sigree wrote:ผมกำลังกังวล
ไม่รู้คิดมากไปเองไหม นี้ใกล้หน้าหนาวมากแล้ว น้ำมันในตลาดโลกจะถูกซื้อไปทำความร้อนในโลกตะวันตกที่หนาวเย็น.............
เมื่อไม่มีกองทุนรักษาระดับราคา ผมนึกภาพราคาในอีก 3 เดือนข้างหน้าไม่ออกเลย
HWD wrote:น่าสังเกตุว่าเจ๊เกียว ไม่มีฤทธิเดชมากเหมือนตอนรัฐบาล ปชป. เจ๊ไม่ฟูมฟายเรื่องความไม่แน่นอนของราคาน้ำมัน ที่แม้แต่ตอนรับปากจะลดให้ 2 สต.ต่อลิตรก็มีการปรับดีเซลขึ้นมาหนึ่งรอบ ตอนนี้น้ามันมีปรับขึ้นครั้งที่สองในสองวัน ก็ยังไม่มีใครโวยวาย
ไม่มีผู้ประกอบการรายไหนกล้าหือ ตั้งข้อแม้ต่างๆนาๆ เหมือนตอน ปชป. ขอความร่วมมือ.... รายใหญ่ๆเป็นเด็กดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ทั้่งที่ประชาชนตาดำๆอย่างผมมองแล้วมันเป็นนโยบายเด็กผู้หญิงเล่นตุ็กตาชัดๆ แต่ทุกคนเหมือนเชื่อฟังอย่างดี ... นี่มันอะไรกันแน่!!!!
phoebus wrote:sigree wrote:ผมกำลังกังวล
ไม่รู้คิดมากไปเองไหม นี้ใกล้หน้าหนาวมากแล้ว น้ำมันในตลาดโลกจะถูกซื้อไปทำความร้อนในโลกตะวันตกที่หนาวเย็น.............
เมื่อไม่มีกองทุนรักษาระดับราคา ผมนึกภาพราคาในอีก 3 เดือนข้างหน้าไม่ออกเลย
รัฐบาลแม่ปูเอ๋ย ก็จบเห่สิคร้าบบบบบบบบ
300 15,000 ก็ฉุดไม่อยู่แล้วววววววว
ปุถุชน wrote:ผมกลับไปใช้แก๊สโซฮอล 95 แล้ว....
หลังจากถูกหลอกให้ใช้เบนซิน 95....!
เจ๊เกียวรู้ดีว่าอภิสิทธิ์ไม่กล้ามองหน้าเจ๊เกียว ....
ไม่เหมือน"ป้าย่น"และ"เป็ดเหลิม"
ซึ่งคิดว่าหน้าตา จิตใจ อัปลักษณ์เหมือนกัน
คบค้ากันได้......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ridkun_user wrote:ช่วงนี้ ปชป. เงียบมาก เงียบทุกเรื่อง
คาดว่าเสื้อแดงพันธุ์แท้คงคิดถึง อยากให้ ปชป. ช่วยออกมาด่ารัฐบาลผ่านสื่อหน่อย
เพราะหาบันไดลงไม่เจอแล้ว
เช้านี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศขึ้นราคาน้ำมันแตกต่างกันไป 30-60 สต.ต่อลิตร โดยเชลล์ เอสโซ่ คาลเท็กซ์ขึ้นราคาน้ำมัน 2 วันติด ทำให้ 3 รายนี้ ราคาแก๊สโซฮอล์ 95, 91 อยู่ที่ 36.51 บาทต่อลิตร และ 33.54 บาทต่อลิตร สูงกว่า ปตท.-บางจาก 60 สต. ส่วนเบนซิน 91 ทุกรายเท่ากันที่ 35.97 บาทต่อลิตร ขณะที่เชลล์ขึ้นดีเซลวันนี้ อีก 40 สต.ทำให้ ดีเซลของเชลล์ ราคาสูงสุด ที่ 27.99 บาท สูงกว่ารายอื่น 40 สต.
