เพราะไร้ซึ่งคุณธรรม ความชอบธรรมใดๆ ขัดต่อหลักศีลธรรมอันดีอย่างร้ายแรง
เข้าข่ายเป็นกบฏ(ตัวจริง) มวลชนที่เข้าร่วมก็น้อย
แถมมีบทบัญญัติเอาโทษได้ตามกฎหมาย
พยายามเข้าเถิดนะครบ ตายเกิดอีก10ครั้งก็ไม่สำเร็จ

บก.ลายจุด wrote:"ความเท่าเทียมไม่มีจริง"
ผมติดใจวรรคนี้ของคุณ jerasak คุณกำลังหมายถึงบริบทไหนกันครับ
โลกที่ทุกวันนี้มันไม่เท่าเทียมกัน หรือ หลัการที่ว่า มนุษย์นั้นเท่าเทียมกันเป็นเรื่องโกหก
ที่ถูกต้องคือ การประกาศและยอมรับ ก้มหัวต่อหลักการที่จริงแท้ว่า "ความเท่าเทียมเป็นเรื่องโกหก" กระนั้นหรือ ?
การที่ พธม หรือ พวกคุณต่อสู้กับทักษิณ เป็นเพราะคุณเชื่อว่า คนที่แข็งแรงกว่าคือผู้ที่มีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้ชนะ หรือ ว่าคุณถือหลัการเท่าเทียมกันในสังคม
คน ๆ หนึ่งทำสิ่งหนึ่งได้หากเขาแข็งแรงกว่า ในขณะที่คนที่ตัวเล็กกว่า อ่อนแอกว่ากระทำเช่นเดียวกับอีกคนไม่ได้
หลักความเสมอภาคไม่ได้อยู่ในระบบคิดของคุณดอกหรือ
หากโลกนี้มันช่างบิดเบี้ยว คุณทำยังไงกับความไม่เท่าเทียมของมัน
เอาตัวเองไปเป็นชนชั้นที่สูงกกว่า เกาะเกี่ยวสถานะหรือฝ่ายที่ได้เปรียบกว่ากระนั้นหรือ ?
วิญญูชนไม่ใช่เมื่อเห็นความไม่เสมอภาคเกิดขึ้นในสังคม แล้วเราช่วยกันทำให้ความเสมอภาคเกิดขึ้นดอกหรือ ?
โอ้....คุณเป็นคนประเภทไหน
ผู้เข้าใจโลกอย่างลึกซึ้งและก้มหัวให้กับความไม่เสมอภาค เท่าเทียม ในฐานะผู้พ่ายแพ้
หรือคุณเป็นพวกที่เข้าใจโลกอันไม่เท่าเทียมนี้ แล้วเอาตัวเองไปเป็นผู้กดขี่
เวลาคุณตะโกนอยู่หน้าม็อบ คุณตะโกนในฐานะกลุ่มคนผู้แข็งแรง อารยัน ซึ่งจะมาพิชิตพวกที่ต้องล้มตายไปในกฎของผู้แข็งแรงกว่าเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์มีชีวิตรอด
" ความเท่าเทียมกัน คือความเท่าเทียมกันในสิทธิ พื้นฐาน หลักประชาธิปไตย ก็ใช้ความเท่าเทียมกันในหลักนี้ เพราะ ประชาะปไตย ไม่สามารถทำให้ชนชั้นหายไปได้ ขนาดอเมริกา พอเลือกตั้งเรียบร้อยจะเกิดชนชั้นปกครองทันที เพราะ ประธานาธิบดีจะกลายเป้ฯผู้ปกครอง
กลับมาความเท่าเทียมกัน คุณและผมมีความเท่าเทียมกันในการมีชีวิตอยู่ไม่ว่าผู้ใดไม่สามารถพราก มันไปจากเรา คุณและผมมีสิทธิ์ในการสะสมทรัพยกรต่างๆ มีสิทธิ์ที่จะดำรงชีวิต และมีสิทธิ์ต่างในกรอบกฎหมายเดียวกัน"
ซากเดนความคิดที่พูดเต็มปากอย่างไม่ละอายใจว่า "คนไม่เท่ากับคน" บก.ลายจุด
halfmoon wrote:ตกลงไอ้เจียมสัก มันส่งไปรษณีย์บัตรไปให้ใครฟะ คุณฉิกตี๋ พลิกด้านหลังให้ดูหน่อยสิ ไม่งั้นก็ส่งไปทั่วประเทศเลย![]()
![]()
![]()
ผมเสนอว่ามารณรงค์ให้คนอย่าทำผิดกฎหมายโน่นนี่ให้เสียเวลาเลย
ทำผิดใหญ่ๆแม่งเลย กบฎรัฐประหาร ล้ม รธน.เลย ไม่ต้องถูกฟ้องศาล ไม่ต้องถูกประณาม ไม่ต้องขึ้นศาลแผนกคดีอาญานักการเมืองอะไรทั้งนั้น
ยุให้พวกทักษิณ รัฐประหารแม่งเลยครับ
ทุกอย่างมันวิปริตหมดแล้ว
มีฟ้องนักการเมืองทุกวัน
แต่รัฐประหารมา 2 ปี
เป็นนายกพระราชทาน เขายายเที่ยงปีนึง
คนวางแผนรัฐประหารอยู่เบื้องหลังอีก
ไม่มีความผิดใดๆทั้งสิ้น
(ที่วิปริต ชวนเศร้ามากๆสำหรับผมคือ บรรดา "ปัญญาชน" ทั้งหลาย ก็พลอยคิดวิปริตตามไปด้วยว่า ภาวะวิปริตนี้ เป็นเรื่องปกติ)
http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=704262
บก.ลายจุด wrote:โอ้...นี่ผมกำลังพูดอยุ่กับใครล่ะเนี่ย
พวกขุนนางกลับชาติมาเกิดหรือกระไร ?
ซากเดนความคิดที่พูดเต็มปากอย่างไม่ละอายใจว่า "คนไม่เท่ากับคน"
และควรยอมรับกับความไม่เท่าเทียมในสังคม ราวกับว่า ความไม่เท่าเทียมที่คุณพูดถึงนั้น เป็นความงดงามกระนั้นแหละ
โลกมนุษย์ฆ่ากันตายไปเท่าไหร่แล้ว เพื่อจะประกาศว่า "คนเท่ากับคน"
สงครามกลางเมืองในสหรัฐระหว่างเหนือ-ใต้ การปลดปล่อยคนสีผิวในอเมริกา
การปลดแอกจากจักวรรดิ์นิยมทั้งหลายที่ปกครองประเทศต่าง ๆ
แน่นอนว่าบางคนรวย บางคนจน
บางคนพิการ บางคนร่างกายสมบูรณ์
บางคนไร้การศึกษา บางคนเรียนจบ ดร
บางคนกินปลาทะเล บางคนกินปลาร้า
แต่ทุกคน ล้วนแล้วเป็นคนเสมือนกัน
การมองคนไม่เท่ากับคน
คือการทำลายหลักการสำคัญที่เรียกว่า "สิทธิมนุษยชน"
ซึ่งเคารพหลักการพื้นฐานของความเป็นมนุษย์
มนุษย์มีเสรีภาพในการคิด และ ตั้งคำถาม
นิคเช่ ยังประกาศว่า พระเจ้าตายแล้ว
หรือแม้แต่การตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของ พระผู้เป็นเจ้าว่า สิ่งนี้ดำรงอยู่หรือเคยมีอยู่จริงหรือไม่
ผมไม่ได้พูดถึงความไม่เท่าเทียมของสถาบันใด
แต่ผมพูดถึงหลักการว่าด้วยความเสมอกันของความเป็นมนุษย์
การเคารพนับถือใครนั้น ผมไม่เคยขัด
แต่เราต้องไม่ทำลายหลักการพื้นฐานสำคัญนี้
นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ยังได้ แสดงตัวอย่างให้ดู ว่า การไม่กระจอกและขี้ลืมนั้นทำอย่างไร
ด้วยการเสนอให้นายแดน ริเวอร์ส ไปกราบบังคมทูลขอพระราชทานสัมภาษณ์ สมเด็จพระเทพฯ เพื่อกราบบังคมทูลถามเหตุผลที่พระองค์ทรงกล่าวสดุดีเกียรติคุณลูกเสือชาวบ้านที่เสียชีวิตจากการเข้าร่วมการบุกเข้าไปในธรรมศาสตร์เมื่อ 6 ตุลา 2519 ทั้งยังแนะนำให้นายแดนกราบบังคมทูลถามว่า ในปัจจุบัน สมเด็จพระเทพฯ ยังคงยืนยันพระราชดำรัสดังกล่าวหรือไม่ ที่เชิดชูการกระทำของผู้ที่บุกเข้าไปในธรรมศาสตร์เมื่อ 6 ตุลา 2519
นอกจากนี้ยังแนะนำให้นายแดนขอสัมภาษณ์ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกรัฐมนตรีหลัง 6 ตุลา 2519 และ ปัจจุบันเป็นองคมนตรี ซึ่งเคยมีบทบาทก่อน 6 ตุลา 2519 ในการปลุกระดมทางทีวีเพื่อต่อต้านนศ. ไม่ต่างจากนายสมัคร ทั้งหลังเหตุการณ์ดังกล่าวก็เข้ารับตำแหน่งนายกฯ และทำการปราบปรามผู้รอดชีวิตจาก 6 ตุลา 2519 อีก โดยแนะนำให้นายแดนถามนายธานินทร์ว่า รู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเช้าวันนั้น (เช้าวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519)
อันที่จริงแล้ว เมื่อ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เห็นว่า นายแดน ริเวอร์ส ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น สัมภาษณ์ผิดคนก็สามารถเขียนจดหมายไปแนะนำนายแดนด้วยตนเองได้ อีกทั้งยังสามารถทำเป็นจดหมายเปิดผนึกถึงสื่อมวลชนทุกประเภทเพื่อแสดงความ เห็นดังกล่าวได้ ซึ่งนายแดนและคนอื่นๆ จะได้รับทราบความเห็นของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และจะได้ตอบความคิดเห็นดังกล่าวตามแนวความคิดของแต่ละคน
แต่การที่นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ใช้ วิธีการแบบซ่อนเล่ห์ ด้วยการ ด่ากราดรอบวง ด้วยคำเหยียดหยามประเภท "กระจอก" และ "ขี้ลืม" ต่อบรรดาผู้ที่กำลังวิจารณ์นายสมัคร ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศคนปัจจุบัน เพื่อแฝงเร้นนำเสนอการอวด ความเฉลียวฉลาดและกล้าหาญแบบสุนัขจิ้งจอก โดยชี้ว่าควรไปสัมภาษณ์คนที่นายสมศักดิ์ระบุอ้อมๆ ว่าเป็น "นายตัวจริง" ของนายสมัครเมื่อสมัย 6 ตุลา 2519 ออกจะเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วไปในแวดวงวิชาการเขาไม่กระทำกัน
ในงานชิ้นหลายชิ้น รวมถึง "เราสู้" ของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการทำงานศึกษาค้นคว้ารายละเอียดของหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์จำนวนมากอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ และด้วยจิตใจที่รักความจริง
แต่ในระยะหลังๆ นี้ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กลับละทิ้งความสามารถดังกล่าว และพยายามแสดงตนเป็นสิ่งที่ตนไม่เคยเป็นมาจริงเลย ทั้งในอดีต-ปัจจุบัน และแม้ในอนาคต คือการเป็น ศาสดาเจ้าลัทธิ หรือ ผู้ชี้นำการปฏิวัติสังคม
นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล น่าจะศึกษาประวัติศาสตร์การปฏิวัติของมนุษยชาติยุคต่างๆ ด้วยความเข้าใจผิดที่สำคัญบางอย่าง และความเข้าใจผิดดังกล่าวได้ทำให้ลูกหลานที่ดีของปวงชนไทยคนหนึ่ง ถลำไปเป็น ผู้เชิดชูลัทธิบูชาบุคคล และแสดงตนเป็น เทวดาผู้ไม่เคยชี้แนะผิดพลาด ซึ่งคอยด่ากราดบรรดาผู้คนร่วมแวดวงต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของปวงชนไทย เพียงเพื่อขับเน้นรัศมีแห่งความเฉลียวฉลาดและอัจฉริยภาพของตน
แน่นอนว่า นักวิชาการ ก็มีธาตุเช่นเดียวกับ ศิลปิน หรือ ผู้ผลิตงานสร้างสรรค์ อื่นๆ คือ ความโรแมนติค-อ่อนไหว และ ความโน้มเอียงที่หมกมุ่นอยู่ในโลกส่วนตัว
แต่นั่นก็เป็นการท้าทายจากภายในของตนเอง ในการต่อสู้เพื่อรักษาสมดุล ระหว่าง ความอหังการส่วนตน กับ ความเคารพต่อสังคม ระหว่าง ชัยชนะส่วนตัว กับ ชัยชนะของปวงชน ระหว่าง ความสำเร็จ-ความพึงใจส่วนตน กับ มิตรภาพ-ความสามัคคีในขบวนสู้รบที่ปฏิวัติ
ขอนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้กรุณาทบทวนความคิดของตนในระยะหลายปีนี้อีกครั้ง เราทุกคนเอาใจช่วยเพื่อให้นักวิชาการผู้กล้าหาญได้หวนกลับคืนสู่อ้อมกอดของปวงชนอีกครั้งหนึ่ง
อาจารย์ ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กูรู และตำรวจความคิดประจำเว็บบอร์ดการเมือง (web board guru & thought police) ผู้วิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านฝ่ายพันธมิตร- เครือผู้จัดการ-ตุลาการภิวัตน์- รัฐประหาร-การยุบพรรคไทยรักไทย-รัฐธรรมนูญ 2550 - ฝ่าย "สองไม่เอา" ฯลฯลฯลฯลฯ อย่างเกรี้ยวกราดดุร้าย ดื้อรั้นเถรตรง ไม่ฟังอีร้าค้าอีรม และเอาการเมืองนำวิชาการเสมอมา ตามที่ปรากฏค่อนข้างสม่ำเสมอในเว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน,ประชาไท และที่อื่นๆ ดูตัวอย่างใน "ปัญญาชน 14 ตุลา พันธมิตร และแอ๊กติวิสต์ "2 ไม่เอา" รัฐประหาร 19 กันยา : รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน, 2550), หน้า 382 - 430.
