เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby finch » Sat Jul 09, 2011 5:24 pm

ขอบคุณสำหรับข้อมูลน่ะค่ะ
My HeaD FoR My KinG
User avatar
finch
 
Posts: 83
Joined: Wed May 19, 2010 2:05 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby overtherainbow » Sat Jul 09, 2011 5:53 pm

bird wrote:กาดำ อยากฟอกตัว

ก่อนเข้าเนื้อหาของกระทู้ ขออนุญาตชี้แจงเพื่อความเข้าใจ เนื้อหาที่นำเสนอต่อไปนี้ มิได้มีเจตนา
ก้าวล่วง ขอสงวนสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ ไม่จาบจ้วง ไม่ก้าวล่วงต่อ
สถาบันอันเป็นที่รักของพวกเราทุกคน หากเนื้อหาที่จะนำเสนอต่อไปนี้ ไม่เหมาะสมประการใด
ขอความกรุณาท่าน WM และทีมงานผู้ดูแลที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ได้กรุณาลบข้อมูลทิ้งได้ทุกกรณี
รวมไปถึงการแสดงความเห็นที่ไม่สมควร

ย้อนกลับไปในปี ๒๕๓๗ ในช่วงเวลานั้น เรื่องการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว ไม่เคยสนใจว่าใครจะขึ้น
ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชีวิตประจำวันดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แม้ในช่วงปี ๒๕๓๕ อาจจะส่ง
ผลกระทบต่อชีวิตประจำวันบ้าง แต่ก็ไม่มากมายนัก เวลาผ่านไป ความทรงจำที่เลวร้ายในช่วงนั้น
ค่อย ๆ ดีขึ้น จนเกือบจะลืมไปแล้วว่า ณ เวลานั้นอะไรคือชนวนเหตุที่ก่อให้เกิดสถานการณ์เลวร้าย
คนชาติเดียวกันหยิบอาวุธขึ้นมาต่อสู้กันเอง

ในขณะที่ชีวิตกำลังดำเนินไป จะด้วยความบังเอิญหรือจะสาเหตุใดก็ตาม ได้รับเอกสารมีชุดหนึ่ง
ประมาณ ๙ แผ่น เป็นคำทำนายชะตาเมืองที่กล่าวขานสืบต่อกันมา ณ เวลานั้นยังไม่ได้ให้ความ
สนใจอะไรเป็นพิเศษ คงคิดเพียงว่า ก็แค่คำทำนายที่อ้างกันไป จนเวลาล่วงเลยไป คำทำนายยิ่ง
กล่าวขานกันมากขึ้น ประกอบกับมีคำทำนายอีกชุดปรากฏขึ้นมา และยังกล่าวขานอยู่ในปัจจุบัน
แม้ว่าเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะออกแถลงการณ์ว่า คำทำนายชุดนั้นเป็นของปลอม ก็ตาม

คำทำนาย ที่ได้รับมาในครั้งนั้น เป็นคำทำนายที่ทุกท่านน่าจะเคยได้อ่าน มาบ้างแล้ว และยังคง
เผยแพร่อยู่ในปัจจุบัน ขออนุญาติยกคำทำนาย อ้างอิงไว้ มาพอสังเขป ความว่า

ประเทศสยามถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นประเทศไทยเมื่อ 24 มิถุนายน 2482 ประกาศเวลา 09.00 น.
เมื่อผูกดวงกาลชาตาก็จะมีลัคนาอยู่ที่ราศีกรกฎ อาจารย์ได้วิจารณ์ไว้ว่า…

“คำว่าสยามหรือเสียมเป็นคำที่สำคัญที่สุด เพราะมาควบคู่กับความรุ่งโรจน์ของราชอาณาจักรทุก
ยุคทุกสมัย การเปลี่ยนชื่อประเทศซึ่งเท่ากับการทำลายเอกลักษณ์ของชาติ เป็นการฉีกประวัติ-
ศาสตร์โดยสิ้นเชิง”

อ.พลูหลวงได้พยากรณ์ดวงชาตาการเปลี่ยนชื่อจากสยามมาเป็นไทยไว้ จะเห็นว่าอาจารย์ได้แบ่ง
ออกเป็น 10 ยุคในรอบร้อยปี โดยแต่ละยุคมีอายุ 10 ปี นับแต่มีการเปลี่ยนชื่อประเทศ

1. ยุคกาลี ตรงกับช่วง พ.ศ.2482-2492

2. มิตรมาเยือน ตรงกับช่วง พ.ศ.2492-2502

3. เฉือนดินแดน ตรงกับช่วง พ.ศ.2502-2512

4. แสนแค้นกลางเขาควาย ตรงกับช่วง พ.ศ.2512-2522

5. ลายเสือครองเมือง ตรงกับช่วง พ.ศ.2522-2532

6. ฟูเฟื่องชาวสังคม ตรงกับช่วง พ.ศ.2532-2542
(เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง)

7. ชมบุญทรราชย์ ตรงกับช่วง พ.ศ.2542-2552
(เมื่อทักกี้ขึ้นสู้บัลลังค์แห่งอำนาจ ชาวบ้านแส่ซ้องเป็นเจ้ามูลแม้ว)

8. ชาติวิปโยค ตรงกับช่วง พ.ศ.2552-2562
(มวลชนใช้กฎหมู่ ไล่ล่าผู้นำ เผาบ้านเผาเมือง กลับดำเป็นขาว ผิดเป็นถูก เหล่ากาดำขึ้นสู่อำนาจ)

9. โรคคลาย ตรงกับช่วง พ.ศ.2562-2572
(ผู้หลงผิด ตาสว่างเข้าใจถึงพฤติกรรมชั่วร้ายของเหล่ากาดำ)

10.หายกังวล ตรงกับช่วง พ.ศ.2572-2582

หลังจากที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษีได้มรณภาพลงเมื่อวันเสาร์แรม ๒ ค่ำ
เดือน ๘ ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๑๕ ตอนเที่ยงคืนเช้าวันรุ่งขึ้น นายอาญาราช
ศิษย์ก้นกุฏิ ของเจ้าประคุณสมเด็จ เข้าไปเก็บกวาดในกุฏิของท่าน ขณะทำความสะอาดกุฏิ นาย
อาญาราชได้พบเศษกระดาษชิ้นหนึ่งซุกอยู่ใต้เสื่อเป็นลายมือของเจ้าประคุณ สมเด็จ เขียนสั้นๆ
โดยสังเขป เป็นคำทำนายชะตาเมือง มีความว่า

“มหากาฬ พาลยักษ์ รักมิตร สนิทธรรม จำแขนขาด ราษฎร์จน ชนร้องทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาววิไล”

ที่มา: นิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ 2705 ปีที่ 52 ประจำวัน อังคาร ที่ 22 สิงหาคม 2549

http://www.watpom.net/bord/viewthread.php?tid=366


หากเทียบเคียงจากคำทำนายข้างต้น ในยุคปัจจุบัน น่าจะตกอยู่ในยุคที่ ๘ ของคำทำนาย ในการ
วิเคราะห์ความหมายนั้น คงมิอาจแสดงความคิดเห็นใด ๆ เนื่องจากมีนักวิชาการ และ นักทำนาย
เหตการณ์หลายท่านได้กรุณานำเสนอบทวิเคราะห์ คำทำนายไว้แล้วโดยละเอียดตามมุมมองและ
วิสัยทัศน์ของแต่ละท่าน คงมิอาจนำความรู้เพียงเล็กน้อยมาเทียบเคียงได้

ในส่วนของคำทำนายที่อ้างอิงว่าเป็นของสมเด็จโต มีนักวิชาการ นักพยากรณ์ หลายท่านแสดง
ความคิดเห็นในเชิงลักษณะว่าเป็นแต่ละช่วงรัชสมัย

แต่ในความเห็นโดยส่วนตัวกลับแปลเจตนาว่าเป็นยุคสมัย เป็นการทำนายเหตุการณ์ สถานการณ์
ที่สำคัญ ซึ่งนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองมากกว่า

ในช่วงยุคสมัยต้น ๆ จะไม่ขอกล่าวถึง เนื่องจากความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และเหตุการณ์สำคัญ
มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงมิอาจเทียบเคียงแต่ละเหตุการณ์ได้ ขอยกภาระให้แต่ละท่านได้ค้นหา
เทียบเคียง วิเคราะห์ตามมุมมองและวิสัยทัศน์

เนื้อหาที่อยากนำเสนอ และเทียบเคียง คือ ยุดทมิฬ ถิ่นกาขาว และ ชาววิไล

ยุคทมิฬ นั้น โดยส่วนตัวอยากเทียบเคียงกับช่วงเหตุการณ์ 2516 และ 2519 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิด
เหตุการณ์ การเรียกร้องของนักศึกษา บริเวณถนนราชดำเนิน ซึ่งเหตุการณ์เป็นเช่นไร ผู้ที่อยู่ใน
เหตุการณ์ทราบดี

เนื่องจากผู้นำเสนอมิได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ สิ่งที่รับรู้ ศึกษาจากหนังสือประวัติศาสตร์การเมือง
การปกครองเท่านั้น จึงขออนุญาติเว้นการแสดงความคิดเห็นในช่วงนี้ไว้เพียงเท่านี้ และขอสงวน
สิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ในทุกกรณี


ถิ่นกาขาว ในความเห็นส่วนตัว กาขาว มิใช่หมายถึงชาวต่างชาติ น่าจะหมายถึง พฤติกรรม
ความดี และ ความชั่ว กล่าวคือ

