samepong wrote:ก่อนอื่นเลยนะครับ ที่วา ด่าพ่อ ด่าแม่ ผม นี่ก็ด่ากันอยู่เป็นประจำนี่คับ ผมเฉยๆนะ
ผมแสดงให้ดูเอง "ด่าเอง" ให้ดูก็ได้ครับ
"ไอ้สมศักดิ์ ไอ้หัวหงอก ไ้อ้ลูกกะหรี่ แม่มึงเป็นเกระหรี่ พ่อมึงเป็นสัตว์..." สมสัก ไม่เจียม
ผมว่าผมเริ่มนับถือแล้วหละ คุณเนี่ย นับถือวาคุณเลวได้ใจ ลงทุนด่าพ่อด่าแม่ บรรพบุรุษตัวเอง เลยเหรอครับ นับถือจริงๆครับ นับถือ พ่อแม่ บรรพบุรุษคงชื่นชม เต้มประดา
บก.ลายจุด wrote:ผมไม่แน่ใจว่า คุณ jerasak จะรู้ตัวหรือไม่ว่า ตนเองหลุดโค้งไปไกลทีเดียว
หรืออาจจะมองว่าตนเองกำลังอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงที่หดหาย และแทบไม่มีที่ยืนบนโลกที่เป็นสากล
การประกาศยอมรับว่า "ความเท่าเทียมกันเป็นสิ่งไม่จริง คนไม่เท่ากับคน" นั้น ท้าทายต่อทั้งการดำรงอยู่ของมนุษย์และสิ่งที่เรียกว่า "สิทธิมนุษยชน"
หากสังคมไทย หรือ โลกนี้ยอมรับสิ่งที่คุณพูดถึง คำประกาศในปฏิญาสากลว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รัฐธรรมนูญของหลาย ๆ ประเทศบนโลกนี้ รวมถึงรัฐธรรมนูญไทย ก็จะต้องแก้ไขกันยาวเหยียด กลายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นจริง และเมื่อเรายอมรับความจริงอย่างที่คุณ jerasak กล่าวมา เราคงต้องออกกฎหมายหลายอย่างเพื่อคุ้มครองคนที่มีสถานะสูงกว่าทางสังคม ตั้งกระทรวงชนชั้น และ การคุ้มครองสิทธิ์ของอภิสิทธิชน กำหนดขอบเขตของชนชั้นล่างให้มีสถานะเท่าที่ควรจะมี และ เขียนกฎหมายให้สิทธิ์แก่คนที่มีความพิเศษกว่าผู้อื่นให้สามารถกระทำหรือรับสิทธิ์ประโยชน์บางประการที่แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ
พอผมคิดตามตรรกะที่คุณกล่าวมา ผมก็เห็นว่ามันลงเหว ล้าหลัง ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
เท่าที่ผมติดตามความคิดของคุณ ผมไม่มีทางเชื่อว่าระบบเหตุผลคุณผิดพลาด แต่ผมเดาว่าคุณพยายามจะชนะหรือหักล้างในบางประเด็นซึ่งคุณไม่ยอมรับว่ามันหักล้างไม่ได้
ผมขอเรียกร้องให้คุณยึดถือหลักการและความเป็นคนมีเหตุมีผลอย่างที่คุณเคยเป็น คือ ถ้าคุณไม่กล้ายอมรับในเหตุผลเสียแล้ว ในบอร์ดนี้ เห็นทีจะไม่มีหลงเหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว
จีรนุช wrote:บก.ลายจุด wrote:ผมไม่แน่ใจว่า คุณ jerasak จะรู้ตัวหรือไม่ว่า ตนเองหลุดโค้งไปไกลทีเดียว
หรืออาจจะมองว่าตนเองกำลังอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงที่หดหาย และแทบไม่มีที่ยืนบนโลกที่เป็นสากล
การประกาศยอมรับว่า "ความเท่าเทียมกันเป็นสิ่งไม่จริง คนไม่เท่ากับคน" นั้น ท้าทายต่อทั้งการดำรงอยู่ของมนุษย์และสิ่งที่เรียกว่า "สิทธิมนุษยชน"