สมศักดิ์ เจียมฯ"-ไอ้หัวโตฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ เผาหนังสือเป็นว่าเล่น, ตำนานไอ้หัวโตบ้าบอฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์
พ่อเคยเล่าให้ฟังว่ามีรุ่นพี่คนหนึ่งที่สวนกุหลาบชื่อว่าสมศักดิ์ เจียมฯเพื่อนๆเรียกว่า"ไอ้หัวโต"
มีอยู่ปีหนึ่งมันทำหนังสือรุ่นท้าทายครูบาอาจารย์ชื่อศึกขึ้นมาพร้อมๆกับหนังสือรุ่นของจริงมีเนื้อหาฝักไฝ่คอมมิวนิสต์และมันเผาหนังสือรุ่นฉบับจริงที่ผลิตออกมาทุกป
ีพร้อมกับปลุกระดมให้นักเรียนสวนกุหลาบทะเลาะกันเอง พ่อบอกว่ามันบ้าๆบอๆเป็นไอ้คอมมิวนิสต์ที่คลั่งลัทธิ
อย่างหนัก ปลุกปั่นให้นักเรียนกระด้างกระเดื่องต่อโรงเรียนและรัฐบาล มันกับเพื่อนติงต๊อง
ของมันบ้าๆบอๆไปวันๆจนถึงขั้นบรรลุจุดสุดยอดแห่งลัทธิคอมมิวนิสต์ มันกระสันต์อยากล้มเจ้า
มากกระทั่งเวลามันสอนหนังสือมันก็แทรกเนื้อหาล้มเจ้าไปด้วย แม้กระทั่งลูกศิษย์ปริญญาโทของมัน
มาสอนวิชาสหวิทยาการณ์ให้กูที่ธรรมศาสตร์ยังคลั่งลัทธิตามอาจารย์หัวโตของมันสอดแทรกเคล็ด
วิชาล้มเจ้าเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะหลอดยาสีฟันเอย เศรษฐกิจพอเพียงเอย เหมือนกับเป็นคาถาลัทธิที่
มันท่องมาจากไอ้หัวโตสมศักดิ์ เจียมฯ ทำให้ลัทธิคอมมิวนิสต์หัวเอียงซ้ายยังไม่ตายไปจากธรรมศาสตร์
ตราบใดที่ไอ้หัวโตสมศักดิ์ เจียมฯมันยังมีชีวิตอยู่
Canthai wrote:หัวโต
มีคนชอบคิดว่าผมเป็น "แคน สาริกา" นักเขียนในค่ายเนชั่นหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่หรอก
แคน ไทเมือง ก็คือ แคน ไทเมือง เป็นชาวนาแก่ๆ ที่บ้านหนองแคน
ผมสัมผัสสหาย ระดับลึกจริง ๆ น้อยมากครับ ยกเว้น "สหายขวาน" นอกนั้นก็ผ่าน ๆ พยักหน้าให้กัน
ผมเรียนมาจากคณะที่สมศักดิ์ เจียมคงไม่มีปัญญาเอ็นติด ช่วงที่เค้าต่อสู้ 14 ตุลา 16 ผมจบมาปีเศษแล้ว
โตมากับยุคแสวงหา ยุคสังคมศาสตร์ปริทรรศน์ ตอนเรียนก็ไปทำหนังสือที่โรงพิมพ์สมาคมสังคมศาสตร์นั่นแหละ
เพื่อนผมมีทั้งซ้าย มีทั้งขวา มีทั้งเสรีนิยม ทั้งคอมมูนิสต์ สมัย 6 ตุลา 19 ก็เข้าไปทำข่าวในห้องประชุมของศูนย์นิสิตบ่อย ๆ ซึ่งมีหนังสือพิมพ์รายวันไม่กี่ฉบับหรอกที่เข้าไปในนั้นได้ ( รู้สึกจะอยู่ตึกนิติชั้น 2 )
แต่นักข่าวรุ่นน้องผมที่ร้องไห้ส่งเสียงโฮ โฮ... วันที่ 6 ตุลา 19 ทันทีที่เห็นข่าวช่อง 9 ในวันที่ 6 ตุลาคมปีนั้น
เดี๋ยวนี้กลายเป็นลิ่วล้อทักษิณ ตรงข้ามพันธมิตร ( เดี๋ยวนี้ระดับหัวหน้าข่าวหน้า 1 ยักษ์ใหญ่หัวเขียว )
ส่วน "หัวโต" นั้นตอน 14 ตุลา 16 น่าจะอายุ 15 ปี ช่วงนั้นตลาดหนังสือฝ่ายซ้ายเปิดมาก วางขายกันเกร่อ
ตอนนั้นหัวโตน่าจะเพิ่งเสียงแตก นมเพิ่งแตกพาน...ผมทำงานแล้ว เรียนจบเป็นบัณฑิตแล้ว
หนังสือแปล หนังสือไม่แปล มีขายกันเกลื่อน หัวโตคงได้สัมผัสคำว่า "ซ้าย" ในยุคนั้น
อย่าบอกว่าสนใจคอมมูนิสต์มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะครอบครัวเชื่อเช่นนั้นนะ
แต่ด้วยสาขาที่เรียน ทำให้ต้องอ่านมาก ทำงานมาก คุยกับอาจารย์มาแทบทุกคณะ สัมผัสการอภิปรายในมหาวิทยาลัยแทบทุกงาน
ผมโตมาจากจังหวัดทางภาคอีสาน ฟังวิทยุเสียงประเทศไทย(ปักกิ่ง) คุยกับคอมมูนิสต์เวียตนาม โตทันตอนแคมป์ทหารอเมริกัน
ดูหนังกลางแปลงจากยูซีส...
ต้องบอกว่าห้วง 14 ตุลาคม 2516 นั้นผมโตเต็มวัย ทำงานแล้วครับ แต่หัวโตยังคงเป็นแค่ดักแด้ ในรังไหม
เพื่อนผมในจังหวัดเป็นอาจารย์แล้วออกป่าต่อสู้ในเขตงานบุณฑริก ก็โดนเพื่อนที่จบสามพรานยิงตาย...มันไม่น่าอภิรมย์ซักเท่าไหร่
ที่เพื่อนเรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ต้องหยิบอาวุธขึ้นมาประหัตประหารกัน ให้ตายไปอย่างโง่ ๆ
แม่ของเพื่อนผมที่ถูกยิงตาย ก็สร้างนิยายหลอกตัวเองว่า "ลูกชายยังไม่ตาย" จนแม่เสียชีวิตเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ต้องบอกอีกทีว่า ผู้คนในเสรีไทยเว็บบอร์ด มีคนที่ร่วมต่อสู้ใน 14 ตุลา 16 อีกหลายคน
อย่าเที่ยวดูถูกผู้คนเค้าไปทั่ว...ผู้คนเค้าขี้เกียจตอบโต้ เพราะมันเข้าทางหัวโต...โต้แย้งในเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์
เมื่อรักจะเชื่อในทางของตนเอง โดยไม่ฟังเหตุผลคนอื่นก็ต้องปล่อยไป ไม่พูดในเรื่องที่ยอมกันไม่ได้
ก็ต้องบอกอีกครั้งว่า ในความหลากหลายของความคิด เราก็อยู่ร่วมกันได้ ไม่ต้องทะเลาะกันในเรื่องที่ไม่มีใครอยากพูด
อย่าคิดว่าคนอื่นรู้ไม่เท่าทันหัวหงอก ๆ แบบคุณ
เลิกเถอะครับ...มันไม่เกิดผลในเว็บนี้หรอก
ความรู้เรียนทันกันหมด...
โชคดีอย่างหนึ่งคือ ถึงผมจะแก่กว่าคุณ แต่ผมบนหัวยังไม่หงอกเลย ผมคงโชคดีกว่าคุณนิดนึงมั๊ง
jerasak wrote:สมศักดิ์ เจียม wrote:Prinz_Bismarck wrote:ให้เครดิตแก่คุณ jerasak นะครับ เพราะผมถามเขาทางหลังไมค์แต่แนะนำว่า คุณ Prinz_Bismarck ไม่ต้องคิดมาก
ถึงอย่างไรคนกลุ่มนี้ก็ต้องหาเรื่องไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ
...
ว่าแต่เขาจะเถียงประเด็นไหนแน่ "วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้"
หรือว่า "ตรวจสอบไม่ได้" ครับ?
เพราะแน่นอนว่าโครงการพระราชดำริวิพากษ์วิจารณ์ได้
แต่ผู้วิพากษ์วิจารณ์ควรเข้าใจด้วยว่ากำลังวิพากษ์วิจารณ์
การทำงานเจ้าหน้าที่ วิพากษ์วิจารณ์กระบวนการทำงาน-
ของโครงการ หรือจะวิพากษ์วิจารณ์แนวพระราชดำริ
ถ้าวิพากษ์วิจารณ์เ้จ้าหน้าที่ หรือการทำงานของโครงการ
ก็เหมือนกับวิพากษ์วิจารณ์คนทั่วไป โครงการทั่วไปครับ
สามารถไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย
แต่ถ้าจะวิพากษ์วิจารณ์แนวพระราชดำริ ก็ควรระมัดระวัง
เรื่องแสดงความเห็นหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายฯ
ซึ่งเป็นเรื่องที่มีกฎหมายห้ามไว้
...
คนที่จะตอบโต้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อที่สุดก็เห็นมีแต่คุณ jerasak เท่านั้น
อย่างที่เขียนมานี้น่ะหรือครับ เรียกว่า "สมน้ำสมเนื้อ"
โธ่เอ๋ย
อันนี้่ ฝ่ากท้าไปถึงคุณจีรศักดิ์ ตรงๆ
ออกมา "หน้าไมค์" ดีกว่าครับ ไปหลบๆซ่อนๆ อยู่ข้างหลังทำไม
...
ขอท้าให้ออกมาหน้าไมค์ดีกว่าครับ ไปมุดหลบแต่หลังไมค์ ให้คนอื่นออกหน้า มา "หน้าแตก" ทำไม??
(ปล. เห็นมีการศึกษา อ่านเว็บระดับ bi-lingual แบบ fringer นะครับ ท่าทางก็เหมือนมีการศึกษา แต่ไหง ไม่รู้จัก ยอมรับเมื่อเถียงไม่ได้ หรือ ให้ดีกว่านั้น ไม่รู้จัก คิดอะไรให้มีลักษณะ critical กว่านี้ครับ แล้วแทนที่จะช่วย "โปรดสัตว์" ทำให้คนแถวนี้ มีความฉลาด หรือ ความรู้จักยอมรับ เผชิญความจริง มากขึ้น กลับ set ตัวอย่างไม่ดี แบบ รู้ แต่เอาสีข้างเข้าถู แบบนี้ ล่ะครับ?)
อ.สมศักดิ์ ครับ![]()
ข้อความของผมที่คุณ Prinz_Bismarck นำมาโพสต์
ผมไม่ได้ตั้งใจคุยกับใครนอกจากคุณ Prinz_Bismarck
ซึ่งปกติจะมีสมาชิกคุยหลังไมค์กับผมว่าไปเห็นประเด็น
เรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วถามว่าผมมีความคิดเห็นอย่างไร
ผมไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามีการพูดคุยกันที่ไหน เพราะปกติ
มักจะมาจาก ประชาไท ฟ้าเดียวกัน หรือ พันทิป
การที่ อ.สมศักดิ์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อความของผม
ทำนองว่าผมหลบๆซ่อนๆ มุดหลบแต่หลังไมค์ให้คนอื่น-
ออกหน้าแล้วท้าให้ผมออกมาหน้าไมค์นั้น แสดงให้เห็น
ถึงความมีอคติคิดจินตนาการแต่เรื่องร้ายให้คนอื่นของคุณ
ทั้งที่ตัวคุณเองมีข้อมูลเพียงนิดเดียว จากข้อความบางส่วน
ที่ผมคุยกับคุณ Prinz_Bismarck ทางหลังไมค์เท่านั้น
และผมไม่ได้ตั้งใจจะคุยอะไรกับคุณเลย![]()
แค่เพียงการวิพากษ์วิจารณ์ ดูหมิ่น หมิ่นประมาทตัวผม
โดยมีอคติ ใช้จินตนาการด้านลบในกระทู้นี้ก็แสดงให้เห็น
มาตรฐานของ อ.สมศักดิ์ แล้ว ซึ่งผมเองที่เป็นคนธรรมดา
ก็ยังลำบากหากจะพิสูจน์ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ว่าไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่คุณกล่าวหา แล้วถ้าเป็นระดับ
บุคคลสำคัญสูงสุดของประเทศจะลำบากขนาดไหน?
...
มีคำกล่าวที่มีชื่อเสียงว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
ผมอยากขยายความว่า "จินตนาการอันตรายกว่าความรู้"
หากจินตนาการนั้นเกิดขึ้นจากอคติ หากเราไม่ระมัดระวัง
ความคิดของเรา มันจะกำหนดการกระทำของเรา และ
ในที่สุดมันจะกำหนดชะตากรรมของเรา![]()
...
อ.สมศักดิ์ เป็นคนฉลาด จบปริญญาตรีได้เกียรตินิยม
และยังได้ร่ำเรียนจนจบปริญญาเอก จากต่างประเทศ
สมควรบริหารความฉลาดให้เกิดประโยชน์ทางวิชาการ
ไม่ใช่มาโพสต์กระทู้ยั่วคนอื่นเล่น แล้วนำเอาไปอวด-
เพื่อนในบอร์ดกลุ่มตัวเองเหมือนเด็กไม่มีอะไรทำแบบนี้
อ.สมศักดิ์เองมีประสบการณ์การสอน การบรรยายและ
งานเขียนทางวิชาการ ที่มากมายกว่าผมหลายเท่านัก
ซึ่งผมเองเคยได้ติดตามศึกษางานชิ้นที่ดีๆ มาหลายชิ้น
กลับไปทำงานวิชาการเถอะครับ อย่าเสียเวลาเปลืองตัว
เปลืองสมอง เล่นอะไรแบบนี้จะดีกว่าไหม?![]()
...
ที่ อ.สมศักดิ์ โพสต์ตลอดเวลาว่าไม่มีใครคุยกับคุณ
ในประเด็นที่คุณอยากคุย ผมเคยตอบไปตั้งแต่ต้นว่า
ตามมารยาท อย่าชวนใครคุยในเรื่องที่เขาไม่อยากคุย
ถ้าผมชวน อ.สมศักดิ์ ร่วมกันเชิดชูถวายพระเกียรติ
สถาบันพระมหากษัตริย์ อ.สมศักดิ์ อยากร่วมกับผม
ไหมล่ะครับ และถ้าผมตั้งกระทู้ที่บอร์ดกลุ่มของคุณ
ชักชวนให้เชิดชูสถาบัน คิดว่าคนที่นั่นจะคุยในประเด็น
ที่ผมตั้งกระทู้ไหมครับ?![]()
...
แนวคิด อ.สมศักดิ์ กับผมไม่เหมือนกันครับ คุณจะบอก
ว่าผมโง่หรือบ้าอย่างไรก็ตาม แต่ผมมีความคิดความเชื่อ
ของผมเองว่า "ความเท่าเทียมไม่มีจริง" ซึ่งไม่เฉพาะกับ
ประเทศไทยแต่เป็นความจริงเชิงประจักษ์ทุกสังคมทั่วโลก
*ดังนั้นที่คุณพยายามบอกว่าสถาบันฯ สมควรวิจารณ์ได้
เหมือนบุคคลธรรมดา ผมจึงไม่เห็นด้วยโดยสิ้นเชิง*
และข้อผิดพลาดในกระทู้นี้เกี่ยวกับความสับสนในประเด็น
"การวิพากษ์วิจารณ์" กับ "การด่าทอ ดูหมิ่น หมิ่นประมาท"
ผมก็ได้ชี้ให้เห็นชัดเจนแล้ว ถ้า อ.สมศักดิ์ ไม่สามารถจะ
วิพากษ์วิจารณ์โดยถวายความเคารพด้วย นั่นก็เป็นปัญหา
ของตัวคุณเอง ไม่ใช่ที่กฏหมายมาตรา 112 หรอกครับ![]()
...
ปล. คุณสฤณี เจ้าของเว็บ fringer ผมถือเป็นเพื่อนรุ่นน้อง
ที่มีความคิดอ่านดีๆ... ที่สำคัญรู้จักคุยในเรื่องที่น่าสนใจ
ไม่น่าเบื่อหน่ายเหมือนอาจารย์บางคนครับ
"และข้อผิดพลาดในกระทู้นี้เกี่ยวกับความสับสนในประเด็น "การวิพากษ์วิจารณ์" กับ "การด่าทอ ดูหมิ่น หมิ่นประมาท" ผมก็ได้ชี้ให้เห็นชัดเจนแล้ว ถ้า อ.สมศักดิ์ ไม่สามารถจะวิพากษ์วิจารณ์โดยถวายความเคารพด้วย นั่นก็เป็นปัญหา
ของตัวคุณเอง ไม่ใช่ที่กฏหมายมาตรา 112 หรอกครับ"
คิคิ wrote:ไอ้หงอกเจียม กับ ไอ้หงอกสุนัข เอ้ย สุนัย ไม่ต่างกันเลย 55555 [/size][/color]
enjoy wrote:เรียกสาวๆข้างๆบ้านมาดูว่านี่ไงไอ้หัวโตชอบหมิ่น
สาวๆข้างห้องร้องยี้!!!!!!!!!!!
พวกเธอเอาน้ำล้างตาด้วยนะบอกเดี๋ยวเป็นเสนียนติดตา หัวเราะขำไอ้หัวโตกันใหญ่
ได้นิ้วกลางด้วยนะคนที่ยกให้สวยด้วยขอบอก![]()
5555 ทุเรสเวทนาไอ้หัวโตสมศักดิ์
ปีนึงหัวโตขึ้นทุกๆกี่นิ้วก็ไม่รู้เครียดจัด
ใครรู้ตัวเองว่าเอี้ยหัวโตยกมือขึ้น![]()
สมศักดิ์ เจียม wrote:ข้างล่างนี้ ผม ยก มาเล่นๆ ให้เห็น (ซึี่งความจริง ควร obvious) ว่า พวกคุณผู้จงรักภักดี ไม่มีความสามารถในการโต้แย้งอย่างไร
ไม่มี ประเด็น ไม่มี taste
แต่ผมก็โอเคนะ
ในสังคมสมัยใหม่ อะไรๆที่มีลักษณะสาธารณะ ก็ควรวิจารณ์ได้ทั้งนั้น อะไรๆก็ควรสามารถอภิปรายกันได้
ผมมาโพสต์ความเห็นสาธารณะ คุณไม่ชอบ ก็ด่ามา ผมไม่ว่าอะไร
นักการเมือง แสดงความเห็นในสาธารณะ ใช้เงินงบประมาณของสาธารณะ ก็ว่ากัน วิพากษ์กัน ด่ากัน กระทั่งเอาผิดกัน ก็ไม่เห็นใครว่าอะไร
(แม้ว่า ถ้าในตัวอยา่ง rep ที่ยกมา ควรจะมีประเด็นและ taste กว่านี้)
อะไรๆ ก็สามารถมีความรู้สึก "2 ด้าน" ทั้ง รัก และ เกลียด ได้
ที่แปลกคือ สำหรับผู้จงรักภักดี
ในจักรวาลนี้ สถาบันกษัตริย์ เป็นสิ่งเดียวที่ห้ามมีความรู้สึกและแสดงออกอย่างอื่นนอกจาก "รัก / เทอดทูน" ฯลฯ
ถ้ามีความรู้สึกอย่างอื่น แสดงออกอย่างอื่น จะโดนเล่นงานทันที ด้วยโทษแรงๆ
ไม่รู้สึกประหลาดในจักรวาลหรือครัีบ?
ผมถือโอกาส "ลา" สำหรับวันนี้ และอาจจะกระทู้นี้ด้วย เพราะเท่าทีเ่ห็น คงยากที่จะมีใครมีความสามารถพอจะโต้แย้งประเด็นด้วยเหตุผลและข้อมูลได้ น่าละอายครับ น่าละอายจริงๆ
(ศตวรรษที่ 21 แล้วนะครับ เชื่ออะไร โดยไม่สามารถ defend ด้วยเหตุด้วยผล ขนาดนี้ได้อย่างไรครับ?)คิคิ wrote:ไอ้หงอกเจียม กับ ไอ้หงอกสุนัข เอ้ย สุนัย ไม่ต่างกันเลย 55555 [/size][/color]enjoy wrote:เรียกสาวๆข้างๆบ้านมาดูว่านี่ไงไอ้หัวโตชอบหมิ่น
สาวๆข้างห้องร้องยี้!!!!!!!!!!!
พวกเธอเอาน้ำล้างตาด้วยนะบอกเดี๋ยวเป็นเสนียนติดตา หัวเราะขำไอ้หัวโตกันใหญ่
ได้นิ้วกลางด้วยนะคนที่ยกให้สวยด้วยขอบอก![]()
5555 ทุเรสเวทนาไอ้หัวโตสมศักดิ์
ปีนึงหัวโตขึ้นทุกๆกี่นิ้วก็ไม่รู้เครียดจัด
ใครรู้ตัวเองว่าเอี้ยหัวโตยกมือขึ้น![]()
kingkong wrote:สมศักดิ์ เจียม wrote:ข้างล่างนี้ ผม ยก มาเล่นๆ ให้เห็น (ซึี่งความจริง ควร obvious) ว่า พวกคุณผู้จงรักภักดี ไม่มีความสามารถในการโต้แย้งอย่างไร
ไม่มี ประเด็น ไม่มี taste
แต่ผมก็โอเคนะ
ในสังคมสมัยใหม่ อะไรๆที่มีลักษณะสาธารณะ ก็ควรวิจารณ์ได้ทั้งนั้น อะไรๆก็ควรสามารถอภิปรายกันได้
ผมมาโพสต์ความเห็นสาธารณะ คุณไม่ชอบ ก็ด่ามา ผมไม่ว่าอะไร
นักการเมือง แสดงความเห็นในสาธารณะ ใช้เงินงบประมาณของสาธารณะ ก็ว่ากัน วิพากษ์กัน ด่ากัน กระทั่งเอาผิดกัน ก็ไม่เห็นใครว่าอะไร
(แม้ว่า ถ้าในตัวอยา่ง rep ที่ยกมา ควรจะมีประเด็นและ taste กว่านี้)
อะไรๆ ก็สามารถมีความรู้สึก "2 ด้าน" ทั้ง รัก และ เกลียด ได้
ที่แปลกคือ สำหรับผู้จงรักภักดี
ในจักรวาลนี้ สถาบันกษัตริย์ เป็นสิ่งเดียวที่ห้ามมีความรู้สึกและแสดงออกอย่างอื่นนอกจาก "รัก / เทอดทูน" ฯลฯ
ถ้ามีความรู้สึกอย่างอื่น แสดงออกอย่างอื่น จะโดนเล่นงานทันที ด้วยโทษแรงๆ
ไม่รู้สึกประหลาดในจักรวาลหรือครัีบ?
ผมถือโอกาส "ลา" สำหรับวันนี้ และอาจจะกระทู้นี้ด้วย เพราะเท่าทีเ่ห็น คงยากที่จะมีใครมีความสามารถพอจะโต้แย้งประเด็นด้วยเหตุผลและข้อมูลได้ น่าละอายครับ น่าละอายจริงๆ
(ศตวรรษที่ 21 แล้วนะครับ เชื่ออะไร โดยไม่สามารถ defend ด้วยเหตุด้วยผล ขนาดนี้ได้อย่างไรครับ?)คิคิ wrote:ไอ้หงอกเจียม กับ ไอ้หงอกสุนัข เอ้ย สุนัย ไม่ต่างกันเลย 55555 [/size][/color]enjoy wrote:เรียกสาวๆข้างๆบ้านมาดูว่านี่ไงไอ้หัวโตชอบหมิ่น
สาวๆข้างห้องร้องยี้!!!!!!!!!!!
พวกเธอเอาน้ำล้างตาด้วยนะบอกเดี๋ยวเป็นเสนียนติดตา หัวเราะขำไอ้หัวโตกันใหญ่
ได้นิ้วกลางด้วยนะคนที่ยกให้สวยด้วยขอบอก![]()
5555 ทุเรสเวทนาไอ้หัวโตสมศักดิ์
ปีนึงหัวโตขึ้นทุกๆกี่นิ้วก็ไม่รู้เครียดจัด
ใครรู้ตัวเองว่าเอี้ยหัวโตยกมือขึ้น![]()
ไม่ประหลาดหรอกครับ เพราะคนเราต่างก็มีจักรวาลของตนเองทั้งนั้น รวมถึงตัวคุณเองก็มีจักรวาลของตัวคุณเอง เพียงจักรวาลของคุณมันผิดที่ผิดทางไปหน่อย เพราะมันไปเหลื่อมล้ำจักรวาลคนอื่น ที่คุณพยายามป่าวประกาศหน่ะมันไม่ผิดหรอกครับ เพียงแต่มันไปทำให้ความรู้สึกของคนอื่นเขาแย่ ก็คงไม่ต่างจากมีคนมาบอกคนอื่นๆว่าพ่อคุณว่ามีเมียน้อย หรือ ด่าแม่คุณว่ามีหลายผัว นั้นแหละครับ ซึ่งอาจเป็นเรื่องจริงหรือไม่เราก็ไม่ทราบแต่ที่แน่ๆคือคุณไม่พอใจใช่ไหมครับ แต่ถ้าคุณพอใจก็จบประเด็นไป แต่ถึงอย่างไรผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า การที่เราพยายามยัดเยียดความรู้สึกที่ไม่ดีของเราที่เกลียดสิ่งหนึ่งไปใส่หัวคนที่รักสิ่งนั้นมันจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าคุณบอกว่า คุณสำเร็จความไคร่แบบนี้ ผมคงยอมรับนะครับ แต่ถ้าไม่ใช่ คุณต้องถามตัวเองว่า จิตปกติรึเปล่านะครับ
ปล.ยืนยันครับว่าถ้าผมเจอคุณผมขอท้าชกนะครับ