
โครงการถมทะเลอ่าวไทย จะต้องใช้เงินลงทุนราว 1.8 ล้านล้านบาท
การดำเนินโครงการนาทีนี้ ยังไม่ได้นับหนึ่ง ยังเป็นเพียงโครงการในฝันที่คนของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาพูด ไม่แน่นักว่าจะเป็นการโยนหินถามทาง หรือปูพื้นไม่ให้คนไทยช็อกหลังประกาศเดินเครื่องทำโครงการ
หรือเหตุผลอื่นใดก็ตาม ยังผลให้คนไม่น้อยตื่นตาระทึกใจ
สภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ภาระหนี้สินที่รัฐบาลชุดก่อนทำไว้ ประกอบกับเหตุปัจจัยอีกมากมาย ย่อมยัดเยียดความงุนงง สงสัยให้กับประชาชนอย่างช่วยไม่ได้
เค้าโครงเรื่องการถมทะเล มาจากนายปลอดประสพ สุรัสวดี ตามมาด้วย ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ความสำคัญที่ต้องการสื่อคือ จะถมทะเลออกจากปากอ่าวไปประมาณ 10 กิโลเมตร ผุดเนื้อที่นับแสนไร่ พร้อมกับสร้างเขื่อนกันน้ำทะเลเป็นแนวยาว เพื่อป้องกันและรักษาระดับน้ำทะเล ไม่ให้น้ำเข้ามาท่วมกรุงเทพมหานคร
ทะเลที่จะถม พอเห็นเค้าโครงว่าจะกินพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่าง ปากน้ำจังหวัดสมุทรปราการ ไปจนถึงจังหวัดสมุทรสาคร แม้เส้นที่ลากผ่านเป็นแนวเกาะจะไม่ไปกินเนื้อที่จังหวัดอื่นๆอีก แต่ก็สร้างความพรั่นพรึงให้กับนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และกลุ่มก้อนผู้ผวาภัยจากผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
นัยว่า เมื่อถมทะเลเสร็จแล้ว นอกจากจะป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ แล้ว กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยยังบอกอีกว่า แผ่นดินที่งอกขึ้นมาจะได้ประมาณ 3 แสนไร่ พื้นที่เหล่านั้นจะใช้เป็นพื้นที่สาธารณะประมาณ 2 แสนไร่ ส่วนอีก 1 แสนไร่จะนำไปขายให้เอกชน
คาดว่าจะได้กำไรไร่ละ 20 ล้านบาท พื้นที่จำนวน 1 แสนไร่ จะได้กำไรประมาณ 2 ล้านล้านบาท
เมืองเนรมิตนี้ วาดไว้ว่าจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจในอนาคต
นั่นคือมีทั้งศูนย์กลางทางการเมือง ธุรกิจไอที การรักษาพยาบาล และสำนักงานใหญ่ๆของบริษัทข้ามชาติ และที่น่าตื่นเต้นสำหรับคนมองหางานอยู่ก็คือ จะมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100,000 อัตรา นับเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ ที่จะมารองรับบัณฑิตที่จบการศึกษา และคนว่างงานที่นับวันจะเพิ่มขึ้น
การถมทะเลนี้ ละม้ายกับ “เดอะ ปาล์ม” (The Palm) ที่ดูไบ
โครงการ “เดอะ ปาล์ม” ตั้งชื่อตามต้นปาล์ม ซึ่งเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของดูไบ โผล่ขึ้นมาจากทะเลให้เทวดางง ด้วยการนำทรายจากทะเลมาถม โดยสร้างให้มีรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม
เดอะ ปาล์ม บริหารงานโดย บริษัท “นาคีลย์” (Nakheel) ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของรัฐดูไบ ภายในเกาะมีที่อยู่อาศัย เป็นต้นว่าคอนโดมิเนียม บ้านพักตากอากาศ อาคารสำนักงาน และโรงแรม
เดอะ ปาล์ม นี้ รัฐดูไบตั้งเป้าเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของดูไบ โดยเฉพาะการดึงดูดนักลงทุน และนักท่องเที่ยวเข้ามาดูไบมากขึ้น วาดฝันว่าจะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่จะให้ดูไบกลายเป็นศูนย์ กลางธุรกิจ
เดอะ ปาล์ม ปรากฏออกมาแล้ว แต่โครงการของไทยยังเป็นโครงการฝัน และดูจะเป็นความฝันที่เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายอีกด้วย
เพราะการเริ่มต้น “เมกะโปรเจกต์” ไม่ใช่เรื่องง่าย “ต้องมีการทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รายงานผลกระทบต่อสุขภาพ ต้องฟังความคิดเห็นของประชาชน ต้องทำประชาพิจารณ์ ต้องมีองค์กรสิ่งแวดล้อมอิสระตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม”
นายสุรจิต ชิรเวทย์ ส.ว.จังหวัดสมุทรสงคราม อธิบายขั้นตอนทางกฎหมาย และยังบอกว่า ประชาชนทั่วไปยังมีสิทธิ์พื้นฐานในการที่จะทราบถึงโครงการฝันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงข้อมูล การได้รับการชี้แจง สิทธิของชุมชน และสิทธิส่วนบุคคลที่จะรับรู้และเข้าใจความเป็นไปของโครงการ
การศึกษาสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่าต้องมีการว่าจ้างบริษัทเข้ามาดูแล ตัวอย่างโครงการที่ผ่านมาคือแหลมผักเบี้ย พบว่าต้องจ่ายบริษัทที่ให้คำปรึกษา ทำการสำรวจ วิจัยถึง 360 ล้าน
แต่โครงการใหญ่ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายบริษัทให้คำปรึกษาเท่าใด และที่หนักไปกว่านั้นคืออาจจะเป็นการจ้างที่สูญเปล่า เพราะดูจากข้อมูลที่ปรากฏ “มันเป็นไปไม่ได้” สุรจิตยืนยัน
แต่ถ้าทำ ผลกระทบจะเป็นอย่างไร
นายสุรจิตบอกว่า จะส่งผลกระทบต่อระบบสิ่งแวดล้อมของอ่าว “ก. ไก่” โดยตรง
อ่าว ก. ไก่ คือพื้นที่อ่าวไทยตอนใน เป็นบริเวณที่แม่น้ำสายต่างๆไหลลงทะเล ทำให้เกิดตะกอน กลายเป็นแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำ และยังเป็นบริเวณที่มีลักษณะพิเศษคือ มีทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย ก่อให้เกิดอาชีพหลากหลายตามสภาพน้ำ
ตัวอย่างเช่น น้ำจืดเหมาะสำหรับทำนา น้ำเค็มเหมาะสำหรับทำนากุ้ง น้ำกร่อยเหมาะสำหรับปลูกมะพร้าว เป็นต้น
สุรจิตบอกว่า บริเวณอ่าว ก. ไก่กว้างและยาวด้านละประมาณ 100 กิโลเมตร
ประเทศไทยเรามีอ่าวสวยอยู่ 3 แห่งคือ อ่าวบ้านดอน อ่าวพังงา และอ่าว ก. ไก่ อ่าว ก.ไก่เป็นอ่าว 1 ใน 17 อ่าวที่ดีที่สุดในโลกนี้ เพราะนอกจากเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์แล้ว ยังเป็นแหล่งรองรับน้ำจากแม่น้ำ เพชรบุรี แม่กลอง ท่าจีน เจ้าพระยา และบางปะกง
การผุดเกาะขนาดประมาณเนื้อที่ 3 แสนไร่ ย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเมืองเนรมิตที่จะสานฝันออกมา อยู่ระหว่างปากแม่น้ำเจ้าพระยากับปากแม่น้ำท่าจีน คนผุดโครงการขึ้นมา อ้างว่าเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม
แต่ “ปัญหาน้ำท่วม กทม.นั้น สุรจิตบอกว่า สาเหตุมาจากแผ่นดินมากกว่าจากน้ำทะเล เพราะเกิดจากแผ่นดิน 80 เปอร์เซ็นต์ จากทะเลเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
ดังนั้น ต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด
การแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ปัจจุบันมีการคัดน้ำไปท่วมที่อื่น และมีการเสริมเขื่อน เสริมตลิ่งให้สูงขึ้น และมีการผลักน้ำให้แยกไปทางตะวันตกและตะวันออกของกรุงเทพฯ ส่วนเมืองแม่กลองแม้จะอยู่ใกล้ทะเล แต่เนื่องจากมีคูคลองรองรับน้ำจึงไม่ท่วม
สุรจิตบอกว่า ถ้าสร้างเกาะขึ้นมา เกาะแห่งนี้จะใหญ่กว่า เดอะ ปาล์ม ที่ดูไบเป็นร้อยเท่า ผลจากการถมทะเล มีตัวอย่างให้เห็น เช่น “จะเกิดการกัดเซาะของน้ำทะเลขึ้นมา อย่างที่ท่าเรือแหลมฉบัง กับหาดแสงจันทร์จังหวัดระยอง สถานที่แห่งนั้นนอกจากชายฝั่งพัง ยังทำลายความมั่นคงทางอาหารชายฝั่งอีกด้วย”
สาเหตุที่ถมทะเลแล้วมีผลกระทบมาก เพราะ “ทะเลไม่เคยหลับ ทะเลแต่งตัวเองทุกนาที เมื่อมีสิ่งใดมาแปลกปลอม ทะเลย่อมเกิดการปรับตัวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง”
เมื่อถมทะเลชายฝั่งจะพัง เพราะการถม การสร้างเขื่อนเป็นโครงสร้างที่แข็ง จะทำให้เพิ่มความรุนแรงของคลื่น การกัดเซาะฝั่งของน้ำก็จะย้ายตำแหน่ง แม้จะต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาล แต่น้ำก็ไม่ได้หายไปไหน
ดังนั้น การแก้ไขน้ำท่วม ไม่น่าจะแก้ที่การถมทะเล แต่ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ
สุรจิตแนะให้พิจารณาทั้งระดับพื้นที่ และระดับนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นด้านการให้ชุมชนมีส่วนร่วม การวางผังเมืองในพื้นที่คุ้มครอง อย่างพื้นที่ชุ่มน้ำ และให้พิจารณาการสะสางลำน้ำด้วย ทั้งการสร้างทางน้ำ อีกทั้งการรักษาแก้มลิง รวมทั้งการปรับแก้รูปแบบประตูน้ำให้เหมาะสม
ตราบใดที่มีช่องทางไหล ตราบนั้นน้ำย่อมไม่ท่วมขัง
โครงการฝันถมทะเล มองสภาพภูมิประเทศ ผลกระทบและสภาพเศรษฐกิจของบ้านเมืองแล้ว ก็ได้แต่ภาวนาว่า ให้เป็นแต่เพียง “เทคนิคการหาเสียง” มากกว่าจะเกิดขึ้นจริง
http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/197746
สปอตโปรโมทรายการลงเอยอย่างไร ช่อง 11 เวลา 21.00น. ตอน ถมอ่าวไทย? ออกอากาศ วันที่ 31 สิงหาคม 54 ที่ไม่รู้ว่าคืนนี้จะได้ออกหรือไม่