หากสังคมไทย หรือ โลกนี้ยอมรับสิ่งที่คุณพูดถึง คำประกาศในปฏิญาสากลว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รัฐธรรมนูญของหลาย ๆ ประเทศบนโลกนี้ รวมถึงรัฐธรรมนูญไทย ก็จะต้องแก้ไขกันยาวเหยียด กลายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นจริง และเมื่อเรายอมรับความจริงอย่างที่คุณ jerasak กล่าวมา เราคงต้องออกกฎหมายหลายอย่างเพื่อคุ้มครองคนที่มีสถานะสูงกว่าทางสังคม ตั้งกระทรวงชนชั้น และ การคุ้มครองสิทธิ์ของอภิสิทธิชน กำหนดขอบเขตของชนชั้นล่างให้มีสถานะเท่าที่ควรจะมี และ เขียนกฎหมายให้สิทธิ์แก่คนที่มีความพิเศษกว่าผู้อื่นให้สามารถกระทำหรือรับสิทธิ์ประโยชน์บางประการที่แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ
พอผมคิดตามตรรกะที่คุณกล่าวมา ผมก็เห็นว่ามันลงเหว ล้าหลัง ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
เท่าที่ผมติดตามความคิดของคุณ ผมไม่มีทางเชื่อว่าระบบเหตุผลคุณผิดพลาด แต่ผมเดาว่าคุณพยายามจะชนะหรือหักล้างในบางประเด็นซึ่งคุณไม่ยอมรับว่ามันหักล้างไม่ได้
ผมขอเรียกร้องให้คุณยึดถือหลักการและความเป็นคนมีเหตุมีผลอย่างที่คุณเคยเป็น คือ ถ้าคุณไม่กล้ายอมรับในเหตุผลเสียแล้ว ในบอร์ดนี้ เห็นทีจะไม่มีหลงเหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว
ในบอร์ดนี้ เห็นทีจะไม่มีหลงเหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว มีสิ ก้ตัวเเกไง คนเดียว ไม่นับไอ้สมศักดิ์
ไอ้ชาคว่ำถ้อย ไม่รับฟังใคร ไม่รับเหตุผลใคร จีมันพูดไปเเล้วตั้งเยอะ ตอบมันสักคำไหมนั่น
ทำไมประธานาธิบดี ต้องได้รับความคุ้มครองมากกว่าคนอื่นงี้ ตอบเขาไปสิ จีเขียนไว้เยอะ เเต่กูไม่มีอ่านมาก
ไม่รับเหตุผลของเขา เลยพูดว่าเขาไม่มีเหตุผล
ก็กลับเวบเเกไปเลย ...
ไหนเเกอ้างสิทธิมนุษยชนมาก ลองพูดสิ มันคืออะไร อธิบายด้วยคำพูดของเเกเอง ...
เขาถามว่า กฎหมายมีข้อเสียตรงไหน ก็ไม่ตอบเขา อุตสาห์ยกตัวอย่างให้ดูว่า พูดเเต่ข้อเสีย มันปัญญาอ่อนยังไง ท่านก็ไม่อ่าน
ไม่รับฟังใครเเล้วเข้ามาเปลืองเเบนวิทน์อินเทอร์เน็ททำไม ไปตั้งโต้ะ ล่ารายชื่อเลย จะคอยดูว่าจะมีไอ้เเก่ใกล้ตายตัวไหนมันจะลงชื่อกับพวกเเกบ้าง
ประชาธิปไตยนักนี่ โหวตในหมู่บ้านเเกเลย บ้านอยู่ไหนตั้งโต้ะเลย ใครอยากเเก้กฎหมาย ม 112 บ้างอายุนับถอยหลังเเล้วเเทนที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ........
kingkong wrote:ถามคำถาม บก. ง่ายๆครับ ทักสิน กับ ชาวนาบ้านนอก สิทธิ์เท่ากันไหมครับ สมมุติว่า ทักสิน ไปต่อยตำรวจ กับ ชาวนาไปต่อยตำรวจ คุณว่าทั้งคู่จะได้รับสิทธิ์ทางกฎหมายเท่ากันไหมครับ
ข้อ ต่อมา จักรภพ วิ่งแหกด่านตำรวจเข้าไปในสภา กับ ชาวบ้านวิ่งแหกด่านตำรวจเขาไปในสภา คุณคิดว่า ทั้งคู่จะถูกจับกุมและ ถูกดำเนินคดี เหมือนกันไหมครับ
ต่อมา โอบามา บังเอิญหมั่นใส้ คนๆหนึ่งเลย ต่อยคนนั้นปากแตก กับ คนๆหนึ่ง หมั่นใส้โอบามาเลยต่อย โอบามาปากแตก คิดว่า ใครจะถูกดำเนินคดีที่รุนแรงกว่ากันครับ
กรุณาตอบด้วยนะครับ คุณ บก.
อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันแต่มีสิทธิไม่เท่ากันนะครับ แล้วมันจะเท่าเทียมได้ไงครับ สถาบันก็อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกับประชาชน แต่ก็ให้สิทธิไม่เหมือนกันบก.ลายจุด wrote:คุณจีรนุชครับ...ประธานาธิบดีอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกับประชาชนครับ
ส่วนการคุ้มกันความปลอดภัยเป็นคนละเรื่องกับ การบังคับใช้กฎหมาย ทำไมแยกเรื่องนี้ไม่ออก มันคนละเรื่องกัน
ไม่เคยได้ยินหรือครับว่า รมต ในต่างประเทศ ขับรถผ่าไฟแดงโดนตำรวจจับ จะมาเบ่งว่าฉันเป็น รมต อันนี้จะโดดเด้งออกจาก รมต เอาง่าย ๆ
Solidus wrote:อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันแต่มีสิทธิไม่เท่ากันนะครับ แล้วมันจะเท่าเทียมได้ไงครับ สถาบันก็อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกับประชาชน แต่ก็ให้สิทธิไม่เหมือนกันบก.ลายจุด wrote:คุณจีรนุชครับ...ประธานาธิบดีอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกับประชาชนครับ
ส่วนการคุ้มกันความปลอดภัยเป็นคนละเรื่องกับ การบังคับใช้กฎหมาย ทำไมแยกเรื่องนี้ไม่ออก มันคนละเรื่องกัน
ไม่เคยได้ยินหรือครับว่า รมต ในต่างประเทศ ขับรถผ่าไฟแดงโดนตำรวจจับ จะมาเบ่งว่าฉันเป็น รมต อันนี้จะโดดเด้งออกจาก รมต เอาง่าย ๆ
เรื่องความเสมอภาคก็ขึ้นอยู่กับที่กฎหมายบัญญัติไว้เช่นกัน อย่าง พรก ฉุกเฉิน นั้นมีความเสมอภาคกันหรือครับ และส่วนเรื่องข้อกฎหมายกับคำวินิจฉัยของศาลนั้น บางอย่างก็คือสิ่งเดียวกัน เพราะเมื่อศาลวินิจฉัยแล้วสามารถนำมาเป็นข้อกฎหมายบังคับใช้กับบุคคลอื่น ๆ ได้อีก โดยเฉพาะประเทศที่ใช้กฎหมายระบบจารีตประเพณี หรือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็จัดเป็นข้อกฎหมายเช่นกันเพราะมีผลผูกพันหมดบก.ลายจุด wrote:
ถึงคุณ kingkong
คุณต้องแยกให้ออกระหว่างสิ่งที่เรียกว่า ข้อกฎหมาย กับ การวินิจฉัยของศาล
ในข้อกฎหมาย หลักของกฎหมายจะต้องให้มีความเสมอกัน
เราไม่มีกฎหมายที่เขียนว่า การชกต่อย หรือทำร้ายร่างกาย นายกฯ เป็นสิ่งที่มีความผิดมากกว่า ชกชาวนา หรือ กรรมกร
ดังนั้นกฎหมายจึงถือหลัก ความเสมอภาคกันของคนโดยไม่ดูว่าใครเป็นใคร เพราะ "คนเท่ากับคน"
ส่วนเมื่อคดีถึงชั้นศาล
ผู้พิพากษาอาจมองดูองค์ประกอบอื่นในการพิจารณา เช่น คุณงามความดีที่จำเลยเคยกระทำไว้ และมีการลดหย่อนไปตามหลักการดังกล่าว
เคลียร์นะครับว่า มันคนละเรื่องกัน
