Gop wrote:ความจริงอีกอย่างคือ สองสามปีมานี้ แทบทุกคอนโดที่สร้าง ถูกจองเต็มหมดตั้งแต่ยังสร้างไม่เสร็จ แสดงให้เห็นได้ว่าคนมีเงินมากขึ้น เศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์อย่างนี้แน่นอน ใครมีตัวเลขด้านอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยมั้ยครับ ผมว่านี่เป็นตัวชี้วัดที่ดีอีกอันหนึ่ง
alone_mon wrote:ถ้าให้ดี อยากให้หาข้อมูลเหล่านี้มาลงนิดนึงครับ จะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆด้วย
1. SET Index ย้อนหลัง 10 ปี ทั้งของไทยอย่างเดียว และมีเปรียบเทียบกับตลาดหลักๆของโลกด้วย
2. เงินเฟ้อ % ทั้งในรอบ 10 ปี และเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆด้วยก็จะดีมาก (ขอเป็นแบบไม่มีราคาน้ำมันมาเกี่ยวนะครับ)
3. ปริมาณการนำเข้า/ส่งออก สุทธิในแต่ละปี 10 ปีย้อนหลัง
4. Poverty line หรือ เส้นแบ่งความจนของคนในประเทศ ว่า 10 ปีที่ผ่านมา มีการขยับขึ้นบ้างหรือเปล่า?
และสุดท้าย 5. การกระจายรายได้ ว่ามีสัดส่วนสมดุลมากขึ้นหรือเปล่า?
ปล. ถ้าคุณไม่เชื่อในข้อมูล เชื่อแต่ความรู้สึก แล้วคนเราจะเรียนไปทำไม???
chaturant wrote:ใครว่างมาช่วยผมอธิบายให้แดงฟังหน่อยครับ เริ่มเหนื่อย
http://www.facebook.com/permalink.php?s ... =1&theater
>> GDP ไทยพุ่งพรวดพราด ด้วยฝีมือรัฐบาลอภิสิทธิ์ ?? <<
ตาม ที่สมาชิกหลายท่าน ได้อภิปรายว่า เป็นเพราะฝีมือรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ทำให้ GDP ประเทศไทยพุ่งขึ้นอย่างมากมายในปีนี้ แม้จะมีความไม่ยุติธรรม - แก้ไข - ความไม่มั่นคงทางการเมืองเกิดขึ้นก็ตาม เรื่องนี้ ผมขอนำเสนอข้อมูลแย้งดังนี้ :
* สภาพัฒน์ เป็นผู้นำเสนอข้อมูลว่า ใน Q1 ของปี 2553 GDP ไทยโตพรวดถึง 12% แต่เมื่อดูในรายละเอียด :
o ภาคเกษตร เติบโตเพียง 2%, นอกภาคเกษตร เติบโต 13% กว่า
o นอกภาคเกษตร มีทั้งด้านบริการ การผลิต และการส่งออก พบว่า ที่โตมากที่สุดคือการส่งออก
ไทยส่งออกอะไรทราบไม๊ครับ
* รถยนต์ + 90% !!!
* แผงวงจรไฟฟ้า (IC-Integrated Circuit) + 76% !!!
* Hard disk + 54% !!!
* อื่นๆ คือ วิทยุ โทรทัศน์ ส่วนประกอบเครื่องยนต์ !
ตกลงประเทศเรากลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม ไปแล้วหรือ ? ที่เราเคยเรียนกันมาว่า เราส่งออก ข้าว น้ำตาล ยางพารา มันก็ไม่จริงละซิ
ปัญหา คือ รถยนต์ ไม่มียี่ห้อ "ด่านเกวียน" มีแต่ Toyota, Isutsu... IC ยี่ห้อไทยเคยเห็นมั๊ยครับ Hard disk ยี่ห้อ "ประตูทะเล" ไม่มี มีแต่ Seagate, Hitachi, Toshiba วิทยุโทรทัศน์ "ธานินท์" หรือเปล่า ไม่ใช่ ไม่มี ที่เราส่งออกไปนั้น ล้วนแต่เป็นการ "Reexport" เป็นส่วนใหญ่
* เราซื้อวัตถุดิบเข้ามา
o รถยนต์: เราซื้อเหล็ก เครื่องยนต์(ส่วนที่มีราคาแพง และ Hi-tec), ส่วนสมองกลและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
o IC: เรานำเข้าแผ่น Wafer เข้ามาต่อขา, ใส่กรอบ
o Hard disk: ส่วนวัสดุ Ferrite ต่างๆ นำเข้าทั้งนั้น
* เราประกอบและส่งออก
o หลักคือใช้แรงงานราคาถูก
o และชิ้นส่วนบางส่วนที่ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูง (เช่น เบาะรถ ชิ้นส่วนพลาสติก ฯลฯ) สั่งจากโรงงานภายในประเทศได้
* ผลได้ของบริษัทเจ้าของแบรนด์
o ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ไม่เสียภาษี ทั้งภาษี VAT, ภาษีส่งออก, ภาษีเงินได้
o แล้วยังได้ขายสินค้าให้กับคนไทย มาช่วยๆ กันผ่อนๆๆๆ จนญี่ปุ่นรวยปลิ้น
แต่ GDP ดูเฉพาะตัวเลขรายรับ
(ใน ปีนี้ อาจมีการอ้างถึงบัญชีกระแส หรือบัญชีเดินสะพัดของประเทศ ที่ + แบบเยอะมาก ทั้งที่น้ำมันแพงแบบมหาโหด ... โปรดอย่าหลงกลตัวเลข ขารับของบัญชี มาจาก เงินที่กู้เข้ามา กับเงินที่ยึดมาจากทักษิณ แค่คู่นี้ งบก็ออกมาดูสุดหรูแล้ว ....)
สรุปว่า GDP พึ่งการส่งออก "ของที่ไม่ใช่ของเรา" เยอะมาก เมื่อวานนี้ (16/8) รัฐบาลออกมาประกาศหน้าตาเฉยว่า จะขยายสัดส่วนรายได้จากการส่งออกขึ้นไปเป็น 20% ทำเอาเอกชนสะดุ้งโหยง แม้แต่นายพรศิลป์ กรรมการรองเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งประชาธิปัตย์จ๋ามาแต่ไหนแต่ไร ยังแย้งว่า เยอะไปๆ ไม่น่าเกิน 12% ...
(ประเทศเรากำลังจะกลายเป็นคนรับใช้ของประเทศญี่ปุ่นเต็มรูปแบบอยู่แล้ว)
ผล ร้ายที่จะตามมาของการอัด GDP ให้โตมากๆๆๆ คือ อัตราเงินเฟ้อ และการแข็งตัวของเงินบาท การแข็งตัวของเงินบาท ทำให้สินค้าภาคเกษตรยิ่งเละเทะหนักเข้าไปอีก จากที่โดนโจมตีจากคู่แข่งเพื่อนบ้านจนแทบยืนไม่ติด ส่วนเงินเฟ้อนั้น อย่าว่าแต่ GDP เพิ่มเลย แค่มีข่าวว่าจะขึ้นเงินเดือนขรก. ของก็ขึ้นไปรอก่อนแล้ว ...
แล้วสมัยทักษิณหละ เขาทำเหมือนกันหรือเปล่า ?
สมัยทักษิณ การส่งออกก็ Boom เช่นกัน แต่นโยบายหลักอย่างนึงของรัฐบาลทักษิณคือ Dual Track Policy คือ เศรษฐกิจต้องมี 2 ขา ขานึงส่งออก อีกขานึงการค้าขายภายในประเทศ (Dual track policy นี่เอง ที่เป็นที่มาของคำว่า "ทักษิโณมิกส์")
ขาภายในประเทศนั้นมีหลักการคือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส จนเกิดโครงการต่างๆ ตามมาเป็นพรวน ทั้ง OTOP, 30 บาท, กองทุนหมู่บ้าน, โครงการเอื้ออาทรฯลฯ ซึ่งการลดรายจ่ายของคนยากจน ถูกกระแนะกระแหนว่าเป็น "ประชานิยม" แต่ต้องยอมรับว่า เป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านห่างไกล ซึ่งเคยคิดว่า ตัวเองไม่มีความหมายใดๆ ในประเทศ เริ่มมีศักดิ์ศรีขึ้น... ไว้ว่างๆ ผมจะอภิปรายประเด็นนี้อีกที ยาวครับ...
เท่าที่ติดตามข่าวมาตลอด รัฐบาลอภิสิทธิ์ ใช้เครื่องยนต์ "ส่งออก" เพียงเครื่องเดียว แถมไม่ใช่เครื่องของไทยเราเองด้วย ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ อันตรายครับ
ใน วันนี้ ญี่ปุ่นกำลังลังเลกับนโยบายแปลกๆ ของรัฐบาล อย่างเรื่องมาบตาพุด เพียงแต่ว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถปรับตัวได้มากนัก (เพราะถลำลึกไปแล้ว) จึงออกมาแนวงอนๆ ขณะที่นักลงทุนชาติอื่นที่ยังลงไม่มาก ย้ายฐานไปต่างประเทศแล้วไม่ใช่น้อย
ถ้า ญี่ปุ่นเกิดมองเห็นสัจจธรรม ย้ายการลงทุนออกไปแม้เพียงบางส่วน เครื่องยนต์ที่รัฐบาลใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จะพังทลายทันที โดยไม่มีแผน B ไว้รองรับแต่อย่างไร
หรือคุณเพียงแต่เอาตัวเลขสวยๆ นี้ ใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น ??
ขอร้องเหอะ อย่าเอาแค่ตัวเลขมาหลอกกันเลย
(โห! จบเศรษฐศาสตร์ Oxford มาได้ยังงัยเนี่ยะ)
มิ น่าเล่า ถึงได้มีการแต่งตั้งนาย อำพน กิติอำพน ที่พ้นจากตำแหน่ง เลขาฯสภาพัฒน์ฯ ให้มานั่งข้างๆ อภิสิทธิ์ในตำแหน่ง เลขาฯ ครม.ในทันที
เพราะนายอำพนนี่เอง ที่เสนอตัวเลข "เติบโต 12%" จนเป็นที่ถูกอกถูกใจท่านนายกฯนี่เอง ...
=====================================
<แก้ไขเพิ่มเติม 12:30 17/8/53>
บังเอิญไม่สามารถตอบคุณมัสแตง {P9588093} โดยตั้งกระทู้ได้จนกว่าจะเที่ยงคืน ก็เลยขอตอบทางนี้ก่อนนะท่าน แล้วคืนนี้ซักตี 2ตี 3 จะตอบอีกที...
* ก่อนอื่นขอเรียนให้เพื่อนๆ ทราบว่า ในวันนี้ ผู้ส่งได้เกิดอาการตื่นตระหนกกับ อัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งขึ้นไปถึง 31 บาทกว่าแล้ว ...
* (แต่มีข่าวดีนิดๆ คือ เวียตนามส่งออกข้าวจนหมดประเทศ ตอนนี้ถึงคราวที่เราจะส่งออกข้าวได้บ้างแล้ว) -- เฮ!
* และ ผมขอเรียนคุณมัสแตงว่า ผมไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ ผมเป็นวิศวกรไฟฟ้า แต่ผมติดตามข่าวสารบ้านเมืองทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ผมเป็นทั้งผู้นำเข้าและส่งออก (การบริการ) พอจะเข้าใจความคิดของผู้ประกอบการบ้างพอสมควร ข้อมูลทั้งหลาย ผมได้ตรวจสอบจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม่ได้นำมาจากการฟังทางวิทยุ หรืออ่านจากข่าวสั้นๆ ทางนสพ. ...
* ประเด็นของผมคือ การพึ่งพาการส่งออก "ที่ไม่ใช่ของของเรา" มากจนเกินไป และผมก็ทราบดีว่า พนักงาน คนงาน ของผู้ส่งออกเหล่านั้นเป็นคนไทย ลูกหลานชาวนา แต่ผมถามคุณมัสแตงกลับว่า คุณพอใจแค่นี้หรือ ? กับการทำงานในโรงงาน เยี่ยงทาส ในโรงงาน IC คุณไปดูสิ มีแต่สาวๆ อายุไม่เกิน 30 เพราะ เกินกว่านั้น สายตาที่สาวๆ เหล่านี้ เพ่งผ่านเลนส์ กับแสงที่ส่องสว่างมาก เพื่อมองการเชื่อมขา IC นั้น ทำให้สายตาเสียก่อนวัยอันควร ... ทำไมเราไม่สามารถสร้างงานลักษณะอื่นให้เค้าทำ ? มีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่ ถึงจะต้องมาพึ่งพาแต่การส่งออกแทนคนอื่นอย่างนี้ ? ผมว่า ให้เค้ากลับไปทำนายังจะดีกว่า แต่คุณต้องส่งเสริมอาชีพเค้าให้มีเกียรติ มีรายได้เหมาะสมกับฐานะ มากกว่าที่เป็นอยู่
* ผมยังคงเห็นด้วยว่า เราต้องมีอุตสาหกรรม ต้องมีการส่งออก แต่ผมไม่เห็นด้วยที่คุณมาชูเรื่องนี้อยู่เรื่องเดียว ให้ดูตัวเลขสวยๆไว้ก่อน แถมผมจับได้ว่า มันไม่จริง
* คุณอำพนเก่งหรือ ? จริงครับ ผมยอมรับ แต่ก็ไม่ต่างจากคุณธาริต ที่เก่งแต่"เลือก" ที่จะนำเสนอข้อมูลให้กับเจ้านายมากไปหน่อย
* ส่วนการที่คุณบอกว่า "อย่าบูชาเทพองค์เดียวอยู่เลย" อันนี้ คุณหมายถึงทักษิณ หรืออภิสิทธิ์ครับ ?
สุดท้าย รบกวนจริงๆ นะ คุณมัสแตง รบกวน สะกดภาษาไทยให้ถูกต้องมากกว่าที่เป็นอยู่ได้หรือไม่ครับ อ่านแล้วปวดหัว
* นายอำพล --> นายอำพน (สะกดอย่างนี้จริงๆ)
* สภาพัฒนา --> สภาพัฒนฯ
* โรงประกอบรถยนตร์ --> โรงงานประกอบรถยนต์
* แบบไม่อัคติ --> แบบไม่อคติ
* ด้วยไม่กอร์ป --> ด้วยไม้กอล์ฟ
เรื่องนี้ ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ เพียงแต่อยากให้ถูกต้องเท่านั้น
alone_mon wrote:ถ้าให้ดี อยากให้หาข้อมูลเหล่านี้มาลงนิดนึงครับ จะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆด้วย
1. SET Index ย้อนหลัง 10 ปี ทั้งของไทยอย่างเดียว และมีเปรียบเทียบกับตลาดหลักๆของโลกด้วย