จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby คนเล็กของเล่นใหญ่ » Sat Jun 11, 2011 4:58 pm

ปีกพิราบ wrote:ข้อเสียของการประกันราคา
1.รัฐต้องจ่ายเงินไปสู่เกษตรโดยตรงทำให้รัฐต้องจ่ายเงินเพื่อการนี้เป็นจำนวนมากโดยไม่ได้อะไรกลับมาเหมือนการแจกเงิน
2.มีการแจ้งการทำนาที่เป็นเท็จเช่นทำนา 10 ไร่บอกว่า 20 ไร่ แม้จะมีประชาคมแต่บ้างครั้งต่างก็เกรงใจกันไม่กล้าคัดค้าน หรืออาจเนื่องจากต่างคนต่างแจ้งเท็จด้วยกัน เรื่องนี้มีบ่นกันมาก
3.ทำให้ราคาข้าวไม่ขึ้นเกินหนึ่งหมื่นบาท เพราะพ่อค้ารับซื้อรู้ว่ารัฐจ่ายส่วนต่างให้เกษตรแล้ว เหมือนรัฐกดราคาข้าวไม่ให้เกินหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งตั้งแต่โครงการนี้ออกมาราคาข้าวไม่เคยเกินหนึ่งหมื่นบาทเลย
4.การจ่ายเงินส่วนต่างจะจ่ายให้แค่ 25 ตัน ถ้าใครได้เกินกว่า 25 ตันไม่ได้รับส่วนต่าง
5.คิดให้ผลผลิตข้าวที่ 500 กก. ต่อไร่ ถ้าใครทำได้มากกว่านั้นก็ไม่ได้

ผลดีการรับจำนำข้าว
1.จากการประกาศจำนำราคาข้าวที่ 15,000 บาท ชาวนาจะได้รับเงิน 15,000 เลย (กรณีข้าวมีความชื้นที่ 15 เปอร์เซนต์) ซึ่งเป็นเงินสด
2.ชาวนามีข้าวจำนวนเท่าไรก็ขายได้ตามจำนวนผลผลิตที่ได้ ถ้าทำได้ 100 ตันก็ได้ทั้ง 100 ตัน เป็นเงิน 1,500,000
3.ชาวนาจะได้รับเป็นเงินสดทันทีเมื่อขายข้าว
4.จะทำให้ราคาข้าวในท้องตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากถ้า่พ่อค้าไม่รับซื้อในราคาสูงก็ไม่มีข้าวขายเพราะรัฐจะซื้อเองหมด
5.รัฐบาลบอกว่าจะนำข้าวไปขายเองและทำให้ข้าวราคาสูงขึ้นโดยการเจรจากับประเทศที่ผลิตข้าวรายใหญ่ เช่นเวียตนาม อินเดีย ฯลฯ เพื่อกำหนดราคาข้าวในตลาดโลก (เหมือนกลุ่มโอเปคที่กำหนดราคาน้ำมัน) ถ้ารัฐทำได้จริงอาจมีกำไรจากการขายข้าวซึ่งได้กลับมาเป็นรายได้ของรัฐ


มิงไม่บอกผลดีของการประกันราคา และผลเสียของการจำนำข้าวมาด้วยล่ะครับ อั้ยสัด
User avatar
คนเล็กของเล่นใหญ่
 
Posts: 2134
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:52 am

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby phoosana » Sat Jun 11, 2011 5:02 pm

ปีกพิราบ wrote:ข้อเสียของการประกันราคา
1.รัฐต้องจ่ายเงินไปสู่เกษตรโดยตรงทำให้รัฐต้องจ่ายเงินเพื่อการนี้เป็นจำนวนมากโดยไม่ได้อะไรกลับมาเหมือนการแจกเงิน
2.มีการแจ้งการทำนาที่เป็นเท็จเช่นทำนา 10 ไร่บอกว่า 20 ไร่ แม้จะมีประชาคมแต่บ้างครั้งต่างก็เกรงใจกันไม่กล้าคัดค้าน หรืออาจเนื่องจากต่างคนต่างแจ้งเท็จด้วยกัน เรื่องนี้มีบ่นกันมาก
3.ทำให้ราคาข้าวไม่ขึ้นเกินหนึ่งหมื่นบาท เพราะพ่อค้ารับซื้อรู้ว่ารัฐจ่ายส่วนต่างให้เกษตรแล้ว เหมือนรัฐกดราคาข้าวไม่ให้เกินหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งตั้งแต่โครงการนี้ออกมาราคาข้าวไม่เคยเกินหนึ่งหมื่นบาทเลย
4.การจ่ายเงินส่วนต่างจะจ่ายให้แค่ 25 ตัน ถ้าใครได้เกินกว่า 25 ตันไม่ได้รับส่วนต่าง
5.คิดให้ผลผลิตข้าวที่ 500 กก. ต่อไร่ ถ้าใครทำได้มากกว่านั้นก็ไม่ได้

ผลดีการรับจำนำข้าว
1.จากการประกาศจำนำราคาข้าวที่ 15,000 บาท ชาวนาจะได้รับเงิน 15,000 เลย (กรณีข้าวมีความชื้นที่ 15 เปอร์เซนต์) ซึ่งเป็นเงินสด
2.ชาวนามีข้าวจำนวนเท่าไรก็ขายได้ตามจำนวนผลผลิตที่ได้ ถ้าทำได้ 100 ตันก็ได้ทั้ง 100 ตัน เป็นเงิน 1,500,000
3.ชาวนาจะได้รับเป็นเงินสดทันทีเมื่อขายข้าว
4.จะทำให้ราคาข้าวในท้องตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากถ้า่พ่อค้าไม่รับซื้อในราคาสูงก็ไม่มีข้าวขายเพราะรัฐจะซื้อเองหมด
5.รัฐบาลบอกว่าจะนำข้าวไปขายเองและทำให้ข้าวราคาสูงขึ้นโดยการเจรจากับประเทศที่ผลิตข้าวรายใหญ่ เช่นเวียตนาม อินเดีย ฯลฯ เพื่อกำหนดราคาข้าวในตลาดโลก (เหมือนกลุ่มโอเปคที่กำหนดราคาน้ำมัน) ถ้ารัฐทำได้จริงอาจมีกำไรจากการขายข้าวซึ่งได้กลับมาเป็นรายได้ของรัฐ


เอามาแต่ข้อดีไม่เอาข้อเสียมาด้วย ล่ะ :lol:

ข้อเสีย
1.จากอดีตที่ผ่านมามีการคอรัปชั่นกันมากในกระบวนการรับจำนำ ทำให้รัฐต้องขาดทุนปีละหลายหมื่นล้าน
2.รัฐอาจต้องสร้างไซโลไว้เก็บข้าวเองจำนวนมาก
3.เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด ทำให้รัฐต้องใช้เงินจำนวนมากไปซื้อข้าว ซึ่งรัฐไม่น่าจะมีเงินมากมาซื้อข้าวชาวนาได้ทั้งหมด ในกรณีที่พ่อค้าไม่รับซื้อข้าวแข่ง
4.รัฐต้องเสียเงินจำนวนไม่น้อยในการสต็อกข้าว และรักษาคุณภาพข้าวจำนวนมากถ้าขายข้าวไม่ได้ มีกรณีตัวอย่างในปัจจุบันที่มีข้าวในสต็อกหลายล้านตันที่รัฐยังไม่ได้ขายออกไป
5.อาจมีข้าวจากต่างประเทศเข้ามาสวมสิทธิ์
เอาแค่ 5 ข้อเหมือนกันเพื่อความยุติธรรม ส่วนใครคิดได้มากกว่านี้ก็ลองมาเปรียบเทียบกันดู

http://www.oknation.net/blog/aplang/2011/06/10/entry-1
We love fender.
User avatar
phoosana
 
Posts: 2608
Joined: Tue Jan 27, 2009 11:13 am

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby phoosana » Sat Jun 11, 2011 5:05 pm

TDRI สับนโยบายจำนำข้าว แถม
http://www.siamintelligence.com/tdri-to-criticise-rices-pawn-policy/

ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า จากการศึกษาของทีดีอาร์ไอ พบว่าโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งชาวนาน่าจะได้รับผลประโยชน์ไปแบบเต็มๆนั้น แท้ที่จริงผลประโยชน์จากโครงการนี้ตกอยู่กับชาวนาเพียง 40.2%

ที่สำคัญยังเป็นชาวนาในเขตชลประทานภาคกลาง/เหนือตอนล่างที่มีฐานะดี ที่ได้รับประโยชน์มากถึง 35% ยังถือเป็นกลุ่มคนรวยที่สุด 20% แรกของครัวเรือนไทย

ขณะที่ชาวนาที่จนที่สุดได้รับประโยชน์จากโครงการนี้เพียง 4.6% เท่านั้น เนื่องจากเป็นชาวนาที่อยู่ในภาคอีสาน ซึ่งไม่มีข้าวส่วนเกินเหลือขาย ส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตเพื่อบริโภคเอง

ผลประโยชน์ส่วนที่เหลือตกแก่โรงสี 13.5% โกดังเก็บข้าว 4.4% ผู้ส่งออก มากถึง 23.7% หน่วยราชการ 14.5% และเงินรั่วไหลสูญเปล่าไป 3.6%

เมื่อข้าวส่วนใหญ่อยู่ในมือรัฐบาล สถานะของรัฐจึงไม่ต่างกับการเป็น “ผู้ค้าข้าวรายใหญ่” เช่น ปริมาณข้าวนาปรังปี 2552 เข้าโครงการภาครัฐถึง 6 ล้านตัน จากผลผลิตทั้งประเทศที่ 7.7 ล้านตัน

ผลศึกษายังพบว่า รายรับ-รายจ่ายตัวเงินของโครงการ ณ 31 มีนาคม 2552 พบว่า รัฐต้องมีค่าใช้จ่ายในโครงการรับจำนำกว่า 50,000 ล้านบาท แต่กลับมีรายได้จากการขายข้าวเพียง 32,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นรายได้จากการขายข้าวเปลือก 72,000 ล้านบาท และข้าวสารมูลค่า 25,420 ล้านบาท) ส่งผลให้รัฐขาดทุนจากการดำเนินการมากถึง 18,000 ล้านบาท จากการประกันราคาข้าวที่สูงกว่าตลาด แต่กลับนำมาประมูลขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด

เฉลี่ยแล้วรัฐขาดทุนจากการดำเนินการ ตันละ 3,093 บาทต่อตัน จากการรับจำนำที่ต้นทุนตันละ 9,393 บาท ส่งผลให้มีเงินคืนกลับเข้ารัฐเหลือเพียงตันละ 6,200 บาท เท่านั้น

ในจำนวนนี้ ยังไม่รวมเงินกู้ที่กู้มาจากธกส.ที่มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกปี เพื่อนำมาใช้ดำเนินการต่างๆ ที่ไม่นำมาคิดมูลค่าในปัจจุบัน ประกอบด้วย เงินให้กู้จำนำยุ้งฉาง 11.62 ล้านบาท เงินให้กู้จำนำใบประทวน 33.17 ล้านบาท การดำเนินงานธกส. 2.35 ล้านบาท การดำเนินงานองค์การคลังสินค้า(อคส.) 1.23 ล้านบาท ค่าจ้างสีข้าว/ขนส่ง 2.32 ล้านบาท และอื่นๆ เช่น จดทะเบียนประชาสัมพันธ์ 0.059 ล้านบาท

ดร.นิพนธ์ ยังระบุว่า นโยบายจำนำข้าวยังกระทบไปถึงความสามารถในการ “ส่งออก” ของไทย เพราะราคารับจำนำที่บิดเบือนทำให้ราคาข้าวไทยแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ในช่วงต้นฤดูกาลผลิตจึงต้องปล่อยให้เวียดนามส่งออกข้าวไปให้หมดก่อน ค่อยถึงคิวข้าวไทย

ขณะเดียวกัน คุณภาพข้าวของไทยก็ลดต่ำลง เพราะชาวนาปลูกข้าวโดยเน้นเพียงปริมาณ มากกว่าคุณภาพ เพราะหวังขายข้าวให้กับโครงการรับจำนำ

ดังนั้น โครงการรับจำนำข้าว จึงถือเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้ข้าวไทยคุณภาพต่ำลง

การจำนำยังเป็นวิธีสิ้นเปลืองที่สุดในการช่วยเหลือชาวนา และชาวนาส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับผลประโยชน์ และยังทำให้เอกชนถลุงทรัพยากรเพื่อใช้วิ่งเต้นให้เข้ามาแบ่งค่าเช่าจาก โครงการ

กลายเป็นบ่อเกิดของช่องทางการทุจริตอย่างเป็นกระบวนการ แถมยังเป็นเรื่องยากที่รัฐจะเข้าไปดำเนินการ เริ่มจากการที่ชาวนาจดทะเบียนพื้นที่เพาะปลูกเกินจริง มีการสวมสิทธินำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาจำนำ ขณะที่โรงสีก็เห็นช่องทางสวมสิทธิเป็นชาวนาก่อนจะลักลอบขายข้าวให้รัฐ

นอกจากนี้ ยังมีความเสียหายที่เกิดจากการที่โรงสีแสวงหากำไรจากการโกงส่วนต่างความชื้น และน้ำหนัก รวมถึงการวิ่งเต้นไปจำนำข้าวข้ามเขต ขณะที่กลุ่มโกดังรับฝากข้าวก็สามารถเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะกับเซอร์เวย์เยอร์ (ผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว) และนำข้าวมาลักลอบขาย