นี่คุณไม่รู้เลยหรือครับว่าประธานาธิบดีมีอำนาจเหนือศาล ประธานาธิบดีไม่ต้องรับผิดใด ๆ ต่อการกระทำของตนอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานาธิบดี ประชาชนไม่สามารถฟ้องประธานาธิปดีต่อศาลได้บก.ลายจุด wrote:Solidus wrote:อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันแต่มีสิทธิไม่เท่ากันนะครับ แล้วมันจะเท่าเทียมได้ไงครับ สถาบันก็อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกับประชาชน แต่ก็ให้สิทธิไม่เหมือนกันบก.ลายจุด wrote:คุณจีรนุชครับ...ประธานาธิบดีอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกับประชาชนครับ
ส่วนการคุ้มกันความปลอดภัยเป็นคนละเรื่องกับ การบังคับใช้กฎหมาย ทำไมแยกเรื่องนี้ไม่ออก มันคนละเรื่องกัน
ไม่เคยได้ยินหรือครับว่า รมต ในต่างประเทศ ขับรถผ่าไฟแดงโดนตำรวจจับ จะมาเบ่งว่าฉันเป็น รมต อันนี้จะโดดเด้งออกจาก รมต เอาง่าย ๆ
รบกวนขยายความอีกนิดครับ
January wrote:แถไปแถมา จะทำให้ สมบัติ ผู้มีตรรกะแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
จะไม่ยอมเข้ากระทู้นี้อีกกระทู้ นับต่อจากกระทู้อื่นๆ อีกไม่รู้เท่าไหร่ ที่สมบัติจนแต้ม แล้วหลบไม่เข้ากระทู้นั้นอีก
สส.ตกเป็นผู้ต้องหาในสมัยประชุมสภา มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
ต่างจากชาวบ้านทั่วไป
โทษอะไรดี .. โทษรัฐธรรมนูญ โทษกฎหมาย ??
หรือไล่ให้ชาวบ้านผู้ต้องหาให้ไปสมัครเป็น สส.
จริงๆ มีตัวอย่างอีกมากมาย ที่ไล่ไปจนหมด สมบัติก็ไม่ยอมรับหรอก
ผมดูตัวอย่างจากกระทู้อื่นๆ ก็รู้ว่าคุณหมดราคาแล้ว
แต่ผมทึ่ง ... กับผู้(ที่คิดว่า)มีตรรกะแต่เพียงผู้เดียว .. เท่านั้นแหละ ..
Cherub Rock wrote:
จ่าแม้วขี่มอไซค์ ไม่ต้องใส่หมวกกันน็อคก็แล้วกันน่ะ
ตำหนวดไม่จับ
Sleeping Bear wrote:ไม่เข้าใจพวกคนฉลาดๆอยู่นิดหน่อย
อย่างตัวผมเองคงเป็นแค่คนโง่ๆในสายตาของพวกคนฉลาด
แต่ผมก็รู้ว่าอะไรมันแตะต้องไม่ได้ หรืออะไรมันไม่ควรไปยุ่ง
ความรู้ผมก็เหมือนกับพวกสัตว์ทั่วไป
ที่ไม่ไปกินอาหารมีพิษ ไม่ไปกินอาหารเน่าเสีย
ไม่ไปยุ่งกับสัตว์นักล่า ไม่ไปวุ่นวายกับธรรมชาติที่อันตรายกับชีวิต
ผมก็อยู่บนโลกได้โดยไม่เดือดร้อน เพราะไม่ไปเสือกเรื่องไม่ควรเสือก
ตรงนี้เลยเริ่มสงสัยพวกฉลาดลึกล้ำว่า ไปชนกับภัยธรรมชาติมันได้อะไรขึ้นมา เหมือนเอาลมปากไปเป่าสู้กับพายุ
ผมเองคงคิดหาประโยชน์จากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันมากกว่าไปต่อว่าว่ามันไม่ควรมี
Solidus wrote:January wrote:แถไปแถมา จะทำให้ สมบัติ ผู้มีตรรกะแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
จะไม่ยอมเข้ากระทู้นี้อีกกระทู้ นับต่อจากกระทู้อื่นๆ อีกไม่รู้เท่าไหร่ ที่สมบัติจนแต้ม แล้วหลบไม่เข้ากระทู้นั้นอีก
สส.ตกเป็นผู้ต้องหาในสมัยประชุมสภา มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
ต่างจากชาวบ้านทั่วไป
โทษอะไรดี .. โทษรัฐธรรมนูญ โทษกฎหมาย ??
หรือไล่ให้ชาวบ้านผู้ต้องหาให้ไปสมัครเป็น สส.
จริงๆ มีตัวอย่างอีกมากมาย ที่ไล่ไปจนหมด สมบัติก็ไม่ยอมรับหรอก
ผมดูตัวอย่างจากกระทู้อื่นๆ ก็รู้ว่าคุณหมดราคาแล้ว
แต่ผมทึ่ง ... กับผู้(ที่คิดว่า)มีตรรกะแต่เพียงผู้เดียว .. เท่านั้นแหละ ..![]()
![]()
![]()
มาตรา ๑๖๕ ในระหว่างสมัยประชุม ห้ามมิให้จับ คุมขัง หรือหมายเรียกตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา ไปทำการสอบสวนในฐานะที่สมาชิกผู้นั้นเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เว้นแต่ในกรณีที่ได้รับอนุญาตจากสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก หรือในกรณีที่จับ
ในขณะกระทำความผิด
ในกรณีที่มีการจับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาในขณะกระทำความผิด ให้รายงานไปยังประธานแห่งสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกโดยพลัน และประธานแห่งสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกอาจสั่งให้ปล่อยผู้ถูกจับได้
มาตรา ๑๖๖ ในกรณีที่มีการฟ้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาในคดีอาญา ไม่ว่าจะได้ฟ้องนอกหรือในสมัยประชุม ศาลจะพิจารณาคดีนั้นในระหว่างสมัยประชุมมิได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก หรือเป็นคดีอันเกี่ยวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง แต่การพิจารณาคดีต้องไม่เป็นการขัดขวางต่อการที่สมาชิกผู้นั้นจะมาประชุมสภา
การพิจารณาพิพากษาคดีที่ศาลได้กระทำก่อนมีคำอ้างว่าจำเลยเป็นสมาชิกของสภาใดสภาหนึ่ง ย่อมเป็นอันใช้ได้
มาตรา ๑๖๗ ถ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา ถูกคุมขังในระหว่างสอบสวนหรือพิจารณาอยู่ก่อนสมัยประชุม เมื่อถึงสมัยประชุม พนักงานสอบสวนหรือศาลแล้วแต่กรณี ต้องสั่งปล่อยทันทีถ้าประธานแห่งสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกได้ร้องขอคำสั่งปล่อยตามวรรคหนึ่งให้มีผลบังคับตั้งแต่วันสั่งปล่อยจนถึงวันสุดท้ายแห่งสมัยประชุม
บก.ลายจุด wrote:สอง...เอกสิทธิ์ในสภาฯ ก็เหมือนกับการที่ในชั้นสืบสวนบนชั้นศาล ย่อมได้รับการคุ้มครอง แต่ถ้าถ่ายทอดสด ออกสื่อ เอกสิทธิ์ของ สส ก็ไม่มี ต้องรับผิดชอบ
บก.ลายจุด wrote:ผมแลกเปลีย่นทีเดียวนะครับ เห็นว่ามีหลายคน หลายประเด็น
หนึ่ง...ที่บอกว่าประธานธิบดี ทำผิดแล้วมีกฎหมายคุ้มครองนั้น ผมเข้าใจว่า จะต้องเป็นกรณีทำตามหน้าที่ เหมือน พรบ ความมั่นคง ไม่ใช่ขับรถฝ่าไฟแดง หรือ กินเหล้าเมา แล้วขับรถ อย่างนี้โดนจับครับ
สอง...เอกสิทธิ์ในสภาฯ ก็เหมือนกับการที่ในชั้นสืบสวนบนชั้นศาล ย่อมได้รับการคุ้มครอง แต่ถ้าถ่ายทอดสด ออกสื่อ เอกสิทธิ์ของ สส ก็ไม่มี ต้องรับผิดชอบ
สาม...กรณี 112 นั้น หากยกเลิกไป ก็ยังมีกฎหมายอื่น ในการคุ้มครองสิทธิ์ ใครพลาดไปหมิ่นประมาท ก็โดน ติดคุกครับ
แสดงว่าก็ไม่ได้เท่าเทียมกับประชาชนอื่น ๆ สิครับ ถ้าเท่าเทียมกันเหมือนประชาชนทั่วไปก็ไม่ต้องบัญญัติเพิ่มบก.ลายจุด wrote:
หากดูจากเจตนารมณ์ของกฎหมาย สิ่งนี้ไม่ได้เขียนจากการให้อภิสิทธิ์คุ้มครองบุคคลนั้น ๆ แต่เป็นการคุ้มครองมิให้มีการแทรกแซงทางการเมืองจากฝ่ายคุ่ต่อสู้ ผมจำไม่ได้ว่ากฎหมายนี้ออกช่วงไหน แต่เข้าใจว่ามีที่มาจากการต่อสู้ทางการเมืองค่อนข้างเข็มข้นในสภา แล้วมีการใช้อำนาจของตำรวจในขณะนั้นดำเนินคดีกับฝ่ายการเมืองอีกปีก เพื่อไม่ให้ผ่านกฎหมาย หรือ การออกเสียงในสภา
หากพิจารณาดุให้ดี จะเห็นว่า เป็นการคุ้มครองเสียงของประชาชนในการทำหน้าที่ ไม่ใช่การคุ้มครองบุคคลนั้น ๆ ซึ่งมีการวางกรอบเวลาไว้ ใช่ว่าบุคคลนั้นจะไม่ถูกดำเนินคดีเอาเสียเลย
บก.ลายจุด wrote:แม้เข้าใจสิ่งที่คุณพยายามอธิบาย
แต่ไม่สามารถยอมรับชุดอธิบายนั้นได้
การอ้างว่า คนไม่เท่ากับคน ด้วยกฎของธรรมชาติ
หากคนไม่เท่ากับคน เราเรียกคนที่ด้อยกว่าว่าอะไร (สุนัข ลิง แจกัน ก้อนหิน )และ เรียกคนที่สูงกกว่าว่าอะไร ?