ถิ่น หมายถึง ที่อยู่ สถานที่ สัมคม และ ประเทศ

กา หมายถึง นกที่มีสีดำ โดยสัญลักษณ์ หมายถึง คนไม่ดี คนชั่ว คนเลว คนไม่มีคุณธรรม

ขาว หมายถึง สะอาด บริสุทธิ์ โดยสัญลักษณ์ คือ ความดี มีคุณธรรม น่ายกย่อง เชิดชู

กาขาว ไม่เคยปรากฏว่ามี กาสีขาว แต่ถ้าหากต้องการให้กามีสีขาว สามารถทำได้โดยการ
ย้อมสี ทาสี พ่นสี ชุบสี หรือ วิธีการอื่น ๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดธรรมชาติ โดยสัญลักษณ์ ก็น่าจะ
หมายถึง การปกปิด โกหก หลอกลวง บิดเบือนความจริง

แล้วทำไมต้องเป็น กา

โดยธรรมชาติ กา มีนิสัยก้าวร้าว ขี้ขโมย ชอบส่งเสียงดัง ได้ยินไปไกลมาก ๆ หากเทียบเคียงกับ
ปัจจุบัน น่าจะเทียบได้กับ เครื่องขยายเสียง ที่มักจะหวังผลให้คนหมู่มาก ได้ยิน ได้รับรู้ ได้รับฟัง
เปรียบเสมือนการโฆษณา

ถิ่นกาขาว ในความหมายด้วยเหตุผลส่วนตัว น่าจะหมายถึง ยุคที่คนชั่ว คนไม่ดี คนคดโกง
แต่ป่าวประกาศว่า ตนนั้นเป็นคนดี เป็นคนที่มีคุณธรรม เป็นยุคที่คนส่วนใหญ่หลงเชื่อ กระทำการ
กลับ ดำ เป็น ขาว จาก ผิด เป็น ถูก ด้วยการประชาสัมพันธ์ สร้างภาพ " ล๊อบบี้ยิสต์ " นั่นเอง

โดยธรรมชาติ อะไรที่มันไม่ใช่มาตั้งแต่ต้น อาจจะโกหกได้ บิดเบือนความจิรงได้ในระยะเวลาหนึ่ง
เท่านั้น ความผิดธรรมชาติมันจะกลับมาฟ้องตัวผู้กระทำเอง ซึ่งนั้นเป็นสัญญาณว่า ผู้คน จะเริ่มมอง
เห็นและเข้าใจว่า สิ่งใดคือสิ่งที่ถูกต้อง อะไรคือธรรมชาติ อะไรที่ผิดธรรมชาติ

เราจะก้าวข้ามสู่ยุคต่อไป ที่เรียกว่า “ ชาววิไล

ระยะเวลาในการก้าวข้ามผ่านยุค ผ่านเหตุการณ์ กลับดำเป็นขาว ในครั้งนี้ อาจจะใชัเวลาที่ยาวนาน
และอาจจะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา

ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศ กรีซ ที่ประชากรเสพติดประชานิยม มานานนับ ๓๐ ปีจวบจน
ปัจจุบัน กำลังประสบปัญหาอย่างหนักที่อาจจะส่งผลให้เป็นประเทศล้มละลาย หรือดังเช่นเหตุการณ์
ที่อาร์เยนติน่าเคยประสบและก้าวผ่านมาได้ แม้จะยังชอกช้ำอยู่ก็ตาม

มองอดีต เป็นบทเรียน มองปัจจุบัน อย่างเข้าใจ เพื่อกำหนดอนาคต อย่างมั่นคง

ณ วันนี้หลาย ๆ ท่านอาจจะท้อ อาจจะหมดกำลังใจ ไม่เป็นไร พักผ่อนก่อนให้ผ่อนคลาย วันพรุ่งฟ้า
อาจสดใส เริ่มวันใหม่ด้วยกำลัง สมาธิ และ สติ



อีกแปดปีเชียว
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby cenice » Sat Jul 09, 2011 6:36 pm

กลัวว่าหวยบนดินจะกลับมาในรัฐบาลนี้ยิ่งเละแน่ๆ น่าเป็นห่วงประเทศของพวกเรา
ซื่อสัตย์ สามารถ ขยัน ประหยัด อดทน รอบรู้
User avatar
cenice
 
Posts: 18
Joined: Fri Apr 09, 2010 8:01 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby cenice » Sat Jul 09, 2011 6:38 pm

ขอบคุณท่านจขกทมากๆ อ่านแล้วรู้มากกว่ทีเคยรู้มาอีก ขอบคุณๆๆๆๆๆ
ซื่อสัตย์ สามารถ ขยัน ประหยัด อดทน รอบรู้
User avatar
cenice
 
Posts: 18
Joined: Fri Apr 09, 2010 8:01 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby pooyong » Sat Jul 09, 2011 9:00 pm

ขออีก :mrgreen:
การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน
User avatar
pooyong
 
Posts: 1496
Joined: Mon Oct 19, 2009 9:55 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby bird » Wed Sep 07, 2011 9:19 am

อำนาจเข้าตา ใช้ความรู้ในทางที่ผิด
ตั้งใจว่าจะหยุดขุดและคุ้ย ความเลวร้ายของนักโทษหนีคดีและเหล่าบรรดาเชื้อโรคร้าย
ที่คอยชอนไชบ้านเมือง เพียงเพื่อสนองความต้องการของตน โดยไม่สนใจว่า บ้านเมือง
จะต้องวายวอด เสียหายเพียงใด เป็นพฤติกรรมที่ผู้กระทำไม่น่าจะได้ชื่อว่า สัญชาติไทย
เชื่อชาติไทย

เนื้อหาข่าวที่นำเสนอต่อไปนี้ เป็นเพียงบางส่วนที่ตัดทอนมาจาก หนังสือพิมพ์รายวัน
http://www.thairath.co.th/today/view/199634

“เฉลิม” ออกหน้าเรื่องขออภัยโทษ

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต
นายกรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้มีประชาชนดำเนินการมาเกือบ 3 ปี มีรายชื่อ 3.6 ล้านรายชื่อ ไปยื่นที่
สำนักพระราชวัง จากนั้นสำนักพระราชวังส่งกลับมาให้กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบ อธิบดีกรม-
ราชทัณฑ์ใช้เวลาตรวจสอบ 2 ปีเศษ ข่าวก็ออกมาว่า 1.6 ล้านรายชื่อไม่ตรง ตรงแค่ 2 ล้าน
รายชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องเก่า ส่วนผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นเรื่องกฎหมายนั้น พูดไม่รู้เรื่องเลย ถ้า
อยากรู้ให้มาหาตน เดี๋ยวจะอบรมให้

ผู้สื่อข่าวถามว่า โฆษกกระทรวงยุติธรรมระบุว่าหากเป็นผู้หนีคดีต้องรับโทษก่อนที่จะยื่นฎีกา
ขอพระราชทานอภัยโทษ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า นั่นเป็นแนวทางหนึ่ง ตนไม่ขออธิบาย เพราะ
เดี๋ยวจะเป็นประเด็น และอย่าไปถามนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ เพราะนายกฯมอบหมายให้ตน
เป็นผู้ดูแลเรื่องพระราชทานอภัยโทษ ความจริงเรื่องนี้ไม่ควรออกมาพูด เพราะเป็นพระราช
อำนาจโดยแท้จริง ถ้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคฝ่ายค้าน
อยากรู้ขั้นตอน ให้ยื่นกระทู้สดมา เดี๋ยวจะสวมวิญญาณอาจารย์กฎหมายอธิบายให้เข้าใจ

ระบุเป็นพระราชอำนาจโดยแท้จริง

ต่อข้อถามว่า สังคมมองว่ามีการขยับเรื่องนี้เร็ว ดูเหมือนว่าช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต
นายกรัฐมนตรี กลับประเทศ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ไม่ใช่ อย่าไปใช้คำพูดอย่างนั้น เพราะเป็น
พระราชอำนาจ และทำไมกรมราชทัณฑ์ เพิ่งจะมาขยันตอนนี้ 2 ปีกว่าไปทำอะไร เมื่อถามว่า
ตามหลักเกณฑ์ต้องมีการรับโทษก่อนหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า กฎหมายไม่ได้เขียนอย่างนั้น
พวกที่พูดคือคนรู้ไม่จริง แต่จะไม่ขอลงรายละเอียด ไว้ให้ถึงวันเวลาก่อน ไม่มีกฎหมายอะไร
บังคับว่าต้องเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด เป็นพระราชอำนาจโดยแท้จริง

เมื่อถามว่า หลักการนี้หมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ของทุกคน
ไม่ใช่เฉพาะแค่ พ.ต.ท.ทักษิณ

เมื่อถามว่าเคยมีคนที่หนีคดีแล้วได้รับพระทานอภัยโทษหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า
ไม่ได้พูดอย่างนั้น พูดแต่เพียงว่า กฎหมาย ไม่ได้ห้าม อย่าไปยึดตัวบุคคล ต้องยึดหลักนิติรัฐ
นิติธรรม อย่าเอาตัวบุคคลที่พวกคุณไม่ชอบมาเป็นข้ออ้าง

อ้างไม่มีกฎหมายบังคับให้ติดคุกก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิมได้แจกเอกสารให้สื่อมวลชน เป็นเอกสารชี้แจงเกี่ยวกับการ
ขอพระราชทานอภัยโทษ ระบุกฎหมายที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สามารถทูลเกล้าฯถวายฎีกาคือ
ผู้ต้องโทษคำพิพากษา ผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง และคณะรัฐมนตรี รวมทั้งชี้แจงกรณีข้อถกเถียง
ที่ผู้หลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษา และศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลังให้ลงโทษจำคุก มีสิทธิ
ได้พระราชทานอภัยโทษหรือไม่ โดยระบุว่า

1.ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดห้ามผู้หลบหนีตามคำพิพากษาศาลยื่นถวายฎีกา
2.ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดกำหนดเงื่อนไขว่าจะต้องถูกจำคุกจริงๆนานเท่าใดจึงจะถวายฎีกาได้

