆดีน่ะ
แต่ไปศึกษาเรื่องราวให้แม่นก่อนค่อยมาคุยกะเฮียง่ะ
จะได้คุยกันรู้เรื่องหน่อย

ขายในตลาด เขายกเว้นภาษี ก็ถูกแล้วนิ
ใครๆก็รู้ หนูแจ๋วยกกฏหมายมา ให้เป็นประเด็นอะไรทำไมหว่า

แม้วเขาขายลูกไป แล้วลูกก็ซื้อขายกับสิงคโปที่ต่างประเทศซึ่งมันก็ไม่มีภาษี
แล้วมาโอนในตลาดไทยก็ไม่มีภาษี

คิดง่ายๆนะ สมมติถ้าแม้วขายตรงๆรวดเดียว ให้เขาไป ในตลาดไทย
ก็ไม่ต้องเสียภาษี

จบ.. . ไม่ต้องผิดอะไรเลย
(ควายนักเลงสถุน ก็จะหาเรื่องไปใส่ร้ายเรื่องอื่นต่อ เช่น ขายสมบัติชาติ ฯ บลาๆๆ)


คุณมาจากรูไหนเนี่ย คุยเรื่องโรงเรื่องศาลไม่ยกข้อกฎหมายมาแล้วจะจบได้ไง จะขายให้ลูกหรือเทวดาหน้าไหนก็ตาม หากเกิดการเปลี่ยนมือจากผู้ครอบครองหุ้นคนหนึ่ง ไปยังผู้ครอบครองอีกคนหนึ่ง ต้องเกิดขึ้นภายในตลาดหลักทรัพย์จึงไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าไม่ใช่กฎหมายก็ไม่คุ้มครอง ทักษิณก็ต้องเสียภาษีตามปกติ ไม่เห็นเข้าใจยากตรงไหนเลย
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Elessar01 » Fri May 27, 2011 3:50 pm

ผมถามอะไรหน่อย

สมมติผมมีุหุ้นของ บ.ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ (หุ้นละ 100บาท - ราคาในตลาดตอนนั้น)

ผมจะยกให้ลูกผมเนี่ย

(1)ผมต้องไปขายในตลาดหลักทรัพย์ แล้วให้ลูกผมซื้อรึเปล่า
(2)แล้วถ้าผมประกาศขาย 10บาทต่ำกว่าราคาตลาด มีคนยื่น 110บาท แต่ผมต้องการขายให้ลูกผมที่เสนอ 10บาท ได้ัมั๊ย
(3)สมมติว่าได้ ลูกผมต้องเป็นหนี้ผมเท่านั้นเท่านี้ ทำสัญญาลูกหนี้เจ้าหนี้ -- ตอนหลังผมบอกผมยกหนี้ให้ลูกได้มั๊ย

เพราะสุดท้ายลูกผมก็เป็นคนครอบครองหุ้นอย่างที่ผมต้องการยกให้อยู่ดี

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อสงสัยอีกข้อ หุ้นที่ถือกับ บ.ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เนี่ย ถือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่จะโอนหรือยกให้ใครก็ได้ หรือเปล่า
User avatar
Elessar01
 
Posts: 163
Joined: Wed May 04, 2011 8:13 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Fri May 27, 2011 4:02 pm

Elessar01 wrote:ผมถามอะไรหน่อย

สมมติผมมีุหุ้นของ บ.ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ (หุ้นละ 100บาท - ราคาในตลาดตอนนั้น)

ผมจะยกให้ลูกผมเนี่ย

(1)ผมต้องไปขายในตลาดหลักทรัพย์ แล้วให้ลูกผมซื้อรึเปล่า
(2)แล้วถ้าผมประกาศขาย 10บาทต่ำกว่าราคาตลาด มีคนยื่น 110บาท แต่ผมต้องการขายให้ลูกผมที่เสนอ 10บาท ได้ัมั๊ย
(3)สมมติว่าได้ ลูกผมต้องเป็นหนี้ผมเท่านั้นเท่านี้ ทำสัญญาลูกหนี้เจ้าหนี้ -- ตอนหลังผมบอกผมยกหนี้ให้ลูกได้มั๊ย

เพราะสุดท้ายลูกผมก็เป็นคนครอบครองหุ้นอย่างที่ผมต้องการยกให้อยู่ดี

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อสงสัยอีกข้อ หุ้นที่ถือกับ บ.ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เนี่ย ถือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่จะโอนหรือยกให้ใครก็ได้ หรือเปล่า



เรืองไกร ดังมาจากกรณีนี้แหละครับ

พ่อแกโอนหุ้นให้แก แต่ราคาหุ้นมันเพิ่มจากเดิมไปแยะ สรรพากรถือว่ามีกำไร เรียกเก็บภาษี แกจ่ายไปแล้วก็ไปร้องศาลว่า แม้วโอนหุ้นให้คนอื่นเหมือนที่พ่อแกทำ ทำไมไม่เก็บภาษี....เละซีท่าน

สุดท้าย สรรพากรเอาเงินมาคืน บอกว่าคิดผิด แต่แม้วอ่วมไปแล้ว
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Elessar01 » Fri May 27, 2011 4:13 pm

amplepoor wrote:เรืองไกร ดังมาจากกรณีนี้แหละครับ

พ่อแกโอนหุ้นให้แก แต่ราคาหุ้นมันเพิ่มจากเดิมไปแยะ สรรพากรถือว่ามีกำไร เรียกเก็บภาษี แกจ่ายไปแล้วก็ไปร้องศาลว่า แม้วโอนหุ้นให้คนอื่นเหมือนที่พ่อแกทำ ทำไมไม่เก็บภาษี....เละซีท่าน

สุดท้าย สรรพากรเอาเงินมาคืน บอกว่าคิดผิด แต่แม้วอ่วมไปแล้ว


บอกตรงๆนะครับ

ผมอ่านอันนี้แล้ว รู้สึกว่า งั้น ทักษิณก็ไม่มีอะไรผิดเรื่องนี้นี่ึึครับ

แล้วเรื่องของเรืองไกรต่างกับทักษิณยังไงครับ
User avatar
Elessar01
 
Posts: 163
Joined: Wed May 04, 2011 8:13 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Fri May 27, 2011 4:15 pm

Elessar01 wrote:ผมถามอะไรหน่อย

สมมติผมมีุหุ้นของ บ.ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ (หุ้นละ 100บาท - ราคาในตลาดตอนนั้น)

ผมจะยกให้ลูกผมเนี่ย

(1)ผมต้องไปขายในตลาดหลักทรัพย์ แล้วให้ลูกผมซื้อรึเปล่า
(2)แล้วถ้าผมประกาศขาย 10บาทต่ำกว่าราคาตลาด มีคนยื่น 110บาท แต่ผมต้องการขายให้ลูกผมที่เสนอ 10บาท ได้ัมั๊ย
(3)สมมติว่าได้ ลูกผมต้องเป็นหนี้ผมเท่านั้นเท่านี้ ทำสัญญาลูกหนี้เจ้าหนี้ -- ตอนหลังผมบอกผมยกหนี้ให้ลูกได้มั๊ย

เพราะสุดท้ายลูกผมก็เป็นคนครอบครองหุ้นอย่างที่ผมต้องการยกให้อยู่ดี

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อสงสัยอีกข้อ หุ้นที่ถือกับ บ.ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เนี่ย ถือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่จะโอนหรือยกให้ใครก็ได้ หรือเปล่า


เริ่มเห็นความฉลาดของคนเขียนกฎหมายฉบับนี้ที่พยายามปกป้องภาษีของชาตินะเนี่ย :lol: :lol:
คำตอบของคำถามมันแสดงอยู่ในข้อกฎหมายแล้วค่ะ ว่ายังไงก็ต้องบิด และออฟเฟอร์กันเห็นๆในตลาด จะเป็นญาติพี่น้องยังไงก็ช่าง อีกวิธีที่จะให้กันได้โดยไม่ต้องบิด และออฟเฟอร์ แล้วให้ตาอยู่โดดใส่หุ้นของคุณคือ โอนให้เป็นมรดก ซึ่งต้องเสียภาษีมรดก ซึ่งก็สูงอยู่ ทักษิณไม่อยากเสียภาษีมรดกด้วยไง เลยอ้างว่าขายให้ลูกในราคาพาร์ แต่ขายที่ไหน เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ ยอมเสียค่าจ้างให้โบรกเกอร์ช่วยโอนกระจึ๋งเดียว

สรุปคือ ไม่เสียภาษีเงินได้ตามกฎของตลาดหลักทรัพย์ แต่คุณต้องเสียภาษีมรดกแทน
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Elessar01 » Fri May 27, 2011 4:18 pm

jaw wrote:
คำตอบของคำถามมันแสดงอยู่ในข้อกฎหมายแล้วค่ะ ว่ายังไงก็ต้องบิด และออฟเฟอร์กันเห็นๆในตลาด จะเป็นญาติพี่น้องยังไงก็ช่าง



แล้วผม offer 10
แล้วลูกผม bid 10

แล้วซื้อขายกันที่ 10 โดยไม่สนใจ offer 100 ของคนอื่นได้มั๊ยครับ
User avatar
Elessar01
 
Posts: 163
Joined: Wed May 04, 2011 8:13 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Fri May 27, 2011 4:30 pm

Elessar01 wrote:
jaw wrote:
คำตอบของคำถามมันแสดงอยู่ในข้อกฎหมายแล้วค่ะ ว่ายังไงก็ต้องบิด และออฟเฟอร์กันเห็นๆในตลาด จะเป็นญาติพี่น้องยังไงก็ช่าง



แล้วผม offer 10
แล้วลูกผม bid 10

แล้วซื้อขายกันที่ 10 โดยไม่สนใจ offer 100 ของคนอื่นได้มั๊ยครับ


สมมุติว่าคุณถือหุ้น ชิน ราคาตามจริง 150 บาท
นอกจากคุณยังมีคนถือหุ้นชินอีก 100 คน และคนที่อยากถือหุ้นชินอีกไม่รู้เท่าไหร่

การบิด และ ออฟเฟอร์ จะแสดงให้คนทั้งตลาดเห็นอย่างเปิดเผย แล้วคิดดูว่า คุณเอาหุ้นราคา 150 บาท มาขายแค่ 10 บาท คนที่ถือหุ้นชินอยู่ในมือ และอยากได้หุ้นชิน จะทำยังไงกับราคาออฟเฟอร์ของคุณ มิบิดกันกระหน่ำหรือคะ ที่สำคัญ การบิด และออฟเฟอร์นี่เจ้าของไม่ได้ทำเองนะคะ แต่ทำโดยผ่านโบรกเกอร์เท่านั้น
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby ริวมะคุง » Fri May 27, 2011 4:35 pm

คนออฟเฟอร์(โบรคเกอร์) มีสิทธิเลือกคนที่จะบิดป่าวครับ

สมมุติAออฟเฟอไป

มีBมาบิดเหมาหมด
มีCมาบิดเหมาหมด
มีDมาบิดเหมาหมด

โบรคเกอ มีสิทธิเลือกได้มั้ยจะขายให้ใครครับ

ปล**** Bมาก่อนCมาก่อนD
Last edited by ริวมะคุง on Fri May 27, 2011 4:38 pm, edited 1 time in total.
ประเทศไทยต้องก้าวต่อไป
User avatar
ริวมะคุง
 
Posts: 1906
Joined: Thu Nov 26, 2009 8:28 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Fri May 27, 2011 4:38 pm

ริวมะคุง wrote:คนออฟเฟอร์(โบรคเกอร์) มีสิทธิเลือกคนที่จะบิดป่าวครับ


ไม่มีนะคะ เพราะการบิดก็ต้องทำผ่านโบรกเกอร์ด้วยเหมือนกัน เจ้าของหุ้น และเจ้าของเงินทำผ่านตัวแทนทั้ง 2 ฝ่าย นั่นก็คือ โบรกเกอร์ ค่ะ
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Elessar01 » Fri May 27, 2011 4:40 pm

jaw wrote:การบิด และ ออฟเฟอร์ จะแสดงให้คนทั้งตลาดเห็นอย่างเปิดเผย แล้วคิดดูว่า คุณเอาหุ้นราคา 150 บาท มาขายแค่ 10 บาท คนที่ถือหุ้นชินอยู่ในมือ และอยากได้หุ้นชิน จะทำยังไงกับราคาออฟเฟอร์ของคุณ มิบิดกันกระหน่ำหรือคะ ที่สำคัญ การบิด และออฟเฟอร์นี่เจ้าของไม่ได้ทำเองนะคะ แต่ทำโดยผ่านโบรกเกอร์เท่านั้น


ที่ผมยกตัวอย่างมาเป็นลำดับก็คือตรงนี้

ผมบอกจริงๆ ผมไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายหรือตลาดหุ้นเลย ...ซึ่งก็คงเหมือนกับหลายๆคน (เสื้อแดงหลายๆคนก็ไม่เข้าใจ)

การอธิบายอะไรแต่ละอย่างของนักกฏหมายเอง บางทีมันก็เข้าใจยาก อะไรก็ไม่รู้

-----มาถึงคำถามสำคัญ------

แปลว่า การซื้อขายหุ้น เจ้าของไม่มีสิทธิ์กำหนดราคาขายเองใช่มั๊ยครับ

ถ้างั้น ผมก็จ่ายใต้โต๊ะให้โบรกเกอร์สิ ให้ทั้งสองฝ่ายเลย ทั้งฝ่าย bid และ offer ได้มั๊ยครับ

ให้ทั้งคู่ ตกลงกันที่ 10 บาท ผมไม่สนใจหรอกว่า มันจะวุ่นวายแค่ไหนทันทีที่ประกาศออกมา ยังจะมีอะไรขวางผมได้อีก
User avatar
Elessar01
 
Posts: 163
Joined: Wed May 04, 2011 8:13 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Fri May 27, 2011 4:56 pm

Elessar01 wrote:
jaw wrote:การบิด และ ออฟเฟอร์ จะแสดงให้คนทั้งตลาดเห็นอย่างเปิดเผย แล้วคิดดูว่า คุณเอาหุ้นราคา 150 บาท มาขายแค่ 10 บาท คนที่ถือหุ้นชินอยู่ในมือ และอยากได้หุ้นชิน จะทำยังไงกับราคาออฟเฟอร์ของคุณ มิบิดกันกระหน่ำหรือคะ ที่สำคัญ การบิด และออฟเฟอร์นี่เจ้าของไม่ได้ทำเองนะคะ แต่ทำโดยผ่านโบรกเกอร์เท่านั้น


ที่ผมยกตัวอย่างมาเป็นลำดับก็คือตรงนี้

ผมบอกจริงๆ ผมไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายหรือตลาดหุ้นเลย ...ซึ่งก็คงเหมือนกับหลายๆคน (เสื้อแดงหลายๆคนก็ไม่เข้าใจ)

การอธิบายอะไรแต่ละอย่างของนักกฏหมายเอง บางทีมันก็เข้าใจยาก อะไรก็ไม่รู้

-----มาถึงคำถามสำคัญ------

แปลว่า การซื้อขายหุ้น เจ้าของไม่มีสิทธิ์กำหนดราคาขายเองใช่มั๊ยครับ

ถ้างั้น ผมก็จ่ายใต้โต๊ะให้โบรกเกอร์สิ ให้ทั้งสองฝ่ายเลย ทั้งฝ่าย bid และ offer ได้มั๊ยครับ

ให้ทั้งคู่ ตกลงกันที่ 10 บาท ผมไม่สนใจหรอกว่า มันจะวุ่นวายแค่ไหนทันทีที่ประกาศออกมา ยังจะมีอะไรขวางผมได้อีก