ด้าน ปตท.บางจาก ขึ้นตามหลัง โดยขึ้นราคาวันนี้ ทุกผลิตภัณฑ์ 60 สต.อี 85 ขึ้น 30 สต. โดย ปตท-บางจาก มีราคาโซฮอล์ต่ำกว่ารายอื่น 60 สต. เพราะมีการลดราคาพิเศษจูงใจผู้ใช้โซฮอล์ตามนโยบายรัฐ ส่งผลให้ค่าการตลาด 2 รายนี้ ต่ำมาก ทั้งนี้ สาเหตุที่ผู้ค้าทยอยปรับขึ้นราคาเพราะราคาตลาดโลกที่สูงขึ้น ทำให้ค่าการตลาดเฉลี่ย เหลือ 50-60 สต. จากที่ควรจะเป็นไม่ต่ำกว่า 1 บาทต่อลิตร. -สำนักข่าวไทย
ปชป ไม่ว่างตอนนี้กระมังครับ ไปช่วยจังหวัด สส ของตัวเองที่โดนน้ำท่วมอยู่ ส่วนจังหวัดพรรคเผาไทยก็แช่น้ำรอท่านปูไปก่อนนะคร้าridkun_user wrote:ช่วงนี้ ปชป. เงียบมาก เงียบทุกเรื่อง
คาดว่าเสื้อแดงพันธุ์แท้คงคิดถึง อยากให้ ปชป. ช่วยออกมาด่ารัฐบาลผ่านสื่อหน่อย
เพราะหาบันไดลงไม่เจอแล้ว
เช neverdie wrote:ปชป. ทำถูกแล้วครับ ที่ไม่ออกมาติติงรัฐบาลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจในตอนนี้
เลี่ยงออกมาจากการถูก "ขบวนการทักษิน" ยัดเยียดให้เป็นจำเลยของ "ขบวนการเสื้อแดง" นั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
เท่าที่รู้มา ผมเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์มี แผนการสำหรับแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สำรองใว้แล้วสำหรับทุกระดับระยะความรุนแรงของปัญหา ยกเว้นว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันต้องไม่นำพาประเทศไปพบปัญหาถึงขั้นปริวรรตเงินตรา(ลดค่าเงิน กู้ไอเอ็มเอฟ) ถ้าเป็นแบบนั้นก็ตัวใครตัวมัน แต่ถึงกระนั้น อย่างไรประชาธิปัตย์ก็ต้องเข้ามาแก้อยู่ดี (ก็แหงละ ประชาธิปัตย์ไม่ทำ แล้วใครจะทำ)
เพียงแต่รอบนี้ก่อนที่ประชาธิปัตย์จะเข้ามาแก้ปัญหา อย่างน้อยพรรคเพื่อไทยต้องออกมายอมรับสารภาพก่อนว่าเป็นคนทำให้เศรษฐกิจชาติที่กำลังใหลรื่นอยู่ดีๆ ต้องถึงกาลพังพินาศด้วยนโยบาย "ชักว่าว" ของตัวเอง
ถ้าเพื่อไทยไม่ยอมสารภาพผิด งั้นก็ปล่อยให้ประเทศมันพังพินาศไปไม่ต้องทำอะไร ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพอประชาธิปัตย์กำลังแก้ปัญหาไปได้ดี ก็จะมีสัด นา รก ชิง หมา เกิด จากเพื่อไทย ออกมาสร้าง "วาทะกรรมบิดเบือน" ว่า ประชาธิปัตย์เป็นคนทำเศรษฐกิจพังอีก
ต้องปล่อยให้พังพินาศไปเลยครับ แล้วตั้งเงื่อนไขไปเลยว่าถ้าเลือกตั้งได้เสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ขอเป็นฝ่ายค้าน ไม่งั้นพอแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่งพรรคร่วมก็จะชิ่งไปหากินต่ออีกคนดีที่ดีจริง wrote:เช neverdie wrote:ปชป. ทำถูกแล้วครับ ที่ไม่ออกมาติติงรัฐบาลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจในตอนนี้
เลี่ยงออกมาจากการถูก "ขบวนการทักษิน" ยัดเยียดให้เป็นจำเลยของ "ขบวนการเสื้อแดง" นั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
เท่าที่รู้มา ผมเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์มี แผนการสำหรับแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สำรองใว้แล้วสำหรับทุกระดับระยะความรุนแรงของปัญหา ยกเว้นว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันต้องไม่นำพาประเทศไปพบปัญหาถึงขั้นปริวรรตเงินตรา(ลดค่าเงิน กู้ไอเอ็มเอฟ) ถ้าเป็นแบบนั้นก็ตัวใครตัวมัน แต่ถึงกระนั้น อย่างไรประชาธิปัตย์ก็ต้องเข้ามาแก้อยู่ดี (ก็แหงละ ประชาธิปัตย์ไม่ทำ แล้วใครจะทำ)
เพียงแต่รอบนี้ก่อนที่ประชาธิปัตย์จะเข้ามาแก้ปัญหา อย่างน้อยพรรคเพื่อไทยต้องออกมายอมรับสารภาพก่อนว่าเป็นคนทำให้เศรษฐกิจชาติที่กำลังใหลรื่นอยู่ดีๆ ต้องถึงกาลพังพินาศด้วยนโยบาย "ชักว่าว" ของตัวเอง
ถ้าเพื่อไทยไม่ยอมสารภาพผิด งั้นก็ปล่อยให้ประเทศมันพังพินาศไปไม่ต้องทำอะไร ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพอประชาธิปัตย์กำลังแก้ปัญหาไปได้ดี ก็จะมีสัด นา รก ชิง หมา เกิด จากเพื่อไทย ออกมาสร้าง "วาทะกรรมบิดเบือน" ว่า ประชาธิปัตย์เป็นคนทำเศรษฐกิจพังอีก
เราก็ว่างั้นนะ จะต้องให้คนที่ไม่เข้าใจได้เรียนรู้ด้วยตัวเองก่อน ไม่งั้นมันก็ไม่เข้าใจต่อไป
sigree wrote:ผมกำลังกังวล
ไม่รู้คิดมากไปเองไหม นี้ใกล้หน้าหนาวมากแล้ว น้ำมันในตลาดโลกจะถูกซื้อไปทำความร้อนในโลกตะวันตกที่หนาวเย็น.............