ผู้ส่งออกยังเห็นช่องทางซื้อข้าวราคาต่ำ โดยรวมตัวกันฮั้วประมูลเพื่อกดราคาซื้อข้าวจากภาครัฐ รวมไปถึงการวิ่งเต้นเปลี่ยนเงื่อนไขการประมูล หรือ ทิ้งสัญญาประมูล

ขณะที่นักการเมือง ก็รู้เห็นเป็นใจเปิดช่องให้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไข หรือถอนรายชื่อผู้ส่งออกออกจากบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) รวมถึงอนุมัติให้จำนำข้ามเขต โดยการตกลงขายข้าวราคาถูกก่อนหน้านั้น รวมไปถึงข้าราชการก็รู้เห็นเป็นใจในกระบวนการดังกล่าว ไม่ว่าจะยินดีหรือฝืนใจ ก็ตามที

กลายเป็น Political Corruption บ่มเพาะการทุจริตในทุกระดับของการผลิตและค้าข้าว

อย่างไรก็ตาม แม้โครงการรับจำนำจะมีผลเสียนานัปการ แต่รัฐบาลทุกยุคกลับยังใช้นโยบายนี้พยุงราคาสินค้าเกษตร เพราะสามารถเป็นเครื่องมือในการ “หาเสียง” จากเกษตรกรและยังเป็นแหล่งหาเงินแหล่งใหญ่เพื่อนำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้ง หน้า กลายเป็นวงจรอุบาทก์

ประกันราคา ใช้เงินต่ำกว่า

ดร.นิพนธ์ ยังกล่าวถึงผลศึกษาโครงการประกันความเสี่ยงราคาข้าวว่า จะมีหลักการเพียงประกันราคา ไม่ใช่การยกระดับราคา เพราะต้องการแก้ไขปัญหาความเสี่ยงจากราคาสินค้าเกษตรที่ผันผวน และชาวนาถูกกดราคารับซื้อ โดยไม่ต้องกังวลว่า เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตจะมีราคาต่ำ

วิธีการดังกล่าว ยังถือเป็นการตัดปัญหาของรัฐที่จะต้องสูญเสียงบประมาณไปกับการดำเนินการ เพราะระบบการประกันราคา จะเป็นการทำสัญญาระหว่าง ธกส.กับ ชาวนา โดยรัฐมีหน้าที่เพียงจ่ายส่วนต่างระหว่างราคาประกัน กับราคาตลาด นอกจากนี้ยังจะช่วยลดการสวมสิทธินำข้าวประเทศเพื่อนบ้านมาเข้าโครงการรับ จำนำ เพราะจะมีการลงทะเบียนเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกไว้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ แนวทางการดำเนินงานยังจะ “จำกัดวงเงิน” ให้เกษตกรเข้าร่วมโครงการในวงเงินไม่เกิน 3.5 แสนบาท โดยมีสมมติฐานในการใช้งบประมาณสูงสุดที่ 36,703 ล้านบาท (ต่ำกว่าการใช้งบประมาณจากโครงการรับจำนำข้าว) บนสมมติฐานที่ราคาประกัน ตันละ 8,500 บาท และบนสมมติฐานที่รัฐจะจ่ายค่าเบี้ยประกัน 1,951 บาทต่อตัน

อย่างไรก็ตาม แนวทางการประกันราคา ยังมีปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงหากเกิดกรณีขายสัญญา และมีการสวมสิทธิลงทะเบียนเป็นเกษตรกร ขณะที่การจัดเก็บข้อมูลค่าตลาดกลางค่อนข้างหายาก เพราะได้ถูกทำลายไปแล้วจากโครงการรับจำนำที่ผ่านมา ทำให้การประเมินราคารับประกันค่อนข้างยาก

ขณะที่ ดร.สมพร อิศวิลานนท์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เห็นว่าหากรัฐยังคงดำเนินนโยบายจำนำราคาข้าวต่อไป จะทำให้รัฐบาลขาดทุนจากการดำเนินการมากขึ้นกว่าปัจจุบันที่ขาดทุนไปแล้วกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้มาจากธกส.กลายเป็นสาเหตุทำให้ธกส.ไม่เคยปิดบัญชีโครงการรับ จำนำได้ แต่กลับยิ่งพอกพูนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้สูงขึ้น

ขณะเดียวกัน รัฐยังไม่มีเงินมาชดเชยธกส.หากปล่อยให้ธกส.คอยเติมเงินมาใช้เป็นเครื่องมือ รับจำนำให้กับรัฐบาลก็จะทำให้ธกส.เดินสู่ภาวะขาดทุนสะสมอย่างหนัก จนอาจจะต้องปิดกิจการภายใน 2 ปีจากนี้ ดร.สมพร คาดการณ์และว่า

โครงการรับจำนำที่ผ่านมา ถือว่าเป็นกุศโลบายของนักการเมืองซึ่งใช้เป็นเครื่องมือหาเสียง โดยมี “โรงสี” ที่สนิทกับนักการเมืองเข้ามาช่วยรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาสูง และขายในราคาต่ำ แต่เมื่อนำมาแปรสภาพเป็นข้าวสารโรงสีจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ตั้งแต่การรับ จำนำเพื่อกินส่วนต่าง

นอกจากนี้ ยังเปิดช่องทางให้นำข้าวเก่ามาเวียนเทียนจำนำใหม่ หรือ นำข้าวใหม่ไปขายในช่วงที่ราคาข้าวสูง และเมื่อสิ้นสุดกระบวนการที่รัฐนำข้าวที่จำนำไปประมูลแล้ว ก็จะได้รับค่าฝากเก็บ และค่าแปรสภาพ

ที่มา – กรุงเทพธุรกิจ
We love fender.
User avatar
phoosana
 
Posts: 2608
Joined: Tue Jan 27, 2009 11:13 am

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby เด็กอมมือ » Sat Jun 11, 2011 5:16 pm

กำลังจะเข้ามาร่วมขำพ่อคนฉลาดที่อยู่ในขบวนการทำนาโดยการลากคันไถอยู่พอดีครับ

แต่ป๊าดด พวกพี่ มาแย่งไปหมดแล้ว :lol:
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนั้นแล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะของคน" จูกัด เหลียง
User avatar
เด็กอมมือ
 
Posts: 4792
Joined: Mon Nov 22, 2010 11:53 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby Solidus » Sat Jun 11, 2011 5:18 pm

ฝากคำถาม
ตอนปี 2552 ราคาจำนำข้าวเปลือกเจ้า 12,000 บาท/ตัน พวกคุณซื้อข้าวขาว100% กิโลละกี่บาท :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
User avatar
Solidus
 
Posts: 8593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:47 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby Abraxas » Sat Jun 11, 2011 5:54 pm

ปีกพิราบ wrote:คุณตั้งกระทู้เองนะ พอดีเข้าทางตีนกรูเลยว่ะ 55555


วิ่งไปเข้าตีนเค้าเองแท้ๆ :D :D :D :D
Abraxas
 
Posts: 232
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:58 am

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby ridkun_user » Sat Jun 11, 2011 6:01 pm

หนูพ. ไปก็มีเกรียนใหม่มา
เว็บบอร์ดเราไม่สงบสุขซะที :lol:
"...โลกนี้ไม่สมประกอบ เพราะบางคนชอบเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน"

อำนาจเป็นของปวงชน คือ ประชาธิปไตย
อำนาจเป็นของคนส่วนใหญ่ คือ กฎหมู่
User avatar
ridkun_user
 
Posts: 5458
Joined: Mon Nov 02, 2009 10:59 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby Strangerman » Sat Jun 11, 2011 6:58 pm

ดีแล้วครับ จะได้มีของเล่นใหม่ๆ :lol:
• ไม่เจรจากับพวกกบฏ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น หากพวกมรึงคิดว่าประเทศนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็ไสหัวพวกมรึงไปอยู่ที่อื่น อย่าอยู่ให้หนักแผ่นดินไทยเลย •

• หายนะ ของประเทศไทย ก็คือการที่ "ควายเลือกควาย" เข้ามาทำลายประเทศ •
User avatar
Strangerman
 
Posts: 1797
Joined: Sun Apr 04, 2010 12:58 am

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby weshare » Sat Jun 11, 2011 7:30 pm

จีรนุช wrote:จานละเท่าไรก็ไม่สน เพราะป.ตรีจบไหม่ได้เงินเดือนเริ่มที 15000 เหลือกินเหลือใช้


จะได้ 15,000 รึจะตกงาน :lol: :lol:
"ความเท็จแม้นเร้นได้ในปัจจุบัน
แต่ก็เหมือนซ่อนสุริยันไว้หล้งเมฆ"
User avatar
weshare
 
Posts: 1539
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:57 am

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby TaMongKhon » Sat Jun 11, 2011 8:00 pm

Abraxas wrote:
ปีกพิราบ wrote:คุณตั้งกระทู้เองนะ พอดีเข้าทางตีนกรูเลยว่ะ 55555


วิ่งไปเข้าตีนเค้าเองแท้ๆ :D :D :D :D


ปล่อยให้มันตามอ่านไปครับ เพราะเพื่อนสมาชิกส่วนมาก Add foe มันไปแล้ว :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
TaMongKhon
 
Posts: 926
Joined: Mon Nov 10, 2008 9:06 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby stt99 » Sat Jun 11, 2011 8:33 pm

คุณรู้หรือเปล่า ครับ ค่าหีบห่อขึ้น เพราะ อะไร เม็ดพลาสติกไง ครับ ที่ขึ้นเพราะน้ำมัน ค่าไฟ ค่าเครื่องจักร ค่าขนส่ง และที่สำคัญ ก็บวกกันมาเป็นทอด ๆ นั่นแหละ ครับ วันนี้ ราคาของข้าวหอมมะลิ Grade A Double Polished นะครับ อยู่ 1060 เหรียญ ยูเอส นั่นหมายความ สามหมื่น สองพัน บาทต่อตันนะครับ ปัญหาคือคุณซื้อเป็นตันหรือเปล่า คุณซื้อเป็นทีละถุงค่ากระจายสินค้ามันมีอยู่ ตรงนั้น ค่า หิ้งค่าโน่นค่านี่จิปาถะมันอยู่ตรงนั่นแหละ ครับ

อธิบายให้หมด แล้วนะครับ ว่าเรื่องเป็นยังไงมายังไง

คิดได้สำนึกได้ ก็ว่ากัน ไปผู้ส่งออกข้าว ได้ แค่ ส่วนต่างที่รับจากโรงสีเท่านั้นแหละ ครับ และที่สำคัญ ผู้ส่งออกข้าว มี โกดัง สำหรับเก็บ ข้าว เอาไว้ผลิต ทำความสะอาดเพื่อส่งออกต่อไป ถ้าขายทีมาซื้อที ทำเท่าไหร่ ก็เจ็ง ครับ

กว่าจะส่งถึง คุณนี่ ยี่ปั๊วซา ปั๊ว จากโรงสี ทำเสร็จแล้ว ส่งมาที่ ขายส่งขายส่ง ส่งต่อไปยังขายปลีก ส่วน ขายปลีกขนาดยักษ์ ส่งไป ที สิบตันบ้างยี่สิบตัน บ้าง เขามีหลายยี่ห้อที่วางขาย ไปยังศูนย์กระจายสินค้า และเขาก็มี ค่าใช้จ่ายในการส่ง ไปขายถึงผู้บริโภค อันนี้เป็นเรื่องปกติ รับทราบ เพราะ พ่อค้าต้องมีกำไร

ไม่งั้นจะมี ปัญหา หาตังค์มาจ่ายค่าจ้าง 300 บาท ทั่วประเทศ ทันทีหรือ จ้างปริญญาตรี 15000 บาท ห้าปีไม่ต้องจ่ายภาษี เยอะแยะไปหมด

เอานโยบายที่อยู่ได้ ทำได้ แล้ว ไม่เดือดร้อนกัน นโยบาย สองสูงของ เจ้าสัวธานินทร์ ผมก็ไม่เห็นด้วย ค่อยๆ ปรับตัว เดี๋ยวมันก็ไปจุดนั่นแหละครับ
User avatar
stt99
 
Posts: 288
Joined: Mon May 16, 2011 7:40 am

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby halfmoon » Sat Jun 11, 2011 9:15 pm

อ่านแล้วมันส์ดี ไปๆมาๆชาวเสรีไทยมีข้อมูลและให้ความสำคัญกับการเกษตรและเกษตรกรมาก เป็นสิ่งที่น่าดีใจด้วยทุกฝ่ายครับ :D
  • อธิปัตย์ 5 : อิสรภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ มิตรภาพ สันติภาพ : คือแก่นแท้แห่งอำนาจประชาธิปไตย : ท่านมีหรือยัง ถ้าไม่ จงสร้างเอง
User avatar
halfmoon
 
Posts: 10731
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:34 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby เคยไม่แดง » Sat Jun 11, 2011 10:42 pm

กระแสนโยบายพรรคการเมือง ด้านประชานิยมนั้นมาแรงจริงๆ แต่ละพรรคล้วนงัดกลยุทธ์เด็ดๆออกมาแข่งขันกันสุดตัว
หนึ่งในนั้น ที่หลายคนอยากรู้ว่านโยบายไหนกันแน่ ที่พี่น้องชาวนาจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน

1. จำนำข้าว ...แบบใหม่ที่ใช้ร่วมกับบัตรเครดิตชาวนา!!!