3.การพระราชทานอภัยโทษเป็นพระราชอำนาจเฉพาะพระองค์ ไม่มีกฎหมายบัญญัติกรอบอำนาจ
พระมหากษัตริย์ว่าจะอภัยโทษในกรณีใดบ้าง คดีประเภทใดอภัยโทษได้ คดีประเภทใดอภัยโทษ
ไม่ได้ หรือการอภัยโทษจะต้องมีเงื่อนไขใดบ้าง ต้องจำคุกมาแล้วนานเท่าใด

4.เมื่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอภัยโทษมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น การแปลกฎหมายว่า
“ผู้หลบหนีจะต้องมามอบตัวและรับโทษจำคุกเสียก่อน จึงขออภัยโทษได้”
นั้น เป็นการ
แปลกฎหมายตามความคิดเห็นส่วนตัว หรือเป็นการเข้าใจเอาเอง ทั้งๆที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้



มิบังอาจโต้แย้งท่าน ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตเคยกล่าวไว้ เมื่อครั้งหัวหน้าพรรคไทยรักไทยเคยสร้าง
ความกังขาให้กับสังคมในกรณี ซุกหุ้น ไว้ว่า

" ทักษิณ ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม " (ศรีธนญชัย ยังอาย)

ใคร่ขออนุญาติ นำประมวลกฎหมายตามมาตราที่เกี่ยวข้อง มาเสนอเพื่อประกอบการ
พิจารณา วิเคราะห์ อีกครั้ง

ฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ จะใช้หลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๕๐
มาตรา ๑๙๑

" พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ "

และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ภาค ๗ อภัยโทษ เปลี่ยนโทษ
หนักเป็นโทษเบาและลดโทษ (มาตรา ๒๕๙-๒๖๗)

มาตรา ๒๕๙
ผู้ต้องคำพิพากษาให้รับโทษอย่างใดๆ หรือผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว
ถ้าจะทูลเกล้า ฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ ขอรับพระราชทานอภัยโทษ จะยื่น
ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้

มาตรา ๒๖๐
ผู้ถวายเรื่องราวซึ่งต้องจำคุกอยู่ในเรือนจำ จะยื่นเรื่องราวต่อพัศดีหรือผู้บัญชาการเรือน
จำก็ได้ เมื่อได้รับเรื่องราวนั้นแล้ว ให้พัศดีหรือผู้บัญชาการเรือนจำออกใบรับให้แก่ผู้ยื่น
เรื่องราว แล้วให้รีบส่งเรื่องราวนั้นไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

มาตรา ๒๖๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้ง
ถวายความเห็นว่าควรพระราชทานอภัยโทษหรือไม่

ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดถวายเรื่องราว ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเห็นเป็นการสมควร
จะถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ขอให้พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องคำพิพากษา
นั้นก็ได้

มาตรา ๒๖๑ ทวิ

ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นเป็นการสมวรจะถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ขอให้พระ
ราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องโทษก็ได้

การพระราชทานอภัยโทษตามวรรคหนึ่ง ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๒๖๒

ภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๒๔๗ และ ๒๔๘ เมื่อคดีถึงที่สุด ผู้ใดต้องคำพิพากษาให้ประ
หารชีวิต ให้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้นั้นไปประหารชีวิตเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันฟังคำ
พิพากษา เว้นแต่ในกรณีที่มีการถวายเรื่องราวหรือคำแนะนำขอให้พระราชทานอภัยโทษ
ตามมาตรา ๒๖๑ ก็ให้ทุเลาการประหารชีวิตไว้จนกว่าจะพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่
รฐัมนตรวี ่าการกระทรวงยุติธรรมถวายเรื่องราวหรือคำแนะนำขึ้นไปนั้น แต่ถ้าทรงยก
เรื่องราวนั้นเสีย ก็ให้จัดการประหารชีวิตก่อนกำหนดนี้ได้

เรื่องราวหรือคำแนะนำขอพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต
ให้ถวายได้แต่ครั้งเดียวเท่านั้น

มาตรา ๒๖๓
เหตุที่มีเรื่องราวขอพระราชทานอภัยโทษในโทษอย่างอื่นนอกจากโทษประหารชีวิต
ไม่เป็นผลให้ทุเลาการลงโทษนั้น

มาตรา ๒๖๔
เรื่องราวขอพระราชทานอภัยโทษอย่างอื่นซึ่งมิใช่โทษประหารชีวิตถ้าถูกยกหนหนึ่งแล้ว
จะยื่นใหม่อีกไม่ได้จนกว่าจะพ้นสองปี นับแต่วันถูกยกครั้งก่อน

มาตรา ๒๖๕

ในกรณีที่มีการอภัยโทษเด็ดขาดโดยไม่มีเงื่อนไข ห้ามมิให้บังคับโทษนั้น ถ้าบังคับโทษ
ไปบ้างแล้วให้หยุดทันที ถ้าเป็นโทษปรับที่ชำระแล้ว ให้คืนค่าปรับให้ไปทั้งหมด

ถ้าการอภัยโทษเป็นแต่เพียงเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบาหรือลดโทษ โทษที่เหลืออยู่ก็ให้
บังคับไปได้

แต่การได้รับพระราชทานอภัยโทษ ไม่เป็นเหตุให้ผู้รับพ้นความรับผิดในการต้องคืนหรือ
ใช้ราคาทรัพย์สินหรือค่าทดแทนตามคำพิพากษา

มาตรา ๒๖๖

เมื่อผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษเนื่องจากการกระทำความผิดอย่างหนึ่งถูกฟ้องว่ากระ
ทำความผิดอีกอย่างหนึ่ง อภัยโทษนั้นย่อมไม่ตัดอำนาจศาลที่จะเพิ่มโทษ หรือไม่รอ
การลงอาญาตามกฎหมายลักษณะอาญาว่าด้วยกระทำผิดหลายครั้งไม่เข็ดหลาบ หรือ
ว่าด้วยรอการลงอาญา

มาตรา ๒๖๗
บทบัญญัติในหมวดนี้ ให้นำมาบังคับโดยอนุโลมแก่เรื่องราวขอพระราชทานเปลี่ยนโทษ
หนักเป็นเบาหรือลดโทษ

มาตรา ๒๖๐ ระบุชัด " ผู้ถวายเรื่องซึ่งต้องจำคุกอยู่ในเรือนจำ " แล้วไฉนท่านกล่าวว่า
ไม่ได้มีกฎหมายกำหนดไว้
..ข้องใจจริง ๆ

สงวนไว้ซึ่งคำวิพากวิจารณ์ใดๆ ละไว้ให้ทุกท่านพิจารณาตามวิสัยทัศน์และมุมมองของ
ทุกท่าน ยามเมื่ออำนาจเข้าตา ผิดก็ว่าถูก จริงก็ว่าเท็จ แม้กงจักรยังเห็นเป็นดอกบัว

ภาษิตโบราณว่าไว้ " ความรู้ท่วมหัว ยังเอาตัวไม่รอด " คงได้พิสูจน์กันว่าจริงหรือไม่
Last edited by bird on Wed Sep 07, 2011 2:07 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby AtheNa » Wed Sep 07, 2011 9:54 am

ขอ soft file ได้มั้ยคะ...
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้ชัยชนะ นั่นก็คือ การที่คนดีๆ นิ่งดูดาย

" The only thing necessary for the Triumph of Evil is for Good Men to do Nothing "


(Edmund Burke)
User avatar
AtheNa
 
Posts: 403
Joined: Fri Nov 13, 2009 10:08 pm
Location: Bkk


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby bird » Wed Sep 07, 2011 1:30 pm

AtheNa wrote:ขอ soft file ได้มั้ยคะ...

ยินดีค่ะ

overtherainbow wrote:ดัน
ว่างๆจะเอามาเป็นลายเซ็น
ขอตรงนี้เลยนะจ๊ะ

:lol: :lol:

อย่าว่าปั้นกระทู้เลยค่ะ แวะมาบอกข่าว

เมื่อวานนี้เดินเซงเข้าร้านหนังสือ เจอเข้าเล่มหนึ่ง สะดุดใจมาก

หนังสือพิมพ์ " แฉ " ปีที่ 1 ฉบับที่ 8 ประจำวันที่ 1-15 กย.54
ราคาฉบับละ 10.- บาท แต่เนื้อหาเกิน 10.- บาท
ด้านในจัดไปเต็ม ๆ กับรัฐบวม, และท่านผู้นำคณะรัฐบวม.
และแถมด้วยบุคคลที่ทำมาหาเลี้ยงชีพ เพื่อผลกำไรในนาม
ของสื่อ สื่อ สื่อ

อย่าถามว่า ของสื่อไหนน่ะค่ะ ไม่รู้จริง ๆ ค่ะ :roll: :roll:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby guxkung » Wed Sep 07, 2011 1:33 pm

มาเห็นคอมเม้นท์คุณเบิร์ดแล้วลองเสิร์ชดู
นสพ แฉ มีเฟซบุ๊คนะครับ ตามนี้

http://th-th.facebook.com/pages/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%89/144416418958835
ผมไม่รู้ ผมแมว
User avatar
guxkung
 
Posts: 989
Joined: Mon Jun 13, 2011 7:26 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby bird » Wed Sep 07, 2011 1:40 pm

guxkung wrote:มาเห็นคอมเม้นท์คุณเบิร์ดแล้วลองเสิร์ชดู
นสพ แฉ มีเฟซบุ๊คนะครับ ตามนี้

http://th-th.facebook.com/pages/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%89/144416418958835


ขอบคุณค่ะ ที่แจ้งข่าว

รอลุ้นอยู่ว่าจะมี หนังสือพิมพ์ T-news มาสู้กับหนังสือพิมพ์แดง
อีกสักฉบับมั้ย..ถ้ามีจะดีมิใช่น้อย
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby KukleadThaksin » Wed Sep 07, 2011 1:49 pm

ละเอียด ถี่ถ้วน นับถือครับ
User avatar
KukleadThaksin
 
Posts: 7
Joined: Sat Sep 03, 2011 6:46 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby bird » Fri Sep 16, 2011 12:23 am

เปิดนโยบาย เค้าลางรอบใหม่

ผลการเลือกตั้ง อันเป็นบันไดขั้นแรกของการขึ้นสู่บัลลังค์อำนาจ ตามครรลองของระบอบ
ประชาธิปไตย ได้แสดงผลการตัดสินใจของประชาชนที่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าจะเลือก
เส้นทางใด เพื่อเป็นทางออกของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่ต้อง
ใช้ความละเอียดอ่อนในการดำเนินการแก้ไข เพราะเป็นปัญหาที่ไม่สามารถจับต้องเป็น
รูปธรรม

หากแต่เป็นปัญหาที่เกิดจากความรู้สึก และอารมณ์ของประชาชนที่อาศัยอยู่บนพื้นแผ่นดิน
เดียวกัน การแก้ไขปัญหาจึงจำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ ความรู้สึก อย่าให้อยู่เหนือสติปัญญา
มิฉะนั้นอาจนำพาประเทศเข้าสู่ความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดสงครามกลางเมืองอย่างมิอาจหลีก
เลี่ยงได้ ดังตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2552 ต่อเนื่อง 2553

ย้อนกลับก่อนประกาศ พรก เลือกตั้ง ๕๔ ช่วงเวลาวันที่ ๒๓ เมษายน พรรคการเมืองใหญ่
ได้จัดการประชุมเพื่อแถลงนโยบาย ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยย่านรังสิต เพื่อเตรียมตัวเข้า
สู่สนามเลือกตั้ง



ทักษิเนตรา ณ มอนเตร ถือโอกาสเปิดเค็มเปญใหม่ “ แลเรา แลโลก “ มีเนื้อหาพอจะสรุป
สารพัดโครงการ อันเป็นอภิมหาโปรเจ็คประชานิยม ได้ดังนี้

1) โครงการ : สร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเล ไม่ให้ท่วม กทม บริเวณสมุทรสาครและสมุทรปราการ
โดยไม่ต้องกู้
2) โครงการ : ดึงน้ำจากเขื่อน จากประเทศเพื่อนบ้าน ลาว พม่า เขมร และเชื่อมแม่น้ำด้วย
ลำคลองใหม่
3) โครงการ :รถไฟฟ้าให้ครบทั้ง 10 สาย แต่ละสายเก็บ 20 บาท
4) โครงการ :ทุกสถานีรถไฟฟ้า จะสร้างคอนโดราคาประหยัด ให้เช่า
5) โครงการ :ทำรถไฟรางคู่เชื่อมต่อบริเวณชานเมืองกรุงเทพ
6) โครงการ :ทำรถไฟความเร็วสูงไปโคราช ไประยอง จันทรบุรี
7) โครงการ :ขยายแอร์พอร์ตลิงส์ ไปพัทยา
8) โครงการ :ภาคใต้ทำ แลนด์บริด
9) โครงการ :ปราบยาเสพติดให้หมดไปภายใน 12 เดือน
10) โครงการ :ความยากจนต้องหมดไปภายใน 4 ปี
11) โครงการ :กองทุนหมู่บ้านเพิ่มเงินทุก ตำบลๆ ละ หนึ่งล้านบาท
12) โครงการ :พักหนี้สำหรับผู้ที่มีหนี้ไม่เกิน ห้าแสนบาท ไม่น้อยกว่า 3 ปี
13) โครงการ :สำหรับผู้ที่มีหนี้เกินห้าแสนแต่ไม่เกินหนึ่งล้าน ให้ปรับโครงสร้างหนี้
14) โครงการ :30 บาทรักษาทุกโรค รักษาอย่างมีคุณภาพ
15) โครงการ :ส่งเสริม OTOP ร่วมกับศูนย์ศิลปาชีพ
16) โครงการ :องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ได้รับเงินเพิ่ม 25 % ไม่ต้องทุจริต
17) โครงการ :ออกเครดิตการ์ดสำหรับเกษตรกร เพื่อนำไปซื้อปุ่ยหรือเมล็ดพันธ์
เพื่อการเพาะปลูก
18) โครงการ :ลดภาษีนิติบุคคล จาก 30% เหลือ 23%
19) โครงการ :จบปริญาตรีทำงานมีเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท
20) โครงการ :ปรับเงินเดือนให้ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ
21) โครงการ :คนไทยต้องตั้งตัวได้อย่างมีศักดิ์ศรี
22) โครงการ :ตั้งกองทุนร่วมทุน แต่ละจังหวัด
23) โครงการ :ต้องกองทุนร่วมทุนในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน โดยมีเงินนักศึกษา
ที่จบการศึกษากู้ยืม
24) โครงการ :คืนภาษีและเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีให้กับ ผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรก
25) โครงการ :คืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถคันแรก และต้องถือครองรถไม่น้อยกว่า 5 ปี
26) โครงการ :สนับสนุนภาครัฐและเอกชน ไปหาสัมปทานพลังงานเช่นน้ำมัน จากทั่วโลก
27) โครงการ :เด็กนักเรียนมีคอมพิวเตอร์ใช้ One Tablet PC Per Chind
28) โครงการ :Free WIFI เล่น Internet ในที่สาธารณะ เช่นสถานศึกษา สถานที่ท่องเที่ยว
โรงพยาบาล ฯลฯ
29) โครงการ :ยกเว้นวีซ่า ในกับประเทศแถบตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น
30) โครงการ :ทำสนามบินสุวรรณภูมิ ให้เป็น HUB
31) โครงการ :ประสานความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอารเบีย ให้กลับมาเหมือนเดิม

และอีกนานาสารพัด เท่าที่พอจะนึกฝันได้ในมโนภาพ ส่วนรายละเอียดการดำเนินงาน
ของแต่ละโครงการ พอจะสรุปใจความได้พอสังเขป ดังนี้

โครงการ แรก ทำคันเขื่อน มูลค่าแสนล้าน ลึกออกไป 10 กม. โดยไม่ต้องกู้สักบาท...
จะได้พื้นที่ 300 ตารางกิโลเมตร จะได้เมืองใหม่ทั้งเมือง.. และป้องกันน้ำท่วม

โครงการที่สอง.. ยืนยันพัฒนา 25 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ เพื่อสร้างระบบกักเก็บน้ำ เชื่อมแม่น้ำ
เพื่อเฉลี่ยระดับน้ำ ประสานกับเพื่อนบ้าน.. ป้องกันน้ำท่วมและใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตร..

โครงการที่สาม.. ทำรถไฟฟ้าให้ครบทั้ง 10 สาย เก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย สร้าง
คอนโด ให้คนรุ่นใหม่ ตามแนวทางรถไฟ้า ด้วยค่าเช่าถูก 1500 บาท.. ทำรถไฟระบบรางคู่
ขยายแอร์พอร์ตลิงค์ ไปจังหวัด รอบนอก กทม. สานต่อ แลนด์บริดจ์ เชื่อมต่อ อ่าวไทย
กับอันดามัน.. นี่เป็นเมกกะโปรเจ็ค เพื่อให้เงินสะพัด

โครงการที่สี่ สานต่อแก้ปัญหายาเสพติด ให้หมดไปภายในเวลา 12 เดือน

โครงการ ที่ห้า.. แก้ปัญหาความยากจนในประเทศไทยให้หมดไปภายในเวลา 4 ปี อย่าให้
คนไทยตายจน ("จน" จนตาย) ..การแก้ไขปัญหาความยากจนคือการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ
ที่ฐานราก..

โครงการ ที่หก.. สานต่อกองทุนหมู่บ้านเป็น ธนาคารหมู่บ้านซึ่งเป็นธนาคารของประชาชน
อย่างแท้จริง และเพิ่มทุนให้อีก หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท

โครงการที่เจ็ด.. สานต่อโครงการพักหนี้ 3 (หรือ 5 ปี) สำหรับหนี้ไม่เกิน ห้าแสนบาท และ
ปรับโครงสร้างหนี้ สำหรับผู้เป็นหนี้ไม่เกิน หนึ่งล้านบาท..

โครงการที่แปด.. สานต่อโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค(จริงๆ).. ด้วยการพัฒนาทั้งระบบ

โครงการที่เก้า... ยกระดับพัฒนา OTOP เต็มสูบ

โครงการ ที่สิบ.. องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ไม่ต้องติดสินบนของบ.. พรรคเพื่อไทยเพิ่ม
งบให้อีกเท่าตัว... สำหรับ องค์กรที่สรรหางบได้ไม่เกิน 20 ล้านบาท

โครงการที่สิบเอ็ด.. สานต่อ SML ประชาชนในหมู่บ้านบริหารงบเอง "เจ้านะพอเพียง แต่ข้า
ไม่พอเพียง" อ้างอิงคำพูดชาวบ้านจากการที่รัฐบาลเปลี่ยน SML เป็นกองทุนพอเพียง

โครงการที่สิบสอง.. ประกันราคาข้าว.. สร้างหลักประกันรายได้ให้ชาวนา

โครงการ ที่สิบสาม.. ให้เครดิตการ์ดเกษตรกร เพื่อซื้อปัจจัยการผลิต โดยไม่ต้องกู้ รัฐเป็น
ผู้ให้วงเงินสินเชื่อ ตามความสามารถด้านการผลิต พืชที่เพาะปลูก และมูลค่าของผลผลิต..

โครงการที่สิบสี่.. ส่งเสริมแนวคิดธุรกิจใหม่โดยสร้างระบบการให้เงินกู้ และสร้าง กองทุน
ร่วมทุน ทุกจังหวัด เพื่อส่งเสริมธุรกิจแนวคิดใหม่ๆ

โครงการที่สิบห้า.. ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์ และลดภาษีธุรกิจยานยนต์

โครงการ ที่สิบหก.. จัดหาแหล่งพลังงานต่างจากทั่วโลก พัฒนาระบบพลังงาน โดยเฉพาะ
น้ำมัน โดยร่วมลงทุนกับต่างประเทศ เพื่อให้คนไทยได้ใช้น้ำมันราคาถูก ทั้งนี้ส่งเสริมน้ำมัน
ชีวภาพให้ครบวงจร

โครงการ ที่สิบเจ็ด.. ส่งเสริมให้คนไทย เข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศน์.. ให้เด็กไทยใช้
One Tablet Per Child .. สร้างห้องสมุด สารสนเทศน ให้เด็กสามารถใช้ได้ทั่วประเทศ..และ
ให้บริษัทต่างๆ มีระบบ Wi Fi ส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารทุกที่

โครงการที่สิบแปด.. ให้ไทยเป็น Hub ศูนย์อาหารโลก ศูนย์กลางการบิน ศูนย์การกลางท่อง
เที่ยว ศูนย์กลางบริการทางการแพทย์

โครงการที่สิบเก้า..ปรับยุทธศาสตร์การต่างประเทศเสียใหม่ทั้งระบบ ให้กระทรวงต่างประเทศ
มีบทบาทสร้างความมั่งคั่งให้แก่ประเทศไทย

โครงการที่ยี่สิบ.. สถาปนาความสัมพันธ์กัลโลกอาหรับใหม่ โดยเฉพาะซาอุเดียอารเบีย และ
อำนวยความสะดวกให้พี่น้องมุสลิม ที่ไปทำพิธีฮัจจ์

โครงการ ที่ยี่สิบเอ็ด... ปรับนโยบายแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ โดยนั่งจับเข่าคุยกัน... และ
ส่งเสริมการปกครองตนเองโดย ให้เป็นเขตปกครองพิเศษ

โครงการที่ยี่สิบสอง... จัด Training Center ให้อาชีวะ และ ใช้หลักการ ให้ทุนการศึกษาแบบ
"เรียนก่อน ผ่อนทีหลัง"

จบประเด็นการเปิดแถลงนโยบาย ทักศิเนตราต้องการ เพื่อทักศิเนาตราสนอง ไว้ ณ จุดนี้
เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์ พิจารณาว่า แนวคิดทักศิเนตรา สอดคล้อง แตกต่าง จาก
นโยบายพรรคพอทอ ที่ใช้ในการหาเสียง หรือไม่ อย่างไร
Last edited by bird on Sun Sep 18, 2011 11:47 am, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby bird » Fri Sep 16, 2011 12:44 am

ข้อเรียกร้อง จริง หรือ ลวง

ต่อเนื่องจากหัวข้อ " เปิดนโยบาย เค้าลางรอบใหม่ "

ขออนุญาติปิดท้ายด้วย กรณีเร่งด่วน 4 ประเด็น ที่จะดำเนินการในลำดับต้น ๆ อันเป็นข้อ
เรียกร้องของ SIU ในฐานะ “คลังสมอง” ด้านนโยบายสาธารณะภาคเอกชน จึงเขียนเอก
สารฉบับนี้ขึ้น เพื่อเรียกร้องให้คุณปูนิ่มแสดงแนวทางบริหารประเทศในประเด็นต่าง ๆ 4
ข้อ ดังนี้

1. แนวทางการปรองดอง

ประเด็นเรื่องการแก้ไขความขัดแย้ง ความแตกแยกของคนในประเทศ เป็นสิ่งที่ผู้มีสิทธิ
เลือกตั้งสนใจอยากรู้มากที่สุด สิ่งที่พรรคพอทอประกาศมาในขณะนี้ยังมีแค่แนวทางคร่าวๆ
ว่าจะมีคณะกรรมการคนกลางขึ้นมาแก้ปัญหาความขัดแย้ง และเมื่อพรรคพอทอ โดนพรรค
ปอชอปอโจมตีเรื่องการนิรโทษกรรมให้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร จากการปราศรัยเมื่อวันที่ 23 มิย.
คุณน้องปูนิ่ม ตอบแบบเลี่ยงว่าจะไม่นิรโทษกรรมให้เพียงคนเดียว และกระบวนการนิรโทษ
กรรมเป็นเรื่องที่จะทำหลังจากแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน แล้ว

SIU อยากให้คุณปูนิ่ม แสดงความชัดเจนในกระบวนการปรองดอง การค้นหาความจริง การ
ชดเชยและเยียวยาผู้เสียหาย และการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิด ดังนี้

• กระบวนการคัดเลือก “คณะกรรมการ” จะเป็นอย่างไร ใช้คนกลางจากที่ไหน
มีตัวแทนฝ่ายการเมืองเข้าร่วมหรือไม่
• พรรคพอทอมีแนวทางอย่างไรต่อ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง
เพื่อความปรองดองแห่งขาติ ชุดของคุณคณิต จะยุบคณะกรรมการชุดนี้ หรือจะให้ทำงานต่อ
หรือจะเปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม
• กระบวนการค้นหาความจริงและสร้างความปรองดอง จะครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่
เมื่อใดบ้าง เช่น นับจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หรือนับจากช่วงเวลาอื่น
• พรรคพอทอมีแนวทางอย่างไรต่อการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง (เช่น การยุบ
พรรคและแบนนักการเมือง) คดีอาญา (การทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่) และคดีที่คลุม
เครืออย่างความผิดการขายที่ดินรัชดา (ซึ่งสอบสวนและสั่งฟ้องโดย คอตอสอ) คดีแบบใด
บ้างที่เข้าข่าย
• พรรคพอทอมีแนวทางอย่างไรต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 (ฉบับแก้ไข) จะแก้ไข
ทั้งหมด หรือแก้ไขบางมาตรา หรือจะนำรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 กลับมาใช้ตามที่พรรคพอทอ
เคยพูดเอาไว้ นอกจากนี้ยังขอถามเรื่องกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะผ่านสภา หรือลง
ประชามติ จำเป็นต้องมีสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่

2. ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นปัญหายืดเยื้อที่ส่งผลเสียต่อประเทศไทยในหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นการค้าตามแนวชายแดน เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม และที่สำคัญคือชีวิต
และทรัพย์สินของประชาชนไทยที่อาศัยตามพรมแดนจุดที่ขัดแย้ง

SIU ขอให้คุณปูนิ่ม และพรรคพอทอ ชี้แจงแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง
ไทย-กัมพูชา ดังนี้

• ถ้าหากว่าชนะการเลือกตั้งและได้เป็นรัฐบาล พรรคสีแดงจะมีแนวทางอย่างไร
กับนโยบายต่อกัมพูชาที่รัฐบาลพรรคสีฟ้า ในปัจจุบันได้ดำเนินมาตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา
จะยังอิงอยู่บนแนวทางการแก้ปัญหาเดิมของพรรคสีห้า แล้วแก้ไขบางส่วน หรือยกเลิก
แนวทางทั้งหมด แล้วดำเนินนโยบายต่างประเทศของพรรคสีแดงเอง
• แนวทางการเจรจากับกัมพูชา จะทำในระดับทวีภาคี (เพียง 2 ประเทศ) หรือระดับ
ของอาเซียนโดยมีประเทศที่สามเข้ามาเป็นตัวกลาง
• อยากให้พรรคสีแดงตอบแบบตรงไปตรงมาว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาท
พระวิหาร ยังเป็นพื้นที่ของประเทศไทย หรือเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมของไทย-กัมพูชา
• พรรคสีแดงมีแนวทางอย่างไรต่อเส้นพรมแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมดที่ยังไม่ชัดเจน
มีแนวทางเจรจาเพื่อปักเขตแดนให้ชัดเจนหรือไม่
• พรรคสีแดงจะทำอย่างไรต่อข่าวการถอนตัวออกจากคณะกรรมการมรดกโลก ที่นาย
สุวิทย์ ประกาศถอนตัวในการประชุมที่ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน โดยได้รับการสนับสนุนจาก
นายอภิสิทธิ์

3. ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พรรคสีแดงเคยประกาศมาแล้วว่าจะใช้แนวทาง “เขตปกครองพิเศษ” เพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ แต่ยังขาดรายละเอียดอีกหลายอย่าง

• เขตปกครองพิเศษจะครอบคลุมพื้นที่กี่จังหวัด และมีความสัมพันธ์อย่างไรกับการ
ปกครองระดับจังหวัดในปัจจุบัน จะมีผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษหรือไม่ หรือจะให้ผู้ว่าราชการ
แต่ละจังหวัดดูแลพื้นที่ของตัวเอง
• เขตปกครองพิเศษจะมีความสัมพันธ์เชิงอำนาจอย่างไรกับกระทรวงมหาดไทย และ
หน่วยงานราชการจะต้องรายงานต่อฝ่ายใดกันแน่ รายงานต่อส่วนกลางหรือเขตปกครองพิเศษ
• เขตปกครองพิเศษจะมีความสัมพันธ์อย่างไรกับฝ่ายทหารและความมั่นคง สามารถ
สั่งการทหารได้หรือไม่ จะต้องยุบ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หรือ
คงไว้เช่นเดิม หรือเปลี่ยนรูปแบบอย่างไร แม่ทัพภาคที่ 4 จะต้องฟังคำสั่งใคร
• พรรคสีแดงมีนโยบายอย่างไรในเรื่องภาษาและวัฒนธรรมในเขตการปกครอง พิเศษ
จะอนุญาตให้ใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาไทยในการสื่อสารกับราชการหรือไม่ มีแนวปฏิบัติต่อ
ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามอย่างไร
• พรรคสีแดงมีนโยบายอย่างไรต่อผู้ก่อความไม่สงบในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
จะมีแนวทางนิรโทษกรรมแก่ผู้ที่ยอมมอบตัวและเลิกก่อความไม่สงบหรือไม่ มีกระบวนการยุติ
ธรรมต่อคดีในอดีตอย่างไร

4. การรักษาวินัยทางการคลัง

นโยบายหลายอย่างของพรรคเผาไท ถูกวิจารณ์อย่างมากว่า เป็นการใช้เงินเพื่อสร้างคะแนน
นิยมจากประชาชน โดยไม่สนใจวินัยทางการคลัง และยังไม่แสดงความชัดเจนว่าจะหางบประ
มาณมาสนับสนุนอย่างไรบ้าง

• นโยบายลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของพรรคเผาไท จะทำให้รายได้ภาครัฐจากการ
เก็บภาษีลดลง พรรคเผาไท มีแนวทางหารายได้จากทางอื่นอย่างไรบ้าง
• ในอดีต รัฐบาลพรรคทอรอทอ ได้หารายได้เข้ารัฐโดยวิธีการแปลกใหม่หลายอย่าง
เช่น เงินได้จากสลากกินแบ่งรัฐบาล และโครงการหวยบนดิน อยากทราบว่าคุณปูนิ่ม มีแนวทาง
อย่างไรต่อวิธีการหารายได้ลักษณะนี้
• พรรคเผาไท มีแผนกู้เงินทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ เพื่อมาชดเชยรายได้
และลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หรือไม่
• พรรคเผาไท มีแนวทางอย่างไรต่อการขึ้น-ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม
• พรรคเพื่อเผาไท มีแนวทางอย่างไรต่อการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์
ประกาศไว้ช่วงก่อนยุบสภา

เราทราบดีว่า คำถามทั้งหมดนี้เป็นคำถามที่ตอบยาก และหลายคำถามก็มีผลต่อความนิยมทาง
การเมืองไม่น้อย แต่เราก็มั่นใจว่า ถ้าคุณปูนิ่มสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ดี ตรงกับความต้อง
การของประชาชน และสามารถแสดงวิสัยทัศน์ แสดงศักยภาพของ “ว่าที่นายกรัฐมนตรี” ได้
คุณปูนิ่มย่อมจะได้เสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นอีกมาก

SIU จะส่งจดหมายฉบับนี้ไปยังพรรคเผาไท ผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ แต่คุณปูนิ่ม ก็สามารถ
ตอบคำถามผ่านสื่อสาธารณะช่องทางต่างๆ ได้ตามต้องการ โดยจะเลือกตอบทั้งหมดหรือตอบ
เพียงบางประเด็นในบางโอกาสก็ได้ ซึ่งทาง SIU จะคอยรวบรวมคำตอบและข้อมูลจากคุณปูนิ่ม
ในประเด็นเหล่านี้ เพื่อนำเสนอต่อประชาชนผ่านเว็บไซต์ ต่อไป

สรุปแล้ว SIU ได้จัดส่งเอกสารฉบับนี้ตามที่กล่าวไว้หรือไม่ และคุณปูนิ่มได้ตอบคำถามเหล่านี้
อย่างไรบ้าง จะถือเป็นแนวทางการแสดงวิสัยทัศน์ของคุณปูนิ่มได้หรือไม่ แต่นั้นจะส่งผลอันใด
เมื่อคุณปูนิ่มหนีการดีเบต และแสดงวิสัยทัศน์ทุกครั้ง
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby IHIATHAKSIN » Fri Sep 16, 2011 7:35 am

ขอบคุณ คุณเบิร์ดครับ ขอให้กำลังใจ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ต่อสู้กับความชั่วร้ายต่อไป
User avatar
IHIATHAKSIN
 
Posts: 15
Joined: Fri Jul 15, 2011 12:42 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby bird » Fri Sep 16, 2011 10:22 am

เปิดประตู สู่สนามบัลลังค์อำนาจ

ภายหลังการเปิดตัว แถลงนโยบายของหัวหน้า ทักศิเณตรา ณ ดูใบห่อ เมื่อวันที่ 23 เมย.
ผ่านพ้นไป 30 วันพอดิบพอดี ใบปลิว แผ่นพับสีแดงสดเริ่มกระจายไปตามพื้นที่เป้าหมาย
แน่นอน ย่อมเป็นพื้นที่ด้านทิศตะวันออกเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนผู้มีสิทธิ
เป็นจำนวนมาก หากพรรคใดสามารถเจาะโซนนี้ได้ โอกาสที่จะได้รับชัยย่อมมีมากกว่า

เนื้อหาที่ปรากฎในแผ่นพับสีแดงสด นำเสนอเพื่อบอกเล่าถึงแนวนโยบายหลัก ลงวันที่ 24
พฤษภา ก่อนการประกาศยุบสภาของรัฐบาลให้ขณะนั้น สรุปพอสังเขปดังนี้

หาที่พัก ให้หนี้
หางาน ให้ทำ
หาเงิน ให้ใช้
หาโอกาสใหม่ ให้.....


ดูแลสินทรัพย์ประเทศ อย่างชาญฉลาด
เพิ่มรายได้ประชาชน อย่างมั่นคง


แนวนโยบายหลัก...

๑) เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ให้เกษตรกรและคนยากจน

- สร้างที่พักให้หนี้ ให้เกษตรกรและคนยากจน พักชำระหนี้ของประชาชน
- กำหนดหนี้ครัวเรือนไม่เกินห้าแสนบาทเป็นเวลา ๓ ปี
- ให้เกษตรกรมีบัตรเครดิต เพื่อใช้ซื้อปัจจัยการผลิต โดยใช้ผลผลิตเป็นหลักประกัน
ในการกำหนดวงเงินสินเชื่อ ไม่เกินร้อยละ ๗๐ ของราคาประกันผลผลิต
- ใช้นโยบายรับจำนำผลผลิตแทนการประกันราคา โดยกำหนดราคารับจำนำไว้ดังนี้
ข้าวเปลือกเจ้า เกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท
ข้าวหอมมะลิ เกวียนละ ๒๐,๐๐๐ บาท

- ปราบปรามยาเสพติดภายใน ๑๒ เดือน

๒) หลักประกันใหม่ของชีวิต เพื่ออนาคตเด็กไทย

- ฟื้นฟูกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ให้ลูกหลานคนจนและคนด้อยโอกาส สามารถกู้ยืม
ทุนการศึกษา เรียนก่อน ผ่อนทีหลัง
- เด็กนักเรียนมีคอมพิวเตอร์ใช้ ภายใต้โครงการ One Tablet PC per Child
- ฟรีเน็ต ในที่สาธารณะ

๓) สร้างหลักประกันรายได้ให้บัณฑิตจบใหม่และผู้ใช้แรงงาน
เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ เพิ่มกำลังซื้อของประชาชน ภายใต้โครงการ

- ประกันรายได้ ป.ตรี จบใหม่ เงินเดือนเริ่มต้น ๑๕,๐๐๐
- ประกันรายได้ ค่าจ้างขั้นต่ำ ของผู้ใช้แรงงาน ๓๐๐ บาทต่อวัน

๔) ตั้งตัวได้ อย่างมีศักดิ์ศรี

- กองทุนตั้งตัวได้ ภายใต้เป้าหมาย สร้างผู้ประกอบการย่อยรายใหม่ ร่วมกับสถาบัน
การศึกษา สนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการรายย่อย สามารถเริ่มต้นธุรกิจ เพื่อเป็นฐาน
ในการพัฒนา ของเศรษฐกิจภายในประเทศ
- คืนภาษี เพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก
- คืนภาษี สำหรับผู้ซื้อรถยนต์คันแรก

๕) ลาก่อน น้ำท่วม น้ำแล้ง

- สร้างโครงข่ายน้ำทั่วประเทศ จัดวางระบบส่งน้ำแห่งชาติ ป้องกันภัยแล้งอย่างถาวร
- สร้างกำแพงเขื่อน เพื่อป้องกันน้ำท่วม เมืองหลวงและปริมณฑล เพื่อเตรียมรับมือ
กับอุบัติภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนทุกปี

๖) สร้างเครือข่ายคมนาคม เพื่อโอกาสใหม่ของประเทศ

- รถไฟฟ้า ๑๐ สาย ๒๐ บาททั่ว กทม
- รถไฟรางคู่ เชื่อมปริมณฑลทุกทิศ
- รถไฟความเร็วสูง เมืองหลง สู่ เชียงใหม่ โคราช หัวหิน
- ระบบแอร์พอร์ตลิ้งค์ สู่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พัทยา

๗) แก้น้ำท่วม ซ้ำซาก ทำเมืองหลวงให้สง่างาม

- ถมทะเล ออกไป 10 กม.
- สร้างเขื่อนกั้นน้ำท่วม กทม
- ได้เมืองใหม่ ลดแออัด
- สร้างงาน ๑๐๐,๐๐๐ อัตรา
- มีสวนสาธารณะ และ ทะเลสะอาด เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้ กทม

“ ทักศิเณตรา Think / PT ทำ “
“ คนเคยทำ “ สนับสนุน


พรรค มีวิสัยทัศน์ รู้ปัญหาและเห็นทางออก มีบุคลากรที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์
ครบทุกด้าน พร้อมผลักดันนโยบายดี ๆ เพื่อแก้ปัญหาให้ประเทศและพี่น้องประชาชน
พร้อมเร่งซ่อมแซมความเสียหายของประเทศที่เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาด
ไม่กล้าตัดสินใจและขาดวิสัยทัศน์ของรัฐบาลปัจจุบัน

บทสรุป ปิดท้าย....