เมื่อไม่มีกองทุนรักษาระดับราคา ผมนึกภาพราคาในอีก 3 เดือนข้างหน้าไม่ออกเลย
ความไม่ประสีประสาของนายกรัฐมนตรีโคลนนิ่ง
สองวันก่อน นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตอบคำถามนักข่าวเรื่องราคาน้ำมันเบนซินที่ลดลงลิตรละ 7 บาท ทำให้เกิดผลกระทบต่อน้ำมันแก๊สโซฮอล์จะมีวิธีแก้อย่างไร หลังจากแฉลบไปแฉลบมา งัดสคริปต์เก่าที่ท่องจำจนขึ้นใจแล้วมาใช้ อย่างเช่น ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงานไปศึกษารายละเอียด, ต้องดูวิธีปฏิบัติก่อน เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ต้องแก้ไขในระยะยาว และขอเวลา ฯลฯ นายกรัฐมนตรีก็แสดงให้เห็นถึงความไม่รู้ในเรื่องที่เป็นความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกิจการพลังงาน ที่ผู้นำในการบริหารราชการแผ่นดิน ต้องรู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ราคาน้ำมันเบนซิน 91 กับแก๊สโซฮอล์ควรจะห่างกันกี่บาท เพื่อให้คนกลับมาใช้ มากขึ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า
“รายละเอียดยังไม่ขอตอบ เพราะที่ผ่านมารัฐได้อุดหนุนน้ำมันเบนซินไปเยอะมาก ทำให้อัตราการใช้น้ำมันเบนซินมีค่อนข้างสูง จึงต้องหาวิธีให้กลับมาอยู่ในภาวะที่สมดุลก่อน จากนั้นค่อยมาดูเรื่องโครงสร้างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับแก๊สโซฮอล์”
คำตอบนี้สะท้อนว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ สับสน ไม่เข้าใจว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคืออะไร การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เก็บไปทำไม เอาไปชดเชยอะไรบ้าง จากคำตอบนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าใจผิดว่าประเทศไทยมีการอุดหนุนราคาน้ำมันเบนซิน และเข้าใจผิดว่าการงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน คือการยกเลิกเงินอุดหนุนนี้
ความจริงที่นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานเชื้อเพลิง หรือ กพช. ต้องรู้คือ ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีการอุดหนุนราคาน้ำมันเบนซิน มีแต่เก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเบนซิน และดีเซล ไปอุดหนุนผู้ใช้แก๊สแอลพีจี และแก๊สเอ็นจีวี
การอุดหนุนราคาน้ำมันเบนซิน ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นระหว่างเดือนมกราคม 2547 - 13 กรกฎาคม 2548 ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นมาก โดยใช้ใช้เงินกองทุนน้ำมันชดเชยส่วนต่างทั้งหมด จนเงินกองทุนน้ำมันหมด ต้องยกเลิกการตรึงราคาน้ำมันเบนซิน ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2547 ตรึงราคาดีเซลอย่างเดียว จนถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2548 ใช้เงินทั้งสิ้น 92,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่กองทุนน้ำมันต้องไปกู้มาจากธนาคารพาณิชย์ รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ต้องใช้เวลานานกว่าจะเคลียร์หนี้ก้อนนี้ของกองทุนน้ำมันได้หมด
ปลายปี 2553 รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินระดับ 30 บาทต่อลิตร เพื่อชะลอการปรับขึ้นค่าขนส่งและราคาสินค้า ทำให้กองทุนน้ำมัน ต้องรับภาระมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท ทำให้ต้องเปลี่ยนไปใช้วิธียกเลิกภาษีสรรพสามิตแทน
ความจริงอีกข้อหนึ่งคือ ผู้ที่ทำให้อัตราการใช้น้ำมันเบนซินสูงขึ้นอีก หลังจากลดลงมาแล้ว คือ รัฐบาลนี้แหละ ที่ลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน ให้น้ำมันเบนซินมีราคาถูกลงมาถึง 7 บาทโดยประมาณ
ไม่รู้ว่าทีมงานเขียนสคริปต์ป้อนให้นายกรัฐมนตรีพูด เข้าใจผิด หรือว่านายกรัฐมนตรีจำผิด เพราะยาวเกินไป หรือว่าเป็นการพูดนอกบท จึงเกิดความผิดพลาดอย่างจังในสาระสำคัญ แม้ว่าไม่ควรจะไปถือสาหาความกับความไม่รู้ในทุกๆ เรื่องของนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า นายกฯ คนนี้ถูกตั้งโปรแกรมให้พูด ให้ทำ ไม่ได้พูดหรือทำจากความรู้ ความเข้าใจของตัวเอง แต่ความไม่ประสีประสาในเรื่องกิจการพลังงาน ที่ตัวเองเป็นประธาน กพช.อยู่ นี่เอง ที่ทำให้มาตรการเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 ที่เพิ่งผ่านไปเพียง 4 วัน จึงส่งผลกระทบอย่างงรุนแรงต่อน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เพราะมีส่วนต่างราคาเพียง 23 สตางค์ต่อลิตรเทานั้น สำหรับน้ำมันเบนซิน 91 กับแก๊สโซฮอล์ 91 ทำให้ผู้ใช้น้ำมันก๊าซโซฮอล์ เปลี่ยนไปใช้น้ำมันเบนซิน ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ ไปถึงผู้ผลิตเอทานอล และเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง และชาวไร่อ้อย
รัฐบาลเพิ่งจะตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น จากที่ไม่เคยคิดอะไรเลย นอกจากอ้างว่า หาเสียงกับประชาชนไปแล้วก็ต้องทำให้ได้ ซึ่งเป็นคำพูดของยิ่งลักษณ์ที่บอกกับที่ประชุม กพช. ในวันที่ 26 สิงหาคม หลังจากที่มีผู้ท้วงติงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น วานนี้ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. จึงต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย โดยให้ลดลดการเก็บเงินเข้ากองทุนในส่วนแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 1.07 บาทต่อลิตร จากที่เคยเก็บ 2.40 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 1.60 บาทต่อลิตร เพื่อให้ส่วนต่างระหว่างเบนซินกับก๊าซโซฮอลล์ ห่างกันประมาณ 3 บาทต่อลิตร
สำหรับการเก็บเงินเข้ากองทุนในส่วนแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 1.60 บาทต่อลิตร เนื่องจากปัจจุบันเก็บพียง 10 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ในทางปฏิบัติ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจึงต้อง “อุ้ม” แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 1.50 บาท ซึ่งจะเร่งให้เงินกองทุนเชื้อเพลิงหมดเร็วขึ้น จากที่คาดว่า จะต้องกู้เงิน 20,000 ล้านบาท มาใส่กองทุนน้ำมัน ในเดือนมกราคมปีหน้า ก็อาจจะต้องร่นมาเป็นเดือนธันวาคมปีนี้
หวังว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะยังคงเป็นนายกฯ อยู่จนถึงตอนนั้น จะได้เห็นกันว่าจะแก้ปัญหากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเจ๊งอย่างไร
จาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000109765
== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==
lovsix wrote:ควาาายยยทั้งนั้น จับผิดหยุมหยิมเหมือนเดิม
แทนที่จะมองว่า ราคามันลด ลดค่าใช้จ่าย
ขึ้นค่าแรง เพิ่มรายได้ มันเป็นเป้าหมายให้ประชาชนอยู่ได้== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==
lovsix wrote:ควาาายยยทั้งนั้น จับผิดหยุมหยิมเหมือนเดิม
แทนที่จะมองว่า ราคามันลด ลดค่าใช้จ่าย
ขึ้นค่าแรง เพิ่มรายได้ มันเป็นเป้าหมายให้ประชาชนอยู่ได้== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==
lovsix wrote:ควาาายยยทั้งนั้น จับผิดหยุมหยิมเหมือนเดิม
แทนที่จะมองว่า ราคามันลด ลดค่าใช้จ่าย
ขึ้นค่าแรง เพิ่มรายได้ มันเป็นเป้าหมายให้ประชาชนอยู่ได้== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==