หลัก การนั้นเปลี่ยนแปลงจากจำนำข้าวแบบเดิม ที่เปิดช่องว่างให้มีการทุจริตโดยพ่อค้า โรงสี โดยแบบใหม่พยายามคิดค้นระบบที่ชาวนากับรัฐสื่อสารกันได้โดยตรง และรับผลประโยชน์"ร่วมกัน"
จำนำนั้นต่างจากประกัน ตรงที่ ต้องมีข้าวมาให้ผู้รับประกันจริงๆ ถึงจะได้เงินกลับไป แต่ประกันราคานั้นปัจจุบันคิดเป็นไร่ของผู้ปลูก เพียงแค่แจ้งยอดว่าปลูกกี่ไร่ก็จะคำนวนราคาข้าวเปลือกให้ตามจำนวนที่ปลูก
ยก ตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้ ราคากลางข้าวเปลือกอยู่ที่ 8200 บาท รัฐรับจำนำข้าวเปลือก 15000 บาทต่อตัน นั่นหมายความว่า ถ้าชาวนาจะได้เงิน 15000 บาทนี้ ต้องเอาข้าวเปลือกหนึ่งตันที่เก็บเกี่ยวได้ มาแลกไป ดังนั้น ใครปลูกจริง ได้เงินจริง ยิ่งปลูกมากยิ่งได้มาก ที่นาของใครรกร้างว่างเปล่า นาร้างต่างๆ ถ้าอยากได้เงินก็ต้องกลับไปปลูกข้าว ใครทำประโยชน์แก่พื้นที่ตนเองได้ยิ่งมากเท่าไร ยิ่งได้เงินมากเท่านั้น ดังนั้นชาวนาจริงๆได้ประโยชน์จริง ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่เช่านาเขาทำนา เพราะคนให้เช่าจะไม่ได้เงิน

แต่ในทางกลับกัน ประกันราคาข้าวนั้น หากประกันที่ 12000 บาทต่อตัน ถ้าท่านมีนาเท่าไร มาลงทะเบียนกับรัฐ รัฐคำนวนให้เป็นผลผลิตต่อไร่ ไม่ว่าราคาข้าวจะตกต่ำยังไง รัฐจ่ายส่วนต่างจากการขายข้าวราคาตกให้ทันที ถ้าราคาขายอยู่ที่ 8200 บาท ก็ยอมจ่ายให้เลย 3800 บาทต่อตัน ทุกไร่ทุกคนที่มาลงทะเบียนไว้ ปัญหาจึงเกิดว่า บางคนไร่นาร้าง ไม่ต้องปลูกข้าว ก็ไปขอรับส่วนต่างนี้ได้ ฮั้วกันกับคณะกรรมการตรวจสอบที่นา ไม่ได้ปลูกจริงก็ได้เงินชดเชยส่วนต่างมาฟรีๆ หนักกว่านั้นคือ พวกที่เช่านาเขาทำนา มีปัญหาตามมา เพราะเจ้าของไร่นาเดิม ไม่ยอมให้ทำนา ยกเลิกสัญญา เพราะเอาไปขอค่าประกันรายได้นี้จากรัฐแทนได้ราคาดีกว่าให้เช่าทำนา หรือหนักกว่านั้นคือ เอาทั้งสองทาง ทั้งจากค่าเช่านาแถมยังไปลงทะเบียนเอาส่วนต่างอีก ทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้เกินจริง
นอกจากนี้ ยังทำให้ไม่เกิดการแข่งขันทางการตลาด จากการที่รัฐเข้าแทรกแซงราคาข้าว เพราะบางคนจะไม่กระตือรือร้นในการเร่งผลิตข้าว เพราะเห็นว่าเป็นเสือนอนกินคุ้มกว่า ได้เงินส่วนต่างมาฟรีๆไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรให้เสียเวลาเสียเงิน กลัวไม่คุ้ม ยอมเอาส่วนต่างด้น้อยๆแต่ไม่ลงทุนคุ้มกว่า ไม่ต้องซื้อปุ๋ยไม่ต้องจ้างรถเก็บเกี่ยว พวกนี้จะเป็นพวกมีที่นาเยอะ เป็นเจ้าของที่นา ผลผลิตข้าวในประเทศจึงน้อย น้อยไม่พอยังราคาตกต่ำ ตกต่ำไม่พอ ยังไม่มีคุณภาพอีก ที่ปลูกกันจริงๆ ก็ปลูกไปเหอะ จะงอกงาม จะเหี่ยวตาย จะเม็ดลีบ เขาก็คิดกันเป็นแปลงเป็นไร่ แค่ไปลงทะเบียนไว้ว่ากี่ไร่ก็ได้ส่วนต่างแล้ว คุณภาพข้าวจึงไม่ค่อยดี ผู้บริโภคก็ได้กินข้าวไม่ดี

ยกตัวอย่าง ผมปลูกข้าว 10 ไร่ ได้ไร่ละ 1 ตัน (อันนี้แบบดูแลอย่างดีเลย) ผมได้ข้าว 10 ตัน เอาไปขายตอนนี้ ได้เงินมา 10 x 8500 บาท (ข้าวคุณภาพเยี่ยม) = 85,000 บาท ถ้ารัฐประกันให้อีก แต่คิดผลผลิตที่ ไร่ละ 800 กก. 10 ไร่ก็ 8 ตัน ให้ราคาตันละ 12000 บาท ก็ควรได้มา 96,000 บาท เพราะฉะนั้น รัฐจะจ่ายส่วนต่างให้ 11,000 บาท แต่ก็คือผมจะได้ 96000 บาท
เอาล่ะ มาดูเมียผมบ้าง ทำนาบ้างเล่นเฟสบ้าง ไม่ค่อยมาดูแลนาสักเท่าไร มี 10 ไร่เท่ากัน แต่ได้ผลผลิตแค่ ไร่ละ 600 กก. (ปุ๋ยก็ไม่ใส่ แมลงก็ไม่กำจัด ข้าวก็เม็ดขี้เหร่) ได้รวมแล้ว 6 ตันแค่นั้นเอง ไปขายนายทุน ได้มา 6x8000 บาท (ข้าวห่วย) 48,000 บาท โดยรัฐประกันให้ ตันละ 12000 บาท แต่รัฐคิดผลผลิตให้ไร่ละ 800 กก. 10 ไร่ก็ได้ 8 ตัน ดังนั้นก็ควรได้ 96,000 บาท ไม่รู้ล่ะจะปลูกขี้เหร่แค่ไหน แต่ฉัน(รัฐ)ประเมินขั้นต่ำให้แล้วว่า ไร่นึงมันน่าจะได้ 800 กก. (ไม่คิดว่าจะมีคนแบบเมียฉัน ที่ทำนาแบบนี้เลยใช่ไหม) สรุปรัฐจ่ายเพิ่มให้ 96000-48000 = 48000 บาท
เมียผมได้เงินมาเท่าผม 96000 บาท แต่... ลงทุนลงแรงน้อยกว่ามาก ค่าปุ๋ยก็น้อย ค่ายาก็น้อย กำไรเห็นๆ
แล้วอย่าง นี้... ทำไมผมต้องดูแลข้าวผมให้ดีๆไปเพื่ออะไร ในเมื่อรัฐประกันราคาข้าวให้ดีขนาดนี้ ปลูกพอเป็นพิธี ให้รู้ว่าปลูกจริง แล้วไปเอาราคาประกันชัวร์กันอยู่แล้วนี่หว่า
เอ๊า... นี่ล่ะ เขาถึงเรียกว่า กลไกตลาดมันบิดเบือน การแข่งขันมันจึงไม่เกิด ใครๆก็ไม่ต้องแข่งกันทำนาของตนให้ดี ข้าวจะออกมาเม็ดลีบเม็ดเล็กก็ช่าง ก็ในเมื่ออย่างไรเสียก็ได้ราคาที่แน่นอนอยู่แล้ว... ต่อไปก็คือ ในตลาดจะมีแต่ข้าวเม็ดลีบๆ ทีนี้จะเอาไปส่งออก...
เอาล่ะสิ ของเวียดนามเม็ดอย่างงาม แถมผลิตออกมามากกว่าไทย 3 เท่าตัว แล้วใครเล่าเขาจะมาเอาข้าวของประเทศไทย.... ใช่ไม๊พี่น้อง
เขา ก็ไปเอาข้าวคุณภาพดี มีให้เยอะๆ ไม่ต้องสั่งทีละหลายๆชาติ สั่งที่เดียวได้ทั้งของดี ของครบ จบในกระบวนเดียว ที่เวียดนาม ไม่ดีกว่าหรอ.. แล้วทีนี้มาร้องโอดโอย ว่าส่งออกได้น้อย รัญขาดทุน (ขาดทุนตั้งแต่ จ่ายเงินส่วนต่างให้ชาวนาแล้ว ปีละ หลายหมื่นล้าน)

การ ประกันราคาข้าวจึงมีข้อเสีย มากอยู่ สำคัญที่สุดคือ มันไม่ขับเคลื่อนกลไกตลาด รองลงมาคือรัฐเสียผลประโยชน์ทางเดียว คนได้ประโยชน์คือชาวนา และที่ไม่ใช่ชาวนาแต่เป็นพวกแอบอ้างสิทธิ์ในที่นา หรือพวกเจ้าของไร่นา ... รวยกันถ้วนหน้า


ถ้า หากว่าราคาข้าวมันดีขึ้นมาล่ะ เช่น เกิดวิกฤตโลกร้อน เกิดภัยธรรมชาติทั่วโลก ข้าวขาดแคลนมาก เป็นที่ต้องการทั่วโลก ราคาตามกลไกตลาดที่ Demand มากๆ ขึ้นไปถึง 17000 บาท ทำอย่างไร นั่นก็คือ รัฐประกันแค่เท่านั้นคือ 12000 ไม่จ่ายอะไรเพิ่ม แต่รัฐไม่ได้กำไรอะไร
หนัก กว่านั้น เนื่องจากรัฐไม่ได้เข้ามาจัดการข้าวที่มีอยู่ในสต๊อกเอง จึงเปิดโอกาสให้นายทุนต่างๆ กักตุนสินค้า แล้วผลก็คือ ผู้บริโภคจะได้ทานข้าวราคาแพงไปด้วย ซ้ำหนักนายทุนที่มีข้าวอยู่ในมือแห่ส่งออกเพราะราคาดีกว่าในประเทศมาก นั่นล่ะมันจะเกิดวิกฤตอยากกินข้าวไม่ได้กินข้าว เพราะมันจะขาดแคลน ขาดตลาดขึ้นมาทันที

ในทางกลับกัน การจำนำข้าวนั้น รัฐมีข้าวอยู่ในมือ จากการรับจำนำมาจากชาวนาโดยตรง ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตโลกอะไรก็แล้วแต่ ภายใต้การจัดการของรัฐ เราจะมีอำนาจต่อรองกับประเทศอื่นขึ้นมาทันที เพราะรัฐมีข้าวในมือมากจากการรับจำนำมาจากชาวนา ข้าวที่มีอยู่จะขายให้ประชาชนในประเทศในราคาถูกก็ได้ และยังสามารถต่อรองราคาที่พอใจกับต่างประเทศได้ ถ้ารัฐรับจำนำมาราคา 15000 บาทต่อตัน แต่ราคากลางข้าวที่ขาดแคลนขึ้นไปถึง 17000 บาท รัฐจะได้กำไรมากมายจากการส่งออกข้าวที่มีอยู่ โอว...

ตัวอย่างการจำนำข้าว
นา ผม 10 ไร่ เท่าเดิม ปลูกดูแลเต็มที่ ได้ผลผลิต 1 ตันต่อไร่เลยทีเดียว ข้าวเม็ดสวย อวบอิ่ม ไปจำนำข้าวกับรัฐ (ผ่านนายหน้า โรงสีที่รับจำนำต่างๆ) ได้มา ตันละ 15000 บาท (ถ้าไปขายเจ้าอื่น ให้ตันละ 10000 บาทก็ไม่เอา จะเอาของรัฐเพราะราคาดี) ผมได้เงินมา 10x15000 = 150,000 บาท แม้ราคากลางข้าว อาจจะอยู่ที่ 8500 บาท 10 ตันก็ 85000 บาท เท่ากับรัฐยอมอุ้มค่าข้าวส่วนต่างถึง 150000-85000 = 65,000 บาท แพงกว่าประกันรายได้อีก
เมียผม นิสัยเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ได้มาแค่ 600 กก.ต่อไร่ รวม 10 ไร่ ก็ได้แค่ 6 ตัน ไปจำนำรัฐ ก็ได้เงินมาแค่ 6x15000 = 90,000 บาท ถ้าราคากลางข้าวเกรดนี้อยู่ที่ 8200 บาท 6ตันก็จะได้ 49200 บาท ก็เท่ากับรัฐอุ้มส่วนต่างเมียผมถึง 90000-49200=40,800 บาท
จะ เห็นว่า... อันนี้ยุติธรรม เมียผมดูแลข้าวไม่ดี ก็ได้ค่าขายข้าวแค่ 90000 บาท ผมดูแลข้าวดี ทำให้ผลผลิตต่อไร่ผมสูงกว่า 10ไร่เท่ากันแต่ผมได้ 150000 บาท ดังนั้น เมียผมจึงเกิดความคิด ที่จะต้อง หาวิธีการดีๆมาพัฒนานาของตนเองให้มันดีๆ เหมือนของผม หรือดีกว่าของผม เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มากกว่า นี่ล่ะ กลไกการตลาดจึงเกิด การแข่งขันจึงเกิด ชาวนาทุกคนเร่งผลิตข้าว นาที่ว่างๆก็จะถูกนำมาใช้ประโยชน์ ยิ่งดูแลดี ผลผลิตต่อไร่ยิ่งมาก ยิ่งได้กำไรมาก ข้าวก็ได้แต่ข้าวดีๆออกมาสู่ตลาด ผู้บริโภคก็ได้ข้าวดีๆกิน

ทีนี้กลับมาที่รัฐ รัฐจะได้อะไร ซื้อข้าวมาแพง จะยอมหรอ ... แน่นอน ถ้านายทุนคนอื่น ขายราคาถูกกว่ารัฐขาย ใครจะยอมซื้อข้าว ของรัฐ ที่แพงกว่า? แต่อย่าลืม นายทุนที่หวังกักตุนข้าว ที่หวังจะมีข้าวขายราคาถูก มันจะมีข้าวในมือเยอะไหม? ชาวนาเขาจะเอาไปขายให้นายทุนพวกนี้หรือ? ในเมื่อรัฐรับซื้อแพงกว่ามากมาย ดังนั้น รัฐจะเป็นผู้ถือครองข้าวรายใหญ่ที่สุด ข้าวที่ได้มาก็เอาไปจัดการเสียใหม่ คัดสรร แยกเกรด ส่งออก ส่งเข้า ตามใจ เมื่อผลผลิตมีมากและมีคุณภาพ อำนาจต่อรองกับคนอื่นก็มากด้วย เวียดนามอาจจะไม่ใช่คู่แข่งอีกต่อไป
รัฐอาจจะเร่งทำแผนงานต่างๆ ที่จะเร่งทำคุณภาพข้าวให้ดีขึ้นไปอีก อาจนำมาเป็นเมล็ดพันธุ์แจกจ่าย หมุนเวียนมาใช้กรณีเกิดอุทกภัย สามารถแจกจ่ายข้าวในคลังสู่ผู้ประสบภัยได้ง่ายและเร็ว
การจำนำข้าวของ รัฐ จึงเหมือนรัฐทำตัวเป็นนายทุนเสียเอง แต่เป็นนายทุนที่เงินถึงและไม่กลัวขาดทุน มีอำนาจซื้อขายสูงกว่า นายทุนรายไหนไม่ดีพอย่อมอยู่ไม่ได้ คดโกงเอาเปรียบชาวนาก็จะอยู่ไม่ได้ กดราคาข้าวก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะคู่แข่งคือรัฐลงมาทำงานนี้เอง จึงต้องคอยปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ ให้สามารถแข่งกับรัฐได้

ช่วง แรกรัฐอาจต้องยอมขาดทุน จากการขายข้าวค้างสต็อกของนายทุนต่างๆที่ถูกกว่า แต่เชื่อได้เลยว่า แค่รัฐบอกว่าจะถือครองข้าว แค่นี้ราคาข้าวก็พุ่งแล้ว เพราะนายทุนต่างๆ จะต้องแย่งแข่งขันกับรัฐ รับซื้อข้าวในราคาที่สูงขึ้น เช่น ราคารับซื้อของนายทุน อาจเพิ่มขึ้นสูงถึง 14000 บาทต่อตัน แข่งกับรัฐที่ให้ไว้ 15000 บาทต่อตัน แต่นายทุนอาจเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ชาวนามากกว่า เช่น รับซื้อถึงที่ สีข้าวฟรี ใกล้บ้านกว่า ไม่ต้องถ่อไปถึงโรงสีที่รับจำนำ ... เป็นต้น
แค่นั้นล่ะ ก็จะเข้าทางรัฐเลย เพราะรัฐตั้งใจจะดึงราคาข้าวให้สูงขึ้นอยู่แล้ว ...
ทีนี้ทำไงต่อ รัฐก็จะปล่อยข่าวว่าจะขายข้าวออกสู่ตลาดในประเทศให้มันถูกไปเลย ให้คนอยากกินข้าวได้กินข้าวดีๆสมใจ เท่านั้นนายทุนก็จะอยู่ไม่ได้ รัฐจะได้กำไรจากปริมาณที่ขายได้มากเพราะผูกขาดคนเดียว หากนายทุนไม่ยอมขายข้าวที่รับซื้อมาเพราะกลัวขาดทุนเพราะรับซื้อมาแพง, แต่ครั้นจะไม่ขายก็อยู่ไม่ได้ จะขายแพงกว่ารัฐก็ไม่มีคนซื้อ สุดท้ายก็ต้องลดราคาลงมา ให้เท่ารัฐ หรือถูกกว่ารัฐ ทีนี้กำไรของรัฐก็ยิ่งเพิ่ม เพราะรัฐรับซื้อมาเยอะ(รับมาแพง) แต่ขายไปน้อย(ขายถูก) (ปล่อยให้ข้าวที่กักตุนของนายทุนทยอยออกมาก่อนเรื่อยๆจนหมดสต๊อก) ส่วนนายทุนรับมาน้อย แถมรับซื้อราคาก็แพงเกือบเท่ารัฐ แถมตอนขายยังจะต้องขายถูกกว่าเขาอีก
นี่ล่ะ... เป็นข้อดี ของการที่รัฐเข้าจัดการข้าวเอง จะสามารถดัดหลังพวกนายทุนได้ ทำให้พวกนายทุนไม่กล้ากักตุนข้าวในปริมาณมาก ทีนี้ผู้บริโภคก็ได้ทานข้าวดี ราคาถูก ชาวนาก็ได้ข้าวราคาดี ผลผลิตงาม...
สุดท้ายเมื่อนายทุนไม่มีข้าวค้างสต๊อค หรือไม่สามารถกักตุนสินค้าได้ ก็เป็นทีของรัฐที่จะสามารถเข้าควบคุมราคาตลาดได้ง่ายขึ้น
ราคาข้าวที่ตันละ 14000 แบบไม่ต้องประกันหรือจำนำเลย อาจจะเกิดขึ้นได้
รัฐ จะกลับกลายเป็นผู้วางหมากให้นายทุนเดินตามเกม โดยนายทุนจะไม่สามารถเอากำไรเกินควรได้อีกต่อไป แถมยังต้องคอยปรับปรุงคุณภาพตนเองให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก เพื่อให้ทัดเทียมภาครัฐหรือดีกว่ารัฐ การกดราคาข้าวจะหมดไป ชาวนาและรัฐสื่อสารกันโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง รัฐง่ายต่อการสำรวจและวางระบบจัดการการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว อาจถึงขั้นจัดหารถเก็บเกี่ยวของภาครัฐไปเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ถึงที่ พร้อมขนส่งได้ทันที นายทุนต่างๆยิ่งต้องแข่งขันให้ดีกว่ารัฐยิ่งขึ้นไปอีก ใครที่ไม่ดีจริง ก็จะต้องเจ๊งไป เหลือแต่ที่ดีๆมีคุณภาพ
มองเห็นอนาคตข้าวไทยเลยว่า จะเป็นอย่างไร ... รุ่งกับรุ่ง

2. ประกันราคาข้าว ... ดีที่มีประกัน

ก็เหมือนประกันชีวิต บางครั้งใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา สะดุดล้มขาหัก ไม่ได้ไปทำงานก็มีคนจ่ายให้ชดเชย
ชาวนา ก็เช่นกัน ใครจะรู้ว่า วันหนึ่งเกิดน้ำท่วมนา นาล่ม อากาศร้อนนาแล้ง ก็ยังได้ราคาที่ประกันไว้ ไม่ต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า อย่างน้อยก็ได้ส่วนต่างมาพอใช้หนี้ปุ๋ยหนี้ยาเขาที่ยืมมา ดีกว่านั้นหากรัฐช่วยจุนเจือความเสียหายจากภัยธรรมชาติอีก เช่นให้อีกไร่ละ 5000 ยิ่งดีเลย เหมือนปลูกข้าวได้ในน้ำเลย มีนาไม่มีข้าวในนา แต่กลับได้ราคาเท่ากับเก็บเกี่ยวข้าวไปขาย
แต่ถ้าจำนำล่ะ ... นาล่ม นาแล้ง ไม่มีผลผลิตไปจำนำ ก็ต้องกินแกลบกินเกลือ
ดัง นั้น ถ้าคิดจะใช้ระบบจำนำ รัฐต้องไปพัฒนาไร่นา พัฒนาที่ดิน พัฒนาระบบชลประทานให้ดี อย่าให้ชาวนาออกมาโวยวายได้ ว่าไม่มีข้าวไปจำนำ จะกินอะไร
การชดเชยความเสียหายต่อไร่นา ก็ต้องเพิ่มขึ้นกว่าเดิม จากที่เคยชดใช้ให้ไร่ละ 5000 ก็อาจต้องเพิ่มเป็น 7000 เป็นต้น
เคยไม่แดง เคยไม่เหลือง เคยสีขาวขุ่นๆ...เราใช้เคยทำกะปิ
User avatar
เคยไม่แดง
 
Posts: 105
Joined: Sat Jun 11, 2011 8:42 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby kanok » Sat Jun 11, 2011 10:53 pm

เคย จะมีแบบ เคยตาดำ ด้วยนะ เป็นตากุ้ง จุดๆ สีดำ ผสมอยู่ในเนื้อกะปิ :roll:
User avatar
kanok
 
Posts: 861
Joined: Thu Jan 27, 2011 9:43 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby เคยไม่แดง » Sat Jun 11, 2011 10:59 pm

เป็นลักษณะเฉพาะ ให้รู้ว่า "เคยจริงๆนะ" :mrgreen: :mrgreen:
เคยไม่แดง เคยไม่เหลือง เคยสีขาวขุ่นๆ...เราใช้เคยทำกะปิ
User avatar
เคยไม่แดง
 
Posts: 105
Joined: Sat Jun 11, 2011 8:42 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby jaojao48 » Sat Jun 11, 2011 11:33 pm

ทุกวันนี้กินข้าวถุง มะลิพิเศษ 5 กก. 165 บ.

ก็เท่ากับ 1 กก. เท่ากับ 35 บาท 1 ตัน 35000 บาท

แต่ราคารับซื้อจากชาวนา ตัน ละ 12000

หักค่าความชื้น 1500 เหลือ ตันละ 10500 บาท


จาก 10500 มาเป็น 35000 นี่เป็นความแตกต่างจากอะไรครับ

:mrgreen: :mrgreen:

เสี่ยงก็ไม่ต้องเสี่ยงภัยธรรมชาติ มีแต่ได้อย่างเดียวพวกโรงสี
User avatar
jaojao48
 
Posts: 1063
Joined: Wed Oct 15, 2008 4:31 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby halfmoon » Sat Jun 11, 2011 11:51 pm

โรงสีพ่อค้าข้าวกินเฉพาะค่าอบความชื้นข้าวปีละห้าหกหมื่นล้านก็พุงกางแล้ว :o
  • อธิปัตย์ 5 : อิสรภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ มิตรภาพ สันติภาพ : คือแก่นแท้แห่งอำนาจประชาธิปไตย : ท่านมีหรือยัง ถ้าไม่ จงสร้างเอง
User avatar
halfmoon
 
Posts: 10731
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:34 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby phoosana » Sat Jun 11, 2011 11:51 pm

jaojao48 wrote:ทุกวันนี้กินข้าวถุง มะลิพิเศษ 5 กก. 165 บ.

ก็เท่ากับ 1 กก. เท่ากับ 35 บาท 1 ตัน 35000 บาท

แต่ราคารับซื้อจากชาวนา ตัน ละ 12000

หักค่าความชื้น 1500 เหลือ ตันละ 10500 บาท


จาก 10500 มาเป็น 35000 นี่เป็นความแตกต่างจากอะไรครับ

:mrgreen: :mrgreen:

เสี่ยงก็ไม่ต้องเสี่ยงภัยธรรมชาติ มีแต่ได้อย่างเดียวพวกโรงสี


12000 บาทต่อตันราคาข้าวเปลือกธรรมดาไม่ใช่ข้าวหอมนะ คนไม่ใช่ไก่ จะได้กินข้าวเปลือก :lol:
We love fender.
User avatar
phoosana
 
Posts: 2608
Joined: Tue Jan 27, 2009 11:13 am

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby phoosana » Sun Jun 12, 2011 12:13 am

ถามคุณ เคยไม่แดง

1. มีชาวนากี่รายที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากนโยบายจำนำ
2. มีชาวนากี่รายที่สามารถขนผลผลิตของตนไปที่โรงสีที่เข้าโครงการ จะโดยการจ้างขน หรือมีแรงขนไปเอง
3. มีชาวนากี่รายที่ยอมตัดใจขายให้พ่อค้าคนกลาง แล้วพ่อค้าคนกลางสวมสิทธิ์
4. บัตรเครดิตชาวนา คุณยังไม่ได้อธิบายเลยว่า มันป้องกันการทุจริตตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำได้อย่างไร
5. ราคารับจำนำ 15000 บาท/ตัน ขึ้นอยู่กับคุณภาพข้าว เช่นเมล็ดลีบ ความชื้นสูง แน่นอนว่าต้องถูกกดราคาจาก เซอร์เวเยอร์ ที่รู้เห็นเป็นใจกันกับโรงสี ถ้าไม่ได้ตันละ 15000 จะถูกกดลงมาเหลือเท่าไหร่
6. ราคารับจำนำข้าวราคาสูง กระตุ้นให้ชาวนาปลูกข้าวเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจะหาทางแก้ไขซัพพลายที่เพิ่มขึ้นนี้อย่างไร อย่าบอกนะว่าจำกัดโคต้ารับจำ และจำกัดพื้นที่การเพราะปลูก
7. รัฐบาลไม่มีโรงสีข้าว โกดัง แม้จะตัดปัญหาพ่อค้าคนกลางไปได้ส่วนหนึ่่ง รัฐต้องแบกภาระการแปรสภาพข้าว และการเก็บรักษา ต้องบวกต้นทุนเข้าไปด้วยใช่ไหม
8. สิ่งที่รัฐทำคือการซื้อแพง ขายถูก แทบจะเป็นผู้ค้ารายเดียวอยู่แล้ว ยังคิดว่ารัฐจะหากำไรได้จากนโยบายนี้อีกหรือ

เท่านี้ก่อนครับ
Last edited by phoosana on Sun Jun 12, 2011 1:28 am, edited 3 times in total.
We love fender.
User avatar
phoosana
 
Posts: 2608
Joined: Tue Jan 27, 2009 11:13 am

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby Limmy » Sun Jun 12, 2011 12:18 am

หลายรัฐบาลเคยมีความคิดเรื่องให้ชาวนาแต่ละท้องที่ มีโรงสีเป็นของตนเอง มีระบบขนส่งและขายส่ง-ขายปลีกเป็นของตนเองในแต่ละจังหวัด เพื่อเป็นการตัดพ่อค้าคนกลางออกจากระบบการค้าข้าว

ยังไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำได้ เพราะเจ้าของโรงสีไม่มีวันยอมให้ผลประโยชน์อันมหาศาลหลุดจากมือ


ยิ่งตอนนี้มีโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่ใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงขึ้นมาในหลายจังหวัด โรงสียิ่งกินหลายต่อ บางโรงสีก็ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลขายไฟให้ กฟภ. ควบคู่ไปด้วย ราคาแกลบก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก โรงสีก็ยิ่งรวยเข้าไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ
User avatar
Limmy
 
Posts: 3466
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:15 am

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby halfmoon » Sun Jun 12, 2011 12:20 am

4. บัตรเครดิตชาวนา คุณยังไม่ได้อธิบายเลยว่า มันป้องกันการทุจริตตี้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำได้อย่างไร


บัตรเครดิตชาวนาก็เอาไปรูดร้านเกษตรเพื่อไทยสิ มีสินค้าเกษตรครบวงจร ตั้งแต่ยาฆ่าหญ้า เมล็ดพันธุ์ คันไถ ไปจนถึงโลงเย็นพวงหรีด
  • อธิปัตย์ 5 : อิสรภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ มิตรภาพ สันติภาพ : คือแก่นแท้แห่งอำนาจประชาธิปไตย : ท่านมีหรือยัง ถ้าไม่ จงสร้างเอง
User avatar
halfmoon
 
Posts: 10731
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:34 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby dutchout » Sun Jun 12, 2011 12:22 am

เคยไม่แดง wrote:กระแสนโยบายพรรคการเมือง ด้านประชานิยมนั้นมาแรงจริงๆ แต่ละพรรคล้วนงัดกลยุทธ์เด็ดๆออกมาแข่งขันกันสุดตัว
หนึ่งในนั้น ที่หลายคนอยากรู้ว่านโยบายไหนกันแน่ ที่พี่น้องชาวนาจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน

1. จำนำข้าว ...แบบใหม่ที่ใช้ร่วมกับบัตรเครดิตชาวนา!!!

หลัก การนั้นเปลี่ยนแปลงจากจำนำข้าวแบบเดิม ที่เปิดช่องว่างให้มีการทุจริตโดยพ่อค้า โรงสี โดยแบบใหม่พยายามคิดค้นระบบที่ชาวนากับรัฐสื่อสารกันได้โดยตรง และรับผลประโยชน์"ร่วมกัน"
จำนำนั้นต่างจากประกัน ตรงที่ ต้องมีข้าวมาให้ผู้รับประกันจริงๆ ถึงจะได้เงินกลับไป แต่ประกันราคานั้นปัจจุบันคิดเป็นไร่ของผู้ปลูก เพียงแค่แจ้งยอดว่าปลูกกี่ไร่ก็จะคำนวนราคาข้าวเปลือกให้ตามจำนวนที่ปลูก
ยก ตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้ ราคากลางข้าวเปลือกอยู่ที่ 8200 บาท รัฐรับจำนำข้าวเปลือก 15000 บาทต่อตัน นั่นหมายความว่า ถ้าชาวนาจะได้เงิน 15000 บาทนี้ ต้องเอาข้าวเปลือกหนึ่งตันที่เก็บเกี่ยวได้ มาแลกไป ดังนั้น ใครปลูกจริง ได้เงินจริง ยิ่งปลูกมากยิ่งได้มาก ที่นาของใครรกร้างว่างเปล่า นาร้างต่างๆ ถ้าอยากได้เงินก็ต้องกลับไปปลูกข้าว ใครทำประโยชน์แก่พื้นที่ตนเองได้ยิ่งมากเท่าไร ยิ่งได้เงินมากเท่านั้น ดังนั้นชาวนาจริงๆได้ประโยชน์จริง ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่เช่านาเขาทำนา เพราะคนให้เช่าจะไม่ได้เงิน

แต่ในทางกลับกัน ประกันราคาข้าวนั้น หากประกันที่ 12000 บาทต่อตัน ถ้าท่านมีนาเท่าไร มาลงทะเบียนกับรัฐ รัฐคำนวนให้เป็นผลผลิตต่อไร่ ไม่ว่าราคาข้าวจะตกต่ำยังไง รัฐจ่ายส่วนต่างจากการขายข้าวราคาตกให้ทันที ถ้าราคาขายอยู่ที่ 8200 บาท ก็ยอมจ่ายให้เลย 3800 บาทต่อตัน ทุกไร่ทุกคนที่มาลงทะเบียนไว้ ปัญหาจึงเกิดว่า บางคนไร่นาร้าง ไม่ต้องปลูกข้าว ก็ไปขอรับส่วนต่างนี้ได้ ฮั้วกันกับคณะกรรมการตรวจสอบที่นา ไม่ได้ปลูกจริงก็ได้เงินชดเชยส่วนต่างมาฟรีๆ หนักกว่านั้นคือ พวกที่เช่านาเขาทำนา มีปัญหาตามมา เพราะเจ้าของไร่นาเดิม ไม่ยอมให้ทำนา ยกเลิกสัญญา เพราะเอาไปขอค่าประกันรายได้นี้จากรัฐแทนได้ราคาดีกว่าให้เช่าทำนา หรือหนักกว่านั้นคือ เอาทั้งสองทาง ทั้งจากค่าเช่านาแถมยังไปลงทะเบียนเอาส่วนต่างอีก ทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้เกินจริง
นอกจากนี้ ยังทำให้ไม่เกิดการแข่งขันทางการตลาด จากการที่รัฐเข้าแทรกแซงราคาข้าว เพราะบางคนจะไม่กระตือรือร้นในการเร่งผลิตข้าว เพราะเห็นว่าเป็นเสือนอนกินคุ้มกว่า ได้เงินส่วนต่างมาฟรีๆไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรให้เสียเวลาเสียเงิน กลัวไม่คุ้ม ยอมเอาส่วนต่างด้น้อยๆแต่ไม่ลงทุนคุ้มกว่า ไม่ต้องซื้อปุ๋ยไม่ต้องจ้างรถเก็บเกี่ยว พวกนี้จะเป็นพวกมีที่นาเยอะ เป็นเจ้าของที่นา ผลผลิตข้าวในประเทศจึงน้อย น้อยไม่พอยังราคาตกต่ำ ตกต่ำไม่พอ ยังไม่มีคุณภาพอีก ที่ปลูกกันจริงๆ ก็ปลูกไปเหอะ จะงอกงาม จะเหี่ยวตาย จะเม็ดลีบ เขาก็คิดกันเป็นแปลงเป็นไร่ แค่ไปลงทะเบียนไว้ว่ากี่ไร่ก็ได้ส่วนต่างแล้ว คุณภาพข้าวจึงไม่ค่อยดี ผู้บริโภคก็ได้กินข้าวไม่ดี

ยกตัวอย่าง ผมปลูกข้าว 10 ไร่ ได้ไร่ละ 1 ตัน (อันนี้แบบดูแลอย่างดีเลย) ผมได้ข้าว 10 ตัน เอาไปขายตอนนี้ ได้เงินมา 10 x 8500 บาท (ข้าวคุณภาพเยี่ยม) = 85,000 บาท ถ้ารัฐประกันให้อีก แต่คิดผลผลิตที่ ไร่ละ 800 กก. 10 ไร่ก็ 8 ตัน ให้ราคาตันละ 12000 บาท ก็ควรได้มา 96,000 บาท เพราะฉะนั้น รัฐจะจ่ายส่วนต่างให้ 11,000 บาท แต่ก็คือผมจะได้ 96000 บาท
เอาล่ะ มาดูเมียผมบ้าง ทำนาบ้างเล่นเฟสบ้าง ไม่ค่อยมาดูแลนาสักเท่าไร มี 10 ไร่เท่ากัน แต่ได้ผลผลิตแค่ ไร่ละ 600 กก. (ปุ๋ยก็ไม่ใส่ แมลงก็ไม่กำจัด ข้าวก็เม็ดขี้เหร่) ได้รวมแล้ว 6 ตันแค่นั้นเอง ไปขายนายทุน ได้มา 6x8000 บาท (ข้าวห่วย) 48,000 บาท โดยรัฐประกันให้ ตันละ 12000 บาท แต่รัฐคิดผลผลิตให้ไร่ละ 800 กก. 10 ไร่ก็ได้ 8 ตัน ดังนั้นก็ควรได้ 96,000 บาท ไม่รู้ล่ะจะปลูกขี้เหร่แค่ไหน แต่ฉัน(รัฐ)ประเมินขั้นต่ำให้แล้วว่า ไร่นึงมันน่าจะได้ 800 กก. (ไม่คิดว่าจะมีคนแบบเมียฉัน ที่ทำนาแบบนี้เลยใช่ไหม) สรุปรัฐจ่ายเพิ่มให้ 96000-48000 = 48000 บาท
เมียผมได้เงินมาเท่าผม 96000 บาท แต่... ลงทุนลงแรงน้อยกว่ามาก ค่าปุ๋ยก็น้อย ค่ายาก็น้อย กำไรเห็นๆ
แล้วอย่าง นี้... ทำไมผมต้องดูแลข้าวผมให้ดีๆไปเพื่ออะไร ในเมื่อรัฐประกันราคาข้าวให้ดีขนาดนี้ ปลูกพอเป็นพิธี ให้รู้ว่าปลูกจริง แล้วไปเอาราคาประกันชัวร์กันอยู่แล้วนี่หว่า
เอ๊า... นี่ล่ะ เขาถึงเรียกว่า กลไกตลาดมันบิดเบือน การแข่งขันมันจึงไม่เกิด ใครๆก็ไม่ต้องแข่งกันทำนาของตนให้ดี ข้าวจะออกมาเม็ดลีบเม็ดเล็กก็ช่าง ก็ในเมื่ออย่างไรเสียก็ได้ราคาที่แน่นอนอยู่แล้ว... ต่อไปก็คือ ในตลาดจะมีแต่ข้าวเม็ดลีบๆ ทีนี้จะเอาไปส่งออก...
เอาล่ะสิ ของเวียดนามเม็ดอย่างงาม แถมผลิตออกมามากกว่าไทย 3 เท่าตัว แล้วใครเล่าเขาจะมาเอาข้าวของประเทศไทย.... ใช่ไม๊พี่น้อง
เขา ก็ไปเอาข้าวคุณภาพดี มีให้เยอะๆ ไม่ต้องสั่งทีละหลายๆชาติ สั่งที่เดียวได้ทั้งของดี ของครบ จบในกระบวนเดียว ที่เวียดนาม ไม่ดีกว่าหรอ.. แล้วทีนี้มาร้องโอดโอย ว่าส่งออกได้น้อย รัญขาดทุน (ขาดทุนตั้งแต่ จ่ายเงินส่วนต่างให้ชาวนาแล้ว ปีละ หลายหมื่นล้าน)

การ ประกันราคาข้าวจึงมีข้อเสีย มากอยู่ สำคัญที่สุดคือ มันไม่ขับเคลื่อนกลไกตลาด รองลงมาคือรัฐเสียผลประโยชน์ทางเดียว คนได้ประโยชน์คือชาวนา และที่ไม่ใช่ชาวนาแต่เป็นพวกแอบอ้างสิทธิ์ในที่นา หรือพวกเจ้าของไร่นา ... รวยกันถ้วนหน้า
ขอบคุณครับที่มั่วได้ใจแบบนี้ การประกันราคาข้าวนั้น ราคาประกันในแต่ละช่วงไม่เท่ากันนะครับ เพราะอิงราคาตลาด ก็เลยไม่ทราบว่าตรงไหน ที่การประกันจะไม่เป็นไปตามกลไกตลาด http://www.dit.go.th/contentmain.asp?ty ... &catid=101 ลองดูครับ และคิดง่ายๆ อะครับ ถ้าขาวนาหลายคนขี้เกียจ ปล่อยนารกร้าง หวังแต่เงินประกัน จนทำให้ราคาผลผลิตต่อไร่ตกลง ยิ่งตกลงเท่าไร ราคากลางที่ใช้อ้างอิงราคาประกันก็ลดลง การประกันต่างหากละครับ จะช่วยให้ชาวนา ช่วยกันผลิตข้าวให้มีผลผลิตต่อไร่มากขึ้น ยิ่งผลผลิตต่อไร่สูงเท่าไร แล้วดันให้ราคาตลาดสูล ราคากลางที่ใช้ในการอ้างอิงราคาประกันก็จะสูงตาม ก็ประกันที่แท้จริงคือการปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด ถ้าราคาสูงขึ้นมากกว่าราคาประกัน รัฐก็ไม่ต้องไปออกส่วนต่างให้ แต่ถ้าราคาตลาดตกลง ตรงนี้รัฐก็มาพยุงราคาคือออกค่าส่วนต่างให้

ถ้า หากว่าราคาข้าวมันดีขึ้นมาล่ะ เช่น เกิดวิกฤตโลกร้อน เกิดภัยธรรมชาติทั่วโลก ข้าวขาดแคลนมาก เป็นที่ต้องการทั่วโลก ราคาตามกลไกตลาดที่ Demand มากๆ ขึ้นไปถึง 17000 บาท ทำอย่างไร นั่นก็คือ รัฐประกันแค่เท่านั้นคือ 12000 ไม่จ่ายอะไรเพิ่ม แต่รัฐไม่ได้กำไรอะไร
หนัก กว่านั้น เนื่องจากรัฐไม่ได้เข้ามาจัดการข้าวที่มีอยู่ในสต๊อกเอง จึงเปิดโอกาสให้นายทุนต่างๆ กักตุนสินค้า แล้วผลก็คือ ผู้บริโภคจะได้ทานข้าวราคาแพงไปด้วย ซ้ำหนักนายทุนที่มีข้าวอยู่ในมือแห่ส่งออกเพราะราคาดีกว่าในประเทศมาก นั่นล่ะมันจะเกิดวิกฤตอยากกินข้าวไม่ได้กินข้าว เพราะมันจะขาดแคลน ขาดตลาดขึ้นมาทันที

ในทางกลับกัน การจำนำข้าวนั้น รัฐมีข้าวอยู่ในมือ จากการรับจำนำมาจากชาวนาโดยตรง ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตโลกอะไรก็แล้วแต่ ภายใต้การจัดการของรัฐ เราจะมีอำนาจต่อรองกับประเทศอื่นขึ้นมาทันที เพราะรัฐมีข้าวในมือมากจากการรับจำนำมาจากชาวนา ข้าวที่มีอยู่จะขายให้ประชาชนในประเทศในราคาถูกก็ได้ และยังสามารถต่อรองราคาที่พอใจกับต่างประเทศได้ ถ้ารัฐรับจำนำมาราคา 15000 บาทต่อตัน แต่ราคากลางข้าวที่ขาดแคลนขึ้นไปถึง 17000 บาท รัฐจะได้กำไรมากมายจากการส่งออกข้าวที่มีอยู่ โอว...

ตัวอย่างการจำนำข้าว
นา ผม 10 ไร่ เท่าเดิม ปลูกดูแลเต็มที่ ได้ผลผลิต 1 ตันต่อไร่เลยทีเดียว ข้าวเม็ดสวย อวบอิ่ม ไปจำนำข้าวกับรัฐ (ผ่านนายหน้า โรงสีที่รับจำนำต่างๆ) ได้มา ตันละ 15000 บาท (ถ้าไปขายเจ้าอื่น ให้ตันละ 10000 บาทก็ไม่เอา จะเอาของรัฐเพราะราคาดี) ผมได้เงินมา 10x15000 = 150,000 บาท แม้ราคากลางข้าว อาจจะอยู่ที่ 8500 บาท 10 ตันก็ 85000 บาท เท่ากับรัฐยอมอุ้มค่าข้าวส่วนต่างถึง 150000-85000 = 65,000 บาท แพงกว่าประกันรายได้อีก
เมียผม นิสัยเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ได้มาแค่ 600 กก.ต่อไร่ รวม 10 ไร่ ก็ได้แค่ 6 ตัน ไปจำนำรัฐ ก็ได้เงินมาแค่ 6x15000 = 90,000 บาท ถ้าราคากลางข้าวเกรดนี้อยู่ที่ 8200 บาท 6ตันก็จะได้ 49200 บาท ก็เท่ากับรัฐอุ้มส่วนต่างเมียผมถึง 90000-49200=40,800 บาท
จะ เห็นว่า... อันนี้ยุติธรรม เมียผมดูแลข้าวไม่ดี ก็ได้ค่าขายข้าวแค่ 90000 บาท ผมดูแลข้าวดี ทำให้ผลผลิตต่อไร่ผมสูงกว่า 10ไร่เท่ากันแต่ผมได้ 150000 บาท ดังนั้น เมียผมจึงเกิดความคิด ที่จะต้อง หาวิธีการดีๆมาพัฒนานาของตนเองให้มันดีๆ เหมือนของผม หรือดีกว่าของผม เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มากกว่า นี่ล่ะ กลไกการตลาดจึงเกิด การแข่งขันจึงเกิด ชาวนาทุกคนเร่งผลิตข้าว นาที่ว่างๆก็จะถูกนำมาใช้ประโยชน์ ยิ่งดูแลดี ผลผลิตต่อไร่ยิ่งมาก ยิ่งได้กำไรมาก ข้าวก็ได้แต่ข้าวดีๆออกมาสู่ตลาด ผู้บริโภคก็ได้ข้าวดีๆกิน

จากสถิติการจำนำที่ผ่านมา คงไม่ต้องบอกนะครับใครได้ประโยชนื
Image

ทีนี้กลับมาที่รัฐ รัฐจะได้อะไร ซื้อข้าวมาแพง จะยอมหรอ ... แน่นอน ถ้านายทุนคนอื่น ขายราคาถูกกว่ารัฐขาย ใครจะยอมซื้อข้าว ของรัฐ ที่แพงกว่า? แต่อย่าลืม นายทุนที่หวังกักตุนข้าว ที่หวังจะมีข้าวขายราคาถูก มันจะมีข้าวในมือเยอะไหม? ชาวนาเขาจะเอาไปขายให้นายทุนพวกนี้หรือ? ในเมื่อรัฐรับซื้อแพงกว่ามากมาย ดังนั้น รัฐจะเป็นผู้ถือครองข้าวรายใหญ่ที่สุด ข้าวที่ได้มาก็เอาไปจัดการเสียใหม่ คัดสรร แยกเกรด ส่งออก ส่งเข้า ตามใจ เมื่อผลผลิตมีมากและมีคุณภาพ อำนาจต่อรองกับคนอื่นก็มากด้วย เวียดนามอาจจะไม่ใช่คู่แข่งอีกต่อไป
รัฐอาจจะเร่งทำแผนงานต่างๆ ที่จะเร่งทำคุณภาพข้าวให้ดีขึ้นไปอีก อาจนำมาเป็นเมล็ดพันธุ์แจกจ่าย หมุนเวียนมาใช้กรณีเกิดอุทกภัย สามารถแจกจ่ายข้าวในคลังสู่ผู้ประสบภัยได้ง่ายและเร็ว
การจำนำข้าวของ รัฐ จึงเหมือนรัฐทำตัวเป็นนายทุนเสียเอง แต่เป็นนายทุนที่เงินถึงและไม่กลัวขาดทุน มีอำนาจซื้อขายสูงกว่า นายทุนรายไหนไม่ดีพอย่อมอยู่ไม่ได้ คดโกงเอาเปรียบชาวนาก็จะอยู่ไม่ได้ กดราคาข้าวก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะคู่แข่งคือรัฐลงมาทำงานนี้เอง จึงต้องคอยปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ ให้สามารถแข่งกับรัฐได้

ช่วง แรกรัฐอาจต้องยอมขาดทุน จากการขายข้าวค้างสต็อกของนายทุนต่างๆที่ถูกกว่า แต่เชื่อได้เลยว่า แค่รัฐบอกว่าจะถือครองข้าว แค่นี้ราคาข้าวก็พุ่งแล้ว เพราะนายทุนต่างๆ จะต้องแย่งแข่งขันกับรัฐ รับซื้อข้าวในราคาที่สูงขึ้น เช่น ราคารับซื้อของนายทุน อาจเพิ่มขึ้นสูงถึง 14000 บาทต่อตัน แข่งกับรัฐที่ให้ไว้ 15000 บาทต่อตัน แต่นายทุนอาจเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ชาวนามากกว่า เช่น รับซื้อถึงที่ สีข้าวฟรี ใกล้บ้านกว่า ไม่ต้องถ่อไปถึงโรงสีที่รับจำนำ ... เป็นต้น
แค่นั้นล่ะ ก็จะเข้าทางรัฐเลย เพราะรัฐตั้งใจจะดึงราคาข้าวให้สูงขึ้นอยู่แล้ว ...
ทีนี้ทำไงต่อ รัฐก็จะปล่อยข่าวว่าจะขายข้าวออกสู่ตลาดในประเทศให้มันถูกไปเลย ให้คนอยากกินข้าวได้กินข้าวดีๆสมใจ เท่านั้นนายทุนก็จะอยู่ไม่ได้ รัฐจะได้กำไรจากปริมาณที่ขายได้มากเพราะผูกขาดคนเดียว หากนายทุนไม่ยอมขายข้าวที่รับซื้อมาเพราะกลัวขาดทุนเพราะรับซื้อมาแพง, แต่ครั้นจะไม่ขายก็อยู่ไม่ได้ จะขายแพงกว่ารัฐก็ไม่มีคนซื้อ สุดท้ายก็ต้องลดราคาลงมา ให้เท่ารัฐ หรือถูกกว่ารัฐ ทีนี้กำไรของรัฐก็ยิ่งเพิ่ม เพราะรัฐรับซื้อมาเยอะ(รับมาแพง) แต่ขายไปน้อย(ขายถูก) (ปล่อยให้ข้าวที่กักตุนของนายทุนทยอยออกมาก่อนเรื่อยๆจนหมดสต๊อก) ส่วนนายทุนรับมาน้อย แถมรับซื้อราคาก็แพงเกือบเท่ารัฐ แถมตอนขายยังจะต้องขายถูกกว่าเขาอีก
นี่ล่ะ... เป็นข้อดี ของการที่รัฐเข้าจัดการข้าวเอง จะสามารถดัดหลังพวกนายทุนได้ ทำให้พวกนายทุนไม่กล้ากักตุนข้าวในปริมาณมาก ทีนี้ผู้บริโภคก็ได้ทานข้าวดี ราคาถูก ชาวนาก็ได้ข้าวราคาดี ผลผลิตงาม...
สุดท้ายเมื่อนายทุนไม่มีข้าวค้างสต๊อค หรือไม่สามารถกักตุนสินค้าได้ ก็เป็นทีของรัฐที่จะสามารถเข้าควบคุมราคาตลาดได้ง่ายขึ้น
ราคาข้าวที่ตันละ 14000 แบบไม่ต้องประกันหรือจำนำเลย อาจจะเกิดขึ้นได้
รัฐ จะกลับกลายเป็นผู้วางหมากให้นายทุนเดินตามเกม โดยนายทุนจะไม่สามารถเอากำไรเกินควรได้อีกต่อไป แถมยังต้องคอยปรับปรุงคุณภาพตนเองให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก เพื่อให้ทัดเทียมภาครัฐหรือดีกว่ารัฐ การกดราคาข้าวจะหมดไป ชาวนาและรัฐสื่อสารกันโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง รัฐง่ายต่อการสำรวจและวางระบบจัดการการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว อาจถึงขั้นจัดหารถเก็บเกี่ยวของภาครัฐไปเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ถึงที่ พร้อมขนส่งได้ทันที นายทุนต่างๆยิ่งต้องแข่งขันให้ดีกว่ารัฐยิ่งขึ้นไปอีก ใครที่ไม่ดีจริง ก็จะต้องเจ๊งไป เหลือแต่ที่ดีๆมีคุณภาพ
มองเห็นอนาคตข้าวไทยเลยว่า จะเป็นอย่างไร ... รุ่งกับรุ่ง

2. ประกันราคาข้าว ... ดีที่มีประกัน

ก็เหมือนประกันชีวิต บางครั้งใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา สะดุดล้มขาหัก ไม่ได้ไปทำงานก็มีคนจ่ายให้ชดเชย
ชาวนา ก็เช่นกัน ใครจะรู้ว่า วันหนึ่งเกิดน้ำท่วมนา นาล่ม อากาศร้อนนาแล้ง ก็ยังได้ราคาที่ประกันไว้ ไม่ต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า อย่างน้อยก็ได้ส่วนต่างมาพอใช้หนี้ปุ๋ยหนี้ยาเขาที่ยืมมา ดีกว่านั้นหากรัฐช่วยจุนเจือความเสียหายจากภัยธรรมชาติอีก เช่นให้อีกไร่ละ 5000 ยิ่งดีเลย เหมือนปลูกข้าวได้ในน้ำเลย มีนาไม่มีข้าวในนา แต่กลับได้ราคาเท่ากับเก็บเกี่ยวข้าวไปขาย
แต่ถ้าจำนำล่ะ ... นาล่ม นาแล้ง ไม่มีผลผลิตไปจำนำ ก็ต้องกินแกลบกินเกลือ
ดัง นั้น ถ้าคิดจะใช้ระบบจำนำ รัฐต้องไปพัฒนาไร่นา พัฒนาที่ดิน พัฒนาระบบชลประทานให้ดี อย่าให้ชาวนาออกมาโวยวายได้ ว่าไม่มีข้าวไปจำนำ จะกินอะไร
การชดเชยความเสียหายต่อไร่นา ก็ต้องเพิ่มขึ้นกว่าเดิม จากที่เคยชดใช้ให้ไร่ละ 5000 ก็อาจต้องเพิ่มเป็น 7000 เป็นต้น
Last edited by dutchout on Sun Jun 12, 2011 12:46 am, edited 1 time in total.
User avatar
dutchout
 
Posts: 2194
Joined: Tue Apr 14, 2009 10:53 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby คนบาป » Sun Jun 12, 2011 12:36 am

สงสัยผมต้องกลับไปทำนาบ้าง อิ อิ
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby เคยไม่แดง » Sun Jun 12, 2011 12:52 am

จำนำระบบเก่า มีข้อเสียจริงครับ
ก็คงตามที่คุณ dutchout ได้แสดงไว้

แต่ไม่ใช่ว่าประกันราคาก็จะไม่มีข้อเสีย นี่ครับ
คำตอบคือ ...
ฝ่ายไหน แก้ไขปัญหาได้มากกว่า หรือป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาได้มากกว่า
ลดข้อบกพร่องของระบบตนเองลงให้ได้มากที่สุด นั่นล่ะครับ

เพื่อไทย เขาจึงคิดค้นระบบ "จำนำข้าว กึ่งประกันราคา" คือรวมข้อดีของทั้งสองอย่างไว้ด้วยกัน
แต่ละอย่างช่วยลดจุดด้อยของกันและกัน
ไม่ใช่ สุดโต่งไปเฉพาะจำนำ หรือสุดโต่งไปเฉพาะประกัน อันไหนดี ก็เอามาประยุกต์ใช้ได้ ไม่ได้เสียเกียรติอะไรหรอก (ลอกนโยบายปชป.แถมตัดราคา ขึ้นค่าเบี้ยผู้สูงอายุ ให้มากกว่า ปชป. ก็ยังทำมาแล้ว อยู่ที่ว่า เขาทำได้อย่างที่บอกไว้หรือเปล่า ทำไม่ได้ คนแก่เขาก็กร่นด่าเพื่อไทยเองล่ะครับ)
การใช้บัตรเครดิตชาวนา ซึ่งรวมข้อมูลการเพาะปลูกจำนวนไร่ เป็นต้น

ส่วนที่ยกตัวอย่างข้างบนนั้น เป็นแค่ระบบเก่า จำนำข้าวอย่างเดียวครับ ไม่ได้พูดถึงระบบใหม่ของพรรคเพื่อไทย ว่าทำอะไรไปบ้าง อย่างไร
เคยไม่แดง เคยไม่เหลือง เคยสีขาวขุ่นๆ...เราใช้เคยทำกะปิ
User avatar
เคยไม่แดง
 
Posts: 105
Joined: Sat Jun 11, 2011 8:42 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby dutchout » Sun Jun 12, 2011 1:01 am

เคยไม่แดง wrote:จำนำระบบเก่า มีข้อเสียจริงครับ
ก็คงตามที่คุณ dutchout ได้แสดงไว้

แต่ไม่ใช่ว่าประกันราคาก็จะไม่มีข้อเสีย นี่ครับ
คำตอบคือ ...
ฝ่ายไหน แก้ไขปัญหาได้มากกว่า หรือป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาได้มากกว่า
ลดข้อบกพร่องของระบบตนเองลงให้ได้มากที่สุด นั่นล่ะครับ

เพื่อไทย เขาจึงคิดค้นระบบ "จำนำข้าว กึ่งประกันราคา" คือรวมข้อดีของทั้งสองอย่างไว้ด้วยกัน
แต่ละอย่างช่วยลดจุดด้อยของกันและกัน
ไม่ใช่ สุดโต่งไปเฉพาะจำนำ หรือสุดโต่งไปเฉพาะประกัน อันไหนดี ก็เอามาประยุกต์ใช้ได้ ไม่ได้เสียเกียรติอะไรหรอก (ลอกนโยบายปชป.แถมตัดราคา ขึ้นค่าเบี้ยผู้สูงอายุ ให้มากกว่า ปชป. ก็ยังทำมาแล้ว อยู่ที่ว่า เขาทำได้อย่างที่บอกไว้หรือเปล่า ทำไม่ได้ คนแก่เขาก็กร่นด่าเพื่อไทยเองล่ะครับ)
การใช้บัตรเครดิตชาวนา ซึ่งรวมข้อมูลการเพาะปลูกจำนวนไร่ เป็นต้น

ส่วนที่ยกตัวอย่างข้างบนนั้น เป็นแค่ระบบเก่า จำนำข้าวอย่างเดียวครับ ไม่ได้พูดถึงระบบใหม่ของพรรคเพื่อไทย ว่าทำอะไรไปบ้าง อย่างไร


ก็ถ้ามันตามที่ผมแสดงว่า ข้อเสียที่คุณยกมา มันก็มั่วครับ ยิ่งบอกว่าการประกันทำให้กลไกลการตลาดบิดเบือน ทั้งที่ที่หารู้ไหมว่า การคำนวนราคาประกัน มาจากผลผลิตต่อไร แต่กลไกตลาด จึงออกมาเป็นราคาประกัน และเมื่ออิงตรงนี้ จุดที่ดี ต่อให้ชาวนาในแต่ละเขตแต่ละชุมชน แจ้งที่นาเกิน เอาเป็นว่าลักไก่ คนละ 2 ไร่ 10000 คน ก็ 20000 ไร่ จำนวน 20000 ไร่ ก็นำเป็นตัวหารเพิ่มกับผลผลิตที่ออกมามาอีก ทำให้ ผลผลิตต่อไร่ลดลง เมื่อผลผลิตต่อไร่ลดลง ราคาประกันก็ลดลงตาม เหตุผลนี้แหละ ชาวไร่ชาวนาก็ต้องยิ่งสอดส่องดูแลกันมากขึ้น เพราะแน่นอน ไม่มีใครอยากให้ราคาประกันต่ำ ยิ่งผลผลิตดี ราคาประกันก็ทีบตัวสูงตาม ราคาที่คำนวนจากราคากลไกตลาด

ยิ่งระบบที่บอกว่าจะมีชาวนาแจ้งที่เกินไม่เกิน ตรงนี้ ถ้าภาษีที่ดินออกมาเมื่อไร ก็แถบจะปิดจุดบอดไปได้เลย รู้กันไปเลยว่า ที่แต่ที่ที่นั้นวางเปล่า รกร้าง หรือทำเกษตรกรรมอะไร มีขนาดที่ดินเท่าไรที่ว่าง ที่ทำกินเท่าไรที่ยังทำกินต่อไป
Last edited by dutchout on Sun Jun 12, 2011 1:14 am, edited 2 times in total.
User avatar
dutchout
 
Posts: 2194
Joined: Tue Apr 14, 2009 10:53 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby คนบาป » Sun Jun 12, 2011 1:03 am

เพื่อไทยหลังๆ พยายามปรับวิธีจำนำข้าวมาเป็น ประกันราคาแล้วนะครับ เช่นบอกว่ารับจำนำตันละ 15,000 แต่จะมีชาวนากี่คนได้ราคาจำนำ นอกจากพวกทำข้าวขายเท่านั้น

เพราะบัตรเครดิตชาวนา ก็ต้องไปขึ้นทะเบียนก่อนถึงจะได้เครดิต แต่ถ้าไม่ได้ข้าวไปจำนำ จะทำยังไงกับชาวนาที่กู้เงินมาใส่บัตรเครดิต

จะว่าไปก็คือไปขอกู้จากธนาคารเปิดวงเงินนั่นเอง

ส่วนการชดเชย เพื่อไทยไม่ได้บอกไว้จะทำยังไง

สุดท้ายเข้าใจว่า วิธีจำนำมันได้ประโยชน์เฉพาะคนที่ทำข้าวขาย คนที่ปลูกเพื่อกินไม่ได้ประโยชน์ คนได้บัตรเครดิตหากไม่มีผลผลิตก็ไม่สามารถใช้หนี้ได้ เป็นการเบิกเงินล่วงหน้ามาใช้ ก็เหมือนไปกู้ ธกส.ตามปกตินั่นเอง เค้าทำกันอยู่แล้ว

ส่วนของ ปชป. ปลูกข้าวกิน ก็มีสิทธิ์ได้รับการชดเชยหากเสียหาย ตรงนี้ ปชป. ทำได้ครอบคลุมกว่า อย่างที่บอกว่า มีเกษตรกรได้รับประโยชน์ไปแล้ว 4 ล้านคน ตรงนี้มันเป็นรูปธรรม

แต่ตัวเลขการจำนำ มันไม่ออกมาชัดเจน เลยไม่รู้จะวิจารณ์ยังไง

ส่วนพืชตัวอื่นเช่น ยาง อ้อย มัน รัฐบาลปชป. ทำเรื่องประกันไปแล้ว เพื่อไทยจะเลิกมั๊ย ตรงนี้เพื่อไทยก็ต้องตอบ
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby เคยไม่แดง » Sun Jun 12, 2011 1:32 am

คุณ dutchout ครับผม ประโยคนี้ครับ

"ลองดูครับ และคิดง่ายๆ อะครับ ถ้าขาวนาหลายคนขี้เกียจ ปล่อยนารกร้าง หวังแต่เงินประกัน จนทำให้ราคาผลผลิตต่อไร่ตกลง ยิ่งตกลงเท่าไร ราคากลางที่ใช้อ้างอิงราคาประกันก็ลดลง การประกันต่างหากละครับ จะช่วยให้ชาวนา ช่วยกันผลิตข้าวให้มีผลผลิตต่อไร่มากขึ้น ยิ่งผลผลิตต่อไร่สูงเท่าไร แล้วดันให้ราคาตลาดสูล ราคากลางที่ใช้ในการอ้างอิงราคาประกันก็จะสูงตาม"

ถ้าหากชาวนาขี้เกียจ ปล่อยนารกร้าง หวังแต่เงินประกัน ... จะเกิดอะไรขึ้นครับ
1. ผลผลิตต่อไร่ลดลง ผลผลิตมวลรวมลดลง ... จะมีข้าวออกจากไร่นาเข้าสู่กระบวนการผลิตลดลง ข้าวในตลาดจะลดลง
เมื่อนั้น คนจะแห่กว้านซื้อข้าวถุงกักตุน พ่อค้าจะเก็งกำไรกักตุนข้าวเปลือกและข้าวถุง เมื่อข้าวขาดแคลน Demand มาก แต่ Supply ไม่พอ ราคาข้าวถุงจะแพงขึ้นๆๆจนกว่ามันจะมีข้าวออกสู่ตลาดมากขึ้น
แต่ปัญหาคือ ข้าวไม่ออกสู่ตลาดหรอกครับ เพราะชาวนาที่ทำนาข้าวขาย(ไม่ใช่นากินเอง) ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งผลิต เพราะรัฐแทรกแซงด้วยระบบประกันราคาข้าวคงที่ เมื่อนั้นจะเกิดวิกฤตข้าว
ที่ราคารับซื้อเท่าเดิม แต่ราคาข้าวถุงแพงมาก พ่อค้าได้กำไร รัฐเสียผลประโยชน์ ราคาที่เพิ่มขึ้นนั้นจึงไม่ใช่ราคาข้าวเปลือก แต่เป็นราคาข้าวถุงที่ส่งถึงมือผู้บริโภค
เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง (ซึ่งมักไม่เกิด) คือข้าวในมือพ่อค้าเริ่มร่อยหรอลง พ่อค้าจะเสนอราคารับซื้อที่มากกว่ารัฐ เมื่อนั้นล่ะครับ กลไกตลาดถึงเริ่มเดินอีกครั้ง

ปกติหากไม่มีการประกันราคาข้าว
เมื่อไรก็ตามที่ ข้าวขาดแคลน พ่อค้าจะแย่งซื้อข้าวเปลือก และแข่งกันรับซื้อสูงๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตออกสู่ตลาดก่อนเจ้าอื่น ยิ่งออกเร็ว คนแห่ซื้อเร็ว กำไรยิ่งเยอะ ยิ่งทำชักช้าออกมาทีหลังตอนข้าวล้นตลาด จะกำไรยิ่งน้อย แต่ปัญหามันอยู่ที่ ประโยคที่ว่า "พ่อค้าจะแย่งซื้อข้าวเปลือก และแข่งกันรับซื้อสูงๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตออกสู่ตลาดก่อนเจ้าอื่น ยิ่งออกเร็ว คนแห่ซื้อเร็ว กำไรยิ่งเยอะ" มันไม่ค่อยเกิดหรอกครับ เพราะข้าวเป็นสินค้าที่เก็บได้นานระดับหนึ่ง ไม่เหมือนนมวัว ไข่ไก่ พ่อค้าที่ยิ่งมีข้าวในคลังตัวเองเยอะ จะยิ่งผลิต โดยไม่สนใจการรับซื้อข้าวเปลือกเพิ่มเลย จนกว่าจะมั่นใจว่าข้าวตนไม่พอต่อความต้องการในตลาด ดังนั้นการจำนำข้าว จึงเหมือนการที่รัฐทำตัวเป็นพ่อค้าเสียเอง มีข้าวในมือจะทยอยขายเมื่อไรก็ได้ กลไกตลาดจึงยังคงมีอยู่

คำว่ากลไกการตลาด จึงอธิบายด้วยคำเพียงแค่สองคำคือ Demand และ Supply นั่นเอง
ดังนั้นคำที่ว่า "จนทำให้ราคาผลผลิตต่อไร่ตกลง ยิ่งตกลงเท่าไร ราคากลางที่ใช้อ้างอิงราคาประกันก็ลดลง" จึงไม่ได้จริงเสมอไป
เราจึงเห็นบ่อยๆว่า เมื่อไรไก่ถูก ไข่ถูก คนเลี้ยงจะฆ่าทิ้งให้หมด เพื่อให้ Supply มันน้อย สักพัก demand มันจะสูงตามมาเอง เมื่อ Demand สูงเมื่อไร ราคาไข่จะสูงตามมาอีกที... ตัวอย่างไก่ไข่ นี้ดีสุดเลย
ยางพาราก็เช่นกัน ยางถูกก็หยุดกรีด (แต่อย่าไปโค่นต้นยางล่ะ ใครหนอเคยรณรงค์แบบนั้น อายตายเลย)
แต่ก็จริง ที่การประกันราคามีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่นั่นมันขึ้นอยู่กับภาครัฐ หาใช่ภาคเอกชนครับ
เคยไม่แดง เคยไม่เหลือง เคยสีขาวขุ่นๆ...เราใช้เคยทำกะปิ
User avatar
เคยไม่แดง
 
Posts: 105
Joined: Sat Jun 11, 2011 8:42 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby dutchout » Sun Jun 12, 2011 1:47 am

เคยไม่แดง wrote:คุณ dutchout ครับผม ประโยคนี้ครับ

"ลองดูครับ และคิดง่ายๆ อะครับ ถ้าขาวนาหลายคนขี้เกียจ ปล่อยนารกร้าง หวังแต่เงินประกัน จนทำให้ราคาผลผลิตต่อไร่ตกลง ยิ่งตกลงเท่าไร ราคากลางที่ใช้อ้างอิงราคาประกันก็ลดลง การประกันต่างหากละครับ จะช่วยให้ชาวนา ช่วยกันผลิตข้าวให้มีผลผลิตต่อไร่มากขึ้น ยิ่งผลผลิตต่อไร่สูงเท่าไร แล้วดันให้ราคาตลาดสูล ราคากลางที่ใช้ในการอ้างอิงราคาประกันก็จะสูงตาม"

ถ้าหากชาวนาขี้เกียจ ปล่อยนารกร้าง หวังแต่เงินประกัน ... จะเกิดอะไรขึ้นครับ
1. ผลผลิตต่อไร่ลดลง ผลผลิตมวลรวมลดลง ... จะมีข้าวออกจากไร่นาเข้าสู่กระบวนการผลิตลดลง ข้าวในตลาดจะลดลง
สงสัยคุณจะเป็นคนที่ดูถูกชาวไร่ชาวนา คิดว่า เขาจะง้อมือง้อเท้าไม่ทำงาน ไม่ทำนาอะไรเลย ผลผลิตมวลรวมลดลง ราคาประกันก็ลดลงตาม สมมุติลดไปถึง 4500 บาท ถามว่า เงินได้เปล่านี้ ชาวนาจะพอยาไส้ เลี้ยงครอบครัวหรือเปล่าครับ แต่ถ้าสู้ทำนาตามปกติ ได้ผลผลิตมา ผลิตข้าวได้ ผลผลิตมากขึ้นเงินก็มาขึ้นตาม แบบนี้ พอจะเลี่้ยงครอบครัวได้หรือเปล่าครับ


เมื่อนั้น คนจะแห่กว้านซื้อข้าวถุงกักตุน พ่อค้าจะเก็งกำไรกักตุนข้าวเปลือกและข้าวถุง เมื่อข้าวขาดแคลน Demand มาก แต่ Supply ไม่พอ ราคาข้าวถุงจะแพงขึ้นๆๆจนกว่ามันจะมีข้าวออกสู่ตลาดมากขึ้น
แต่ปัญหาคือ ข้าวไม่ออกสู่ตลาดหรอกครับ เพราะชาวนาที่ทำนาข้าวขาย(ไม่ใช่นากินเอง) ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งผลิต เพราะรัฐแทรกแซงด้วยระบบประกันราคาข้าวคงที่ เมื่อนั้นจะเกิดวิกฤตข้าว
ที่ราคารับซื้อเท่าเดิม แต่ราคาข้าวถุงแพงมาก พ่อค้าได้กำไร รัฐเสียผลประโยชน์ ราคาที่เพิ่มขึ้นนั้นจึงไม่ใช่ราคาข้าวเปลือก แต่เป็นราคาข้าวถุงที่ส่งถึงมือผู้บริโภค
เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง (ซึ่งมักไม่เกิด) คือข้าวในมือพ่อค้าเริ่มร่อยหรอลง พ่อค้าจะเสนอราคารับซื้อที่มากกว่ารัฐ เมื่อนั้นล่ะครับ กลไกตลาดถึงเริ่มเดินอีกครั้ง
และถ้ายิ่ง demand มาก supply ไม่พอ ก็ดันราคาข้าวให้สูงขึ้นครับ ผลประโยชน์อยู่ที่ชาวนาเองครับ ไม่ได้อยู่ใคร ข้าวแพง ข้าวเป็นที่ต้องการ คิดว่าชาวนาจะง้อมือง้อเท้า รับเงินน้อยๆที่ได้จากราคาประกัน หรือ ราคาในตลาดตอนนี้มันดีดสูงขนาดนี้ จะทำนาเสียหน่อยได้ราคาดี คิดว่าชาวนาจะเลือกแบบไหน ไม่ต้องชาวนาหรอกครับ เอาคุณนั้นแหละครับ จะเลือกแบบไหน

ปกติหากไม่มีการประกันราคาข้าว
เมื่อไรก็ตามที่ ข้าวขาดแคลน พ่อค้าจะแย่งซื้อข้าวเปลือก และแข่งกันรับซื้อสูงๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตออกสู่ตลาดก่อนเจ้าอื่น ยิ่งออกเร็ว คนแห่ซื้อเร็ว กำไรยิ่งเยอะ ยิ่งทำชักช้าออกมาทีหลังตอนข้าวล้นตลาด จะกำไรยิ่งน้อย แต่ปัญหามันอยู่ที่ ประโยคที่ว่า "พ่อค้าจะแย่งซื้อข้าวเปลือก และแข่งกันรับซื้อสูงๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตออกสู่ตลาดก่อนเจ้าอื่น ยิ่งออกเร็ว คนแห่ซื้อเร็ว กำไรยิ่งเยอะ" มันไม่ค่อยเกิดหรอกครับ เพราะข้าวเป็นสินค้าที่เก็บได้นานระดับหนึ่ง ไม่เหมือนนมวัว ไข่ไก่ พ่อค้าที่ยิ่งมีข้าวในคลังตัวเองเยอะ จะยิ่งผลิต โดยไม่สนใจการรับซื้อข้าวเปลือกเพิ่มเลย จนกว่าจะมั่นใจว่าข้าวตนไม่พอต่อความต้องการในตลาด ดังนั้นการจำนำข้าว จึงเหมือนการที่รัฐทำตัวเป็นพ่อค้าเสียเอง มีข้าวในมือจะทยอยขายเมื่อไรก็ได้ กลไกตลาดจึงยังคงมีอยู่

คำว่ากลไกการตลาด จึงอธิบายด้วยคำเพียงแค่สองคำคือ Demand และ Supply นั่นเอง
ดังนั้นคำที่ว่า "จนทำให้ราคาผลผลิตต่อไร่ตกลง ยิ่งตกลงเท่าไร ราคากลางที่ใช้อ้างอิงราคาประกันก็ลดลง" จึงไม่ได้จริงเสมอไป
ราคาประกัน คำนวนจากผลผลิตต่อไร่ ถ้า 1 ไร่ สมมุติผลิตได้ 50 ต้น แสดงว่า ลงทุนน้อย กำไรที่ได้ หรือการประกันที่ได้ก็ควรจะน้อยตาม แต่ถ้า 1 ไร่ สมมุติได้ 100 ต้น แสดงว่าลงทุนเยอะ ราคาประกันที่ได้ก็สูงตาม ราคาลงทุน ก็มาจากค่าปุ๋ย ค่ายา ค่านู้นค่านี้ ที่คำนวนออกมา หรือคิดไม่ออก เอาง่ายๆ ถ้ามีที่อยู่ 1 ไร่ ปลูกส้มผลิตได้ 20 ลูก แสดงว่าจริงๆแล้ว คุณอาจจะลงทุนปลูกต้นเดียวจาก 1 ไร่ แต่ถ้า 1 ไร่ผลิตได้ 500 ลูก แสดงว่า 1 ไร่ คุณอาจจะปลูกส้มเต็มพื้นที่ ซึ่งเงินลงทุนที่จะปลูกส้มเต็มพื้นที่ก็ใช้เงินเยอะตาม ผลผลิตลด ซึ่งราคาประกันอาจจะตกลง แต่ demand นู้น ความต้องการเยอะ ดันราคาข้าวให้ขึ้นสูงไปอีกเยอะๆ ก็เป็นไปได้ อย่าลืมนะครับ การประกัน มีราคาประกัน ถ้าตอนนั้นข้าวในท้องตลาด มี demand มาก ราคาสูงขึ้น ชาวนาก็ขายข้าวในท้องตลาดได้เลย ไม่ต้องมารับส่วนต่าง หรือราคาประกันจากรัฐบาล และถ้ามันเป้นแบบนั้นจริงๆ ชาวไร่ชาวนา ขี้เกียจ รอแต่ราคาประกัน ไม่ต้องห่วงครับ เหมือน demand ที่คุณว่ามันสูงขึ้น ข้าวราคาดี ผมเชื่อได้เลย มีหลายคนจ้องที่จะมาทำอาชีพชาวนาครับ ใครขี้เกียจ ก็อดไปครับ

เราจึงเห็นบ่อยๆว่า เมื่อไรไก่ถูก ไข่ถูก คนเลี้ยงจะฆ่าทิ้งให้หมด เพื่อให้ Supply มันน้อย สักพัก demand มันจะสูงตามมาเอง เมื่อ Demand สูงเมื่อไร ราคาไข่จะสูงตามมาอีกที... ตัวอย่างไก่ไข่ นี้ดีสุดเลย
ยางพาราก็เช่นกัน ยางถูกก็หยุดกรีด (แต่อย่าไปโค่นต้นยางล่ะ ใครหนอเคยรณรงค์แบบนั้น อายตายเลย)
แต่ก็จริง ที่การประกันราคามีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่นั่นมันขึ้นอยู่กับภาครัฐ หาใช่ภาคเอกชนครับ


ปล ประกันรายได้ มี มา 2 ปีแล้วครับ มีข่าวบ้างไหมที่บอกว่าเกษตรขี้เกียจทำงาน รอแต่เงินประกัน ผมเห็นแต่มีเกษตรเงินล้าน ไม่ก็เกษตรที่ปล้นหนี้ได้ อันนี้คือความเป็นจริงครับ

อ้ออีกอย่างเรื่องนี้เปรียบเทียบในประเทศยุโรปบ้างประเทศครับ คนตกงานไม่ทำงานรัฐบาลเลี้ยงรัฐบาลจ่ายให้ครับ แต่ให้แค่พอกิน พออยู่ และไม่ตายเท่านั้น แต่คนส่วนใหญ่ในประเทศ ไม่เลือก ง้อมือง้อเท้าขอเงินจากรัฐบาลครับ คนส่วนใหญ่ในประเทศเลือกทำงาน เสียภาษี หาเงินให้มากกว่า เพื่อให้ได้มาซึ่งมากกว่าเดิม ทั้งความเป็นอยู่ที่สบาย ชีวิตที่สบาย จากการทำงานหนัก มากกว่า หลักประกันที่รัฐให้ว่า ถ้าคุณตกงานเป็นคนจน คุณได้เงินเท่านี้ กินใช้ไปตลอดชีวิต แต่มันแค่พอกิน ไม่อดตาย แต่คุณจะไม่มีเงินเพียงพอ ซื้อมือถือ โทรทัศน์ กินอาหารดีๆนอกบ้าน หรือแม้แต่พาครอบครัวไปเที่ยวก็ตาม
Last edited by dutchout on Sun Jun 12, 2011 2:40 am, edited 1 time in total.
User avatar
dutchout
 
Posts: 2194
Joined: Tue Apr 14, 2009 10:53 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby คนบาป » Sun Jun 12, 2011 2:14 am

วกมาเรื่องไข่ ตกลงไข่แพง ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ชิมิ

นโยบายรัฐบาลทักษิณและนอมินี เล่นแต่จำนำ

พอรัฐบาลปชป.เลิกจำนำมาเล่นเรื่องประกัน

ทำไมพวกลิ่วล้อทักษิณถึงมาตามเป็นว่า ทั้งจำนำทั้งประกัน แสดงว่าประกันดีกว่า และที่คงจำนำอยากได้เสียงจากพวกโรงสีหากินกันต่อใช่มั๊ย

แล้ว ยาง อ้อย มัน จะทำยังไง จะเลิกประกันที่ปชป.ทำไว้มั๊ย
Last edited by คนบาป on Sun Jun 12, 2011 2:20 am, edited 1 time in total.
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: จำนำข้าวตันละ 15,000 แล้วเราจะซื้อข้าวจานละกี่บาท

Postby dutchout » Sun Jun 12, 2011 2:15 am

คนบาป wrote:วกมาเรื่องไข่ ตกลงไข่แพง ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ชิมิ


น่าจะใช้ครับ เพราะราคาไข่ลง ก็ประโคมข่าวกันว่าเป็นไปตามกลไกตลาด มิช่าย ฝีมือรัฐบาล
User avatar
dutchout
 
Posts: 2194
Joined: Tue Apr 14, 2009 10:53 pm

PreviousNext

Return to สภากาแฟ