นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby naiare » Fri Jun 03, 2011 3:02 pm

เห็นโครตโปรเจคเผาไทยหลายล้านล้านบาท ท้งลด ทั้งแจกไม่กู้ด้วย แผนการใช้เงินก็ไม่มี โม้อย่างเดียว

http://www.thairath.co.th/content/eco/176143
User avatar
naiare
 
Posts: 3000
Joined: Sun Mar 08, 2009 2:35 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby halfmoon » Fri Jun 03, 2011 3:17 pm

แบบแจกสะบั้นหันแหลก เทกระจาด จุดไฟขายฝันไม่ต้องมี cash flow ครับ
  • อธิปัตย์ 5 : อิสรภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ มิตรภาพ สันติภาพ : คือแก่นแท้แห่งอำนาจประชาธิปไตย : ท่านมีหรือยัง ถ้าไม่ จงสร้างเอง
User avatar
halfmoon
 
Posts: 10731
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:34 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby Bond » Fri Jun 03, 2011 3:19 pm

ไม่ต้องมี cash flow มา present ให้ยุ่งยาก เงินไม่พอ เดี๋ยวส่งสมุนออกไปทุบตู้เอทีเอ็ม ขโมยของห้างมาขายก้อได้ตังค์พอแร้ว
User avatar
Bond
 
Posts: 1937
Joined: Fri Nov 13, 2009 10:16 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby แมวน้อยสีน้ำเงิน » Fri Jun 03, 2011 4:12 pm

นโยบายขายฝันจำเป็นต้องมี cash flow ด้วยเรอะครับ...
ตอนผมฝันยังไม่ต้องคำนึงถึงเิงินในบัญชีเลย
พูดให้ยิ่งใหญ่ไว้ก่อน ทำได้ไม่ได้ ไว้ค่อยแก้ตัวทีหลัง

ถ้าได้เป็นรัฐบานก็นิ่ง ๆ ไว้ไม่ทำซะอย่างใครจะทำไม
ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบานก็บอกที่ไม่ได้ทำเพราะเราไม่ได้เป็นรัฐบาน

:lol: :lol: :lol:
"ทำดีได้ดีมีที่ไหน...ทำชั่วได้ดีมีถมไป
คนJanRaiถึงได้...ครองบ้านเมือง"
User avatar
แมวน้อยสีน้ำเงิน
 
Posts: 780
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:40 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby จีรนุช » Fri Jun 03, 2011 4:26 pm

รถจะไม่ติดใน 6 เดือน :lol: :lol:
User avatar
จีรนุช
 
Posts: 5689
Joined: Sun Nov 30, 2008 7:34 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby antiseptic » Fri Jun 03, 2011 4:39 pm

flow ไปเข้าบัญชีไอ้แม้วไงครับ :D
"We all make choices. But in the end, our choices make us."
Andrew Ryan
User avatar
antiseptic
 
Posts: 4372
Joined: Sat Mar 27, 2010 11:04 am

Re: นโยบาย ปชป มี cash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby naiare » Fri Jun 03, 2011 5:59 pm

แต่ก่อน พอได้ยินว่าคุณกอร์ปศักดิ์ออกไปดูแลนโยบาย ผมก็นึกว่าแกไปทำงานด้านวางกลยุทธหาเสียงให้ ปชป เท่านั้น
แต่พอดูในรายละเอียด ก็เห็นความตั้งใจจริงในการวางนโยบายเพื่อพัฒนาบ้านเมือง
ประชาวิวัฒน์มันต่างจากประชานิยมจริงๆครับ ถ้าดูในรายละเอียด

ส่วนแม้ว ผมว่าตกยุคแล้ว มามุขเดิม

-----------
ใครก๊อปข้อความในลิงค์เป็น กรุณาช่วยทำมาแปะหน่อยก็ดีครับ
User avatar
naiare
 
Posts: 3000
Joined: Sun Mar 08, 2009 2:35 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby usa » Fri Jun 03, 2011 7:00 pm

เอ๊ะ ทายลัด ชักจะยังไง หรือว่าเริ่มเห็นอะไรบางอย่างหรือเปล่า :lol: :lol: :lol:
User avatar
usa
 
Posts: 2138
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:20 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby คนบาป » Fri Jun 03, 2011 7:03 pm

พรรค​ประชาธิปัตย์​ทุ่ม​ประกัน​ราย​ได้​เกษตรกร เฟส 2 อีก 3,000 ล้าน​บาท ปรับ​เพิ่ม​ค่า​ขนส่ง​เป็น 200–600 ต่อตัน ท้า​พรรค​เพื่อ​ไทย​ให้​คำ​ตอบ​โครงการ​รับ​จำนำ​มี​ชาว​นา​ได้รับ ประโยชน์​น้อย​กว่า แถม​มี​ปัญหา​ต้อง​ขาย​ข้าว​ใน​สต๊อก​ต่ำ​กว่า​ราคา​รับ​ซื้อ เปิด​แผนการ​ใช้​งบประมาณลงทุน 300,000 ล้าน​บาท

นาย​กอ​ร์ป​ศักดิ์ สภา​วสุ รอง​หัวหน้า​พรรค และ​ประธาน​คณะ​ทำ​งาน​ด้าน​ยุทธศาสตร์ พรรค​ประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า นโยบาย​ของ​พรรค​ประชาธิปัตย์ ใช้​สโลแกน “เดิน​หน้า​ต่อ​ไป ด้วย​นโยบาย​เพื่อ​ประชาชน” ภาย​ใต้​นโยบาย​ถ้า​ได้​รับ​การ​เลือกตั้ง​กลับ​มา​เป็น​รัฐบาล​อีก​ครั้ง​จะ​เพิ่ม​กำไร​ให้​ชาว​นา​อีก 2 ส่วน ซึ่ง​ใน​โครงการ​เฟส​แรก​ที่​เคย​ให้​กำไร 40% ก็​จะ​เพิ่ม​ให้​เป็น 50% ใน​เฟส​ที่​สอง และ​มี​แผนที่​จะ​ใช้​เงินอีก 3,000 ล้าน​บาท เพิ่ม​ค่า​ขนส่ง​ให้ 3 ระดับ​ตาม​ระยะ​ทาง ถ้าจาก ​พื้นที่​เพาะ​ปลูก​ถึง​กรุงเทพฯ​ไม่​เกิน 300 กม. ให้​ค่าขนส่ง 200 บาท​ต่อ​ตัน ถ้า​ระยะ​ทาง 301-600 กม.​ให้​ค่า​ขนส่ง 400 บาทต่อตัน และ​ระยะ​ทาง 601 กม.​ขึ้น​ไป ให้​ค่า​ขนส่ง 600 บาท​ต่อ​ตัน ผู้ที่จะได้​เงิน​มาก​ขึ้น​คือ​ผู้​ที่​อยู่ห่างไกล อย่าง​เชียงใหม่ เชียงราย ​และ​ภาคใต้

เปรียบเทียบ​ประกัน​ราย​ได้-รับ​จำนำ

นาย​กอ​ร์ป​ศักดิ์ กล่าว​ว่า การ​ดำเนิน​โครงการ​ประกัน​ราย​ได้​เฟส​แรก รัฐบาล​ใช้​งบประมาณ​ดำเนิน​โครงการฯ​ไป​ร่วม 58,000 ล้านบาท ถือว่า​มี​การ​ทุจริต​น้อย​มาก และ​เกษตรกร​ได้​รับ​ความ​เป็น​ธรรม​จาก​การ​ประกอบ​อาชีพ​เกษตรกรรม 4 ล้าน​ครัวเรือน ขณะ​ที่​พรรค​เพื่อ​ไทย​ชัดเจน​ว่า​ประกาศ​ยกเลิก​การ​ประกัน​รายได้​ เกษตรกร โดย​จะ​หัน​กลับ​ไป​ใช้​โครงการ​รับ​จำนำ​ข้าวเปลือก​เจ้า​ตัน​ละ 15,000 บาท ข้าวเปลือก​หอม​มะลิตัน​ละ 20,000 บาท​นั้น เรื่อง​นี้​ต้อง​ประกาศ​ให้ชัดเจน​ว่าพรรค​เพื่อ​ไทย​จะ​รับ​จำนำ​ข้าว​ทั้งหมด​หรือ​ไม่ เพราะ​ผล​ผลิต​ข้าว​ใน​แต่ละ​ปี​ที่ 20-30 ล้าน​ตัน​นั้น จะรับ​ จำนำ​ทำได้​มากที่สุด ​เพียง 8 ล้าน​ตัน เพราะ​มี​โกดัง​เก็บ​ได้เพียงพอ​เท่านั้น​และ​ใช้เงิน​สูงถึง 120,000 ล้าน​บาท ดูแล​ชาว​นา​ได้​ไม่​น่า​จะ​เกิน 1 ล้านครัวเรือน

“หาก​คน​เข้าใจ​ภาษาไทย​จะ​รู้​ว่า​ไม่​ใช่​โครงการ​รับจำนำ แต่​เป็น​การ​รับ​ซื้อ เพราะ​ไม่​มี​ใคร​ที่ไหน​จะ​สามารถ​รับ​จำนำ​ข้าว​ได้​ใน​ราคา​เกิน​กว่า​ราคา​ตลาด​ถึง​เท่าตัว เสร็จ​แล้วก็ไม่​มี​ใคร​มา​ไถ่ถอน เท่ากับ​รัฐบาล​เป็น​พ่อค้า​ข้าว​ที่​ใหญ่ที่สุด​เสีย​เอง​และ​หมายความ​ว่า บริษัท​ประเทศไทย โดย​รัฐบาล​คุณ​ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอา​เงิน​ภาษี 120,000 ล้าน​บาท มา​เก็บ​ไว้​ใน​โกดัง​ที่​ต้นทุน​ตัน​ละ 15,000 บาท ขณะ​ที่​ราคา​จริงอยู่​ที่​ตัน​ละ 8,500 บาท จาก​นั้น​ก็​ต้อง​ไป​ขาย​ให้​เกิน​จาก​ราคา​ต้นทุน​ตัน​ละ 15,000 บาท แล้ว​จะ​ไป​ขาย​ใคร​และ​กลัว​ว่า​จะ​ขาย​ออก​แบบ​ไม่​โปร่งใส ขายต่ำกว่า ​ราคา​ตลาด​อย่าง​เช่น​เคย​ทำ​กัน​ใน​อดีต โจทย์​นี้​ใน​ทางการ​เมือง การ​หาเสียง​กับ​ประชาชน​ต้อง​ตอบ​กลับ​มา”

ขณะ​ที่​โครงการ​รับประกัน​ราย​ได้ จะ​มี​ส่วน​ของ​ราคา​ประกัน​ให้​กับ​เกษตรกร​ทุก​คน แม้​จะ​ไม่​มี​ข้าว​ไป​ขาย เพียง​ปลูก ​เพื่อ​การ​บริโภค​ใน​ครัวเรือน อย่าง​เช่น ภาค​อี​สา​นมีชาว​นา 2 ล้าน​ครัวเรือน มี​ที่​นา​เฉลี่ย​ประมาณ 5 ไร่/ครัวเรือน แสดง​ว่า​ปลูก​ไว้​เพื่อ​กิน​แต่​ใน​ส่วน​ต่าง​ของ​การ​รับประกัน​เกษตรกร​ก็​จะ​ได้ แม้​จะ​ไม่​มี​ข้าว​ขาย​ก็ตาม

ปล่อย​กู้​ต้น​กล้า​ธุรกิจ​ 5,000 ล้าน

นาย​กอ​ร์ป​ศักดิ์ กล่าว​ว่า หาก​พรรค​ประชาธิปัตย์​ได้​รับ​เลือกตั้ง​กลับ​มา​เป็น​รัฐบาล จะ​เร่ง​ดูแล​เรื่อง​สินค้า​ราคา​แพง ต้อง​ดู​กระบวนการ​ที่​มี​อำนาจ​เหนือ​ตลาด เพราะ​ขณะ​นี้​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​ไม่​เป็นธรรม ​เรื่อง​ของ​ราคา​สินค้า จึง​ต้อง​เร่ง​ให้​กระบวนการหรือ ​กลไก​ตลาด​ถูก​กำหนด​ด้วย​กติกา​ที่​ชัดเจน และ​ยอมรับ​ ที่​ผ่าน​มา​แก้​ปัญหา​นี้​ไม่​เบ็ดเสร็จ จาก​นั้น​ค่อย​ไป​ดู​เรื่อง​ของการ​ปรับ​ค่า​แรง​ขั้น​ต่ำ​เพิ่ม​ขึ้น 25% ตาม​พื้นที่​และ​ค่าครองชีพ​ต่างๆ แต่​ทั้งหมด​ต้อง​ผลัก​ดัน​มาตรการ​ภาษี​ที่​จะ​ช่วย​ผู้​ประกอบ​การ​ออก​มา​ก่อน​เพื่อ​เป็น​การ​ลด​ต้นทุน​ให้​ก่อน ที่​จะ​ขยับ​ค่า​แรง​ขั้น​ต่ำ​ให้​กับ​ลูกจ้าง ส่วน​ที่​พรรค​เพื่อ​ไทย​จะ​ให้​ค่า​แรง​ขั้น​ต่ำ 300 บาท​ทั่ว​ประเทศ​นั้น เกรง​ว่า​จะ​สูง​ไป​จน​โรง​งาน​ทำ​ไม่ได้ พร้อม​กัน​นั้น​จะ​ต่อ​ยอด​โครงการ​ต้น​กล้า​อาชีพ​ที่​เคย​ฝึก​อาชีพ​คน​ไป 500,000 ราย ให้​เป็นต้น​กล้า​ธุรกิจ โดย​จะ​ให้​เงิน​ธนาคาร​ใหม่​คือ ธนาคาร​ไปรษณีย์ 5,000 ล้าน ​บาท​ นำ​ไป​ปล่อย​กู้​ให้​คน​กลุ่ม​นี้ ราย​ละ 100,000-300,000 บาท

“พรรค​ประชาธิปัตย์​และ​พรรค​เพื่อ​ไทย มี​นโยบาย​ที่​ต่าง​กัน​อีก คือ พรรค​ประชาธิปัตย์​มี​นโยบาย​เรียนรู้​ที่​อยู่​กับ​ธรรมชาติ จะ​พลิก​โฉม​เมือง​ท่องเที่ยว​ตลอด​ชายฝั่ง​ทะเล​ภาคใต้ เพื่อ​ให้​ประเทศไทย​เป็น “มนตร์​เสน่ห์​แห่ง​เอเชียด้วย​เงิน​ลงทุน 10,000 ล้าน​บาท​ต่อ​ปี​ และ​ยกเลิก​นโยบาย​แลนด์​บริดจ์​หรือ​เซา​เทิร์น ซี​บอร์ด ซึ่ง​เคย​เป็น​นโยบาย​เดิม​ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะ​ดู​เท​รน​ด์​เศรษฐกิจ​โลกแล้ว​อยาก​ให้​คน​ไทย​มี​ความ​สุข”

ส่วน​นโยบาย​ของ​คน​ดูไบ (พ.ต.ท.​ทักษิณ ชินวัตร) เน้น​เส้นทาง​ขนส่ง​คมนาคม​น้ำมัน เพราะ​เขา​อยู่​ประเทศ​ดูไบ มอง​อะไร​แบบ​ดูไบ จะ​พัฒนา​ภาค​ใต้​ให้​เป็น​ศูนย์​การ​ขนส่ง เอาเป็นว่า​หากอยาก​ได้​แท็งก์น้ำ​มัน​มา​ภาคใต้​ ให้​เลือก​พรรค​เพื่อ​ไทย ใคร​อยาก​ได้​เมือง​ท่องเที่ยว​เลือก​พรรค​ประชาธิปัตย์

เปิด​แผน​ใช้​เงิน​พรรค​ประชาธิปัตย์

นาย​กอ​ร์ป​ศักดิ์ กล่าว​ว่า ใน​ภาค​ตะวันออก​มี​แผน​จะ​สร้าง​แหลม​ฉบัง​ให้​เป็น​เมืองท่า​สมบูรณ์​แบบ (Harbor City) พร้อม​รถไฟ​ความเร็ว​สูง​เชื่อม​กรุงเทพฯ แหลม​ฉบัง​และ​ระยอง และ​เครือข่าย​โล​จิ​สติ​กส์​ด้วย​เงิน​ลงทุน​กว่า 100,000 ล้าน​บาท ขณะ​ที่​จะ​สาน​ต่อ​โครงการ​รถไฟ​ความเร็ว​สูง ไทย-จีน เชื่อม​คุน​ห​มิ​ง ภาค​อีสาน​สู่​ภาค​ใต้​เชื่อม​ต่อ​ไป​ยัง​มาเลเซีย​เพื่อ​พัฒนาการ​ค้า​การ​ลงทุน และ​การ​ท่องเที่ยว โดย​เงิน​ลงทุน​ทั้งหมด​นี้​ไม่ได้​ลง​ใน​ปี​เดียว แต่​มี​แผน​ใช้​จ่าย​แต่ละ​ปี

“แผนการ​ใช้​เงิน​ของ​พรรค​ประชาธิปัตย์​จะ​แบ่ง​ใช้ 3-4 ปี ลงทุน​ร่วม 300,000 ล้าน​บาท ใน​ปี​แรก​ใช้​เงิน​ไม่​มาก ประมาณ 60,000 ล้าน​บาท จะ​ไป​ใช้​มาก​ใน​ปี​ที่ 2-3-4 ซึ่ง​ใน​เวลา​นั้น​จะ​ปรับ​โครงสร้าง​ภาษี​แล้ว​มี​ราย​ได้​มาก​ขึ้น โดย​ปี​แรก​นั้น​โครงการ​ประกัน​ราย​ได้​เกษตรกร เฟส 2 ตั้ง​งบ ประมาณ​ไว้​แล้ว 50,000 ล้าน​บาท ต้อง​ตั้ง​เพิ่ม​อีก 15,000 ล้าน​บาท ขณะ​ที่​โครงการ​รถไฟ​ไทย-จีน วงเงิน​ลงทุน 20,000 ล้าน​บาท ใน​ช่วง 4 ปี และ​เป็น​การ​ร่วม​ทุน​กับ​จีน ฉะนั้น​ปี​แรก​ใช้​เงิน​ประมาณ 3,000 ล้าน​บาท ส่วน​ท่องเที่ยว​ปี​ละ 10,000 ล้าน​บาท ได้​ตั้ง​ใน​งบ​เดิม​ไว้​แล้ว 6,000 กว่า​ล้าน​บาท ดังนั้น งบประมาณ​ปี 2555 ที่​ตั้ง​ขาด​ดุล​ไว้ 350,000 ล้าน​บาท​ก็​ยัง​ขาด​ดุล​เท่า​เดิม”

ส่วน​ของ​พรรค​เพื่อ​ไทย ผม​ไม่ค่อย​เคลียร์​เรื่อง​วงเงิน​ลงทุน​ต้อง​ใช้​เป็น​ล้าน​ล้าน​บาท หรือ​รถไฟ 5 ระบบ​ที่​จะ​ทำ​ทั่วไป​หมด​นั้น อยาก​ถาม​ว่า​จะ​เอา​ผู้โดยสาร​จาก​ไหน แอร์​พอร์ต​ลิงค์​ตอน​นี้​ผู้โดยสาร ​ก็​ยัง​ขึ้น​ไม่​เต็มที่ หรือ​ถ้า​จะ​บอก​ว่า​รู้​ว่า​ประเทศ​ไม่​มี​เงิน​ก็​ต้อง​ลงทุน​ใน​รูป​แบบ PPP ที่​ดึง​เอกชน​มา​ร่วม​ลงทุน ก็​ถาม​ว่าการ​ไป​กำหนด​ราคา​ค่า​โดยสาร​ตลอด​เส้นทาง 20 บาท แล้ว​จะ​มี​เอกชน​ราย​ไหนจะ​กล้า​มา.
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby ผู้ใช้เสรีไทย » Fri Jun 03, 2011 7:14 pm

นโยบายเพื่อไทยตั้ง สามสิบกว่าข้อ ไม่ต้องทำหรอกเป็นฝ่ายค้านน่ะดีแล้วเพื่อไทย
ศปภ. = ศูนย์สร้างความปั่นป่วนทั่วภิภพ :lol:
ปูนรกแตกห้านิคม :D
ปูหญ้าแพก :D
ปูเรือดันน้ำ :D
ปูหมี่เน่า :D
ปูจะเปิดช่องทางชายแดนแถว“สระบุรี” :D
ปูแง่วิธีการแก้น้ำท่วมใช้หินโยนลงไปใน"ทะเล" :D
ปูอนุมัติซื้อเรือดำน้ำแต่เรื่องยังไม่เข้าครม. :D
ปู 37 วาระ แต่ครม. 57 วาระ :D
ปูน้ำท่วม"เกิดจากกรณีที่ประชาชนแต่ละพื้นที่สร้างคันกั้นน้ำไว้" :D
ปูแฮกทวิตเตอร์ :lol:
User avatar
ผู้ใช้เสรีไทย
 
Posts: 549
Joined: Sat May 28, 2011 2:57 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby Torres_No9 » Fri Jun 03, 2011 9:06 pm

คุ้นๆว่าเคยฟังเพื่อไทยตอบคำถามนี้ เค้าตอบสั้นๆว่ามันอยู่ที่การบริหารครับ
ตอนนั้นฟังยัง งงๆกะเพื่อไทยเลยเพราะเค้ายกตัวอย่างรายได้เรืองการท่องเที่ยว
ว่าปีนึงประมาณ 600,000 ล้าน และจะเพิ่มให้เป็น 800,000 ล้าน ทำอย่างกะ
รายได้ตรงนั้นเป็นของรัฐหมด คนฟังถ้าไม่รู้หรือไม่คิดคงคิดว่ารายได้จาก
การท่องเที่ยวนั้นเข้ารัฐหมดเลย ++
กลุ่มเพื่อนลูคัส ++
User avatar
Torres_No9
 
Posts: 1091
Joined: Thu May 20, 2010 2:47 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby naiare » Fri Jun 03, 2011 9:52 pm

Torres_No9 wrote:คุ้นๆว่าเคยฟังเพื่อไทยตอบคำถามนี้ เค้าตอบสั้นๆว่ามันอยู่ที่การบริหารครับ
ตอนนั้นฟังยัง งงๆกะเพื่อไทยเลยเพราะเค้ายกตัวอย่างรายได้เรืองการท่องเที่ยว
ว่าปีนึงประมาณ 600,000 ล้าน และจะเพิ่มให้เป็น 800,000 ล้าน ทำอย่างกะ
รายได้ตรงนั้นเป็นของรัฐหมด คนฟังถ้าไม่รู้หรือไม่คิดคงคิดว่ารายได้จาก
การท่องเที่ยวนั้นเข้ารัฐหมดเลย ++



----------
โครงการ southern seaboad ของ ปชป
ปชป ยังหยุดไว้ มาหนุนท่องเที่ยวใต้แทน แล้วก็รู้อยู่วา ภาคใต้ไทยนั้นดึงดุดการท่องเที่ยวที่สุด

แล้วดุไอ้แม้ว มัวแต่คิดภาคอุตสาหกรรม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต่างๆอันนำมาซึ่งเหตุการณ์ 3 จว ใต้จนทุกวันนี้
User avatar
naiare
 
Posts: 3000
Joined: Sun Mar 08, 2009 2:35 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby คนบาป » Fri Jun 03, 2011 9:55 pm

วันนี้ถ้าใครดูอภิสิทธิ์ที่ศูนย์สิริกิติ์ คงได้ความชัดเจนมาขึ้น
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby มะแอศิษย์บังโม » Fri Jun 03, 2011 9:57 pm

ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน

กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา
เลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา อำมาตย์น่าจะสำนึกได้แล้วว่าประเทศไทยไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของคนไทยทุกคน
سمائيل انق موريد ابع مو
User avatar
มะแอศิษย์บังโม
 
Posts: 2129
Joined: Thu Oct 30, 2008 5:12 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby dtonNA » Fri Jun 03, 2011 10:00 pm

มะแอศิษย์บังโม wrote:ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน

กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา


ขี้โม้ ขี้จุ๊ :mrgreen:
เราต้องการคนดีมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองเท่านั้น
User avatar
dtonNA
 
Posts: 1493
Joined: Fri Nov 28, 2008 1:28 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby lovemim001 » Fri Jun 03, 2011 10:01 pm

มะแอศิษย์บังโม wrote:ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน

กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา


สิบความดี แต่ร้อยความชั่ว viewtopic.php?f=2&t=35381

ที่บ้านมีตราชั่งมั้ย ?
User avatar
lovemim001
 
Posts: 122
Joined: Sun May 29, 2011 7:42 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby มะแอศิษย์บังโม » Fri Jun 03, 2011 10:16 pm

lovemim001 wrote:
มะแอศิษย์บังโม wrote:ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน

กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา


สิบความดี แต่ร้อยความชั่ว viewtopic.php?f=2&t=35381

ที่บ้านมีตราชั่งมั้ย ?


แถอ้างกระทู้โน้น กระทู้นี้

แล้วกล้าปฏิเสธหรือไม่ ทักษิณอยู่มา 6 ปี กู้น้อยกว่าม๊ากนาซีที่อยู่แค่ 2 ปี
:lol: :lol: :lol:
เลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา อำมาตย์น่าจะสำนึกได้แล้วว่าประเทศไทยไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของคนไทยทุกคน
سمائيل انق موريد ابع مو
User avatar
มะแอศิษย์บังโม
 
Posts: 2129
Joined: Thu Oct 30, 2008 5:12 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby dtonNA » Fri Jun 03, 2011 10:18 pm

มะแอศิษย์บังโม wrote:
lovemim001 wrote:
มะแอศิษย์บังโม wrote:ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน

กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา


สิบความดี แต่ร้อยความชั่ว viewtopic.php?f=2&t=35381

ที่บ้านมีตราชั่งมั้ย ?


แถอ้างกระทู้โน้น กระทู้นี้

แล้วกล้าปฏิเสธหรือไม่ ทักษิณอยู่มา 6 ปี กู้น้อยกว่าม๊ากนาซีที่อยู่แค่ 2 ปี
:lol: :lol: :lol:


อย่ามาขึ้จุ๊ เบเบ๊ :mrgreen:
เราต้องการคนดีมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองเท่านั้น
User avatar
dtonNA
 
Posts: 1493
Joined: Fri Nov 28, 2008 1:28 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby lovemim001 » Fri Jun 03, 2011 10:19 pm

มะแอศิษย์บังโม wrote:
lovemim001 wrote:
มะแอศิษย์บังโม wrote:ทักษิณ 6 ปี กับ ม๊ากนาซี 2 ปี ใครกู้มากกว่ากัน

กู้น้อยกว่า แถมมีเงินจ่ายคืนไอเอ็มเอฟหมดก่อนสัญญา


สิบความดี แต่ร้อยความชั่ว viewtopic.php?f=2&t=35381

ที่บ้านมีตราชั่งมั้ย ?


แถอ้างกระทู้โน้น กระทู้นี้

แล้วกล้าปฏิเสธหรือไม่ ทักษิณอยู่มา 6 ปี กู้น้อยกว่าม๊ากนาซีที่อยู่แค่ 2 ปี
:lol: :lol: :lol:


เหมือนคุณที่ก็อ้างแต่ประเด็นเดิม ๆ ใช่มั้ยคะ ?

ปล. แล้วกู้น้อยกว่าอยู่เท่าไร ?
User avatar
lovemim001
 
Posts: 122
Joined: Sun May 29, 2011 7:42 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby มะแอศิษย์บังโม » Fri Jun 03, 2011 10:48 pm

lovemim001 wrote:
ปล. แล้วกู้น้อยกว่าอยู่เท่าไร ?



ที่มิ่งขวัญแฉกันสภา แล้วม๊ากนาซี 91 เฉไฉตอบเรื่องอื่นไง ทำเป็นลืม :lol: :lol: :lol:
1. หากดูหนี้เฉลี่ยสมัยรัฐบาลทักษิณ 7.3 หมื่นล้านบาทต่อปี ส่วนรัฐบาลอภิสิทธิ์มีหนี้เฉลี่ย 4.9 แสนล้านบาทต่อปี เห็นแล้วอย่าตกใจ หากหนี้เฉลี่ยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เทียบหนี้กับรัฐบาลทักษิณมากกว่า 6.8 เท่า
2. ปี 2555 จะต้องแบกดอกเบี้ยโดยยังไม่รวมเงินต้นกว่า 200,000 ล้านบาท
3. ปี 2555 หนี้สาธารณะสูง 4.3 ล้านล้านบาท เฉลี่ยประชาชนจะเป็นหนี้คนละ64,000บาท
เลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา อำมาตย์น่าจะสำนึกได้แล้วว่าประเทศไทยไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของคนไทยทุกคน
سمائيل انق موريد ابع مو
User avatar
มะแอศิษย์บังโม
 
Posts: 2129
Joined: Thu Oct 30, 2008 5:12 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby ID007 » Fri Jun 03, 2011 10:58 pm

คนตาบอดไม่กลัวเสือ
พฤติกรรม คนหน้ามืดลงแดง เสพติดอำนาจ ยอมสัญญาทุกอย่าง
ตั้งกองกำลังข่มขู่เพื่อให้มีโอกาส โดยเร็ว
เมื่อมีโอกาสก็หลอกล่อ ด้วยอามิส เพราะเคยชินกับการซื้อคนด้วยเงิน
ทุกอย่างที่คิดเพื่อให้คนโลภ อยากได้ อยากมั่งมี โก้หรู ความสะดวกสบาย
แต่สิ่งแรกที่จะทำก็คือนิรโทษกรรมตัวเอง กับพวกพ้อง
ถ้าไม่ได้ ที่สัญญาไว้ทั้งหมดก็อย่าได้หวัง
User avatar
ID007
 
Posts: 673
Joined: Thu Apr 22, 2010 1:47 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby PinkDevil » Fri Jun 03, 2011 11:22 pm


ตัวเลขหนี้สาธารณะโดยรวมของประเทศไทย (งบประมาณของประเทศไทยคือ ตุลาคม-กันยายน) ข้อมูลจาก IMF

ปี>>>>>>>>>>>>>>หนี้สาธารณะ(พันล้านบาท)>>>>>>>>>>>GDP(พันล้านบาท)>>>>>% ต่อ GDP

ตุลาคม 2544>>>>>>>>>2,934.43>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>5,101.367>>>>>>>>>>57.522

ตุลาคม 2545>>>>>>>>>2,943.008>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>5,345.826>>>>>>>>>>55.052

ตุลาคม 2546>>>>>>>>>2,930.042>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>5,780.452>>>>>>>>>>50.689

ตุลาคม 2547>>>>>>>>>3,126.554>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>6,321.068>>>>>>>>>>49.462

ตุลาคม 2548>>>>>>>>>3,276.370>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>6,920.178>>>>>>>>>>47.345

ตุลาคม 2549>>>>>>>>>3,233.120>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>7,702.599>>>>>>>>>>41.974 ทักษิณโดนปฏิวัติ กันยายน 2549


ตุลาคม 2550>>>>>>>>>3,183.420>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>8,310.671>>>>>>>>>>38.305 รัฐบาลสุรยุทธ์

ตุลาคม 2551>>>>>>>>>3,408.331>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>9,130.394>>>>>>>>>>37.330 รัฐบาลสมัคร

ตุลาคม 2552>>>>>>>>>4,002.000>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>8,847.242>>>>>>>>>>45.234 รัฐบาลอภิสิทธิ์

ตุลาคม 2553>>>>>>>>>4,470.162>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>9,819.992>>>>>>>>>>45.521 รัฐบาลอภิสิทธิ์


http://www.imf.org/external/pubs/ft/weo ... 5&pr1.y=16

ถ้าเอาแต่ตัวเลขหนี้ ทักษิณกู้น้อยกว่าอภิสิทธิ์ แต่ลองพิจารณาตัวเลขสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ดูสิจะเห็นว่าช่วงที่ ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี สัดส่วนของหนี้ต่อ GDP อยู่ที่ ร้อยละ 57, 55, 50, 49, 47 และ 41 ในปีสุดท้าย เปรียบเทียบกับอภิสิทธิ์ที่สัดส่วนหนี้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 45 ตกลงใครกู้มากกว่ากัน ?????

แล้วถ้ามองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ในช่วงรัฐบาลทักษิณเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกเป็นขาขึ้น โดยปกติแล้วการบริหารงานในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น รัฐบาลจะปล่อยให้บทบาทส่วนใหญ่เป็นของภาคเอกชน แต่ขณะที่อภิสิทธิ์เข้ามาเป็นนายกเป็นช่วงเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ตลาดส่งออกหลักๆของไทย อย่างอเมริกา ยุโรป ขาดกำลังซื้อ รัฐบาลจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงไปในระบบ ซึ่งถามว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือไม่ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาคงเป็นคำตอบได้ว่าถูกต้องแล้วกับการดำเนินนโยบายนั้น

แล้วทักษิณในขณะที่บริหารงานในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น ภาคเอกชนสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ด้วยตัวเอง ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเข้าไปแทรกแซง ทักษิณก็ยังกู้เงินมาจำนวนมาก คำถามคือ เงินเหล่านั้นไปไหน มีการก่อสร้างโครงการอะไรใหญ่ๆที่เป็นรูปธรรมบ้าง ลองช่วยตอบให้ทราบหน่อยสิ ในขณะที่คนไทยเห็นโครงการต่างๆที่ใช้เงินกู้ภายใต้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เริ่มก่อสร้าง เห็นโครงการที่เป็นรูปธรรม

ตกลงใครกู้มากกว่ากัน แล้วใครกู้แล้วใช้เงินกู้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากกว่ากัน
Last edited by PinkDevil on Sat Jun 04, 2011 9:10 am, edited 2 times in total.
To dream the impossible dream
To fight the unbeatable foe
To bear with unbearable sorrow
To run where the brave dare not go
To right the unrightable wrong
To love pure and chaste from afar
To try when your arms are weary
To reach the unreachable star
User avatar
PinkDevil
 
Posts: 835
Joined: Sat Feb 07, 2009 1:12 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby มะแอศิษย์บังโม » Fri Jun 03, 2011 11:36 pm

PinkDevil wrote: ตกลงใครกู้มากกว่ากัน แล้วใครกู้แล้วใช้เงินกู้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากกว่ากัน


ถ้าดูตัวเลขตรงๆ ยืนยันว่าสมัย Image กู้มากกว่าครับ

ตัวเลขที่อ้างมา เทียบกับ GDP ซึ่งตอนนี้มันโตกว่าสมัยนั้น เมื่อดูจำนวนตรงๆ หนี้สมัยม๊ากนาซีมากกว่า

ตอนที่ท่านนายกทักษิณเข้ามาใหม่ๆ มีหนี้ที่เป็นขี้ก้อนโตที่รัฐบาลชวนทิ้งไว้ให้คือ

1.หนี้กองทุนฟื้นฟูที่เกิดจากการขายทรัพย์ที่เอามาจากสถาบันการเงินล้มแบบโง่ๆ ให้กับโกลด์แมนแซค, เลห์แมน บราเธอร์ส และจีอีแคปปิตอล ได้ราคาไม่ถึง 20% ของต้นทุนทรัพย์สิน แถมยังช่วยไม่ให้ฝรั่งเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีกต่างหาก ก้อนนี้เข้าใจว่าประมาณ 700,000 ล้านบาท

2.หนี้ที่กู้มาจาก มิยาซาวา เอดีบี เวิลด์แบงก์ และไอเอ็มเอฟ อีก 600,000 กว่าล้านบาท

จะเห็นว่ารับหนี้สาธารณะมาในขีดอันตรายคือเกือบ 60% ของ GDP แต่พอบริหารไปซักพักก็ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP ลดลงจนปลอดภัย

ดูตัวเลขสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ของปี 44-49 เห็นได้ชัดว่ามันลดลง แต่มาเพิ่มอีกทีในสมัยม๊ากนาซี เพราะก่อหนี้ไว้เยอะ
เลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา อำมาตย์น่าจะสำนึกได้แล้วว่าประเทศไทยไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของคนไทยทุกคน
سمائيل انق موريد ابع مو
User avatar
มะแอศิษย์บังโม
 
Posts: 2129
Joined: Thu Oct 30, 2008 5:12 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby baezae » Fri Jun 03, 2011 11:41 pm

บัง หนี้ไอเอ็มเอฟน่ะ ชวลิต ที่มีเหลี่ยมเป็นรัฐมนตรีกู้ว่ะ กองทุนฟื้นฟู ก็เป็นที่ชวลิตเซ็นไว้ตาม LOI ที่ไอเอ็มเอฟ(ซึ่งมันก็เป็นคนกู้แถมเบิกเงินงวดแรกอีก) ก่อนคุณชวนเป็นนายกว่ะ

GDP โตกว่า ในขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอ ส่วนสมัยเหลี่ยมขาขึ้น?

มีแค่ปีเดียวคือปี ๒๐๐๓ ที่เศรษฐกิจเราอยู่สูงเป็นอันดับสอง หลังจากนั้นก็สาละวันเตี้ยลงต่อเนื่อง ในขณะที่เพื่อนบ้านเค้าพุ่งสวนทางขึ้น ข้อมูลจุดนี้ผมเคยลงไว้แล้ว ปีท้าย ๆ เรารั้งรองบ๊วยของภูมิภาคเลยด้วยซ้ำ

อ้อ ข้อมูลสัดส่วนหนี้ปัจจุบันน่ะ อยู่ที่ราวร้อยละ ๔๑ กว่า ข้อมูลจาก World Bank

คงคลังก็ไม่เยอะ ๓ แสนกว่าล้านเอง จริง ๆ ควรจะเยอะกว่านี้อีก ถ้าตอนสมัยสมัครสมชายไม่ถลุงไปกว่า ๑.๗ แสนล้าน จากตอนที่มันรับไม้มาจากสุรยุทธที่ ๒.๒ แสนล้าน จนคงคลังเหลือมาปี ๕๒ แค่ราว ๕.๕ หมื่นล้าน

ปีที่ผ่านมา จีดีพีเราเป็นอันดับ ๒ เหมือนสมัยเหลี่ยมว่ะ แต่โตกว่าร้อยละ .๔ เมื่อเทียบกับสมัยเหลี่ยม อัตราการเพิ่มของรายได้ต่อหัวสูงกว่า เหลี่ยมดีสุดที่ร้อยละ ๑๘ ในขณะที่ปัจจุบันราวร้อยละ ๒๑

เงินเฟ้อสมัยเหลี่ยมสูงสุดปาเข้าไปเกือบร้อยละ ๕ ในขณะที่ปัจจุบันร้อยละ ๓

อย่าไปฟังเหลี่ยมมันโม้มากนักเลย
Last edited by baezae on Fri Jun 03, 2011 11:46 pm, edited 2 times in total.
ถ้าคุณเป็นเสื้อเหลือง ผมคุยกับคุณได้ และหัวเราะให้กันได้
ถ้าคุณเป็นเสื้อแดง ผมก็คุยกับคุณได้ และหัวเราะใ้ห้กันได้
แต่ถ้าคุณเป็นควายล้มเจ้าไม่ว่าจะสีไหน ผมจะด่าอย่างเดียว
User avatar
baezae
 
Posts: 1144
Joined: Thu Feb 18, 2010 10:43 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby Torres_No9 » Fri Jun 03, 2011 11:42 pm

มะแอศิษย์บังโม wrote:
PinkDevil wrote: ตกลงใครกู้มากกว่ากัน แล้วใครกู้แล้วใช้เงินกู้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากกว่ากัน


ถ้าดูตัวเลขตรงๆ ยืนยันว่าสมัย Image กู้มากกว่าครับ

ตัวเลขที่อ้างมา เทียบกับ GDP ซึ่งตอนนี้มันโตกว่าสมัยนั้น เมื่อดูจำนวนตรงๆ หนี้สมัยม๊ากนาซีมากกว่า

ตอนที่ท่านนายกทักษิณเข้ามาใหม่ๆ มีหนี้ที่เป็นขี้ก้อนโตที่รัฐบาลชวนทิ้งไว้ให้คือ

1.หนี้กองทุนฟื้นฟูที่เกิดจากการขายทรัพย์ที่เอามาจากสถาบันการเงินล้มแบบโง่ๆ ให้กับโกลด์แมนแซค, เลห์แมน บราเธอร์ส และจีอีแคปปิตอล ได้ราคาไม่ถึง 20% ของต้นทุนทรัพย์สิน แถมยังช่วยไม่ให้ฝรั่งเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีกต่างหาก ก้อนนี้เข้าใจว่าประมาณ 700,000 ล้านบาท

2.หนี้ที่กู้มาจาก มิยาซาวา เอดีบี เวิลด์แบงก์ และไอเอ็มเอฟ อีก 600,000 กว่าล้านบาท

จะเห็นว่ารับหนี้สาธารณะมาในขีดอันตรายคือเกือบ 60% ของ GDP แต่พอบริหารไปซักพักก็ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP ลดลงจนปลอดภัย

ดูตัวเลขสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ของปี 44-49 เห็นได้ชัดว่ามันลดลง แต่มาเพิ่มอีกทีในสมัยม๊ากนาซี เพราะก่อหนี้ไว้เยอะ



นั่นสิครับการที่ตัวเลข GDP เติบโตมากกว่า ในวันที่เศรษฐกิจโลกแย่กว่า มันหมายความถึงอะไรหล่ะครับ :?: ++
กลุ่มเพื่อนลูคัส ++
User avatar
Torres_No9
 
Posts: 1091
Joined: Thu May 20, 2010 2:47 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby lovemim001 » Fri Jun 03, 2011 11:44 pm

มะแอศิษย์บังโม wrote:
lovemim001 wrote:
ปล. แล้วกู้น้อยกว่าอยู่เท่าไร ?



ที่มิ่งขวัญแฉกันสภา แล้วม๊ากนาซี 91 เฉไฉตอบเรื่องอื่นไง ทำเป็นลืม :lol: :lol: :lol:
1. หากดูหนี้เฉลี่ยสมัยรัฐบาลทักษิณ 7.3 หมื่นล้านบาทต่อปี ส่วนรัฐบาลอภิสิทธิ์มีหนี้เฉลี่ย 4.9 แสนล้านบาทต่อปี เห็นแล้วอย่าตกใจ หากหนี้เฉลี่ยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เทียบหนี้กับรัฐบาลทักษิณมากกว่า 6.8 เท่า
2. ปี 2555 จะต้องแบกดอกเบี้ยโดยยังไม่รวมเงินต้นกว่า 200,000 ล้านบาท
3. ปี 2555 หนี้สาธารณะสูง 4.3 ล้านล้านบาท เฉลี่ยประชาชนจะเป็นหนี้คนละ64,000บาท



ขออภัยที่ข้าพเจ้ามาตอบกระทู้ช้าไปหน่อย เรื่อง GDP หรืออะไรเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษศาสตร์ข้าพเจ้ายอมรับว่าไม่ค่อย get เท่าไร จึงขออนุญาติ quote มาลงเลยแล้วกัน
ผมประเมินสถานการณ์เอาไว้เมื่อ 15 ธ.ค.2551 ว่ารัฐบาลสุรยุทธ์เจอภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์จะต้องเจอเศรษฐกิจถดถอย

"...ในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะงักงัน ภาวะน้ำมันแพง ข้าวของราคาแพง และต้องแก้ปัญหาที่ตกทอดมาจากระบอบทักษิณ เช่น ภาระหนี้กองทุนน้ำมันกว่า 100,000 ล้านบาท หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ และภาระหนี้สินที่ซุกไว้ตามสถาบันการเงินต่างๆ แต่ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ จะต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอย รุนแรงเสมือนหนึ่ง "สึนามิเศรษฐกิจ" ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกของไทยมีกำลังซื้อลดลง เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ รายได้ของประเทศเหล่านั้นตกต่ำ ทำให้การส่งออกของไทยย่ำแย่ ธุรกิจส่งออกและท่องเที่ยวในประเทศไทยอาการสาหัส อาจต้องปิดกิจการหรือลดพนักงาน ปี 2552 จะมีคนว่างงานกว่า 1 ล้านคน ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มจะตกต่ำ เกษตรกรลำบาก ในขณะที่เครื่องมือทางนโยบายการเงินของภาครัฐไม่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะดอกเบี้ยลดต่ำลงมากแล้ว การลงทุนก็ไม่กระเตื้อง รัฐบาลจึงเหลือเพียงนโยบายการคลัง ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องรายได้ของประชาชนในประเทศ..."

ผ่านไป 2 ปีครึ่ง ประเมินได้ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ได้รับมือปัญหาเศรษฐกิจที่ลุกลามจากต่างประเทศ โดยใช้นโยบายการคลังกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ลดการว่างงานในประเทศได้สำเร็จ

ที่สำคัญ ได้ใช้การกู้ในประเทศ ไม่ใช่กู้จากต่างประเทศ แก้ปัญหาเงินหลับ หรือภาวะที่เงินไปกองอยู่ในสถาบันการเงินโดยไม่ยอมปล่อยกู้จ่ายออกมาสู่ระบบเศรษฐกิจ

ผลปรากฏว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมดีกว่าที่คิดมาก โตถึง 6-7 %

ตลาดหุ้นดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตรหลายตัวก็ดี ทุนสำรองของประเทศก็เข้มแข็ง

ทั้งๆ ที่ ระหว่างนั้น เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในบ้านเมืองถึง 2 ปีซ้อน สั่นคลอนความเชื่อถือของไทยในสายตาต่างชาติอย่างรุนแรง

สถานการณ์เช่นนี้ แตกต่างจากสถานการณ์รัฐบาลยุคทักษิณเข้ามาบริหารประเทศในปี 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยเริ่มคลี่คลายจากวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 (รัฐบาลพลเอกชวลิตลอยตัวค่าเงินบาท)

ตอนที่รัฐบาลทักษิณเข้ามานั้น ประเทศไทยได้ทยอยชำระหนี้กองทุนไอเอ็มเอฟไปจำนวนมากแล้ว แถมชำระหนี้ได้ดีกว่าแผนการเดิมอีกด้วย จึงประเมินว่าอาจไม่ต้องกู้ยืมไอเอ็มเอฟครบวงเงินที่ขอไว้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้สามารถชำระหนี้ได้เสร็จสิ้นก่อนกำหนดเดิม

ทักษิณไม่ใช่คนปลดหนี้ไอเอ็มเอฟทั้งหมด แต่เป็นแค่ทำงานธุรการใช้หนี้งวดสุดท้าย แล้วใช้วิธีหาเสียงทางการเมือง ชักธงชาติ จัดกิจกรรมเอิกเริก สร้างภาพวีรบุรุษให้ตัวเอง แล้วก็บริหารประเทศบนฐานเศรษฐกิจการเงินการคลังที่เริ่มกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้งหลังวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 แล้ว


เครดิต อ.เจิมศักดิ์
User avatar
lovemim001
 
Posts: 122
Joined: Sun May 29, 2011 7:42 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby มะแอศิษย์บังโม » Fri Jun 03, 2011 11:45 pm

baezae wrote:บัง หนี้ไอเอ็มเอฟน่ะ ชวลิต ที่มีเหลี่ยมเป็นรัฐมนตรีกู้ว่ะ กองทุนฟื้นฟู ก็เป็นที่ชวลิตเซ็นไว้ก่อนเป็นนายกว่ะ

GDP โตกว่า ในขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอ ส่วนสมัยเหลี่ยมขาขึ้น?

มีแค่ปีเดียวคือปี 2003 ที่เศรษฐกิจเราอยู่สูงเป็นอันดับสอง หลังจากนั้นก็สาละวันเตี้ยลงต่อเนื่อง ในขณะที่เพื่อนบ้านเค้าพุ่งสวนทางขึ้น ข้อมูลจุดนี้ผมเคยลงไว้แล้ว ปีท้าย ๆ เรารั้งรองบ๊วยของภูมิภาคเลยด้วยซ้ำ


ก็บอกให้รู้ว่าหนี้ที่สัดส่วนเกือบร้อยละ 60 ของ GDP นั้น ท่านนายกทักษิณไม่ได้ก่อไว้ มันมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะไอเอมเอฟสมัยชวลิต หรือมิยาซาว่าและหนี้อื่นๆสมัยชวน

แต่ท่านนายกทักษิณบริหารประเทศจนสามารถทำให้สัดส่วนหนี้ลดลงมาได้จนถึงระดับน่าพอใจ แต่ม๊ากกำลังก่อขึ้นอีก และจะเป็นขี้ที่โยนให้รัฐบาลใหม่ต้องตามมาแก้
เลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา อำมาตย์น่าจะสำนึกได้แล้วว่าประเทศไทยไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของคนไทยทุกคน
سمائيل انق موريد ابع مو
User avatar
มะแอศิษย์บังโม
 
Posts: 2129
Joined: Thu Oct 30, 2008 5:12 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby dtonNA » Fri Jun 03, 2011 11:48 pm

มะแอศิษย์บังโม wrote:
baezae wrote:บัง หนี้ไอเอ็มเอฟน่ะ ชวลิต ที่มีเหลี่ยมเป็นรัฐมนตรีกู้ว่ะ กองทุนฟื้นฟู ก็เป็นที่ชวลิตเซ็นไว้ก่อนเป็นนายกว่ะ

GDP โตกว่า ในขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอ ส่วนสมัยเหลี่ยมขาขึ้น?

มีแค่ปีเดียวคือปี 2003 ที่เศรษฐกิจเราอยู่สูงเป็นอันดับสอง หลังจากนั้นก็สาละวันเตี้ยลงต่อเนื่อง ในขณะที่เพื่อนบ้านเค้าพุ่งสวนทางขึ้น ข้อมูลจุดนี้ผมเคยลงไว้แล้ว ปีท้าย ๆ เรารั้งรองบ๊วยของภูมิภาคเลยด้วยซ้ำ


ก็บอกให้รู้ว่าหนี้ที่สัดส่วนเกือบร้อยละ 60 ของ GDP นั้น ท่านนายกทักษิณไม่ได้ก่อไว้ มันมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะไอเอมเอฟสมัยชวลิต หรือมิยาซาว่าและหนี้อื่นๆสมัยชวน

แต่ท่านนายกทักษิณบริหารประเทศจนสามารถทำให้สัดส่วนหนี้ลดลงมาได้จนถึงระดับน่าพอใจ แต่ม๊ากกำลังก่อขึ้นอีก และจะเป็นขี้ที่โยนให้รัฐบาลใหม่ต้องตามมาแก้


ในสมัยรัฐบาลชวลิตไอ้แม้วมันก็เป็นรองนายกเศรษฐกิจไม่ใช่เหรอ เป็นรัฐที่เซ็นกู้ไอเอ็มเอฟด้วยไม่ใช่เหรอ แสดงว่าสมัยที่ตัวเองเป็นผู้กู้นะซิ :mrgreen:
เราต้องการคนดีมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองเท่านั้น
User avatar
dtonNA
 
Posts: 1493
Joined: Fri Nov 28, 2008 1:28 am

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby มะแอศิษย์บังโม » Fri Jun 03, 2011 11:50 pm

lovemim001 wrote:

ขออภัยที่ข้าพเจ้ามาตอบกระทู้ช้าไปหน่อย เรื่อง GDP หรืออะไรเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษศาสตร์ข้าพเจ้ายอมรับว่าไม่ค่อย get เท่าไร จึงขออนุญาติ quote มาลงเลยแล้วกัน
ผมประเมินสถานการณ์เอาไว้เมื่อ 15 ธ.ค.2551 ว่ารัฐบาลสุรยุทธ์เจอภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์จะต้องเจอเศรษฐกิจถดถอย

"...ในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะงักงัน ภาวะน้ำมันแพง ข้าวของราคาแพง และต้องแก้ปัญหาที่ตกทอดมาจากระบอบทักษิณ เช่น ภาระหนี้กองทุนน้ำมันกว่า 100,000 ล้านบาท หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ และภาระหนี้สินที่ซุกไว้ตามสถาบันการเงินต่างๆ แต่ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ จะต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอย รุนแรงเสมือนหนึ่ง "สึนามิเศรษฐกิจ" ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกของไทยมีกำลังซื้อลดลง เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ รายได้ของประเทศเหล่านั้นตกต่ำ ทำให้การส่งออกของไทยย่ำแย่ ธุรกิจส่งออกและท่องเที่ยวในประเทศไทยอาการสาหัส อาจต้องปิดกิจการหรือลดพนักงาน ปี 2552 จะมีคนว่างงานกว่า 1 ล้านคน ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มจะตกต่ำ เกษตรกรลำบาก ในขณะที่เครื่องมือทางนโยบายการเงินของภาครัฐไม่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะดอกเบี้ยลดต่ำลงมากแล้ว การลงทุนก็ไม่กระเตื้อง รัฐบาลจึงเหลือเพียงนโยบายการคลัง ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องรายได้ของประชาชนในประเทศ..."

ผ่านไป 2 ปีครึ่ง ประเมินได้ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ได้รับมือปัญหาเศรษฐกิจที่ลุกลามจากต่างประเทศ โดยใช้นโยบายการคลังกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ลดการว่างงานในประเทศได้สำเร็จ

ที่สำคัญ ได้ใช้การกู้ในประเทศ ไม่ใช่กู้จากต่างประเทศ แก้ปัญหาเงินหลับ หรือภาวะที่เงินไปกองอยู่ในสถาบันการเงินโดยไม่ยอมปล่อยกู้จ่ายออกมาสู่ระบบเศรษฐกิจ

ผลปรากฏว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมดีกว่าที่คิดมาก โตถึง 6-7 %

ตลาดหุ้นดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตรหลายตัวก็ดี ทุนสำรองของประเทศก็เข้มแข็ง

ทั้งๆ ที่ ระหว่างนั้น เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในบ้านเมืองถึง 2 ปีซ้อน สั่นคลอนความเชื่อถือของไทยในสายตาต่างชาติอย่างรุนแรง

สถานการณ์เช่นนี้ แตกต่างจากสถานการณ์รัฐบาลยุคทักษิณเข้ามาบริหารประเทศในปี 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยเริ่มคลี่คลายจากวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 (รัฐบาลพลเอกชวลิตลอยตัวค่าเงินบาท)

ตอนที่รัฐบาลทักษิณเข้ามานั้น ประเทศไทยได้ทยอยชำระหนี้กองทุนไอเอ็มเอฟไปจำนวนมากแล้ว แถมชำระหนี้ได้ดีกว่าแผนการเดิมอีกด้วย จึงประเมินว่าอาจไม่ต้องกู้ยืมไอเอ็มเอฟครบวงเงินที่ขอไว้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้สามารถชำระหนี้ได้เสร็จสิ้นก่อนกำหนดเดิม

ทักษิณไม่ใช่คนปลดหนี้ไอเอ็มเอฟทั้งหมด แต่เป็นแค่ทำงานธุรการใช้หนี้งวดสุดท้าย แล้วใช้วิธีหาเสียงทางการเมือง ชักธงชาติ จัดกิจกรรมเอิกเริก สร้างภาพวีรบุรุษให้ตัวเอง แล้วก็บริหารประเทศบนฐานเศรษฐกิจการเงินการคลังที่เริ่มกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้งหลังวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 แล้ว


เครดิต อ.เจิมศักดิ์


ก็ยอมรับตรงๆว่าม๊ากนาซีบริหารประเทศ 2 ปี กู้มากกว่าสมัยทักษิณที่บริหารประเทศนาน 6 ปี ซะก็สิ้นเรื่อง

แล้ววิกฤติของประเทศที่เกิดขึ้นมาหลังรัฐประหารปี 49 ใครต้นเหตุก่อเรื่องหวะ ที่มันเย้วๆ บนเวทีว่า "เราต้องเสียสละ ปิดสนามบินไม่เป็นไร คนไทยต้องอดทน" ใครก่อวะ ?
เลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา อำมาตย์น่าจะสำนึกได้แล้วว่าประเทศไทยไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของคนไทยทุกคน
سمائيل انق موريد ابع مو
User avatar
มะแอศิษย์บังโม
 
Posts: 2129
Joined: Thu Oct 30, 2008 5:12 pm

Re: นโยบาย ปชป มีcash flow ประกอบ พท ไม่มีเลย

Postby lovemim001 » Fri Jun 03, 2011 11:51 pm

มะแอศิษย์บังโม wrote:
lovemim001 wrote:
มะแอศิษย์บังโม wrote:
lovemim001 wrote:
ปล. แล้วกู้น้อยกว่าอยู่เท่าไร ?



ที่มิ่งขวัญแฉกันสภา แล้วม๊ากนาซี 91 เฉไฉตอบเรื่องอื่นไง ทำเป็นลืม :lol: :lol: :lol:
1. หากดูหนี้เฉลี่ยสมัยรัฐบาลทักษิณ 7.3 หมื่นล้านบาทต่อปี ส่วนรัฐบาลอภิสิทธิ์มีหนี้เฉลี่ย 4.9 แสนล้านบาทต่อปี เห็นแล้วอย่าตกใจ หากหนี้เฉลี่ยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เทียบหนี้กับรัฐบาลทักษิณมากกว่า 6.8 เท่า
2. ปี 2555 จะต้องแบกดอกเบี้ยโดยยังไม่รวมเงินต้นกว่า 200,000 ล้านบาท
3. ปี 2555 หนี้สาธารณะสูง 4.3 ล้านล้านบาท เฉลี่ยประชาชนจะเป็นหนี้คนละ64,000บาท



ขออภัยที่ข้าพเจ้ามาตอบกระทู้ช้าไปหน่อย เรื่อง GDP หรืออะไรเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษศาสตร์ข้าพเจ้ายอมรับว่าไม่ค่อย get เท่าไร จึงขออนุญาติ quote มาลงเลยแล้วกัน
ผมประเมินสถานการณ์เอาไว้เมื่อ 15 ธ.ค.2551 ว่ารัฐบาลสุรยุทธ์เจอภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์จะต้องเจอเศรษฐกิจถดถอย

"...ในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะงักงัน ภาวะน้ำมันแพง ข้าวของราคาแพง และต้องแก้ปัญหาที่ตกทอดมาจากระบอบทักษิณ เช่น ภาระหนี้กองทุนน้ำมันกว่า 100,000 ล้านบาท หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ และภาระหนี้สินที่ซุกไว้ตามสถาบันการเงินต่างๆ แต่ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ จะต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอย รุนแรงเสมือนหนึ่ง "สึนามิเศรษฐกิจ" ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกของไทยมีกำลังซื้อลดลง เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ รายได้ของประเทศเหล่านั้นตกต่ำ ทำให้การส่งออกของไทยย่ำแย่ ธุรกิจส่งออกและท่องเที่ยวในประเทศไทยอาการสาหัส อาจต้องปิดกิจการหรือลดพนักงาน ปี 2552 จะมีคนว่างงานกว่า 1 ล้านคน ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มจะตกต่ำ เกษตรกรลำบาก ในขณะที่เครื่องมือทางนโยบายการเงินของภาครัฐไม่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะดอกเบี้ยลดต่ำลงมากแล้ว การลงทุนก็ไม่กระเตื้อง รัฐบาลจึงเหลือเพียงนโยบายการคลัง ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องรายได้ของประชาชนในประเทศ..."

ผ่านไป 2 ปีครึ่ง ประเมินได้ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ได้รับมือปัญหาเศรษฐกิจที่ลุกลามจากต่างประเทศ โดยใช้นโยบายการคลังกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ลดการว่างงานในประเทศได้สำเร็จ

ที่สำคัญ ได้ใช้การกู้ในประเทศ ไม่ใช่กู้จากต่างประเทศ แก้ปัญหาเงินหลับ หรือภาวะที่เงินไปกองอยู่ในสถาบันการเงินโดยไม่ยอมปล่อยกู้จ่ายออกมาสู่ระบบเศรษฐกิจ

ผลปรากฏว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมดีกว่าที่คิดมาก โตถึง 6-7 %

ตลาดหุ้นดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตรหลายตัวก็ดี ทุนสำรองของประเทศก็เข้มแข็ง

ทั้งๆ ที่ ระหว่างนั้น เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในบ้านเมืองถึง 2 ปีซ้อน สั่นคลอนความเชื่อถือของไทยในสายตาต่างชาติอย่างรุนแรง

สถานการณ์เช่นนี้ แตกต่างจากสถานการณ์รัฐบาลยุคทักษิณเข้ามาบริหารประเทศในปี 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยเริ่มคลี่คลายจากวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 (รัฐบาลพลเอกชวลิตลอยตัวค่าเงินบาท)

ตอนที่รัฐบาลทักษิณเข้ามานั้น ประเทศไทยได้ทยอยชำระหนี้กองทุนไอเอ็มเอฟไปจำนวนมากแล้ว แถมชำระหนี้ได้ดีกว่าแผนการเดิมอีกด้วย จึงประเมินว่าอาจไม่ต้องกู้ยืมไอเอ็มเอฟครบวงเงินที่ขอไว้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้สามารถชำระหนี้ได้เสร็จสิ้นก่อนกำหนดเดิม

ทักษิณไม่ใช่คนปลดหนี้ไอเอ็มเอฟทั้งหมด แต่เป็นแค่ทำงานธุรการใช้หนี้งวดสุดท้าย แล้วใช้วิธีหาเสียงทางการเมือง ชักธงชาติ จัดกิจกรรมเอิกเริก สร้างภาพวีรบุรุษให้ตัวเอง แล้วก็บริหารประเทศบนฐานเศรษฐกิจการเงินการคลังที่เริ่มกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้งหลังวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 แล้ว


เครดิต อ.เจิมศักดิ์


ก็ยอมรับตรงๆว่าม๊ากนาซีบริหารประเทศ 2 ปี กู้มากกว่าสมัยทักษิณที่บริหารประเทศนาน 6 ปี ซะก็สิ้นเรื่อง

แล้ววิกฤติของประเทศที่เกิดขึ้นมาหลังรัฐประหารปี 49 ใครต้นเหตุก่อเรื่องหวะ ที่มันเย้วๆ บนเวทีว่า "เราต้องเสียสละ ปิดสนามบินไม่เป็นไร คนไทยต้องอดทน" ใครก่อวะ ?


กู้มากกว่า ใช่ค่ะ และกู้มากกว่าด้วยเหตุผลตามที่ quote มาลง :) อ่านเหตุผลยังคะ ?
User avatar
lovemim001
 
Posts: 122
Joined: Sun May 29, 2011 7:42 pm

Next

Return to สภากาแฟ



cron