nopantaman wrote:ประเด็นคณะกรรมการ คุณเอามาจากพระราชบัญญัติผิดอันครับ ต้องเป้นพระราชบัญญัติการผังเมือง ไม่ใช่พระราชบัญัติควบคุมอาคาร
http://www.bma-cpd.go.th/default.asp?ID=005
(ต้องขออภัยเนื่องจากผมไม่สามารถก๊อปข้อความจาก pdf มาวางเป็นภาษาไทยได้เลยขอให้ไปอ่านเอานะครับ)
พระราชบัญญัติปี 18 กำหนดคณะกรรมการตามนั้น สังเกตุตรงกำหนดให้มีผู้แทนจากองค์กรอิสระและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการวางผังเมือง (ถ้าวางผังเมืองกรุงเทพฯ ใครเกี่ยวครับ) จำนวน 7 คน
พระราชบัญญัติเพิ่มเติมปี 35 มาตรา 19 กำหนดให้มีการฟังความเห็นประชาชนเพิ่มเติม
ทีนี้ที่ผมบอกว่า กทม. เป็น***าน (ไม่ใช่ผู้มีสิทธิ์ในการชี้ขาดนะครับ) เพราะเป็นการวางผังเมืองของกทม. ทำให้ต้องใช้คนของ กทม. มาร่วมในการวางผังเมืองด้วยครับ
คราวนี้จากพระราชบัญญัติ ทำให้ต้องมีการวางผังเมืองดังกล่าว และออกเป็นกฏกระทรวงซึ่งก็ต้องเซ็นต์โดยรัฐมนตรีมหาดไทย พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา ตอนปี 49 นั่นแหละครับ ทีนี้มาดูที่ตัวกฏกระทรวงตามนี้ http://www.bma-cpd.go.th/files/001/DOC_01.pdf
และดูว่าที่ดินรัชดาอยู่ใน ย.6 ตามนี้ [urlhttp://www.asa.or.th/?q=node/312[/url]
คราวนี้ย้อนกลับมาดูกฏกระทรวงหน้า 26 ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำหรับที่ดิน ย.6 นี่แหละครับคือข้อจำกัดของการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษที่คุณคิดว่าพจมานจะสร้าง (ตกลงเขาจะเอาไปทำธุรกิจหรือเอาไปสร้างบ้านครับ) จากข้อห้ามที่ 10 และ 11 จะสร้างได้ต้องอยู่ติดถนนขนาด 30 เมตรขึ้นไป ทำให้ไม่สามารถสร้างได้ครับ
และเงื่อนไขอีกข้อที่กฏกระทรวงปี 49 ที่คุณคิดว่าเอื้อให้ทำธุรกิจมากขึ้น แต่กลับจำกัดพื้นที่การใช้ประโยชน์มาขึ้น จากหน้า 29 เรื่องการใช้ประโยชน์ข้อ 1
ที่จำกัดพื้นที่อาคารรวมต่อพื้้นที่ดินไม่เกิน 4.5 ต่อ 1 ซึ่งลดลงจากเดิม 10 ต่อ 1
และอีกประเด็นเรื่องห้ามสร้างอาคารสูง จาก "ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท"
ซึ่งบริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ก็ถูกกำหนดเอาไว้ใน "ข้อ 2 เพื่อรักษาความปลอดภัยของสถาบันระดับสูงและบริเวณที่สมควรรักษาเป็นพิเศษเฉพาะแห่ง"
จาก http://download.asa.or.th/03media/04law/cba/bb/bb32-03.pdf (จริงๆ ของสำนักผังเมืองก็มีแต่เป็น zip ผมเลยเอาของสมาคมสถาปนิกให้ดูแทนครับ) ซึ่งกำหนดไว้ในหน้า 115 ข้อ 5(2) ห้ามสร้างอาคารสูงเกิน 9 เมตร และ 5(3) พื้นที่รวมทุกชั้นในหลังเดียกันห้ามเกิน 1000 ตารางเมตร
ซึ่งข้อบัญญัตินี้ยังมีผลบังคับใช้อยู่ โดยดูได้จากข่าวการก่อสร้างศูนย์วัฒนธรรมจีนซึ่งอยู่ข้างศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งต้องขอให้ ครม. เห็นชอบให้ยกเว้น
ไม่ต้องปฏิบัติตามข้อบัญญัตินี้ในปี 52 จากข่าว http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9520000058850
หรือ http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=265027&ch=gn2
ดังนั้นโดยสรุปจากหลักฐานเหล่านี้ คุณคิดว่าคำกล่าวหาที่ว่าทักษิณสั่งให้มีการแก้กฏหมายหลังจากซื้อที่ดินเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์เป็นความจริงหรือไม่ครับ
และจากมูลเหตุนี้ ผมถามคุณต่อว่า คุณคิดว่าทักษิณประมูลซื้อที่ดินรัชดาโดยละโมบหรือไม่ละครับ
คราวนี้อีกประเด็นคือ "ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดแต่ยังทำ" ผมคิดว่าคุณยกตัวอย่างไม่ตรงครับ เพราะทักษิณผิดเพราะคิดว่าตนเองไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจบังคับกองทุนฟื้นฟู
ซึ่งนายกรัฐมนตรีท่านก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็นคุณชวนหรือคุณบรรหารก็ไม่รู้ (ดูได้จากคำให้การครับ) และประกอบกับสอบถามไปที่กองทุน (โทษทีครับไม่ใช่กฤษฏีกา)
ก็บอกว่าประมูลได้ก็เลยประมูล อย่างนี้นับว่าเป็นการ รู้ว่าผิดแต่ยังทำ หรือ ทำโดยไม่รู้ว่าผิดครับ ซึ่งแตกต่างจากตัวอย่างของคุณที่เป็นกรณีรู้ว่าผิดแต่ยังทำครับ
ปล. ตอบคุณหงส์แดง ถ้าคิดจะวิเคราะห์คำตัดสินเชิงวิชาการเรื่อง 5 ต่อ 4 เสียง รบกวนไปค้นหาจากกูเกิลและอ่านพิจารณาเองครับ
nopantaman wrote:แยกผิดครับ ต้องแยกอย่างนี้
ข้อ ๑๗ ที่ดินประเภท ย. ๖ ให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยซึ่งไม่ใช่อาคารขนาดใหญ่พิเศษ
สถาบันราชการ การสาธารณูปโภคและสาธารณูปการเป็นส่วนใหญ่ สำหรับการใช้ประโยชน์ที่ดิน
เพื่อกิจการอื่น ให้ใช้ได้ไม่เกินร้อยละสิบของที่ดินประเภทนี้ในแต่ละบริเวณ
นี่คือย่อหน้าที่ 1 กำหนดข้อห้ามใช้ประโยชน์ 21 รูปแบบ
ที่ดินประเภทนี้ ห้ามใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการตามที่กำหนดดังต่อไปนี้
(๑) โรงงานทุกจำพวกตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน เว้นแต่โรงงานตามประเภท ชนิด และจำพวก
ที่กำหนดให้ดำเนินการได้ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงนี้ ที่ไม่ก่อเหตุรำคาญตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข
หรือไม่เป็นมลพิษต่อชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
แห่งชาติ และมีพื้นที่ประกอบการไม่เกิน ๕๐๐ ตารางเมตร
...
(๒๐) การซื้อขายหรือเก็บชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเก่า เว้นแต่ที่ตั้งอยู่ริมถนนสาธารณะที่มีขนาดเขตทาง
ไม่น้อยกว่า ๑๖ เมตร ยาวต่อเนื่องกันโดยตลอดจนไปเชื่อมต่อกับถนนสาธารณะอื่นที่มีขนาดเขตทาง
ไม่น้อยกว่า ๑๖ เมตร
(๒๑) การซื้อขายหรือเก็บเศษวัสดุ <- จบ 21 รูปแบบที่ห้ามสร้าง
นี่คือย่อหน้าที่ 2 คือถ้าไม่ได้เอา ย.6 ไปสร้างบ้าน ต้องทำตามข้อกำหนด มี 2 ข้อ
การใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทนี้ที่ไม่ใช่เพื่อการอยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด
ให้เป็นไปดังต่อไปนี้
(๑) มีอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดินไม่เกิน ๔.๕ : ๑ ทั้งนี้ ที่ดินแปลงใดที่ได้ใช้
ประโยชน์แล้ว หากมีการแบ่งแยกหรือแบ่งโอนไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน
ของที่ดินแปลงที่เกิดจากการแบ่งแยกหรือแบ่งโอนทั้งหมดรวมกันต้องไม่เกิน ๔.๕ : ๑ แต่ในกรณีที่เป็น
การใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอาคารสาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
...
และนี่คือย่อหน้าที่ 3 ย่อหน้าสุดท้ายของข้อ 17 กำหนดกรณีสร้างที่จอดรถครับ
การใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอาคารสาธารณะที่จัดให้มีที่จอดรถยนต์เพิ่มขึ้นตามวรรคสาม (๑)
พื้นที่จอดรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมาพิจารณาอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน
และอัตราส่วนของที่ว่างต่อพื้นที่อาคารรวม
คุณลองอ่านดูทุกข้อสิครับ จะมีสองหรือสามย่อหน้าอย่างนี้เสมอ โดยย่อหน้าที่ 1 กำหนดข้อห้าม
ย่อหน้าที่ 2 กำหนดพื้นที่ที่ใช้ได้
Bookmarks wrote:พื้นที่ ย.6 ไม่ได้หมายความว่า ต้องสร้างเฉพาะที่อยู่อาศัยนะคุณ กลับไปอ่านใหม่ครับ ไปทำความเข้าใจก่อนครับ ไปดูเวปไซด์ที่คุณเอามาให้ก็ได้ มีตารางเอ็กเซลให้เช็ค ว่า พื้นที่ ย.6 สร้างอาคารพาณิชย์ได้ มีข้อจำกัดว่า ถนนต้องกว้าง 16 ตรม
ไปอ่านใหม่ดีๆ ครับ
nopantaman wrote:Bookmarks wrote:พื้นที่ ย.6 ไม่ได้หมายความว่า ต้องสร้างเฉพาะที่อยู่อาศัยนะคุณ กลับไปอ่านใหม่ครับ ไปทำความเข้าใจก่อนครับ ไปดูเวปไซด์ที่คุณเอามาให้ก็ได้ มีตารางเอ็กเซลให้เช็ค ว่า พื้นที่ ย.6 สร้างอาคารพาณิชย์ได้ มีข้อจำกัดว่า ถนนต้องกว้าง 16 ตรม
ไปอ่านใหม่ดีๆ ครับ
เอ ผมก็ไม่เคยบอกนี่ครับว่า ย.6 ต้องสร้างเฉพาะที่อยู่อาศัย ไอ้ 21 แบบที่ห้าม ก็มีข้อยกเว้นครับ อ่านดูก็ทราบ แต่ที่กำลังพยายามอธิบายคือ กฏกระทรวงนี้
ไม่ได้ถูกออกโดยทักษิณสั่ง แถมยังไม่ได้ทำให้ที่ดินรัชดาสามารถสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่ทำให้ที่ดินมีค่าสูงขึ้นจากตอนประมูลเลย
นี่ต่างหากครับคือประเด็นที่ผมพยายามหาหลักฐานซึ่งก็คือตัวกฏหมาย(ขอใช้คำรวมนะครับ) มาอธิบายให้คุณเข้าใจ
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๖๐ (พ.ศ. ๒๕๔๙)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ (๓) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
และมาตรา ๘ (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๓ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการ
เกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕
มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้
โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยคำแนะนำของ
คณะกรรมการควบคุมอาคารออกกฎกระทรวงไว้
aut911 wrote:จะโดนหลอกใช้ หรือไม่อย่างไร อย่าไป***จะดีกว่านะปล่อยเข้าไป ประเด้นคือติด***เนี่ยเเหละ
คนมันชอบ*** เเม้เเต่กระทั้งคนโฟตส์ เเต่ผมพยายาม***ให้น้อยที่สุด ส่วนกระทู้ข้างบนที่บอกฟังเเต่โฆษณา
ชวนเชื่ออะไรนั้น ก็อย่าไป***รู้ดี ให้มากอีกเเหละ 555+
Bookmarks wrote:ไม่ต้องไปดูอะไรมาก แค่หาคนมาเขียนแก้ต่าง เรื่องสร้างตึกสูง ไม่ได้เอื้อประโยชน์แม้ว พวกเสื้อแดงมันก็เชื่อ โดยไม่ต้องตรวจสอบข้อมูล แล้วจะทำให้พวกเสื้อแดงมันเข้าใจได้ไงล่ะครับ ยิ่งพวกนี้ ชอบอะไรง่ายๆ แบบปลอกกล้วยเข้าปาก ก็จะมีแต่พวกโง่ๆ หลงเชื่อข้อมูล ที่พวกไอ้แม้ว มันยัดใส่ ผมว่าคงไม่มีวันล่ะครับ
ridkun_user wrote:ต้องให้เขาเจอกับตัวเองครับ ไม่งั้นก็ไม่มีวันเข้าใจ
ปล่อยให้รัฐบาลทำงานไปให้เต็มที่อย่าไปขวาง
300 บาท 15,000 บาท รีบทำทันที
ผมรับประกัน ความ ship หายรออยู่ไม่ไกลครับ
god_of_rah wrote:หนี้สินหรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นระหว่างสมรส เป็นของคนทั้งคุ่หรือของคนที่ไปซื้อหรือหามาได้ครับ
มีใครไปจับมือให้แม้วมันเซ็นให้อดีตเมียมันหรือเปล่า หรือมีใครเอาปืนไปจ่อหัวหรือเปล่า แล้วทำไมเค้าถึงเลื่อนวันหยุดปีใหม่ล่ะปีนั้นอ่ะ แล้วพจมานมีอำนาจในการประกาศวันหยุดไหมอ่ะ
99 ราตรี wrote:ทำที่ผมเจอมาไม่มีแดงคนไหนเปลี่ยนนะ ถึงจะแดงที่ไม่ล้มเจ้ารู้ว่ามีพรรคพวกล้มเจ้าก้ยังนิ่งๆเฉยๆแถมบางทียังออกหน้าปกป้องเสียอีก
nopantaman wrote:god_of_rah wrote:หนี้สินหรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นระหว่างสมรส เป็นของคนทั้งคุ่หรือของคนที่ไปซื้อหรือหามาได้ครับ
มีใครไปจับมือให้แม้วมันเซ็นให้อดีตเมียมันหรือเปล่า หรือมีใครเอาปืนไปจ่อหัวหรือเปล่า แล้วทำไมเค้าถึงเลื่อนวันหยุดปีใหม่ล่ะปีนั้นอ่ะ แล้วพจมานมีอำนาจในการประกาศวันหยุดไหมอ่ะ
จริงๆ ต้องออกตัวอีกเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ ว่าผมไม่ได้มาแก้ตัวแทนทักษิณ เพียงแต่ผมชอบที่จะค้นหาความจริง และนำความจริง
มาแบ่งปันให้คนที่อาจไม่รู้ได้รับทราบ ดังจะเห็นได้ว่าหลายๆ ผมไม่เข้าไปตอบ เพราะมันเป็นความจริง
แต่เนื่องจากคดีที่ดินรัชดานี้เป็นคดีที่น่าสนใจ และมีข่าว(โดยเฉพาะจากฝั่งเกลียดทักษิณ) ที่ออกมาโดยไม่มีมูลความจริงอยู่หลายข่าว
ทำให้ผมคิดว่าควรเข้ามาอธิบายในกระทู้นี้ครับ
ตัวอย่างอีกอันที่ออกมาเพื่อดิสเครดิตโดยมีหลักฐานชัดเจนคือการเลื่อนวันหยุดปีใหม่ที่คุณพึงโพสต์ไปนี่แหละครับ
ความจริง : ปี 46 มีการเลื่อนวันหยุดปีใหม่ โดยรัฐบาลทักสิน -> จริง
ความเท็จ : เลื่อนเพื่อให้โอนที่ทันเสียภาษีราคาถูก -> เท็จ
โดยหลักฐายประกอบคือ
1. ลองไปเปิดปฏิทินดูครับ ในปี 46 วันที่ 31 ธ.ค. 46 คือวันพุธ และ 1 มกราคือวันพฤหัส ทำให้ถ้าหยุดตามปกติ
วันศุกร์จะเป็นวันทำงาน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็คงจะลา ดังนั้น จึงมีมติคณะรัฐมนตรีให้เลื่อนวันหยุดเป็น 2 ม.ค. 47
http://www.eppo.go.th/admin/cab/cab-2546-11-25.html#31
เพื่อให้มีวันหยุดติดต่อกัน 4 วันแทน ซึ่งเป็นไปตามปีก่อนหน้าที่มีการเลื่อนวันหยุดเพื่อให้เหมาะสมที่สุด
2. มติตามข้อ 1 ออกวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 เปิดประมูล(ครั้งที่ 2 ที่พจมานเข้าร่วม) วันที่ 16 ธันวาคม 2546
มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าได้หรือครับว่าตัวเองจะประมูลชนะและจะต้องโอนวันที่ 31 ธันวาคม 2546
3. วันที่โอนที่ดินจริงคือ 30 ธันวาคม 2546 ไม่ใช่ 31 ธันวาคม 2546
(ไปลองหาข้อมูลยืนยันเองบ้างนะครับ)
4. การลดหย่อยค่าธรรมเนียมที่ดิน กรมที่ดินทำเป็นประจำเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพทย์ และในรอบดังกล่าว
ซึ่งหมดเขตวันที่ 31 ธันวาคม 46 นั้น ในวันที่ 2 มกราคม 2547 ก็ได้ขยายระยะเวลาต่ออีก 1 ปี
ดังนั้นถ้าจะโอนเพื่อให้ได้ราคาถูก จึงไม่ต้องรีบจนกระทั่งเลื่อนวันหยุดสิ้นปีเพื่อโอนที่ครับ
เป็นอย่างไร พอจะตาสว่างบ้างไหม หรือว่ายังอยากเป็นบัวใต้น้ำ ท่องเป็นแต่คำว่าเกลียดๆๆ อยู่ครับ
nopantaman wrote:Bookmarks wrote:ไม่ต้องไปดูอะไรมาก แค่หาคนมาเขียนแก้ต่าง เรื่องสร้างตึกสูง ไม่ได้เอื้อประโยชน์แม้ว พวกเสื้อแดงมันก็เชื่อ โดยไม่ต้องตรวจสอบข้อมูล แล้วจะทำให้พวกเสื้อแดงมันเข้าใจได้ไงล่ะครับ ยิ่งพวกนี้ ชอบอะไรง่ายๆ แบบปลอกกล้วยเข้าปาก ก็จะมีแต่พวกโง่ๆ หลงเชื่อข้อมูล ที่พวกไอ้แม้ว มันยัดใส่ ผมว่าคงไม่มีวันล่ะครับ
โอย อ่านแล้วจี้ดแทน เสื้อแดงหลายคนมันก็ไม่รุ้จักตรวจสอบข้อมูลจริง แต่ตอนนี้ในกระทู้นี้ ใครกันครับที่ไม่รู้จักตรวจสอบข้อมูล มัวแต่เชื่อที่ไอ้ฝั่งเกลียดทักษิณมันยัดใส่อยู่เนี่ย
Bookmarks wrote:ส่วนเรื่องที่ คุณ nopantaman บอกว่า อภิรักษ์ จะต้องรับรู้ด้วย ผมว่า เค้าก็น่าจะรู้บ้างหรอกครับ เพราะเป็นคนเซ็นต์ แต่ขั้นตอนต่างๆ มันน่าจะเกือบ 60-70% ได้แล้วมั๊งครับ การประชุมอะไร มันน่าจะเริ่มไปแล้วนะ ในสมัยสมัคร เพราะ อภิรักษ์ มาเป็น ผู้ว่า วัน 29 ส.ค. 2547 กฎกระทรวงออกวันที่ 31 พฤษภาคม 2549 ในช่วงเวลาปีกว่าๆ ที่เป็นผู้ว่า ทางกรรมการผังเมือง กทม เค้าคงไม่มาเริ่มทำตอนใกล้ๆ หมดเวลาหรอกครับ
เอาเป็นว่า เรื่องการลดขนาดลง จาก 10:1 เป็น 4.5:1 ผมดูผิดไป
ส่วนเรื่องที่คุณว่า คนเค้าตั้งแง่จะเอาผิดแม้ว ถ้าคุณจะหาความจริง คุณหาจากไหนล่ะครับ ถ้าไม่ตั้งแง่จากการหาข้อผิดพลาดของเค้าก่อน อย่างที่คุณ หาข้อผิดพลาดของแป๊ะลิ้ม เพื่อช่วยแม้ว มันก็คงทำนองเดียวกันล่ะครับ
และเวลาคุณจะดูว่าคนนี้มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ ก็ต้องดูจากอดีตครับ ว่า แม้วเคยทำผิดอะไรไว้บ้าง และพจมาร เคยทำผิดอะไรไว้บ้าง ถ้าเคยโกงมาก่อน มันก็เป็นมูลเหตุที่คนจะไม่เชื่อใจนะครับ