เจ้าของหุ้นเป็นคนกำหนดราคาให้กับโบรกเกอร์ค่ะ กรณีปกติ สมมุติเราถือหุ้น ก ราคาหุ้นละ 100 บาท ถ้าจะขายให้ได้กำไร เราต้องขาย 110 บาท เราก็บอกโบรกเกอร์ไป

ในตลาดนอกจากเราที่ถือหุ้น ก ยังมีอีกเพียบเลยที่ทั้งอยากขาย และอยากซื้อหุ้น ก เมื่อโบรกเกอร์เสนอ ราคาของเราบนกระดาน ฝ่ายบิดอาจจะเห็นว่าแพงไป เขาอยากได้ที่ราคา 108 บาท คนที่ถือหุ้น ก อีกคนอยากขาย และเห็นว่า 108 บาทเหมาะแล้ว เขาก็ปล่อยราคาของเขาออกมาที่ 108 บาท การซื้อขายก็จะเกิดขึ้น ถ้าเราอยากขายก็ต้องลดราคามาที่ 108 บาท หรือไม่ก็ถือไว้จนกว่าจะมีฝ่ายบิดยอมจ่ายในราคา 110


ขณะอ่านต้องนึกภาพในตลาดหลักทรัพย์ว่าเป็นสถานที่ๆวุ่นวาย โบรกเกอร์ทั้งฝ่ายซื้อฝ่ายขายเยอะมากนะคะ เขาทำงานกันเป็นนาที เป็นวินาทีด้วยซ้ำมั้ย เพราะฉะนั้นหากคุณปล่อยราคาหุ้นจาก 150 มาแค่ 10 บาทก็ดูแล้วกันว่าตลาดหลักทรัพย์จะพังมั้ย

การเสนอเงินใต้โต๊ะผิดกฏหมายนะคะ เราไม่รู้ว่ามีใครเขาทำกันมั้ย แต่ถ้าทำได้ ก็คงต้องจ่ายเยอะ ทักษิณเป็นเศรษฐีจอมตืดนะคะ อย่าลืมสิ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby ริวมะคุง » Fri May 27, 2011 5:06 pm

ขณะอ่านต้องนึกภาพในตลาดหลักทรัพย์ว่าเป็นสถานที่ๆวุ่นวาย โบรกเกอร์ทั้งฝ่ายซื้อฝ่ายขายเยอะมากนะคะ เขาทำงานกันเป็นนาที เป็นวินาทีด้วยซ้ำมั้ย เพราะฉะนั้นหากคุณปล่อยราคาหุ้นจาก 150 มาแค่ 10 บาทก็ดูแล้วกันว่าตลาดหลักทรัพย์จะพังมั้ย


นี่ละครับที่ผมสงสัย ถ้าออฟเฟอราคาถูกขนาดนั้น แน่นอนคนบิดกันกระดานแตกแน่นอน
ซึ่งตรงจุดนี้โบรคเกอร์ของคนออฟเฟอมีสิทธิที่จะเลือกคนบิดได้หรือไม่ครับ(แน่นอนคนบิดเข้าไปมหาศาล)

คาใจอยู่ตรงนี้แหละครับ ผมจะได้อ๋อสักทีว่าทำไมแม้วมันถึงเล่นนอกกระดาน
ประเทศไทยต้องก้าวต่อไป
User avatar
ริวมะคุง
 
Posts: 1906
Joined: Thu Nov 26, 2009 8:28 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Fri May 27, 2011 5:07 pm

ริวมะคุง wrote:คนออฟเฟอร์(โบรคเกอร์) มีสิทธิเลือกคนที่จะบิดป่าวครับ

สมมุติAออฟเฟอไป

มีBมาบิดเหมาหมด
มีCมาบิดเหมาหมด
มีDมาบิดเหมาหมด

โบรคเกอ มีสิทธิเลือกได้มั้ยจะขายให้ใครครับ

ปล**** Bมาก่อนCมาก่อนD


ต้องสละเวลาไปดูบรรยากาศที่ตลาดหลักทรัพย์สักครั้งนึงค่ะ ที่สำคัญเลยต้องไม่ลืมว่า ทักษิณไม่ได้ถือหุ้น ชิน ไว้คนเดียวในตลาดนะคะ มีอีกเพียบเลย การเสนอขายที่ราคาพาร์ในขณะราคาหุ้นจริงพุ่งไปที่ 150 บาทแบบนี้ยังไม่เคยเห็น แต่ถ้าทำได้ในตลาดตามปกติ ทักษิณคงทำไปแล้ว เพราะมันไม่ได้เสียอะไร แถมยังถูกกฎหมายด้วย เสียค่าธรรมเนียมให้โบรกเกอร์เท่าเดิม แต่กลับเลือกที่จะผิดกฎหมายซะเอง
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Elessar01 » Fri May 27, 2011 5:10 pm

งั้นถามอีกแบบ

ผมบอกโบรกเกอร์ว่าจะปล่อยในราคา 10 บาท

โดยที่ลูกผม บิด รอ ที่ 10 บาท

ในแทบจะวินาทีเดียวกัน คือต่อๆกันเลย

มันก็คงยุ่งอะ แต่การซื้อขาย มันก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และ.....

ถ้ามีคนบิดตามหลัง ที่ 20 บาท ใน 10 วินาทีต่อมา

(สมมติว่าผมแอบให้เงินโบรคเกอร์ไว้แล้ว)

(1)โบรคเกอร์จะโดนข้อหาทุจริตมั๊ย คือจะมีคนฟ้องมั๊ย ถ้าหากเค้าปล่อยให้ซื้อขายที่ 10 บาท
(2)แล้วมันมีข้อกำหนด กฏอะไรรึเปล่าว่าต้องปล่อยให้ราคาที่ได้กำไรสูงสุด ในเมื่อผมไม่อยากได้กำไรที่นี่ เพราะผมจะยกให้ลูก

ปล. อย่าเพิ่งสวมหัวโขนทัีกษิัณครับ
ปล.2 ผมพยายามจะหาว่าคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ เค้าฟังยังไงเค้าก็เชื่อที่เสื้อแดงพูดครับ เพราะเค้าใช้สามัญสำนึกทั่วไปคิดตาม กับเรื่องที่ไม่สามารถใช้สามัญสำนึกทั่วไปคิดตามได้ครับ
User avatar
Elessar01
 
Posts: 163
Joined: Wed May 04, 2011 8:13 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Gop » Fri May 27, 2011 5:32 pm

Tam-mic-ra wrote:หนูแจ๋ว นี่ตอบอะไรแบบคิกขุอาโนเน๊ะน่ารักๆดีน่ะ
แต่ไปศึกษาเรื่องราวให้แม่นก่อนค่อยมาคุยกะเฮียง่ะ
จะได้คุยกันรู้เรื่องหน่อย

ขายในตลาด เขายกเว้นภาษี ก็ถูกแล้วนิ
ใครๆก็รู้ หนูแจ๋วยกกฏหมายมา ให้เป็นประเด็นอะไรทำไมหว่า

แม้วเขาขายลูกไป แล้วลูกก็ซื้อขายกับสิงคโปที่ต่างประเทศซึ่งมันก็ไม่มีภาษี
แล้วมาโอนในตลาดไทยก็ไม่มีภาษี

คิดง่ายๆนะ สมมติถ้าแม้วขายตรงๆรวดเดียว ให้เขาไป ในตลาดไทย
ก็ไม่ต้องเสียภาษี

จบ.. . ไม่ต้องผิดอะไรเลย
(ควายนักเลงสถุน ก็จะหาเรื่องไปใส่ร้ายเรื่องอื่นต่อ เช่น ขายสมบัติชาติ ฯ บลาๆๆ)



แล้วที่ "แม้วขายลูกไป" ที่คุณว่าน่ะ มันทำในตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่าครับ :?: :?:
ถ้าไม่ทำในตลาดหลักทรัพย์ ก็ต้องเสียภาษ๊ไม่ใช่หรือครับ :?: :?:
User avatar
Gop
 
Posts: 837
Joined: Sun Jun 27, 2010 4:13 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Fri May 27, 2011 5:34 pm

Elessar01 wrote:งั้นถามอีกแบบ

ผมบอกโบรกเกอร์ว่าจะปล่อยในราคา 10 บาท

โดยที่ลูกผม บิด รอ ที่ 10 บาท

ในแทบจะวินาทีเดียวกัน คือต่อๆกันเลย

มันก็คงยุ่งอะ แต่การซื้อขาย มันก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และ.....

ถ้ามีคนบิดตามหลัง ที่ 20 บาท ใน 10 วินาทีต่อมา

(สมมติว่าผมแอบให้เงินโบรคเกอร์ไว้แล้ว)

(1)โบรคเกอร์จะโดนข้อหาทุจริตมั๊ย คือจะมีคนฟ้องมั๊ย ถ้าหากเค้าปล่อยให้ซื้อขายที่ 10 บาท
(2)แล้วมันมีข้อกำหนด กฏอะไรรึเปล่าว่าต้องปล่อยให้ราคาที่ได้กำไรสูงสุด ในเมื่อผมไม่อยากได้กำไรที่นี่ เพราะผมจะยกให้ลูก

ปล. อย่าเพิ่งสวมหัวโขนทัีกษิัณครับ
ปล.2 ผมพยายามจะหาว่าคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ เค้าฟังยังไงเค้าก็เชื่อที่เสื้อแดงพูดครับ เพราะเค้าใช้สามัญสำนึกทั่วไปคิดตาม กับเรื่องที่ไม่สามารถใช้สามัญสำนึกทั่วไปคิดตามได้ครับ


ฝ่ายขายต้องปล่อยราคาไปก่อนค่ะ พอเสนอราคาบนกระดานปุ๊บ ฝ่ายบิดจึงสามารถทำงานได้ อย่างที่บอกว่าไม่เคยเห็นคนออฟเฟอร์ราคาต่ำกว่าจริง เพราะคงบิดกันกระจาย คนเสียผลประโยชน์ (ฝ่ายบิด ) คงจะร้องเรียนก็เป็นได้เหมือนกัน
กับคำถามข้อ 1 โบรกเกอร์มีสิทธิ์ถูกร้องเรียนค่ะ สำหรับข้อ 2 มีช่องทางให้คุณอยู่แล้ว โอนให้เป็นมรดกสิ ยอมเสียภาษีมรดกไงคะ

แต่ถ้าคุณอยากให้ลูก แต่ไม่อยากเสียภาษีมรดก คุณก็ไปบิด และ ออฟเฟอร์ในตลาดหลักทรัพย์ แต่คุณจะคอนโทรลราคาหุ้นให้อยู่ในราคาพาร์ได้ยังไงมันเรื่องของคุณนะ :lol: :lol:
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Tam-mic-ra » Fri May 27, 2011 6:07 pm

Gop wrote:
Tam-mic-ra wrote:หนูแจ๋ว นี่ตอบอะไรแบบคิกขุอาโนเน๊ะน่ารักๆดีน่ะ
แต่ไปศึกษาเรื่องราวให้แม่นก่อนค่อยมาคุยกะเฮียง่ะ
จะได้คุยกันรู้เรื่องหน่อย

ขายในตลาด เขายกเว้นภาษี ก็ถูกแล้วนิ
ใครๆก็รู้ หนูแจ๋วยกกฏหมายมา ให้เป็นประเด็นอะไรทำไมหว่า

แม้วเขาขายลูกไป แล้วลูกก็ซื้อขายกับสิงคโปที่ต่างประเทศซึ่งมันก็ไม่มีภาษี
แล้วมาโอนในตลาดไทยก็ไม่มีภาษี

คิดง่ายๆนะ สมมติถ้าแม้วขายตรงๆรวดเดียว ให้เขาไป ในตลาดไทย
ก็ไม่ต้องเสียภาษี

จบ.. . ไม่ต้องผิดอะไรเลย
(ควายนักเลงสถุน ก็จะหาเรื่องไปใส่ร้ายเรื่องอื่นต่อ เช่น ขายสมบัติชาติ ฯ บลาๆๆ)



แล้วที่ "แม้วขายลูกไป" ที่คุณว่าน่ะ มันทำในตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่าครับ :?: :?:
ถ้าไม่ทำในตลาดหลักทรัพย์ ก็ต้องเสียภาษ๊ไม่ใช่หรือครับ :?: :?:


ปลายปี 43 คุณทักษิณและภรรยา ขายโอนชินคอร์ปฯให้ลูกที่ต้นทุน ก่อนจะเป็นนายกฯ เพื่อให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ: เป็นหุ้นชินคอร์ปฯส่วน 38% (ที่ถือในฐานะบุคคล) และเป็นตัวบริษัทแอมเพิลริช (ที่ถือหุ้นชินคอร์ปฯส่วน 11%)

และอีกอย่าง คตส. ก็ไม่เห็นจับจุดนี้นะครับ
แต่ยังไง รอหนูแจ๋วอาจจะตอบได้ดีกว่าผม
คำว่า "คนฉลาด" ด้วยเพราะคนอื่นเขายกย่อง มิใช่ ยกหางเน่าๆของตัวเอง โดยการโยนยัดใส่คนอื่นว่า โง่
มาดูกัน นักเรียนตลอดชีพแถว่าสมัยแม้วปล่อยเขมรมาสร้างวัด viewtopic.php?f=2&t=37916&p=708131#p707996
User avatar
Tam-mic-ra
 
Posts: 901
Joined: Mon Mar 02, 2009 4:03 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Fri May 27, 2011 6:14 pm

Tam-mic-ra wrote:
Gop wrote:
Tam-mic-ra wrote:หนูแจ๋ว นี่ตอบอะไรแบบคิกขุอาโนเน๊ะน่ารักๆดีน่ะ
แต่ไปศึกษาเรื่องราวให้แม่นก่อนค่อยมาคุยกะเฮียง่ะ
จะได้คุยกันรู้เรื่องหน่อย

ขายในตลาด เขายกเว้นภาษี ก็ถูกแล้วนิ
ใครๆก็รู้ หนูแจ๋วยกกฏหมายมา ให้เป็นประเด็นอะไรทำไมหว่า

แม้วเขาขายลูกไป แล้วลูกก็ซื้อขายกับสิงคโปที่ต่างประเทศซึ่งมันก็ไม่มีภาษี
แล้วมาโอนในตลาดไทยก็ไม่มีภาษี

คิดง่ายๆนะ สมมติถ้าแม้วขายตรงๆรวดเดียว ให้เขาไป ในตลาดไทย
ก็ไม่ต้องเสียภาษี

จบ.. . ไม่ต้องผิดอะไรเลย
(ควายนักเลงสถุน ก็จะหาเรื่องไปใส่ร้ายเรื่องอื่นต่อ เช่น ขายสมบัติชาติ ฯ บลาๆๆ)



แล้วที่ "แม้วขายลูกไป" ที่คุณว่าน่ะ มันทำในตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่าครับ :?: :?:
ถ้าไม่ทำในตลาดหลักทรัพย์ ก็ต้องเสียภาษ๊ไม่ใช่หรือครับ :?: :?:


ปลายปี 43 คุณทักษิณและภรรยา ขายโอนชินคอร์ปฯให้ลูกที่ต้นทุน ก่อนจะเป็นนายกฯ เพื่อให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ: เป็นหุ้นชินคอร์ปฯส่วน 38% (ที่ถือในฐานะบุคคล) และเป็นตัวบริษัทแอมเพิลริช (ที่ถือหุ้นชินคอร์ปฯส่วน 11%)

และอีกอย่าง คตส. ก็ไม่เห็นจับจุดนี้นะครับ
แต่ยังไง รอหนูแจ๋วอาจจะตอบได้ดีกว่าผม



ตอบไม่ตรงคำถาม เขาถามว่าขายกันที่ไหน ค่ะ ในตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่า แล้วดูที่ตอบมาสิ จะฮาไปไหนคะ :lol:
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Tam-mic-ra » Fri May 27, 2011 6:42 pm

แจ๋วรู้อะไรก็บอกสิ่
จะรวมแหลทักษิณ ก็แฉเลย
รออ่านอยู่
ต้องเสียไม่เสียเพราะยังไง

ถ้าต้องเสีย
นี่แสดงว่าแจ๋วเก่งกว่า คตส. อีกแฮะเนี่ย
คำว่า "คนฉลาด" ด้วยเพราะคนอื่นเขายกย่อง มิใช่ ยกหางเน่าๆของตัวเอง โดยการโยนยัดใส่คนอื่นว่า โง่
มาดูกัน นักเรียนตลอดชีพแถว่าสมัยแม้วปล่อยเขมรมาสร้างวัด viewtopic.php?f=2&t=37916&p=708131#p707996
User avatar
Tam-mic-ra
 
Posts: 901
Joined: Mon Mar 02, 2009 4:03 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Fri May 27, 2011 6:55 pm

Tam-mic-ra wrote:แจ๋วรู้อะไรก็บอกสิ่
จะรวมแหลทักษิณ ก็แฉเลย
รออ่านอยู่
ต้องเสียไม่เสียเพราะยังไง

ถ้าต้องเสีย
นี่แสดงว่าแจ๋วเก่งกว่า คตส. อีกแฮะเนี่ย


อ้าว แฉแล้วไง :lol: :lol: :lol:
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Fri May 27, 2011 7:00 pm

น้องแจ๋วได้ของเล่นใหม เป็นตุ๊กตาล้มลุกแดงเถือก....ต่อยล้มไปกี่ที ก็จะด้านทนลุกมาให้ต่อยอีก

:lol: :lol: :lol:
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Fri May 27, 2011 7:10 pm

amplepoor wrote:น้องแจ๋วได้ของเล่นใหม เป็นตุ๊กตาล้มลุกแดงเถือก....ต่อยล้มไปกี่ที ก็จะด้านทนลุกมาให้ต่อยอีก

:lol: :lol: :lol:


หนูกำลังสงสัยว่าตกลงเขาได้อ่านสิ่งที่เราพยายามอธิบายให้ฟังมั่งมั้ย ถ้าหนูเป็นเสื้อแดงแล้วมีโอกาสเห็นข้อมูลแบบนี้หนูว่าหนูเลิกเป็นนะคะพี่แอม เลิกแล้วคงจะอายมากเลยที่เคยเป็นเสื้อแดงมาก่อน :lol: :lol:
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby wat » Fri May 27, 2011 7:22 pm

Bond wrote:
donkey kong wrote:แม้ว ยังเป็นขวัญใจ คนไทยเสมอ
ขนาดโดน พวกเควี่ย ใส่ร้าย สลายพรรค
ประชาชน ยังเืลือก พรรคนอมินีของแม้ว ให้ ชนะ พรรคขี้้ข้าอำหมาดมาตลอด...
:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
เลือกตั้งครั้งล่าสุด ขนาดเอา ผู้เล่น ตัวสำรองมาแข่ง กับ ตัวจริง ของ พรรคขี้ข้าอำหมาด
พวกขี้ข้าอำหมาด ยังไม่มีปัญญา เอาชนะตัวสำรองของ แม้ว เลย :mrgreen: :mrgreen:
เพราะ ฉะนั้น การใส่ร้ายแม้ว อย่างซ้ำๆซากๆ จริงบ้างเท็จ บ้าง
จึงไม่มีประโยชน์อันใด นอกจาก หามาปลอบใจกันเอง ดูกันเอง...
แล้ว ก็พยักหน้าหงึกๆ แม้วแหล แม้วเลว... ยอมรับกันเองใน กะลา ว่าเราคิดถูก คิดดีแล้วนะ
ที่เกลียดไอ้แม้ว...

ในขณะที่ความจริงของโลกภายนอก ไม่ได้เป็นอย่างที่คุยกันในกะลา ใบนี้ หรอกครับ..
เป็นความจริง ที่เจ็บปวด สำหรับเหล่ากากแมงสาบขี้้ข้าอำหมาด ทั้งหลาย....
:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:


อย่ามาตู่ว่า เป็นขวัญใจ "คนไทย" เรยว่ะ ไม่มีคนไทยหน้าโง่ที่ไหนให้หัวหน้าโจรก่อการร้ายเผาเมืองเป็นขวัญใจหรอกว่ะ
เองอยากเขียนอะไร เองก้อเขียนไปเหอะว่ะ เพราะสุดท้ายไม่ว่าผลเลือกตั้งออกยังไง เผาไทยก้อไม่ได้เป็นรัฐบาลว่ะ
ยอมรับสภาพเหอะ จบ


:| มันเป็นความเชื่อ ความรักแบบงมงายมากกว่า อย่าว่าไปเลย คนอเมริกา เจ้าประชาธิปไตยบางคนยังมีความงมงายแปลกๆ ผมเชื่อว่าพวกเค้า...ได้...ในสิ่งที่ไม่เคยได้จากรัฐบาลใดๆมาก่อน เป็นข้อแรกของความรักที่งมงาย โดยอาจไม่รู้ว่านโยบายนั้นๆ คิดขึ้นมาเพื่อเก็บเสียงของคนที่ผิดหวังจากรัฐบาลก่อนๆโดยเฉพาะ (มัดใจ, ซื้อใจ โดยหลักการตลาดง่ายๆ..ให้...ในสิ่งที่พวกเค้าไม่เคยได้จากใครๆ) ข้อนี้แหละทำไม คนเหล่านั้นจึงพร้อมกันถวายชีวิตโดยไม่คำนึงถึงหลักสัจธรรม ดี ชั่ว ถูก ผิด คงเพราะเชื่อว่านโยบายเช่นนี้ คนๆนี้ จะทำให้พวกเค้า...ได้...ตลอดไป โดยไม่คิดว่าสิ่งที่เค้า..ปูทางไว้...นั้นแท้จริง เพื่ออะไร
User avatar
wat
 
Posts: 20
Joined: Thu May 19, 2011 9:18 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Fri May 27, 2011 7:39 pm

jaw wrote:หนูกำลังสงสัยว่าตกลงเขาได้อ่านสิ่งที่เราพยายามอธิบายให้ฟังมั่งมั้ย ถ้าหนูเป็นเสื้อแดงแล้วมีโอกาสเห็นข้อมูลแบบนี้หนูว่าหนูเลิกเป็นนะคะพี่แอม เลิกแล้วคงจะอายมากเลยที่เคยเป็นเสื้อแดงมาก่อน :lol: :lol:

------------------

ผมเชื่อว่า แดงหลายคนก็ทำไปตามหน้าที่

ใจจริงคงเจ็บปวดไปกับผลกรรมที่ประเทศไทย ได้รับจากตระกูลกินนะวัตรนี่ เพราะสังเกตว่า แดงที่มีข้อมูล มีเหตุผล ใช้หลักฐานใช้การโต้แย้งแบบเข้มข้น....หายไปแทบจะไม่เหลือหลอ

จำได้ว่า สมัยที่เริ่มแฉความเลวของแม้ว มีความเห็นมากมายที่เข้าท่า ที่สนับสนุนแม้ว....แต่เมื่อคดีถูกตัดสินมากเข้าๆ ความเห็นที่น่าฟังก็น้อยลงทุกที เหลือแต่เศษสวะแบบที่เห็นๆ กัน ไม่ยอมโต้ในประเด็น ทำเป็นอมพะนำ ซับซ้อน พอรุกให้เผยใต๋ บางทีหายไปดื้อๆ......

แต่ที่หนูแจ๋วพยายามอธิบายอยู่นี่ ผลมันจะไปในทางทำให้คนที่ไม่มั่นใจ มั่นใจยิ่งขึ้นว่าแม้วเลว มีผลยั่งยืนแน่ๆ ครับ

พวกตัวป่วนก็กลัวข้อนี้แหละ จึงต้องเข้ามาพลีชีพ
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby someone » Fri May 27, 2011 7:53 pm

เรื่องซุกหุ้นนี่แหล่ะ ที่บ่งบอกตัวตนแท้จริงของทักษิณได้ดีที่สุด ว่าเป็นคนที่คิดโกงได้ทุกอย่างที่มีช่องทางและมีโอกาส

คนเสื้อแดงบอกขายหุ้นไม่เสียภาษี ถูกต้อง แต่ก่อนมันจะขายล่ะ มันได้กระทำการซุก ซ่อน มันโยก ย้าย สลับ ซับซ้อน วนยังกะเขาวงกต จนหุ้นมารวมกันเป็นพวงแล้วขายทั้งหมดให้เทมาเสก เออว่ะ ทักษิณนี่มันหาช่องเลี่ยงภาษีเก่งจริงๆ
User avatar
someone
 
Posts: 752
Joined: Thu Feb 19, 2009 6:27 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Fri May 27, 2011 7:55 pm

เอามาช่วยน้องแจ๋ว เป็นคำอธิบายที่เข้าใจง่ายดี

การซุกหุ้นรอบนี้ปรากฏหลักฐานว่ากระทำผ่านทั้งตัวบุคคล คือลูกและญาติ และผ่านบริษัทหุ่นเชิด คือ แอมเพิลริช และ วินมาร์ค ลิมิเต็ด

1. การซุกหุ้นในชื่อลูกที่บรรลุนิติภาวะ

หลาย คนอาจสงสัยว่า เหตุใดการโอนหุ้นให้ลูกจึงทำให้ศาลมองว่าซุกหุ้น ถ้าพ่อแม่อยากโอนหรือขายหุ้นให้ลูก ไม่ว่าจะในราคาทุนหรือราคาอื่น หรือแม้แต่โอนให้ฟรีๆ ก็น่าจะมีสิทธิทำได้ตามกฎหมายมิใช่หรือ?

คำตอบคือ เรื่องซุกหุ้นจะดูจากเอกสารยืนยันการโอนหุ้นไม่ได้ ต้องดูหลักฐานใน 3 ประเด็นคือ 1. วิธีการโอนหุ้น เพื่อประเมินว่า ที่อ้างว่าโอนไปแล้วนั้นโอนจริงหรือโอนหลอก เช่น อ้างว่าขายแต่ไม่มีเงินเปลี่ยนมือ 2. ผู้รับหุ้นนั้นได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ (เช่น เงินปันผล) ในฐานะผู้ถือหุ้นชินคอร์ปจริงหรือไม่ และ 3. ผู้รับหุ้นใช้สิทธิออกเสียงตามหุ้นที่ถือหรือไม่

1.1 กรณี ของพานทองแท้ จำเลยให้การว่าขายหุ้นให้ลูกที่ราคาทุน แต่ไม่มีเงินเปลี่ยนมือ ทำเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินระหว่างกันไว้เฉยๆ นอกจากนี้ มีหลักฐานว่า 1 วันก่อนโอนหุ้นชินคอร์ปให้ลูก พานทองแท้ต้องทำหนังสือใช้หนี้แม่อีก 4,500 ล้านบาท ซึ่งจำเลยให้การว่าเป็นค่าหุ้นธนาคารทหารไทย 150 ล้านหุ้น และค่าใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น (warrant) อีก 300 ล้านหน่วย ทั้งที่ราคาทุนไม่ใช่ 4,500 ล้านบาทตามที่อ้าง แต่อยู่ที่ 1,500 ล้านบาทเท่านั้น เพราะ warrant 300 ล้านหน่วยนั้นแถมมากับหุ้น ดังนั้นจึงเท่ากับมี “หนี้ปลอม” ถึง 3,000 ล้าน บาท ทำให้น่าสงสัยว่าลูกซื้อหุ้นจากแม่จริงหรือเปล่า และทำให้น่าเชื่อว่า หนี้ปลอมก้อนนี้เป็น “เครื่องมือ” ให้ลูกคืนปันผลให้แม่มากกว่า กล่าวคือ เงินโอนให้แม่ที่อ้างว่าเป็นการชำระคืนหนี้นั้น แท้จริงแล้วน่าจะเป็นการโอนเงินปันผลให้แม่ เพราะไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นตัวจริงตั้งแต่ต้น

คตส. พบว่า “เมื่อตรวจบัญชีธนาคารของนายพานทองแท้ที่ใช้รับเงินปันผลหุ้นชินคอร์ปแล้ว พบว่าบัญชีนี้ต้องส่งเงินปันผลให้คุณหญิงพจมานจนหมดแทบทุกงวด รวมยอดแล้วสูงเกินกว่าจำนวนที่อ้างว่าเป็นหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินถึง 1,100 ล้านบาท ซึ่งหากนายพานทองแท้ได้เป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปทั้ง 293 ล้านหุ้นจริงแล้ว เงินปันผลก้อนนี้ก็จะต้องเป็นของเขาโดยแท้จริงด้วย แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย”

1.2 กรณี ของพินทองทา สำนวนระบุคำให้การว่า “อธิบายว่ามารดาให้เงินในวันเกิดเพื่อไปซื้อหุ้นแบ่งจากพี่ชาย 367 ล้านหุ้น โดยทำเป็นซื้อขายนอกตลาดในราคาทุน (ทำให้ไม่ต้องเสียภาษี) พี่ชายได้เงินแล้วก็นำส่งคืนมารดาทันที วันเกิดที่ว่านี้คือวันครบรอบ 20 ปี ในปี 2545”

การ ซื้อหุ้นครั้งนั้นไม่มีการชำระเงินค่าหุ้นกันจริงๆ เพราะมารดาให้เงินในวันเกิด แล้วนำเงินไปซื้อจากพี่ชาย พี่ชายก็นำมาคืนมารดาในทันที จำนวนหุ้นที่ซื้อจากพี่ชาย 367 ล้านหุ้น ทำให้หุ้นที่พานทองแท้ถืออยู่เหลือประมาณ 367 ล้านหุ้นเท่าๆ กัน จึงน่าเชื่อว่าถูกพ่อแม่ใช้ชื่อเพื่อปรับจำนวนหุ้นที่ต้องการใช้ชื่อถือแทนมากกว่า ทันทีที่พินทองทาบรรลุนิติภาวะ (20 ปี ซึ่งเป็นจุดที่ถือหุ้นได้โดยไม่ถูกนับตามกฎหมายว่าเป็นของบิดา) เพราะขณะนั้นพานทองแท้ถือหุ้นชินคอร์ปในนามตัวเอง 24.99% และถือผ่านบริษัทแอมเพิลริชอีก 10.44% รวมแล้วเกิน 25% แต่ไม่แจ้ง ก.ล.ต. ตามกฎหมายหลักทรัพย์ ทำให้สุ่มเสี่ยงว่าจะถูกค้นพบและเอาผิดได้ตลอดเวลา

ใน ด้านสิทธิประโยชน์จากหุ้น คตส. พบว่า “หุ้นก้อนนี้ก่อเกิดให้เงินปันผลในบัญชีที่มีชื่อนางสาวพินทองทาเป็นระยะ แล้วเก็บสะสมไว้ไม่มีการส่งคืนเข้าบัญชีมารดา และมีการนำไปใช้สองครั้งคือ ใช้ซื้อหุ้นเอสซี แอสเสท คืนจากวินมาร์ค 71 ล้านบาท และซื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์อีก 5 บริษัทคืนจากกองทุนสองกองทุน ในปี 2547 อีก 485 ล้านบาท ซึ่งบริษัทวินมาร์คและกองทุนทั้งสองนี้ คตส. และดีเอสไอกับ ก.ล.ต. มีหลักฐานชี้บ่งร่วมกันว่า แท้จริงเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิง ดังนั้น การนำเงินปันผลไปจ่าย...ทั้งสองครั้งนี้ แท้จริงจึงเป็นการส่งเงินปันผลคืนเข้าบัญชีวินมาร์คของบิดามารดานั่นเอง”

2. การซุกหุ้นในชื่อญาติ

2.1 กรณีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ กรณีนี้สำนวนระบุว่า “ต้องแยกหุ้นชินฯ เป็นสองกลุ่มด้วยกัน กลุ่มแรกมีจำนวน 1.62% ที่เชื่อได้ว่าเป็นของนายบรรณพจน์จริงตั้งแต่เริ่มเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทชินคอร์ป กลุ่มที่สอง 10.75% เป็นส่วนที่ถูกใช้ชื่อถือหุ้นแทนเท่านั้น มีสองก้อนด้วยกัน ก้อนแรก 1.62% คือหุ้นเพิ่มทุนที่ใช้สิทธิของตนเองซื้อหุ้น แต่ใช้เงินคุณหญิง ก้อนสอง 9.13% เป็นก้อนที่ทำเป็นซื้อจากคุณหญิง พร้อมกับที่คุณหญิงขายให้บุตรเมื่อกันยายน 2543 ก้อนนี้ทำเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินให้ยึดถือไว้”

หุ้น 10.75% นั้นไม่มีการชำระเงินค่าหุ้นจริง ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ทำให้คุณหญิงสำหรับก้อนสองคือ 9.13% ก็ระบุว่าจ่าย “คุณหญิงพจมาน” ทั้งที่ในขณะนั้นยังมิได้เป็นคุณหญิงแต่อย่างใด ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นการทำหลักฐานย้อนหลังทั้งสิ้น

2.2 กรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งได้รับหุ้นชินคอร์ปมูลค่า 20 ล้าน บาท มีพฤติกรรมที่บ่งชี้ว่าซุกหุ้นชัดเจนกว่ากรณีของบรรณพจน์ ดามาพงศ์ กล่าวคือ มีตำแหน่งเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงในเครือชินคอร์ป แต่ไม่เคยจ่ายค่าหุ้น 20 ล้านบาทให้กับพี่ชาย อ้างว่าเป็นการค้างชำระหนี้ ต่อมาอีก 3-4 ปี เมื่อชินคอร์ปเริ่มจ่ายปันผล ถึงค่อยๆ ทยอย “ชำระหนี้” ด้วยเงินปันผลที่ได้รับ (คือไม่ใช้เงินของตนเองเลย) 2 ครั้ง คือ 9 ล้านบาท และ 11 ล้านบาท ครั้งที่สองนั้นเขียนตัวเลขบนเช็ค 13.5 ล้านบาท เท่ากับเงินปันผลที่ได้รับในงวดนั้นเต็มจำนวน แล้วจึงค่อยขีดฆ่าเปลี่ยนตัวเลขใหม่เป็น 11 ล้านบาท คงเป็นเพราะฉุกคิดได้ว่าจ่ายเกินหนี้แล้ว บ่งชี้ว่าหนี้ 20 ล้านบาทนั้นไม่มีอยู่จริง เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณไม่เคยขายหุ้นให้จริง เพียงแต่ใช้ชื่อถือหุ้นแทนเท่านั้น

ส่วนเงินปันผลงวดที่ 3-6 ก็จ่ายเข้าบัญชีตัวเองเพียง 2.1 ล้านบาท ที่เหลืออีก 68 ล้าน บาทเขียนเช็คเงินสด (หมายความว่าใครก็ตามที่ถือเช็คสามารถนำไปขึ้นเงินได้) โดยอ้างว่านำไปใช้เป็นค่าตกแต่งบ้าน ทำสวน สระว่ายน้ำ ฯลฯ แต่ไม่สามารถนำหลักฐานใดๆ มายืนยันต่อศาลได้ว่าใช้จ่ายในเรื่องเหล่านี้จริง (รายละเอียดอ่านได้ในคำพิพากษาหน้า 98-99)

ใน ประเด็นอำนาจในการตัดสินใจขายหุ้นให้กับกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ ซึ่งถ้าลูกๆ และญาติของ พ.ต.ท. ทักษิณพิสูจน์ได้ว่าตัดสินใจขายเองในฐานะเจ้าของหุ้นตัวจริง ก็อาจทำให้ข้ออ้างที่ว่าไม่ใช่นอมินีมีน้ำหนักมากขึ้น แต่คำพิพากษาระบุคำเบิกความชัดเจนว่า บรรณพจน์ ดามาพงศ์ อ้างว่าตนเป็นผู้ตัดสินใจจะขายหุ้นให้กับกองทุนเทมาเส็กก่อน และแจ้งให้หลานและยิ่งลักษณ์ทราบ บรรณพจน์ให้เหตุผลว่าที่ตัดสินใจขายนั้นเป็นเพราะ “อายุมากแล้ว การบริหารงานในชินคอร์ปต่อไปจะลำบากเพราะต้องลงทุนในโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G เกือบแสนล้านบาท”

ศาลเห็นว่าข้ออ้างนี้ “รับฟังไม่ได้” เนื่องจากนายบรรณพจน์ถือหุ้นชินคอร์ปเพียง 13.8% เทมาเส็กจึงน่าจะต้องขอเจรจากับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด คือพานทองแท้และพินทองทา (ถือหุ้นรวมกัน 35.4%) ก่อน ไม่ใช่บรรณพจน์ นอกจากนี้ เหตุผลที่บรรณพจน์ให้ก็ขัดกับข้อมูลที่ปรากฏในรายงานประจำปี 2548 ของบริษัทเอไอเอส ที่ระบุว่า “บริษัทเอไอเอสมีความสนใจและความพร้อมทั้งในด้านเงินทุนและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาไปสู่การให้บริการ 3G” (ดูคำพิพากษาหน้า 105-107)

หลัก ฐานทั้งหมดที่ปรากฏในส่วนของการซุกผ่านตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการไม่จ่ายเงินค่าหุ้นที่อ้างว่าซื้อขายกันจริง ทำเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินระหว่างกันไว้เฉยๆ การโอนเงินปันผลทุกงวดให้กับคุณหญิงพจมานหรือพ.ต.ท. ทักษิณทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด หรือนำไปใช้จ่ายแทนสามีภรรยาคู่นี้ เช่น ใช้ซื้อหุ้นเอสซี แอสเสท คืนจากวินมาร์ค หรือไปรวมกับเงินก้อนที่ไปซื้อสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ตลอดจนข้ออ้างที่มีพิรุธเกี่ยวกับการตัดสินใจขายหุ้นให้กับเทมาเส็ก ทำให้ศาลตัดสินว่าเป็นการใช้ชื่อลูกและญาติถือหุ้นแทนทั้งสิ้น

3. การซุกหุ้นในชื่อบริษัทหุ่นเชิด

สำหรับส่วนของหุ้นที่ซุกผ่านบริษัทหุ่นเชิด คือแอมเพิลริช (ถือหุ้นชินคอร์ปประมาณ 11%) และวินมาร์ค ลิมิเต็ด (1.8%) นั้น มีเอกสารหลักฐานชัดเจนจากธนาคารยูบีเอส เอจี สาขาสิงคโปร์ ว่า ผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินในบัญชีของแอมเพิลริชแต่เพียงผู้เดียวคือ “ดร. ที ชินวัตร” เพิ่งมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินในบัญชีดังกล่าวในเดือน มิถุนายน ปี 2548 ส่วนกรณีของวินมาร์ค ศาลตัดสินว่า “ไม่มีเหตุต้องวินิจฉัย” ว่าเป็นนอมินีหรือไม่ เนื่องจากจำนวนหุ้นชินคอร์ปที่วินมาร์คถือไม่อยู่ในจำนวนหุ้นที่ขายให้กับเท มาเส็ก (ซึ่งกลายเป็นเงินที่อัยการร้องต่อศาลให้ยึดเป็นของแผ่นดิน)

ถ้า หุ้นชินคอร์ปในส่วนของวินมาร์คซุกจริง ก็นับว่าเป็นส่วนที่ซุกอยู่ “ลึกที่สุด” คือไม่ได้ขายให้กับเทมาเส็ก พ.ต.ท. ทักษิณ อาจยังถือครองอยู่จวบจนปัจจุบัน ในเมื่อ ก.ล.ต. ให้การว่ามีหลักฐานจากการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างประเทศว่า พ.ต.ท. ทักษิณเป็นเจ้าของวินมาร์ค ก็ควรจะดำเนินการสอบสวนประเด็นนี้ต่อไปในส่วนที่เกี่ยวกับกฎหมายหลักทรัพย์ เพราะหุ้นที่ซุกผ่านบริษัทหุ่นเชิดนั้นสามารถนำไปซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน (insider trading) ได้ค่อนข้างง่าย (เพราะไหนๆ ก็ซุกแล้ว) ยังไม่นับความผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์อีกหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเท็จ ปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น ไม่ทำรายงานถือครองหุ้นข้ามเส้น 5% ฯลฯ

ประเด็น ที่น่าสังเกตเป็นพิเศษจากหลักฐานในกรณี “ซุกหุ้นภาคพิสดาร” คือ พยานหลักฐานที่ฝ่ายจำเลยใช้ในการสู้คดีนี้นั้น ส่วนใหญ่เป็นคำกล่าวอ้างลอยๆ และเอกสารที่จัดทำขึ้นเองได้ ไม่มีบุคคลที่สามรับรอง เช่น ตั๋วสัญญาใช้เงินระหว่างกัน หรือรายงานประจำปีของแอมเพิลริช ไม่ใช่เอกสารที่ทำเองไม่ได้หรือปลอมแปลงยาก เช่น เอกสารการเปิดบัญชีกับธนาคาร จดหมายจากธนาคารยูบีเอสที่ยืนยันว่าพานทองแท้เป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริง หรือรายการบัญชีในธนาคารที่จะยืนยันว่ามีการจ่ายเงินค่าหุ้นกันจริงๆ (ซึ่งในกรณีของวินมาร์ค จะเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่ามี “นักลงทุนต่างชาติ” มาซื้อหุ้นวินมาร์คไปจริง)

การทำความเข้าใจกับมติเอกฉันท์ของศาลฎีกาที่ว่า พ.ต.ท. ทักษิณเป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปกึ่งหนึ่งหรือ 50% ขณะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น เป็น “จุดเริ่มต้น” ที่จำเป็นต่อการทำความเข้าใจกับคำพิพากษาของศาลฎีกา เพราะนั่นหมายความว่า พ.ต.ท. ทักษิณมีผลประโยชน์ทับซ้อนอันใหญ่หลวง ระหว่างสถานภาพ “ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีอำนาจควบคุม” ชินคอร์ปและบริษัทในเครือ กับสถานภาพผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดของประเทศ

หลาย คนอาจสงสัยว่า นี่แปลว่านักธุรกิจที่เข้ามาเล่นการเมืองจะต้องเสียสละความมั่งคั่งทาง ธุรกิจทั้งหมดที่สะสมมาก่อนเข้าสู่วงการเมืองเลยหรือ คำตอบคือไม่ใช่ กฎหมายไทยตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 มาตรา 209 เปิดช่องให้นักการเมืองโอนหุ้นให้ผู้อื่นบริหารจัดการแทนระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง ผ่านกลไกที่เรียกว่า blind trust หรือผู้ดูแลผลประโยชน์ที่จะดูแลแทนให้ เป้าหมายของ blind trust อยู่ ที่การช่วยให้นักธุรกิจอยากรับใช้ชาติยังคงได้รับผลตอบแทนต่อไปจากธุรกิจที่ เคยทำ แต่ในทางที่ป้องกันไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะผลประโยชน์ทับซ้อนอาจจูงใจให้นักการเมืองใช้อำนาจรัฐออกนโยบายเอื้อ ประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเองอย่างถูกกฏหมาย หรือที่ปัจจุบันเรียกกันติดปากว่า “คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย” นั่นเอง

ด้วย เหตุนี้ พฤติกรรมซุกหุ้นของนักการเมืองระดับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทขนาดใหญ่ที่ อยู่ได้ด้วยสัมปทานจากรัฐ จึงเป็นพิรุธให้สงสัยว่าน่าจะซุกเพราะอยาก “คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย” ระหว่างที่ครองอำนาจรัฐ เพราะการถือหุ้นใหญ่ทำให้มี “แรงจูงใจ” ที่จะทำเช่นนั้น การพิสูจน์ก่อนว่าจำเลยในคดีนี้มี “แรงจูงใจ” จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะ “คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย” โดยธรรมชาติแล้วจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่านักการเมืองที่ซุกหุ้นเป็นผู้สั่งการ

พูด อีกอย่างคือ เนื่องจากคอร์รัปชั่นส่วนใหญ่โดยธรรมชาติไม่มี “ใบเสร็จ” ศาลจึงจำต้องพิจารณาจากพยานเอกสารและหลักฐานแวดล้อมต่างๆ พฤติการณ์ของจำเลย และคำให้การของจำเลยว่าฟังขึ้นหรือไม่เพียงใด (ความยากลำบากหรือเป็นไปไม่ได้ในการหาหลักฐาน เป็นสาเหตุหนึ่งที่มาตรฐานกฎหมายสากลกำหนดให้จำเลยที่ต้องสงสัยว่าได้เงินมา โดยมิชอบเป็นฝ่ายพิสูจน์ว่าได้เงินมาอย่างไร ไม่ใช่ยกให้เป็นภาระของอัยการ)

ประเด็น สำคัญอีกประเด็นหนึ่งในคดีนี้ที่หลายคนดูจะเข้าใจผิด ลืมคิด หรือแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นคือ “คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย” นั้น ถ้าเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของนักการเมือง (คือทำให้ “ร่ำรวยผิดปกติ”) ก็ผิดมหันต์แล้ว โดยเฉพาะนโยบายที่ตอกลิ่มความไม่เป็นธรรมในสนามแข่งขันให้เลวร้ายลงกว่าเดิม ด้วยการเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจนักการเมืองมากกว่าเก่า หรือเอื้อประโยชน์ให้ทั้งธุรกิจของตัวเองและคู่แข่งรายเดิมด้วยการกีดกันคู่ แข่งรายใหม่

ประเด็น ที่ว่านโยบายนั้นทำให้คนอื่น (เช่น ผู้บริโภคหรือลูกค้าของธุรกิจนักการเมือง) พลอยได้รับประโยชน์ไปด้วยหรือไม่เพียงใดนั้นเป็นประเด็นรองที่ไม่มีความ เกี่ยวข้องใดๆ กับข้อหา "ร่ำรวยผิดปกติ" และดังนั้นจึงไม่ใช่ประเด็นที่จะมา “ลบล้าง” ความผิดฐาน "ร่ำรวยผิดปกติ" ที่เกิดจากการซุกหุ้นและคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายได้เลย.



สฤณี อาชวานันทกุล
ซุกหุ้น 301: เคล็ดวิชาขั้นสูงจากคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
http://www.onopen.com/open-special/10-03-12/5296
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

PreviousNext

Return to สภากาแฟ