โดยกฎของธรรมชาติ คนเราทุกคนกำเนิดมาจากหลักการเดียวกันใช่หรือไม่ ระหว่างที่ดำรงอยู่ก็อยู่บนกฎว่าด้วยการเติบโต และ ความเสื่อม และ การจากไปใช่หรือไม่ ?
คน ๆ ใด ที่เลยไปจาก กฎธรรมชาติข้อนี้ ?
คำตอบคือ ไม่มี
สิ่งที่ทำให้คนต่างจากคนนั้น เป็นวัฒนธรรมของผุ้คนในแต่ละยุค และ บริบททางสังคม
เมื่อก่อนยุคที่มนุษย์ใกล้เคียงกับสัตว์ การแย่งชิง เป็นกฎของการเอาชีวิตรอด ใครแข็งแรงกว่าคนนั้นชนะไป อยู่รอด
กล้ามเนื้อของผู้ชายทำให้ความแตกต่างทางเพศ ชนชั้นนำจึงเป็นชาย เพราะกำหนดทั้งพลังทางเศรษฐกิจและการคุ้มครองเผ่าพันธุ์จากการสู้รบ
การเกิดของจ่าฝูง หรือ ผู้นำในชุมชน
ประกอบกับความเชื่อ พิธีกรรม ...
...
...หลังการเปลี่ยนแปลงในฝรั่งเศส ก็เต็มไปด้วยการเข่นฆ่ากันอีกนับสิบปี การเข้าแย่งชิงอำนาจของพวกผู้นำแบบเก่า ๆ ก็ยังเกิดขึ้น ไม่ต่างกับในประเทศไทยหลัง 2475 ที่ขุนศึก ขุนนาง ยังมีบทบาท ภายหลังการประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองให้เป็นระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่เพราะการเคารพในหลักการ "อำนาจสูงสุดป็นของประชาชน" ดอกหรือ ที่ทำให้เหล่าขุนศึก ขุนนาง เผด็จการทั้งหลาย ต้องคลาย หรือ ยั้งมือกับประชาชน แม้ในใจพวกเขาจะไม่เชื่อในสิ่งนั้น แต่มันก็เป็นอะไรที่มากกว่าสายลม ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ทางการเมือง วาทะกรรม อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน และ เสรีภาพ เสมอภาค ภรดรภาพ ล้วนแล้ว เป็นพลังทางจินตนาการอันสำคัญ ที่ขับเคลื่อนสังคมมาถึงทุกวันนี้
คุณ jerasak จะโยนทิ้ง หรือ เผาทิ้ง เครือ่งมือสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศนั้นหรือ ?
คุณจะใช้อะไรขับเคลื่อนพลังของประชาชน ประเทศนี้ขับเคลื่อนโดนการเฆียนตีประชาชน เหมือนเฆี่ยนตีวัวควายในภาคการเกษตรหรือ ?
หลายสิบปีที่ผ่านมา การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เกิดจากการปลดปล่อยพลังการผลิตของมนุษย์ ไม่ใช่เกิดจาการเฆี่ยนตี หรือบังครับให้ต้องทำ
การที่ผมโต้เถียงในประเด็นนี้ ไม่ใช่เพราะผมเกลียดชังผู้ใด
แต่ผมเห็นว่าหลักการเป็นสิ่งสำคัญ
การประกาศและยอมรับว่า คนเท่ากับคน ไม่ได้ทำให้คนจนหมดไป หรือ คนรวยไม่มีที่ยืน
แต่ทำให้สิทธิ์พื้นฐานของคนทุกคนมีหลักประกัน
เมื่อเขาเกิดมา มนุษย์คนนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุตรของคนรวย หรือ คนจน เขาเป็นประชากรของชาตินั้น
เมื่อเขาเด็ก เขาได้รับการดูแล และ สวัสดิการของรัฐ ในการคุ้มครองและพัฒนาให้เป็นผู้มีการศึกษา แม้เขาจะยากจนก็ตามที
เมื่อเขาโตขึ้น เขามีสิทธิ์ที่จะนำความรู้ของตนไปประกอบอาชีพ เท่าที่เขามีศักยภาพ เพื่อเลี้ยงดูตนเอง ครอบครัว และ จนเจือสังคม
และแน่นอน เขามีสิทธิ์ในการเป็นพลเมือง เพื่อกำหนดทิศทางประเทศ โดยการใช้สิทธิ์ทางการเมือง และไม่ว่าเขาจะรวย หรือ จน หรือ นามสกุลอะไร พวกเขาเสมอกัน
เมื่อวันหนึ่ง เขาเกิดความขัดแย้งพิพาก กับคู่กรณี กฎหมายจะคุ้มครองเท่าเทียมกับคู่กรณี
หากวันหนึ่ง เขาถูกนักการเมือง พ่อค้าผู้รำรวย รังแก เขามิต้องก้มหัวและยอมรับว่า ตนเองมีความเป็นคนน้อยกว่าพวกชนชั้นสูงเหล่านั้น
นี่คือ คนเท่ากับคน ในทัศนะผม
บก.ลายจุด wrote:ผมไม่แน่ใจว่า คุณ jerasak จะรู้ตัวหรือไม่ว่า ตนเองหลุดโค้งไปไกลทีเดียว
หรืออาจจะมองว่าตนเองกำลังอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงที่หดหาย และแทบไม่มีที่ยืนบนโลกที่เป็นสากล
การประกาศยอมรับว่า "ความเท่าเทียมกันเป็นสิ่งไม่จริง คนไม่เท่ากับคน" นั้น ท้าทายต่อทั้งการดำรงอยู่ของมนุษย์และสิ่งที่เรียกว่า "สิทธิมนุษยชน"
หากสังคมไทย หรือ โลกนี้ยอมรับสิ่งที่คุณพูดถึง คำประกาศในปฏิญาสากลว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รัฐธรรมนูญของหลาย ๆ ประเทศบนโลกนี้ รวมถึงรัฐธรรมนูญไทย ก็จะต้องแก้ไขกันยาวเหยียด กลายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นจริง และเมื่อเรายอมรับความจริงอย่างที่คุณ jerasak กล่าวมา เราคงต้องออกกฎหมายหลายอย่างเพื่อคุ้มครองคนที่มีสถานะสูงกว่าทางสังคม ตั้งกระทรวงชนชั้น และ การคุ้มครองสิทธิ์ของอภิสิทธิชน กำหนดขอบเขตของชนชั้นล่างให้มีสถานะเท่าที่ควรจะมี และ เขียนกฎหมายให้สิทธิ์แก่คนที่มีความพิเศษกว่าผู้อื่นให้สามารถกระทำหรือรับสิทธิ์ประโยชน์บางประการที่แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ
พอผมคิดตามตรรกะที่คุณกล่าวมา ผมก็เห็นว่ามันลงเหว ล้าหลัง ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
เท่าที่ผมติดตามความคิดของคุณ ผมไม่มีทางเชื่อว่าระบบเหตุผลคุณผิดพลาด แต่ผมเดาว่าคุณพยายามจะชนะหรือหักล้างในบางประเด็นซึ่งคุณไม่ยอมรับว่ามันหักล้างไม่ได้
ผมขอเรียกร้องให้คุณยึดถือหลักการและความเป็นคนมีเหตุมีผลอย่างที่คุณเคยเป็น คือ ถ้าคุณไม่กล้ายอมรับในเหตุผลเสียแล้ว ในบอร์ดนี้ เห็นทีจะไม่มีหลงเหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว