ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับพระราชวงศ์ไทย เทิดพระเกียรติในหลวงและราชวงศ์จักรีที่ห้องนี้ครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby keyboard » Mon Jun 13, 2011 11:26 am

ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

แกนหลักแห่งความมั่นคงของชาติได้แก่ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์

ความสำคัญของสถาบันทั้งสามปรากฎอยู่ในธงไตรรงค์ซึ่งเป็นธงชาติไทย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงริเริ่มให้ใช้ธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทยตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๐ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้


พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์ความหมายของธงไตรรงค์ไว้ดังนี้ [/color]

เราแดง คือ โลหิตไซร้ ซึ่งยอมสละได้ เพื่อรักษาชาติศาสนา (แดงหมายถึงสถาบันชาติ)

ขาว คือ บริสุทธิ์ศรีสวัสดิ์ หมายถึงพระไตรรัตน์ และธรรมคุ้มจิตใจ (ขาวหมายถึงสถาบันศาสนา)

น้ำเงิน คือ สีโสภา อันจอมประชา ธ โปรดเป็นส่วนพระองค์ (น้ำเงินหมายถึงสถาบันพระมหากษํตริย์)

สถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่อาจแยกจากกันได้ ตามคำกล่าวที่ว่า “พระมหากษัตริย์คู่ชาติ พุทศาสน์คู่ไทย”
User avatar
keyboard
 
Posts: 39
Joined: Thu May 26, 2011 3:16 pm

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby babycat » Mon Jun 13, 2011 1:28 pm

ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศตลอดมา พระมหากษัตริย์ของไทยได้ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ได้ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ได้ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้มีความเจริญมั่นคงก้าวหน้าในด้านต่างๆ บางพระองค์ได้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติด้วยความกล้าหาญและเสียสละ อาทิ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บางพระองค์ได้ทรงดำเนินวิเทโศบายที่ชาญฉลาดทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาเอกราชอธิปไตยไว้ได้จนทุกวันนี้ เช่นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช

ชาติไทยของเรามีการวิวัฒนาการมาตั้งแต่เริ่มรวมชาติรวมแผ่นเดิน ก่อร่างสร้างเมืองตั้งแต่ อดีต จนมาเป็นประเทศชาติทุกวันนี้ก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันพระมหากษัตริย์ยังเป็นสถาบันที่อยู่ในหัวใจของประชาชน เป็นสถาบันที่เคารพ สักการะเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของปวงชนชาวไทยทุกๆ คน ผู้ใดหรือใครจะมาล่วงเกินพระราชอำนาจไม่ได้ ในสมัยสุโขทัยสถาบันพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนพ่อของประชาชนฐานะของพระองค์ เป็นพ่อขุน มีความใกล้ชิดประชาชน พอเข้าสมัยกรุงศรีอยุธยาฐานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นสมมุติเทพหรือเป็นเทวดาโดยสมมุติและทรงมีพระราชอำนาจในการปกครองทรง เป็นองค์อธิปัตย์สูงสุดในการปกครองบ้านเมือง ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยหลักธรรมะโดยมีทศพิธราชธรรม และธรรมะหลักสำคัญต่างๆ ในการปกครองจนทำให้ไพร่ฟ้าประชาราษฏ์อยู่เย็นเป็นสุข ทรงครองราชย์ป้องเมือง ทำนุบำรุงบ้านเมือง ศาสนา และสังคมมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าประเทศไทยจะมีรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย พระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ก็มิทรงเสื่อมถอย แต่สถาบันพระมหากษัตริย์กลับเป็นที่เคารพสักการะจากประชาชนมากเช่นเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
User avatar
babycat
 
Posts: 266
Joined: Wed Aug 11, 2010 2:01 pm

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby เพียงดิน2889 » Mon Jun 13, 2011 5:05 pm

ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตรย์ มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงธนบุรี เพราะสถาบันฯ เป็นสิ่งที่คนไทยให้ความเคารพเทิดทูน และให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นสิ่งที่คนไทยให้ความจงรักภักดี เชื่อถื่อ และจะปฏิบัติตามพระราชดำรัส หรือคำสอนขององค์พระมหากษัตรย์
เพราะท่านทรงพระราชยกิจ การพัฒนา ประเทศ เพื่อคนไทย เพื่อประเทศ ให้มีความเจริญ ทัดเทียมกับต่างประเทศ ทรงสร้างสิ่งต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านเมือง สร้างวัฒนธรรม ส่งเสริมวัฒนธรรม พระราชทานสิ่งต่าง ๆ ทรงแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มาเป็นเวลานานแล้ว ก็เพื่อคนไทย
User avatar
เพียงดิน2889
 
Posts: 158
Joined: Mon Feb 07, 2011 5:39 pm

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby kuron23 » Tue Jun 14, 2011 10:03 am

“สถาบันพระมหากษัตริย์” ของไทยเป็น “ศูนย์รวมจิตใจ” ของคนไทย อย่างที่มีคนตั้งข้อสังเกตเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง “สถาบันพระมหากษัตริย์” อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อประเทศชาติอ่อนแอ ตรงกันข้าม ประเทศไทยปัจจุบันมีการพัฒนาทั้งระบบเศรษฐกิจและสังคม มีคนชนชั้นกลางมากขึ้น มีระดับผู้นำทางความคิดในสังคมมากขึ้น เช่นเดียวกับหลายประเทศที่เคยมี “กษัตริย์” และปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย

แต่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ยังคงอยู่คู่กับประเทศไทย แม้จะมีความพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในปี พ.ศ. 2475

เหตุผลพื้นฐานคือ ด้วยรากฐานสังคมไทยที่เคารพเทิดทูน “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่แม้รัชกาลที่ 7 ทรงสละราชสมบัติ คณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ยังต้องพึ่งพระบารมีของ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่เป็นมีศูนย์รวมจิตใจ เพื่อให้ประเทศพัฒนาต่อไปได้ อย่างที่นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ต่างยืนยันไว้ว่า ประเทศไทยคือประเทศเดียวในโลก ที่เรียกระบอบการปกครอง “ประชาธิปไตย” โดยต่อด้วย “อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ขณะที่ประเทศอื่นแม้จะมี “สถาบันพระมหากษัตริย์” ก็เรียกเพียงว่าระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ซึ่งระบอบประชาธิปไตยยังมีอีกรูปแบบหนึ่งคือประธานาธิบดีเป็นผู้นำสูงสุด

เฉพาะเพียงแค่รากประโยคของการเรียกระบบการปกครอง ก็สะท้อนให้เห็นถึงความพิเศษของประเทศไทย ซึ่งมาจากรากฐานความเชื่อและวัฒนธรรม เพราะการเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยตั้งแต่อดีตนั้นไม่เพียงมาจากความเชื่อทางด้านศาสนาพุทธ ในเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ หรือบุญธรรม กรรมแต่ง ที่คนไทยยึดถือในเรื่องของกษัตริย์คือ “ผู้มีบุญ” เป็น “สมมติเทพ” เท่านั้น แต่เพราะความเสียสละของพระมหากษัตริย์ที่ทรงปฏิบัติให้ราษฎรเห็น โดยเฉพาะในชั่วอายุของคนปัจจุบันกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ที่ทรงเสียสละทุ่มเทพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อราษฎรอย่างแท้จริง
User avatar
kuron23
 
Posts: 407
Joined: Thu Jul 22, 2010 8:34 am

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby tarato13 » Tue Jun 14, 2011 11:26 am

“สถาบันพระมหากษัตริย์” “ศูนย์รวมจิตใจ”ของคนไทย
กองบรรณาธิการ Positioning Magazine ธันวาคม 2551 Added on: 12/12/2551
ประเทศไทยยังคงมีนักการเมืองคอรัปชั่นมากกว่านักการเมืองดี มีนักการเมืองคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม เป็นอย่างนี้มานาน จนถึงปัจจุบันความซับซ้อนของการคอรัปชั่นนักการเมืองไทยยิ่งพัฒนาไปมากยิ่งขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยลุ่มๆ ดอนๆ และความอ่อนแอของสังคมไทยยิ่งอาการหนัก จากระบอบทุนนิยมที่เข้มแข็งขึ้น และหลายต่อหลายครั้งบ้านเมืองเกิดวิกฤต และผ่านพ้นไปได้ด้วยพระบารมีของ “สถาบันพระมหากษัตริย์”

นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ของไทยยังเป็น “ศูนย์รวมจิตใจ” ของคนไทย อย่างที่มีคนตั้งข้อสังเกตเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง “สถาบันพระมหากษัตริย์” อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อประเทศชาติอ่อนแอ ตรงกันข้าม ประเทศไทยปัจจุบันมีการพัฒนาทั้งระบบเศรษฐกิจและสังคม มีคนชนชั้นกลางมากขึ้น มีระดับผู้นำทางความคิดในสังคมมากขึ้น เช่นเดียวกับหลายประเทศที่เคยมี “กษัตริย์” และปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย

แต่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ยังคงอยู่คู่กับประเทศไทย แม้จะมีความพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในปี พ.ศ. 2475

เหตุผลพื้นฐานคือ ด้วยรากฐานสังคมไทยที่เคารพเทิดทูน “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่แม้รัชกาลที่ 7 ทรงสละราชสมบัติ คณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ยังต้องพึ่งพระบารมีของ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่เป็นมีศูนย์รวมจิตใจ เพื่อให้ประเทศพัฒนาต่อไปได้ อย่างที่นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ต่างยืนยันไว้ว่า ประเทศไทยคือประเทศเดียวในโลก ที่เรียกระบอบการปกครอง “ประชาธิปไตย” โดยต่อด้วย “อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ขณะที่ประเทศอื่นแม้จะมี “สถาบันพระมหากษัตริย์” ก็เรียกเพียงว่าระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ซึ่งระบอบประชาธิปไตยยังมีอีกรูปแบบหนึ่งคือประธานาธิบดีเป็นผู้นำสูงสุด

เฉพาะเพียงแค่รากประโยคของการเรียกระบบการปกครอง ก็สะท้อนให้เห็นถึงความพิเศษของประเทศไทย

ซึ่งมาจากรากฐานความเชื่อและวัฒนธรรม เพราะการเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยตั้งแต่อดีตนั้นไม่เพียงมาจากความเชื่อทางด้านศาสนาพุทธ ในเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ หรือบุญธรรม กรรมแต่ง ที่คนไทยยึดถือในเรื่องของกษัตริย์คือ “ผู้มีบุญ” เป็น “สมมติเทพ” เท่านั้น แต่เพราะความเสียสละของพระมหากษัตริย์ที่ทรงปฏิบัติให้ราษฎรเห็น โดยเฉพาะในชั่วอายุของคนปัจจุบันกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ที่ทรงเสียสละทุ่มเทพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย

อย่างที่ “อานันท์ ปันยารชุน” อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามกับสื่อต่างประเทศ หลังกล่าวแนะนำหนังสือเรื่อง The King of Thailand in World Focus ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ว่า

“ผมพูดอยู่เสมอว่าสถานภาพของพระเจ้าอยู่หัวของเราที่สูงขึ้นถึงระดับนี้หลังจากครองราชย์มา 60 ปี เป็นผลมาจากบารมีที่พระองค์ทรงสร้างมา มิได้เป็นเรื่องการสืบทอด เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ในวัยเพียง 17-18 พระชันษา ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าพระองค์จะเป็นประมุขของชาติแบบใด แต่ผมคิดว่าด้วยพระปรีชาสามารถ พระวิริยอุตสาหะ และมุ่งมั่น พระองค์ทรงได้จำเริญขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ดี เมื่อกล่าวถึงพระเจ้าอยู่หัวของเรา พระองค์ท่านไม่เพียงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีด้วย

ผมขอชี้ว่ามีความแตกต่าง เพราะผู้ใดผู้หนึ่งอาจเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ ทั้งที่มีข้อบกพร่องและข้อเสียหลายประการ แต่ถ้าหากเราพูดว่าผู้นั้นเป็นคนดีสำหรับผมมีความหมายมากกว่า ฉะนั้น เมื่อเรากล่าวถึงพระองค์ท่านว่าทรงเป็นกษัตริย์ที่ดี จึงมีความหมายลึกซึ้งกว่าที่กล่าวว่าพระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ การจะเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดี เป็นคนดี เป็นเรื่องที่จะต้องได้มาด้วยอุตสาหะของตนเอง ไม่ใช่สืบทอดมาแต่อย่างไรก็ตาม สถาบันพระมหากษัตริย์นั้นซึมลึกอยู่ในประเทศไทยและความเป็นไทย ผมมั่นใจว่าสถาบันนี้จะยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์และดำเนินต่อไป”

เหตุผลที่มีน้ำหนักนี้ ไม่ใช่มาจากบุคคลอย่างอดีตนายกรัฐมนตรี “อานันท์” เท่านั้น แต่คนชั้นชนสูง และระดับกลุ่มผู้นำทางความคิดก็รู้สึกและมั่นใจเช่นนี้เหมือนกัน รวมไปถึงนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ในกลุ่มที่เห็นตรงกันว่าสถาบันกษัตริย์จะอยู่คู่กับสังคมไทยตลอดไป เพราะสภาพบ้านเมืองทั้งระบบการเมือง สังคม และเศรษฐกิจไทย และที่สำคัญคือพุทธศาสนา และวัฒนธรรมไทยที่ปลูกฝังเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่ในอดีต

ในแง่ของบทบาทที่สะท้อนถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ยังได้พิสูจน์ให้เห็นหลายต่อหลายครั้งยามที่ประเทศไทยเกิดวิกฤต

ในยุคที่ประเทศไทยกำลังก่อร่างสร้างตัว วิกฤตจากการมีพื้นที่ปลูกฝิ่น พืชเสพติด กำลังทำลายคนไทย การสร้างอาชีพอย่างยั่งยืนให้คนไทยในทุกพื้นที่อันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ ทำให้หลายครอบครัวรอดพ้นและมีความสุขกว่าเดิม

ในเวลาที่เกิดวิกฤตการเมืองพระบารมีของ “พระเจ้าอยู่หัว” ก็ทำให้เกิดความสงบ และช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ“ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ที่พระองค์พระราชทานให้กับคนไทย ก็ทำให้ผู้ที่น้อมรับนำมาปฏิบัติมีภูมิคุ้มกัน และไม่เกิดความเสียหายเมื่อมีวิกฤตเศรษฐกิจ มีบทสรุปที่ความสุขที่แท้จริง

หรือในแง่ของรัฐศาสตร์การปกครองนั้น บทความทางวิชาการของ “อาจารย์สมศักดิ์ เจียรธีรสกุล” ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังได้เขียนไว้ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2539 ว่า ทั้งในฐานะที่เป็นอุดมการณ์ราชการ (Official ideology ) และในฐานะที่เป็นระบอบการปกครองจริง (Actual Political System) ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” มีความเป็นมาในระยะประมาณ 2-3 ทศวรรษหลังนี้เอง โดยมีการกำหนดในครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ 2492 และในสมัยปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ มีความยืนยันว่า ประเทศไทยมีลักษณะพิเศษของตัวเอง ต้องการระบอบการปกครองที่มีลักษณะเฉพาะให้เหมาะสมกันเป็น “แบบไทยๆ”

ในแง่ของอุดมการณ์ราชการแล้ว อาจารย์สมศักดิ์เขียนไว้ว่า ความสำคัญนี้ยังเด่นชัดแม้แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 6 ตุลาฯ หลังการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินก็ยังได้ยืนยันความสำคัญนี้

“โดยประชาชนทั้งมวลได้แสดงอย่างแจ่มแจ้งประจักษ์ และเชื่อมั่นว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นระบอบการปกครองที่ดี และเหมาะสมสำหรับประเทศไทย ในอันที่จะยังให้เกิดความมั่นคงของชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยทั่วกัน”

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐธรรมนูญฉบับต่อๆ มา ก็ได้ระบุถึง “การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ทุกครั้ง

รวมทั้งรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ระบุถึงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไว้ในหมวด 1 มาตรา 2 “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

มาตรา 3 “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้...

อย่างไรก็ตาม “อุดมการณ์ราชการ” เป็นภาพสะท้อนของระบอบการเมืองที่เป็นจริงบางอย่างเท่านั้น ซึ่งในแง่ระบอบการเมืองจริงนั้นอาจารย์สมศักดิ์ระบุไว้ว่า “นี่เป็นปัญหาที่ใหญ่โตเกินกว่าจะอภิปรายกันในที่นี้ได้”

จนถึงขณะนี้แม้จะมีความพยายามของกระบวนการ “หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์” และชูแนวคิดเรื่อง “ประธานาธิบดี” ที่ให้อำนาจเต็มแก่นักการเมือง คำตอบของเสียงส่วนใหญ่คือ“ประธานาธิบดี” ไม่เหมาะสมกับประเทศไทย เพราะบทเรียนตลอดเวลาที่ผ่านมาคือ ความทุกข์ของประเทศส่วนใหญ่เกิดจากความพยายามของคนชนชั้นปกครอง นักการเมืองที่เป็นใหญ่ ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ตัวเอง แม้จะมีการอ้างถึงการเข้าสู่อำนาจด้วยการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยก็ตาม แต่ก็ได้มาด้วยการซื้อสิทธิขายเสียง ด้วยเงินทุนที่หามาได้จากอำนาจทางการเมือง เข้ามากอบโกยผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง จนนำพาประเทศให้เกิดวิกฤตหลายต่อหลายครั้ง ในทางตรงกันข้าม “สถาบันพระมหากษัตริย์” พาชาติให้พ้นวิกฤตในทุกครั้ง

ที่สำคัญไปกว่านั้น “ศูนย์รวมจิตใจที่เหนียวแน่นของคนไทย” ตลอดไปยังคงเป็น “สถาบันพระมหากษัตริย์” เท่านั้น
User avatar
tarato13
 
Posts: 368
Joined: Thu Jul 22, 2010 8:47 am

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby sareesri_39 » Wed Jun 15, 2011 7:22 am

ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์


ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศตลอดมา พระมหากษัตริย์ของไทยได้ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ได้ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ได้ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้มีความเจริญมั่นคงก้าวหน้าในด้านต่างๆ บางพระองค์ได้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติด้วยความกล้าหาญและเสียสละ อาทิ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บางพระองค์ได้ทรงดำเนินวิเทโศบายที่ชาญฉลาดทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาเอกราชอธิปไตยไว้ได้จนทุกวันนี้ เช่นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช

ชาติไทยของเรามีการวิวัฒนาการมาตั้งแต่เริ่มรวมชาติรวมแผ่นเดิน ก่อร่างสร้างเมืองตั้งแต่ อดีต จนมาเป็นประเทศชาติทุกวันนี้ก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันพระมหากษัตริย์ยังเป็นสถาบันที่อยู่ในหัวใจของประชาชน เป็นสถาบันที่เคารพ สักการะเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของปวงชนชาวไทยทุกๆ คน ผู้ใดหรือใครจะมาล่วงเกินพระราชอำนาจไม่ได้ ในสมัยสุโขทัยสถาบันพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนพ่อของประชาชนฐานะของพระองค์ เป็นพ่อขุน มีความใกล้ชิดประชาชน พอเข้าสมัยกรุงศรีอยุธยาฐานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นสมมุติเทพหรือเป็นเทวดาโดยสมมุติและทรงมีพระราชอำนาจในการปกครองทรง เป็นองค์อธิปัตย์สูงสุดในการปกครองบ้านเมือง ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยหลักธรรมะโดยมีทศพิธราชธรรม และธรรมะหลักสำคัญต่างๆ ในการปกครองจนทำให้ไพร่ฟ้าประชาราษฏ์อยู่เย็นเป็นสุข ทรงครองราชย์ป้องเมือง ทำนุบำรุงบ้านเมือง ศาสนา และสังคมมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าประเทศไทยจะมีรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย พระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ก็มิทรงเสื่อมถอย แต่สถาบันพระมหากษัตริย์กลับเป็นที่เคารพสักการะจากประชาชนมากเช่นเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
User avatar
sareesri_39
 
Posts: 306
Joined: Mon Oct 11, 2010 10:03 am

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby tragedy » Wed Jun 15, 2011 9:06 pm

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยว
ให้เรามีเอกลักษณ์ประจำชาติ มีขนบธรรมเนียม
ประเพณี ประวัติศาสตร์ ทำให้เป็นที่รู้จักของอนาอารยประเทศ
อีกทั้งการมีการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
เป็นประมุข ที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงงานหนักตลอด
เป็นนักพัฒนา ทรงทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนมีความสุข
ความสุขของประชาชนก็คือความสุขของพระองค์
พวกเราโชคดีที่มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงห่วงใย เอื้ออาทร
ต่อประชาชนด้วยใจบริสุทธิ์อย่างหาที่เปรียบมิได้ ขอให้
พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระเจริญ
User avatar
tragedy
 
Posts: 184
Joined: Wed Sep 15, 2010 5:55 am

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby รักเมืองไทย55 » Sat Jun 25, 2011 8:06 am

ในหลวงพระองค์ทรงไม่ละทิ้งประชาชนของพระองค์ แม้พระองค์จะทรงงานหนักและเหนื่อยมานาน
User avatar
รักเมืองไทย55
 
Posts: 476
Joined: Tue Aug 24, 2010 11:12 am

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby สมศรี422อาร์ » Sat Jun 25, 2011 12:57 pm

ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงทำสิ่งดีๆต่างๆให้แก่ประเทศไทยและปวงชนชาวไทยเรื่องมา ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
User avatar
สมศรี422อาร์
 
Posts: 208
Joined: Sun Oct 17, 2010 1:27 pm

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby ปลาบู่ทะเล » Wed Jun 29, 2011 3:43 pm

ประเทศไทยนี้ไม่มีใครสำคัญเท่ากับสถาบันพระมหกษัตริย์ไม่มีอีกแล้ว
User avatar
ปลาบู่ทะเล
 
Posts: 208
Joined: Thu Jul 22, 2010 9:11 am

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby fullmoon » Wed Jun 29, 2011 5:18 pm

ทรงเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนคนไทย
User avatar
fullmoon
 
Posts: 29
Joined: Thu Nov 04, 2010 4:39 pm

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby militaryloveking » Thu Jun 30, 2011 9:38 am

สถาบันพระมหากษัตริย์ทำให้ประเทศไทยของเราเป็นเอกราชอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
User avatar
militaryloveking
 
Posts: 587
Joined: Tue May 24, 2011 9:27 am

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby sweet2011 » Thu Jun 30, 2011 9:00 pm

ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศตลอดมา
พระมหากษัตริย์ของไทยได้ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม
ได้ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ได้ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้มีความเจริญมั่นคงก้าวหน้า
User avatar
sweet2011
 
Posts: 179
Joined: Sat Feb 05, 2011 10:41 am

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby militaryloveking » Mon Oct 10, 2011 8:42 am

รักพ่อเชื่อฟังพ่อก็อยู่รอดโดยปลอดภัย รักไทยหวงแหนไทยรักษาชาติ ศาสน์ ราชัน
User avatar
militaryloveking
 
Posts: 587
Joined: Tue May 24, 2011 9:27 am

Re: ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

Postby militaryloveking » Mon Oct 10, 2011 8:43 am

ความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เท่านั้นที่จะทำให้ไทยสงบร่มเย็นได้ ด้วยตัวแทนของคนไทยทุกคนทุกชนชั้น ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงพระเจริญมีพระชนม์มายุยังยืนนานเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยทุกหมู่เหล่า
User avatar
militaryloveking
 
Posts: 587
Joined: Tue May 24, 2011 9:27 am


Return to ห้องเฉลิมพระเกียรติ



cron