คืนความสุข ให้ประเทศ
คืนประชาธิปไตยให้ประชาชน


ทุกประโยค ทุกคำพูด ทุกวาทกรรม สวยหรู ดูดี เพอร์เฟ็ค หากแต่ไม่สามารถใช้เป็น
หลักประกันได้ว่า พรรคจะสามารถทำได้ตามที่ป่าวประกาศไว้ได้หรือไม่ และประเด็น
สำคัญ เป็นเพียงแนวทางนโยบายเพื่อเปิดประตูสู่สนามการแข่งขัน ก่อนการประกาศ
ยุบสภาอย่างเป็นทางการ

หากพิจารณา แนวทางดังกล่าวข้างต้น สอดคล้อง สอดรับ กับแถลงการณ์ของบางคน
เมื่อวันที่ 23 เมษายน หรือไม่ คงมิต้องกล่าวประการใด เพราะทุกวาทกรรมชี้ชัดอย่าง
ไร้ข้อกังขาใด ๆ
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby iamserebi » Fri Sep 16, 2011 10:44 am

เสื้อแดงผมมั่นใจว่า มันไม่กล้าตอบกระทู้นะ เพราะมันอ่านหนังสือไม่เกิน 3 บรรทัด bird เล่นเขียนซะเยอะ มันอ่านได้ที่ไหนพวกเสื้อแดง :D
User avatar
iamserebi
 
Posts: 105
Joined: Wed May 19, 2010 11:43 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby bird » Sun Sep 18, 2011 1:11 pm

นโยบาย คำสัญญา หรือแค่ วาทกรรม

มิต้องเจรจาให้มากความ จัดแบรนเนอร์นโยบายหาเสียงให้ชม ย่อมเป็นพยานหลักฐาน
ที่แน่นอนกว่า คำพูด คำวิจารณ์ ใด ๆ
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image

จัดให้เพียงเท่านี้ก่อน ส่วนที่เหลือจะนำเสนอในครั้งต่อ ๆ ไป
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby overtherainbow » Sun Sep 18, 2011 1:41 pm

ขยันจริงๆ
ช่วงนี้เอาเวลาไปทำไรหมดไม่รู้

ชุลมุนมากๆ
แวะมาทักจ้า
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby serithai11 » Sun Sep 18, 2011 2:05 pm

“ นำขวดเปล่ามาคนละใบ มาใส่น้ำม้นที่นี่ “

“ พวกคุณสลายการชุมนุมเมื่อไหร่ เรา เผา “

“ พวกท่านเผา ผมรับผิดชอบเอง “

“ หากมีการสลายการชุมนุมเมื่อใด ก็ให้พวกท่านตกใจตามที่ตกลงกันไว้ “


จากคำพูดนี้ พวกเสื้อแดงยังโยนขี้ โทษทหาร โทษคนเสื้อดำ มีการจัดฉากเผา นั่งยัน นอนยัน ว่าไม่ใช่พรรคพวกตัวเองทำ
ผมก็ไม่รู้ว่าสามัญสำนึกของพวกเสื้อแดงนี่มันอยู่ที่ไหน ไอ้คำว่าผมรับผิดชอบเอง คนพูดมันแสดงความรับผิดชอบแล้วหรือยัง
พวกแกนนำ พาคนมาตาย พาคนมาเผาเมือง ตัวเองอยู่ดีมีสุข ได้รับตำแหน่งกันถ้วนหน้า คนที่ติดคุก คนที่ตายไป จะรับผิดชอบครอบครัวเขาอย่างไร
User avatar
serithai11
 
Posts: 167
Joined: Sun Jun 26, 2011 8:09 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby คุณนายนอกบ้าน » Sun Sep 18, 2011 2:18 pm

รวมเล่มแล้วส่งเข้าห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ทุกมหาวิทยาลัย
User avatar
คุณนายนอกบ้าน
 
Posts: 7
Joined: Sat Jul 09, 2011 8:01 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby overtherainbow » Sun Sep 18, 2011 2:21 pm

คุณนายนอกบ้าน wrote:รวมเล่มแล้วส่งเข้าห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ทุกมหาวิทยาลัย

เจ้าของกาทู้ได้ยินมั้ยจ๊ะ
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby bird » Sun Sep 18, 2011 3:48 pm

คำมั่นสัญญาของรัฐบาล

คำแถลงนโยบาย เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม เสมือนคำมั่นสัญญาที่คณะรัฐบาลให้ไว้ต่อ
ประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดของสังคม เมื่อรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ย่อมหมายความว่า รัฐบาลมีภาระหน้าที่โดยชอบธรรมที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม
คำแถลงนโยบายทุกประการ โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

คำแถลงนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น ๖๖ หน้า ดังนี้

ดูข้อมูลได้ที่ http://www.cabinet.thaigov.go.th/bb_main31.htm
พิมพ์ครั้งที่ ๑
จำนวนพิมพ์ ๙,๕๐๐ เล่ม
พิมพ์ที่ สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา
ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นางสาวอรนุช กนกสิริรัตน์
พิมพ์เมื่อ เดือนสิงหาคม ๒๕๕๔
รหัส สปค. สปค. 54/08-10
ISBN 978-974-261-156-9

http://www.thaireform.in.th/2011-05-24- ... 47-36.html

ท่านใดสนใจ อยากได้ไว้ในครอบครอง จะด้วยเหตุผลใด ไม่ว่าจะ ใช้เพื่อการศึกษา
การพิจารณา วิเคราะห์ เชิญจัดเก็บไว้ได้ตามดุลยพินิจ
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...ภาค ๒

Postby เหมี๋ยวมหาภัย » Sun Sep 18, 2011 3:57 pm

ริวเซย์ wrote:นับเป็นมหากาพย์ของเสรีไทยได้เลย ถ้าได้พิมพ์เป็นหนังสือบอกด้วยนะครับ
ผมจะซื้อ


:P


เห็นด้วยคะ ถ้ารวบรวมไปตีพิมพ์ จะผิดกฏหมายมั้ยคะ อยากเก็บเอาไว้สอนลูกหลาน เพราะตอนนี้ ข่าวสารบิดเบือนไปหมด อยากจะเอามาให้แดงในต่างประเทศอ่านด้วย เพราะพวกนี้หน้ามึดยังกะโดนของ :lol: :lol: :lol: :lol: เผื่อจะหาย คิคิ
User avatar
เหมี๋ยวมหาภัย
 
Posts: 95
Joined: Mon Jun 27, 2011 2:52 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby Anubitz » Sun Sep 18, 2011 4:25 pm

To คุณ bird
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความดีๆ มีเนื้อหาและข้อมูลอ้างอิงเยอะมากครับ น่าอ่านมาก
ขอให้มีบทความมาให้อ่านเรื่อยๆนะครับจะติดตามอ่าน

=========================
To ฝ่ายแดงทั้งหลาย
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่น่าสนใจมากครับ หากฝ่ายท่านๆ ไม่เห็นด้วยตรงประเด็นไหนผมว่า น่าจะหา
ข้อมูล+ข้อมูลอ้างอิงมาหักล้างบ้างนะครับ
หากไม่มีข้อมูลมาหักล้างก็น่าจะลองอ่านดูเผื่อจะมีมุมมองใหม่ๆบ้างนะครับ :)
User avatar
Anubitz
 
Posts: 478
Joined: Sat Sep 17, 2011 5:28 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby pepream » Sun Sep 18, 2011 4:40 pm

มาเอาความรู้ประดับสมอง ขอบคุณในข้อมูลทุกด้านครับ
อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน อย่าหมิ่นคนไทย
User avatar
pepream
 
Posts: 216
Joined: Sat Oct 30, 2010 6:23 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby noona » Sun Sep 18, 2011 4:44 pm

ตามอ่านอยู่นะคะ :D
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby PeterPan » Sun Sep 18, 2011 4:47 pm

ไม่เอาไปลงเวบเสื้อแดงบ้างหรือคุณเบิร์ด
"การมีสิทธิและเสรีภาพนั้นเป็นสิ่งดี แต่ควรระมัดระวังว่าการใช้สิทธิและเสรีภาพนั้น ได้ไปละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นหรือไม่" พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
PeterPan
Moderator
 
Posts: 765
Joined: Tue Nov 30, 2010 6:47 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby The Producer M@ster » Sun Sep 18, 2011 5:27 pm

แนะนำให้ทำเป็น file แบบ pdf เลยครับ
เพราะภาพบางภาพลิงค์เสียด้วย
และอีกอย่างจะได้ใส่อ้างอิงข้อมูลง่ายๆหน่อย
User avatar
The Producer M@ster
 
Posts: 520
Joined: Wed Jul 29, 2009 10:43 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว ๒

Postby bird » Thu Sep 22, 2011 9:03 am

ว่าด้วยเรื่อง กองทุนน้ำมัน

“ อันดับแรก เราจะกระชากค่าครองชีพของพี่น้องลงมา ด้วยการยกเลิกกองทุนน้ำมัน
เอามั้ยค่าพี่น้อง “

หนึ่งในวาทกรรมหาเสียงของพรรคการเมือง ภายใต้การนำของหนึ่งนารี ที่ประกาศไว้
ต่อสาธารณชนเมื่อครั้งชุมนุมใหญ่ ณ สนามกีฬา ท่ามกลางสายฝน นับเป็นหนึ่งใน
นโยบายมหาประชานิยมที่ส่งผลให้ได้รับชัยชนะสมความปรารถนา
(ฝีปากล้วน ๆ หาใช่ฝีมือแต่ประการใด)

กองทุนน้ำมัน “ คืออะไร

กองทุนน้ำมัน “ หรือ “ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง “ เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล
ของ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน กองทุนน้ำมันจัดตั้งขึ้น
ด้วยวัตถุประสงค์ ใช้เป็นเครื่องมือของรัฐในการปัองกันภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมัน และ
ใช้รักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ ในกรณีที่ราคาน้ำมันในตลาด
โลกสูงขึ้น เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจและประชาชนให้
น้อยที่สุด

ในช่วงปี 2516 ทุกประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์น้ำมัน อันเนื่องมาจาก ราคาน้ำมัน
ในตลาดปรับตัวสูงขึ้นและหาซื้อได้ยาก ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมัน รวมทั้งใน
ประเทศไทย รัฐบาลในขณะนั้น (รัฐบาลนายก สัญญา ธรรมศักดิ์) คิดหาวิธีที่จะใช้เป็น
เครื่องมือง เพื่อแทรกแซงและควบคุมกลไกตลาดน้ำมัน เพื่อรักษาความมั่นคงภายใน
ประเทศ อีกทั้งเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน รัฐบาลจึงได้ออก

" พระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 "

วัตถุประสงค์ในพระราชกำหนดฯ ประกาศไว้ว่า

“ โดยที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ทวีสูงขึ้นเป็นลำดับ และน้ำมันดินที่จะซื้อได้มี
ปริมาณลดน้อยลง ซึ่งจะก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นในประเทศไทย
ฉะนัน เพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของประเทศและความผาสุกของประชาชน จำเป็น
ต้องดำเนินการแก้ไขและป้องกันภาวการณ์ดังกล่าวให้ทันต่อเหตุการณ์

ในการนี้นายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องมีอำนาจในการกำหนดมาตรการต่างๆ ได้โดยฉับพลัน
ไม่จำเป็นต้องให้กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ แยกปฏิบัติการตามกฎหมายที่มีอยู่


พระราชกำหนดฯ กำหนดอำนาจแก่นายกรัฐมนตรีในการออกมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกัน
และแก้ไขภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พระราชกำหนดนี้มีอายุเพียง 1 ปี แต่ได้มี
การออกพระราชกำหนดต่ออายุ จนกระทั่งปี 2520 จึงได้ตราพระราชกำหนดให้มีผลบังคับ
ใช้ต่อไปอย่างไม่มีกำหนดเวลา

ปี 2520 กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน โอเปค ปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบ รัฐบาลนายกธานนิทร์ กรัยวิเชียร
ปรับราคาขายปลีกในสัดส่วนที่น้อยกว่าราคาน้ำมันดิบ โดยใช้มาตรการลดอัตราภาษีผลิต
ภัณฑ์น้ำมันลงตามส่วนของต้นทุนน้ำมันดิบ ในส่วนของ น้ำมันเตา การลดอัตราภาษีไม่
พอเพียงกับต้นทุนราคาน้ำมันดิบ รัฐบาลจึงได้ใช้วิธีลดภาษีที่เก็บจากน้ำมันเบนซินมาก
กว่าต้นทุนที่เพิ่มและกันเงินส่วนนี้ไว้ใน กองทุน

โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดฯ ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 178/2520 ลงวันที่ 19
กันยายน 2520 เรื่อง การกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันส่งเงินเข้ากองทุนรักษาระดับราคาน้ำมัน
เชื้อเพลิง และการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ค้าน้ำมัน เพื่อจัดตั้งกองทุนรักษาระดับราคาน้ำ
มันเชื้อเพลิง โดยให้โรงกลั่นน้ำมันและผู้นำเข้าส่งเงินเข้ากองทุน เพื่อนำไปชดเชยให้ผู้
ค้าน้ำมันเตา

ในปี 2521 รัฐบาลนายกรัฐมนตรีพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้ประกาศเพิ่มค่าเงินบาท
ร้อยละ 1 ทำให้ผู้นำเข้าได้กำไรเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว รัฐบาลเห็นว่ากำไร
ส่วนนี้มิได้เกิดจากการดำเนินการ จึงได้มีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 206/2521 ลงวันที่ 29
ธันวาคม 2521 จัดตั้งกองทุนรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (เงินตราต่างประเทศ) และ
กำหนดให้ผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงส่งกำไรที่เกิดจากการเพิ่มค่าเงินบาทเข้ากองทุนดัง
กล่าว เพื่อเก็บไว้ใช้ทดแทนเมื่อราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น

ต่อมาในปี 2522 ประเทศผู้ส่งออกปิโตรเลียมได้ประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบถึง 4 ครั้ง
รัฐบาลนายกรัฐมนตรีพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ จึงเห็นควรให้หาวิธีการที่จะตรึงราคา
ขายปลีกของน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ โดยไม่ต้องปรับตามราคาน้ำมันดิบที่เปลี่ยน
ไปทุกครั้ง และอีกประการหนึ่งต้องการจะรวมกองทุนต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นเข้าเป็นกองทุน
เดียวกัน

จึงได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาด
แคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ สร. 0201/9 ลงวันที่ 27
มีนาคม 2522 จัดตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งได้รวมกองทุนรักษาระดับราคาน้ำมัน
เชื้อเพลิง ซึ่งตั้งตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 178/2520 ลงวันที่ 19 กันยายน 2520 กับ
กองทุนรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (เงินตราต่างประเทศ) ซึ่งจัดตั้งตามคำสั่ง
นายกรัฐมนตรีที่ 206/2521 ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2521 เข้าด้วยกัน กำหนดกฎเกณฑ์
การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ และชดเชยจากกองทุนฯ รวมทั้งการปฏิบัติใน
การส่งเงินเข้ากองทุนฯ และขอรับเงินชดเชยจากกองทุนฯ และกำหนดหน่วยงานที่
รับผิดชอบในส่วนต่างๆ

ต่อมาในปี 2534 รัฐบาลได้ยกเลิกการควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซิน
น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซล และ น้ำมันเตา โดยเหลือเพียงก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ
ก๊าซหุงต้ม หรือที่เรียกกันว่า LPG ที่ยังคงมีการควบคุมราคาอยู่ จนกระทั่งในปี 2544
ได้เปลี่ยนการควบคุมราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) มาเป็นแบบกึ่งลอยตัว โดย
กำหนดให้รัฐบาลควบคุมเพียงราคาขายส่ง ส่วนราคาขายปลีก และ ค่าการตลาด
ให้ผู้ค้าก๊าซเป็นผู้กําหนด แต่ยังให้หน่วยงานของรัฐ ได้แก่ สํานักงานนโยบายและ
แผนพลังงาน (สนพ.) และกรมการค้าภายใน มีหน้าที่กํากับดูแลมิให้มีการกําหนด
ราคาเพื่อเอาเปรียบผูบริโภค

คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 2/2546 ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ทำหน้าที่ในการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีหน้าที่ ดังนี้

1) กำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการคำนวณราคา และกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่
ทำในราชอาณาจักร ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร
2) กำหนดค่าการตลาดสำหรับการซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิง
3) กำหนดค่าขนส่งไปยังคลังก๊าซและค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาก๊าซ ณ คลังก๊าซ
ตลอดจนกำหนดราคาขายก๊าซ ณ คลังก๊าซเป็นราคาเดียวกันทุกแห่งทั่วราชอาณาจักร

4) กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนหรืออัตราเงินชดเชยสำหรับก๊าซที่ซื้อหรือได้มา
จากผู้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ซึ่งเป็นผู้ผลิตได้จากการแยกก๊าซ
ธรรมชาติในราชอาณาจักร น้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำในราชอาณาจักร น้ำมันเชื้อเพลิงที่นำ
เข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร น้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งออก น้ำมันเชื้อเพลิงที่จำหน่ายให้
แก่เรือเพื่อใช้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร และก๊าซหุงต้มที่จำหน่ายให้แก่ประชาชน

5) กำหนดชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุน หรือไม่ให้ได้รับเงินชดเชย
6) กำหนดราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นและคำนวณราคาขายปลีก
7) พิจารณากำหนดอัตราภาษีให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่าอัตราภาษีต่ำสุดและไม่สูงกว่าอัตรา
ภาษีสูงสุด
8) กำหนดให้โรงกลั่นแจ้งราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นต่อคณะกรรมการ
9) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามคำสั่งนี้
10) ปฏิบัติหน้าที่ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นผู้จัดการกองทุนโดยตำแหน่ง มีอำนาจหน้าที่จ่ายเงินกองทุน
ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 2/2546 โดยมีการออกระเบียบกระทรวงพลังงานว่าด้วยการ
ฝากและการเบิกจ่ายเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2546


รายรับของกองทุนน้ำมัน ประกอบด้วย อัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ของน้ำมันเชื้อเพลิง
ชนิดต่าง ๆ ตามประกาศของคณะกรรมการพิจารณานโยบายพลังงาน ซึ่งปรับเปลี่ยน
ตามดุลยพินิจในแต่ละรัฐบาล

รายจ่าย ที่กำหนดไว้ในระเบียบว่าด้วยการฝากและการเบิกจ่ายเงินกองทุน มีดังนี้

(๑) เป็นเงินจ่ายชดเชยตามอัตราที่คณะกรรมการกำหนด
(๒) เป็นเงินจ่ายคืนในกรณีนำส่งเกินอัตราที่กำหนดหรือไม่มีหน้าที่ต้องนำส่งเงินเข้า
กองทุน

(๓) เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน ภายในวงเงินประมาณการรายจ่ายประจำปีที่
คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการอนุมัติ ตามประเภทรายจ่าย ดังนี้
(๓.๑) ค่าจ้างชั่วคราว
(๓.๒) ค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ
(๓.๓) ค่าครุภัณฑ์
(๓.๔) ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการเห็นชอบ

(๔) เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใดๆ เพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลน
น้ำมันเชื้อเพลิง
(๕) เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใดๆ เพื่อให้การเก็บเงินเข้ากองทุนหรือการจ่าย
เงินชดเชยจากกองทุนเป็นไปอย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ
(๖) เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการเห็นชอบ

หนึ่งในนโยบายมหาประชานิยมของทีมบริหารภายใต้การนำของหนึ่งนารี อันเป็น
นโยบายแรกที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ แต่จะนานเพียงใด ผลประโยชน์ที่ประชาชน
ได้รับ เมื่อเทียบกับความเสียหายที่ประเทศอาจจะได้รับ คุ้มค่าหรือไม่

คงต้องปล่อยให้เวลาเป็นตัวตัดสิน

ขออนุญาติ ฝากตารางราคาขายปลีกน้ำมันไว้ให้วิเคราะห์ตามวิสัยทัศน์ของทุกท่าน
http://www.eppo.go.th/retail_changes.html
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron