pygmy_hippo wrote:
บก.ลายจุด wrote:และแน่นอน เขามีสิทธิ์ในการเป็นพลเมือง เพื่อกำหนดทิศทางประเทศ โดยการใช้สิทธิ์ทางการเมือง และไม่ว่าเขาจะรวย หรือ จน หรือ นามสกุลอะไร พวกเขาเสมอกัน
เมื่อวันหนึ่ง เขาเกิดความขัดแย้งพิพาก กับคู่กรณี กฎหมายจะคุ้มครองเท่าเทียมกับคู่กรณี
หากวันหนึ่ง เขาถูกนักการเมือง พ่อค้าผู้รำรวย รังแก เขามิต้องก้มหัวและยอมรับว่า ตนเองมีความเป็นคนน้อยกว่าพวกชนชั้นสูงเหล่านั้น
นี่คือ คนเท่ากับคน ในทัศนะผม
Minerva wrote:แต่มหาลัยกูไม่ได้สอนให้กูเป็นทาส หรือเป็นขี้ข้าใครหวะ ถึงเป็นข้า ก็เป็นข้าประชาชน แล้วมหาลัยกูมันเสรีกว่ามึงไงไอ้สัต
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เค้ารู้ไปหมดทุกเรื่อง ประเด็นมันอยู่ที่เค้าต้องการจะอภิปรายด้วย สิ่งสำคัญมันอยู่ที่มึงได้คิดวิเคราะห์
แต่ถ้าสมองมึงมันไม่เปิดรับ ก็ช่างหัวมึง
ผมว่านะ ตอนนี้อาจารย์สมศํกดิ์ กะลังพิสูจ ว่า ควายมันฟังเสียงซอไม่รู้เรื่องจริงๆหวะ
Minerva wrote:แต่มหาลัยกูไม่ได้สอนให้กูเป็นทาส หรือเป็นขี้ข้าใครหวะ ถึงเป็นข้า ก็เป็นข้าประชาชน แล้วมหาลัยกูมันเสรีกว่ามึงไงไอ้สัต
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เค้ารู้ไปหมดทุกเรื่อง ประเด็นมันอยู่ที่เค้าต้องการจะอภิปรายด้วย สิ่งสำคัญมันอยู่ที่มึงได้คิดวิเคราะห์
แต่ถ้าสมองมึงมันไม่เปิดรับ ก็ช่างหัวมึง
ผมว่านะ ตอนนี้อาจารย์สมศํกดิ์ กะลังพิสูจ ว่า ควายมันฟังเสียงซอไม่รู้เรื่องจริงๆหวะ
แต่มหาลัยกูไม่ได้สอนให้กูเป็นทาส หรือเป็นขี้ข้าใครหวะ ถึงเป็นข้า ก็เป็นข้าประชาชน แล้วมหาลัยกูมันเสรีกว่ามึงไงไอ้สัต
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เค้ารู้ไปหมดทุกเรื่อง ประเด็นมันอยู่ที่เค้าต้องการจะอภิปรายด้วย สิ่งสำคัญมันอยู่ที่มึงได้คิดวิเคราะห์
แต่ถ้าสมองมึงมันไม่เปิดรับ ก็ช่างหัวมึง
ผมว่านะ ตอนนี้อาจารย์สมศํกดิ์ กะลังพิสูจ ว่า ควายมันฟังเสียงซอไม่รู้เรื่องจริงๆหวะ
jerasak wrote:ขณะที่ผมแปลกใจพอสมควรที่ อ.สมศักดิ์ กลับไม่แสดง-
การสังเกตเห็นประเด็นนี้ ทั้งที่ผมเน้นสีไว้เป็นพิเศษแล้ว?![]()
แต่ผมกำลังหนักใจว่าจะทำอย่างไรกับ อ.สมศักดิ์ ดี
ลูกนนทรี wrote:อย่างน้อยมหาวิทยาลัยผมเค้าก็สอนผมให้ไม่คิดล้มล้่างหรือวิจารณ์สถาบันครับ สอนให้ผมรักประชาชนและทดแทนบุญคุณภาษีที่ประชาชนเสียมาให้ผมเรียน ผมจะด่าคนก็ต่อเมื่อเค้าดูถูกคนอื่นก่อน
Minerva wrote:ลูกนนทรี wrote:อย่างน้อยมหาวิทยาลัยผมเค้าก็สอนผมให้ไม่คิดล้มล้่างหรือวิจารณ์สถาบันครับ สอนให้ผมรักประชาชนและทดแทนบุญคุณภาษีที่ประชาชนเสียมาให้ผมเรียน ผมจะด่าคนก็ต่อเมื่อเค้าดูถูกคนอื่นก่อน บอกอาจารย์ของมรึงเถอะminevaว่าใครเริ่มดูถูกใครก่อนก็บอกแล้ว จานของมรึงหน่ะกินภาษีหลวงไปเรียนกลับมาก็มาด่าหลวงถ่มน้ำลายรดฟ้าแล้วกลับมาเข้าหน้าตัวเอง ด่าคนอื่นในบอร์ดนี้ว่าโง่จบมาจากไหน ขอโทษคนที่เป้นdoctor ในประเทศนี้มีเยอะครับและคุณวุฒิทางวิชาการสูงกว่าไอ้หัวโตของมรึงเยอะ แหมมมม เป็นแค่อ.ดร. แล้วบอกว่าชั้นนี้เป็นพหูสูตรรุ้เรื่องดีไปหมด แต่ที่แท้ผลงานวิชาการส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ลเยแม้จะเขียนดีแต่ก็เป็น ดีในคราบพญามารหน่ะสิ
ปล.ผมว่าช่วงนี้ถ้าไอ้หัวโตเข้ามาเล่นผมว่าเดี๋ยวก็มีไอ้พวกบอร์ดหมาเดียวกันมาสมัครสมาชิกที่เว็บนี้เพื่อปกป้องศาสดามัน ดูได้ว่าเริ่มมีมา1ตัวล่ะ
ปล.ย้ำอีกทีว่าโลกนี้มันไม่เท่าเทียมในทางปฏิบัติหรอกนะ ในทางทฏษฏีหน่ะเป็นไปได้ แต่หลายสิ่งหลายอย่างบนโลกนี้ในทางทฤษฏีล้วนแต่ล้มเหลวเมื่อนำมาปฏิบัติ
แต่มหาลัยกูไม่ได้สอนให้กูเป็นทาส หรือเป็นขี้ข้าใครหวะ ถึงเป็นข้า ก็เป็นข้าประชาชน แล้วมหาลัยกูมันเสรีกว่ามึงไงไอ้สัต
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เค้ารู้ไปหมดทุกเรื่อง ประเด็นมันอยู่ที่เค้าต้องการจะอภิปรายด้วย สิ่งสำคัญมันอยู่ที่มึงได้คิดวิเคราะห์
แต่ถ้าสมองมึงมันไม่เปิดรับ ก็ช่างหัวมึง
ผมว่านะ ตอนนี้อาจารย์สมศํกดิ์ กะลังพิสูจ ว่า ควายมันฟังเสียงซอไม่รู้เรื่องจริงๆหวะ
สมศักดิ์ เจียม wrote:ลูกนนทรี wrote:อย่างน้อยมหาวิทยาลัยผมเค้าก็สอนผมให้ไม่คิดล้มล้่างหรือวิจารณ์สถาบันครับ สอนให้ผมรักประชาชนและทดแทนบุญคุณภาษีที่ประชาชนเสียมาให้ผมเรียน ผมจะด่าคนก็ต่อเมื่อเค้าดูถูกคนอื่นก่อน
เขียนอย่างนี้ เป็นที่ขายหน้ามหาลัยที่สอนมากกว่าครับ
คณะราษฎร โดยบรรทัดฐานนี้ของคุณ ก็ต้องถือเป็นพวก เนรคุณ ไม่ยอมทดแทนบุญคุณภาษีที่ประชาชนเสียมาใ้ห้เรีน ... เพราะพวกนั้น ถึงขั้นล้มอำนาจกษัตริย์เลย
ปีหนึี่ง ภาษีฯลฯ ใช้จ่ายเรือ่งสถาบัน ไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้าน
ไม่รวมที่อยู่ในความควบคุมของ สนง.ทรัพย์สินฯ อีก หลายๆหมื่นล้าน
การดำรงสถานะของสถาบัน ที่มีอำนาจ แต่ไม่มี การตรวจสอบ (power without accountability)
แสดงว่า คุณไม่มีความเข้าใจเรื่อง "บุญคุณ" เรือ่ง "ภาษีอากรประชาชน" อะไรนั่นเลย
Minerva wrote:ลูกนนทรี wrote:อย่างน้อยมหาวิทยาลัยผมเค้าก็สอนผมให้ไม่คิดล้มล้่างหรือวิจารณ์สถาบันครับ สอนให้ผมรักประชาชนและทดแทนบุญคุณภาษีที่ประชาชนเสียมาให้ผมเรียน ผมจะด่าคนก็ต่อเมื่อเค้าดูถูกคนอื่นก่อน บอกอาจารย์ของมรึงเถอะminevaว่าใครเริ่มดูถูกใครก่อนก็บอกแล้ว จานของมรึงหน่ะกินภาษีหลวงไปเรียนกลับมาก็มาด่าหลวงถ่มน้ำลายรดฟ้าแล้วกลับมาเข้าหน้าตัวเอง ด่าคนอื่นในบอร์ดนี้ว่าโง่จบมาจากไหน ขอโทษคนที่เป้นdoctor ในประเทศนี้มีเยอะครับและคุณวุฒิทางวิชาการสูงกว่าไอ้หัวโตของมรึงเยอะ แหมมมม เป็นแค่อ.ดร. แล้วบอกว่าชั้นนี้เป็นพหูสูตรรุ้เรื่องดีไปหมด แต่ที่แท้ผลงานวิชาการส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ลเยแม้จะเขียนดีแต่ก็เป็น ดีในคราบพญามารหน่ะสิ
ปล.ผมว่าช่วงนี้ถ้าไอ้หัวโตเข้ามาเล่นผมว่าเดี๋ยวก็มีไอ้พวกบอร์ดหมาเดียวกันมาสมัครสมาชิกที่เว็บนี้เพื่อปกป้องศาสดามัน ดูได้ว่าเริ่มมีมา1ตัวล่ะ
ปล.ย้ำอีกทีว่าโลกนี้มันไม่เท่าเทียมในทางปฏิบัติหรอกนะ ในทางทฏษฏีหน่ะเป็นไปได้ แต่หลายสิ่งหลายอย่างบนโลกนี้ในทางทฤษฏีล้วนแต่ล้มเหลวเมื่อนำมาปฏิบัติ
แต่มหาลัยกูไม่ได้สอนให้กูเป็นทาส หรือเป็นขี้ข้าใครหวะ ถึงเป็นข้า ก็เป็นข้าประชาชน แล้วมหาลัยกูมันเสรีกว่ามึงไงไอ้สัต
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เค้ารู้ไปหมดทุกเรื่อง ประเด็นมันอยู่ที่เค้าต้องการจะอภิปรายด้วย สิ่งสำคัญมันอยู่ที่มึงได้คิดวิเคราะห์
แต่ถ้าสมองมึงมันไม่เปิดรับ ก็ช่างหัวมึง
ผมว่านะ ตอนนี้อาจารย์สมศํกดิ์ กะลังพิสูจ ว่า ควายมันฟังเสียงซอไม่รู้เรื่องจริงๆหวะ
บก.ลายจุด wrote:kingkong wrote:สมศักดิ์ เจียม wrote:ข้างล่างนี้ ผม ยก มาเล่นๆ ให้เห็น (ซึี่งความจริง ควร obvious) ว่า พวกคุณผู้จงรักภักดี ไม่มีความสามารถในการโต้แย้งอย่างไร
ไม่มี ประเด็น ไม่มี taste
แต่ผมก็โอเคนะ
ในสังคมสมัยใหม่ อะไรๆที่มีลักษณะสาธารณะ ก็ควรวิจารณ์ได้ทั้งนั้น อะไรๆก็ควรสามารถอภิปรายกันได้
ผมมาโพสต์ความเห็นสาธารณะ คุณไม่ชอบ ก็ด่ามา ผมไม่ว่าอะไร
นักการเมือง แสดงความเห็นในสาธารณะ ใช้เงินงบประมาณของสาธารณะ ก็ว่ากัน วิพากษ์กัน ด่ากัน กระทั่งเอาผิดกัน ก็ไม่เห็นใครว่าอะไร
(แม้ว่า ถ้าในตัวอยา่ง rep ที่ยกมา ควรจะมีประเด็นและ taste กว่านี้)
อะไรๆ ก็สามารถมีความรู้สึก "2 ด้าน" ทั้ง รัก และ เกลียด ได้
ที่แปลกคือ สำหรับผู้จงรักภักดี
ในจักรวาลนี้ สถาบันกษัตริย์ เป็นสิ่งเดียวที่ห้ามมีความรู้สึกและแสดงออกอย่างอื่นนอกจาก "รัก / เทอดทูน" ฯลฯ
ถ้ามีความรู้สึกอย่างอื่น แสดงออกอย่างอื่น จะโดนเล่นงานทันที ด้วยโทษแรงๆ
ไม่รู้สึกประหลาดในจักรวาลหรือครัีบ?
ผมถือโอกาส "ลา" สำหรับวันนี้ และอาจจะกระทู้นี้ด้วย เพราะเท่าทีเ่ห็น คงยากที่จะมีใครมีความสามารถพอจะโต้แย้งประเด็นด้วยเหตุผลและข้อมูลได้ น่าละอายครับ น่าละอายจริงๆ
(ศตวรรษที่ 21 แล้วนะครับ เชื่ออะไร โดยไม่สามารถ defend ด้วยเหตุด้วยผล ขนาดนี้ได้อย่างไรครับ?)คิคิ wrote:ไอ้หงอกเจียม กับ ไอ้หงอกสุนัข เอ้ย สุนัย ไม่ต่างกันเลย 55555 [/size][/color]enjoy wrote:เรียกสาวๆข้างๆบ้านมาดูว่านี่ไงไอ้หัวโตชอบหมิ่น
สาวๆข้างห้องร้องยี้!!!!!!!!!!!
พวกเธอเอาน้ำล้างตาด้วยนะบอกเดี๋ยวเป็นเสนียนติดตา หัวเราะขำไอ้หัวโตกันใหญ่
ได้นิ้วกลางด้วยนะคนที่ยกให้สวยด้วยขอบอก![]()
5555 ทุเรสเวทนาไอ้หัวโตสมศักดิ์
ปีนึงหัวโตขึ้นทุกๆกี่นิ้วก็ไม่รู้เครียดจัด
ใครรู้ตัวเองว่าเอี้ยหัวโตยกมือขึ้น![]()
ไม่ประหลาดหรอกครับ เพราะคนเราต่างก็มีจักรวาลของตนเองทั้งนั้น รวมถึงตัวคุณเองก็มีจักรวาลของตัวคุณเอง เพียงจักรวาลของคุณมันผิดที่ผิดทางไปหน่อย เพราะมันไปเหลื่อมล้ำจักรวาลคนอื่น ที่คุณพยายามป่าวประกาศหน่ะมันไม่ผิดหรอกครับ เพียงแต่มันไปทำให้ความรู้สึกของคนอื่นเขาแย่ ก็คงไม่ต่างจากมีคนมาบอกคนอื่นๆว่าพ่อคุณว่ามีเมียน้อย หรือ ด่าแม่คุณว่ามีหลายผัว นั้นแหละครับ ซึ่งอาจเป็นเรื่องจริงหรือไม่เราก็ไม่ทราบแต่ที่แน่ๆคือคุณไม่พอใจใช่ไหมครับ แต่ถ้าคุณพอใจก็จบประเด็นไป แต่ถึงอย่างไรผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า การที่เราพยายามยัดเยียดความรู้สึกที่ไม่ดีของเราที่เกลียดสิ่งหนึ่งไปใส่หัวคนที่รักสิ่งนั้นมันจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าคุณบอกว่า คุณสำเร็จความไคร่แบบนี้ ผมคงยอมรับนะครับ แต่ถ้าไม่ใช่ คุณต้องถามตัวเองว่า จิตปกติรึเปล่านะครับ
ปล.ยืนยันครับว่าถ้าผมเจอคุณผมขอท้าชกนะครับ
ไม่ไหวเลยครับ สำหรับ Rep นี้ของคุณ
หนึ่ง...จักรวาลของคุณ มันเป็นแค่ระบบคุณค่าของคนกลุ่มหนึ่งแบบคุณเท่านั้นเอง
สอง...การยกกรณีพ่อแม่ ผัวเมีย การสำเร็จความไคร่ เอาเรื่องเพศมาเหยียดคนอื่นแบบนี้ บอกได้คำเดียวว่า ต่ำชั้น มันไม่ใช่ลักษณะของคนที่ใช้เหตุผล
สาม...การยกเลิก ม.112 ไม่ได้แปลว่า ใครจะไปหมิ่นประมาทสถาบันแล้วไม่ติดคุกนะครับ ยังมีักฎหมายอาญาอื่น ที่คุ้มครองสิทธิ์ของคนทุกคน หากถูกหมิ่นประมาท ก็ติดคุกหลายปีทีเดียว ถ้ามีใครไปกล่าวหาอย่างไม่เป็นจริงแ้ล้วทำให้เสื่อมเสีย ก็ในเมื่อมีกฎหมายคุ้มครองสิทธิ์เสมอกันหมดแล้ว จะกลัวอะไร เราใช้มาตราฐานเดียวกันทั้งหมดไม่ได้หรือครับ
ผมอ่านความเห็นคุณในหลายความเห็น จริง ๆ คุณเป็นคนที่ใช้เหตุใช้ผลเป็นทีเดียว แ้ม้จะเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยบ้าง ก็ยังได้เห็นคุณพอมีเหตุผล ไมน่าเขียนแบบนี้นะครับ น่าผิดหวัง
บก.ลายจุด wrote:นี่คุณไม่ได้อ่านสิ่งที่ อ.สมศักดิ์ เขาอธิบายหรือ ?
เขาบอกว่า ถ้าคุณตรวจสอบทักษิณได้ด้วยวิธีการที่ พธม ทำ แล้วทำไมวิธีการดังกล่าวถึงใช้ไม่ได้กับโครงการพระราชดำริ
จับประเด็นให้ได้ก่อน แล้วค่อยเถียง
บก.ลายจุด wrote:เวลาคุณด่าเสื้อแดง คุณบอกว่าเสื้อแดงดียังไงหรือเปล่า ?
ผมรณรงค์ไม่รับร่าง รธน ก็เพราะว่า ผมเห็นปัญหาของมัน ผมต้องเอาเวลาไปบอกข้อดีของมันด้วยหรือ ?
คุณไปร้านค้าเจอสินค้ามันชำรุด คุณไปบอกคนที่ร้านว่า กระเป๋าเย็บสวย เนื้อผ้าดี ดีไซด์หรู ราคาถูก หรือคุณจะบอกว่า มันมีรอยขาดที่ไหล่ สีตกบริเวณคอ เราก็ต้องพูดถึงความชำรุดของมันถูกต้องมั๊ย
ตรรกะคุณเพี้ยนเปล่า ?
สมศักดิ์ เจียม wrote:jerasak wrote:ขณะที่ผมแปลกใจพอสมควรที่ อ.สมศักดิ์ กลับไม่แสดง-
การสังเกตเห็นประเด็นนี้ ทั้งที่ผมเน้นสีไว้เป็นพิเศษแล้ว?![]()
แต่ผมกำลังหนักใจว่าจะทำอย่างไรกับ อ.สมศักดิ์ ดี
อย่าดัดจริตเ่ลยครับ เถียงประเด็นเริ่มต้น ของเรื่องนี้ไม่ได้ แล้วมาทำปากดีเฉไปเรื่องอื่น
ผม ignore ประเด็นที่คุณเขียนเรือ่ง มนุษย์ไม่เท่าเทียม กัน เพราะให้เกียรติ
คนที่อายุเหยียบ 40 (สฤณีอายุ 36 เป็นรุ่นน้องแสดงว่าคุณใกล้ 40 เป็นอย่างน้อย) มีการศึกษา อาจจะถึงขั้นต่างประเทศ
แต่พูดโดยหน้าไม่แดงใน พ.ศ.นี้ ความคิดเช่นนี้ ผมเลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะให้เกียรติ
ความเท่าเทียมกันของคน ไม่ใช่ empirical facts แต่เป็น politico-social principle (หลักการทางการเมือง-สังคม จะพูดแบบภาษาปรัชญาหน่อย คือเป็น ปัญหาทาง ethics)
ถ้าใครใน พ.ศ.นี้ ยังดักดานขนาดจะยืนยันหลักการเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องเถียงอะไรทั้งสิ้น
คนนั้น ถ้าจริงใจกับตัวเอง ควรเรียกร้องสมบูรณาญาสิทธิราช หรือ medieval society เสียเลย
แต่ที่สำคัญคือ ประเด็นของกระทู้นี้
คุณน่าจละอายตัวเองบ้างว่า เถียงประเด็นนี้ไม่ถูกตั้งแต่ต้น เถียงไม่ได้ (เรื่อง โครงการ ตรวจสอบได้หรือไม่) แต่ก็ยังไม่มีความกล้าเพียงพอจะยอมรับ
เล่นสำนวนไปมา ในเรื่องอื่นๆ
เป็นการน่าละอายสำหรับคนมีการศึกษาครับ
jerasak wrote:สมศักดิ์ เจียม wrote:jerasak wrote:ขณะที่ผมแปลกใจพอสมควรที่ อ.สมศักดิ์ กลับไม่แสดง-
การสังเกตเห็นประเด็นนี้ ทั้งที่ผมเน้นสีไว้เป็นพิเศษแล้ว?![]()
แต่ผมกำลังหนักใจว่าจะทำอย่างไรกับ อ.สมศักดิ์ ดี
อย่าดัดจริตเ่ลยครับ เถียงประเด็นเริ่มต้น ของเรื่องนี้ไม่ได้ แล้วมาทำปากดีเฉไปเรื่องอื่น
ผม ignore ประเด็นที่คุณเขียนเรือ่ง มนุษย์ไม่เท่าเทียม กัน เพราะให้เกียรติ
คนที่อายุเหยียบ 40 (สฤณีอายุ 36 เป็นรุ่นน้องแสดงว่าคุณใกล้ 40 เป็นอย่างน้อย) มีการศึกษา อาจจะถึงขั้นต่างประเทศ
แต่พูดโดยหน้าไม่แดงใน พ.ศ.นี้ ความคิดเช่นนี้ ผมเลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะให้เกียรติ
ความเท่าเทียมกันของคน ไม่ใช่ empirical facts แต่เป็น politico-social principle (หลักการทางการเมือง-สังคม จะพูดแบบภาษาปรัชญาหน่อย คือเป็น ปัญหาทาง ethics)
ถ้าใครใน พ.ศ.นี้ ยังดักดานขนาดจะยืนยันหลักการเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องเถียงอะไรทั้งสิ้น
คนนั้น ถ้าจริงใจกับตัวเอง ควรเรียกร้องสมบูรณาญาสิทธิราช หรือ medieval society เสียเลย
แต่ที่สำคัญคือ ประเด็นของกระทู้นี้
คุณน่าจละอายตัวเองบ้างว่า เถียงประเด็นนี้ไม่ถูกตั้งแต่ต้น เถียงไม่ได้ (เรื่อง โครงการ ตรวจสอบได้หรือไม่) แต่ก็ยังไม่มีความกล้าเพียงพอจะยอมรับ
เล่นสำนวนไปมา ในเรื่องอื่นๆ
เป็นการน่าละอายสำหรับคนมีการศึกษาครับ
อ.สมศักดิ์ ครับ
ประโยคที่่ว่า "ผม ignore ประเด็นที่คุณเขียนเรือ่ง มนุษย์ไม่เท่าเทียม กัน เพราะให้เกียรติ"
แสดงถึงระบบความคิดของคุณที่ขัดแย้งกันแล้วครับ คุณคุยกับผมโดยให้เกียรติผมได้
แต่คุณปฏิเสธการวิพากษ์วิจารณ์โดยถวายพระเกียรติบอกว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้???![]()
...
ความไม่เท่าเทียมกันของคน เป็น empirical facts (ความจริงเชิงประจักษ์) อย่างแน่นอน
ไปให้นักคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แพทย์ วิศวกร นักบัญชี ที่ไหนตรวจสอบก็ได้ครับ
เอาแค่ อ.สมศักดิ์ กับตัวผม เปรียบเทียบกันก็ได้ empirical facts แล้ว
แต่ "คนเท่ากับคน"/"มนุษย์ล้วนเท่าเทียมกัน" ต่างหากที่เป็น politico-social principle
(หลักการทางการเมือง-สังคม) ซึ่งผมชี้ให้เห็นแล้วว่ามันเป็นหลักการที่ฝืนความจริง
"ความเท่าเทียมไม่มีจริง" สามารถพิสูจน์ได้แม้แต่เอาอะตอมธาตุชนิดเดียวกันมาเทียบกัน
อย่าว่าแต่นำมาใช้กับมนุษย์ ถ้าคุณบอกว่าใครใน พ.ศ.นี้ ยืนยันหลักการนี้เป็นคนดักดาน
แล้วจะให้ผมยืนยันหลักการไหน ในเมื่อเรื่องนี้เป็นความจริงที่โต้แย้งไม่ได้???
ในอีกทางหนึ่ง "ความเท่าเทียมไม่มีจริง" ถ้าจะพิจารณาในเชิงปรัชญา หรือตรรกศาสตร์
หรือใช้สามัญสำนึก ก็ไม่มีเหตุให้โต้แย้งได้ว่าไม่เป็นความจริง หลักกฎหมายรวมไปถึง
หลักการทางการเมือง-สังคม ก็พัฒนามาจากพื้นฐานของปรัชญาจนกลายมาเป็น หลัก-
ปรัชญาทางการเมือง-สังคม
...
คณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานของฟิสิกส์ , คณิตศาสตร์และฟิสิกส์เป็นพื้นฐานของเคมี,
คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมี เป็นพื้นฐานของชีววิทยา ขณะที่ถ้านับว่าสังคมศาสตร์
เป็นวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ก็จะอยู่บนพื้นฐาน คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา
และในอีกทางหนึ่งสังคมศาสตร์มีพื้นฐานมาจากหลักการทางการเมือง-สังคม ที่เป็น
พัฒนาการของสาขาปรัชญา
ซึ่งตามที่บอกแล้วว่า "ความเท่าเทียมไม่มีจริง" สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์
สังคมศาสตร์จะปฏิเสธวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร? และเมื่อ "ความเท่าเทียมไม่มีจริง"
ไม่สามารถโต้แย้งได้ในทางปรัชญา สังคมศาสตร์จะปฏิเสธความจริงนี้ได้อย่างไร?
สาขา "ประวัติศาสตร์" ที่ อ.สมศักดิ์ ร่ำเรียนและทำมาหากินเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ
สังคมศาสตร์เท่านั้น ขณะที่ "ความเท่าเทียมไม่มีจริง" เป็นหลักความจริงขั้นพื้นฐาน
*ผมถึงบอกว่าคนที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้เท่ากับไม่ยอมรับความจริง*
...
สุดท้ายที่ประชดมาว่า "ควรเรียกร้องสมบูรณาญาสิทธิราช หรือ medieval society"
ผมก็ไม่เห็นว่าการยอมรับหลัก "ความเท่าเทียมไม่มีจริง" จะทำให้ต้องเรียกร้อง-
อะไรแบบนั้น เราแค่ไม่งมงายกับหลักการที่ขัดต่อความจริงก็พอแล้วครับ
สมศักดิ์ เจียม wrote:kingkong wrote:ก็คงไม่ต่างจากมีคนมาบอกคนอื่นๆว่าพ่อคุณว่ามีเมียน้อย หรือ ด่าแม่คุณว่ามีหลายผัว นั้นแหละครับ ซึ่งอาจเป็นเรื่องจริงหรือไม่เราก็ไม่ทราบแต่ที่แน่ๆคือคุณไม่พอใจใช่ไหมครับ แต่ถ้าคุณพอใจก็จบประเด็นไป
...
ประเด็นที่ผมอยากพูดมานาน คือที่ยกมานี้
ที่พวกจงรักภักดีชอบยกเรือ่ง ถ้าด่า พ่อ ด่าแม่ผม ก็ต้องโกรธ เป็นธรรมดา
ดังนั้น จึงเหมือนกับกรณีห้ามวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ
คิดให้ดีๆครับ เหมือนกันอย่างไร
ก่อนอื่นเลยนะครับ ที่วา ด่าพ่อ ด่าแม่ ผม นี่ก็ด่ากันอยู่เป็นประจำนี่คับ ผมเฉยๆนะ
ผมแสดงให้ดูเอง "ด่าเอง" ให้ดูก็ได้ครับ
"ไอ้สมศักดิ์ ไอ้หัวหงอก ไ้อ้ลูกกะหรี่ แม่มึงเป็นเกระหรี่ พ่อมึงเป็นสัตว์..."
เห็นไหมครับ ผมเฉยๆ เพราะ คนที่ด่าเช่นนี้ แสดงว่า ไม่มีปัญญา ไม่มีวุฒิภาวะอะไร ผมไม่รู้สึก
พ่อ แม่ ผมเป็นอย่างไรจริงๆ ผมย่อมทราบดี และไม่รู้สึกกระเทือนอะไร ไม่คิดจะฟ้องร้อง อะไรเลยด้วยซ้ำ
(คุณเอง ทำได้ไหมล่ะ ในกรณีสถาบัน? ที่ทำไมได่้้เพราะอะไร?)
ก่อนอื่นเลยนะครับ ที่วา ด่าพ่อ ด่าแม่ ผม นี่ก็ด่ากันอยู่เป็นประจำนี่คับ ผมเฉยๆนะ
ผมแสดงให้ดูเอง "ด่าเอง" ให้ดูก็ได้ครับ
"ไอ้สมศักดิ์ ไอ้หัวหงอก ไ้อ้ลูกกะหรี่ แม่มึงเป็นเกระหรี่ พ่อมึงเป็นสัตว์..." สมสัก ไม่เจียม