ปรีดี แฮททริค

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby baezae » Sat Oct 01, 2011 2:16 am

sanddolphin wrote:
คนบาป wrote:ถ้าไม่เอากษัตริย์ตั้งแต่เริ่ม ก็ฆ่ากันตายเป็นเบือซีครับ เพราะฐานของพระเจ้าแผ่นดินมีทั่วประเทศ

พวกที่หัวนอก รู้เรื่องการเมืองในพระนครมีซักกี่คน น่าจะไม่เกิน 500 คน

เพราะจะว่าไป ฝ่ายเอาเจ้าแค่ไม่อยากต่อสู้ แต่ค่อยๆ รวมตัวหาแนวร่วม

จนเกิดพรรค ปชป. ที่เอาเจ้าตั้งแต่ต้น มันก็เลยกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมามาจนทุกวันนี้

ฝ่ายไม่เอาเจ้าเพิ่งจะมาโผล่หัวเอาก็ต่อเมื่อทักษิณโดนไล่ออกนอกประเทศ แค่นั้นเอง

ก่อนนี้กล้าพูดซะที่ไหน เอาเถอะ พอทักษิณหมดบุญ พวกที่จ้องจะล้มเจ้าก็ต้องวิ่งเข้ารูเหมือนเดิมนั่นแหละ


ด้วยความสงสัยอย่างจริงจัง (ไม่ใช่นัก ปวศ) ถ้ามองกลับกันทำไมคนไม่ลุกฮือเพราะไม่ยอม 2475 ไม่ว่าจะหลังจากที่ คณะราษฎรล้มเหลวหรือต่างๆนาๆ หรือจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ "การเมือง" ถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องของราษฎร??? อันนี้ตั้งข้อสังเกตจากที่หลายๆท่านเสนอมานะครับ ช่วยกันคิด


เป็นเช่นนั้นแลครับ

"รัฐธรรมนูญเป็นใครจะมาปกครอง?" กับ "ประชาธิปไตยเป็นลูกชายคนรองเจ้าคุณพหลฯ" น่าจะพอบอกได้ว่า การเมืองการปกครองกับราษฎรในสมัยนั้นเป็นอย่างไร

ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังทำเกษตรกรรม ยังค้าขายปกติ หาเช้ากินค่ำ พวกเขาไม่น่าจะสนใจหรอกครับ ใครจะมาปกครอง ใครจะล้มเหลว ใครจะประสบความสำเร็จ ตราบใดที่ข้าวยังปลูกขึ้น ปลายังหาได้ สินค้ายังขายออก ใครจะปกครองไม่มีความหมายสักนิดในสมัยนั้น (ยกเว้นจะเก็บภาษีแบบขูด)

จะเห็นได้ว่า ก่อนหน้าปี ๑๔ แทบไม่มี(ถ้ามี)การลุกฮือของประชาชนต่อต้านผู้ปกครองหลังเปลี่ยนแปลงระบอบแล้วเลย ซึ่งสาเหตุก็คงมาจากส่วนข้างต้นส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่รุกคืบเข้ามาจากทางรอบด้าน ทั้งลัทธิคอมฯ และอิทธิพลของทั้งประชาธิปไตยและเผด็จการ จึงเป็นตัวกระตุ้นในภายหลังให้คนมาสนใจประชาธิปไตยแหว่ง ๆ มากยิ่งขึ้น

ซึ่งตอนนี้ก็ยังแหว่ง ๆ อยู่ และอันที่จริง ผมก็เห็นว่าส่วนที่ "ขอให้มีกิน(หรือมีเงินให้ใช้) ใครจะมาปกครอง (หรือจะกินเท่าไร) ช่างมัน" ก็ยังเป็นความคิดของคนไทยหลายคนครับ
ถ้าคุณเป็นเสื้อเหลือง ผมคุยกับคุณได้ และหัวเราะให้กันได้
ถ้าคุณเป็นเสื้อแดง ผมก็คุยกับคุณได้ และหัวเราะใ้ห้กันได้
แต่ถ้าคุณเป็นควายล้มเจ้าไม่ว่าจะสีไหน ผมจะด่าอย่างเดียว
User avatar
baezae
 
Posts: 1144
Joined: Thu Feb 18, 2010 10:43 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby ดราม่า » Sat Oct 01, 2011 2:18 am

ส่วนข้อที่ว่าผู้ที่ไม่ใช่เป็นเจ้าของที่ดินจะไม่ตั้งใจบำรุงที่ดินนั้น เห็นว่าการเป็นไปไม่ได้ ก็เมื่อที่ดินรัฐบาลกลับซื้อเอามาเป็นของกลางก็เท่ากับว่าราษฎรทั้งหมดเป็น เจ้าของที่ดินเหมือนบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นมาก ๆ และเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เช่นนี้ บริษัทนั้นมิจะบำรุงที่ดินของเขาดอกหรือ? เรากลับจะเห็นเป็นการตรงกันข้ามที่บริษัทที่มีที่ดินกลับจะบำรุงที่ดินของ เขาดีกว่าเอกชนมีที่ดินเสียอีก เวลานี้เรามีผู้ชำนาญการกสิกรรม เป็นข้าราชการคอยดูแลแนะนำในการบำรุงที่ดินต่อไปเมื่อที่ดินเป็นของรัฐบาล เราก็คงมีข้าราชการที่เป็นผู้ชำนาญในการกสิกรรมที่จะตรวจตราบำรุงที่ดินด้วย อาศัยวิชาความรู้ ความชำนาญ ความสามารถ เหมือนดั่งที่ข้าราชการกสิกรรมในเวลานี้ ถ้าหากว่าจะกล่าวว่าที่ดินจะไม่ได้รับการบำรุงขึ้นนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นการพูดอย่างดูหมิ่นข้าราชการผู้ชำนาญการกสิกรรมโดยมิ บังควร


ส่วนความคิดข้างบนของท่านปรีดีนั้นผิดแน่นอน ด้วยหลักที่ว่า"ของส่วนกลางคือของที่ไม่ใช้ของใคร และของที่ไม่ใช้ของใคร ใครก็เอาไปก็ได้" อันนี้ผมว่าคือธรรมชาติมนุษย์เลยนะ

“เมื่อข้าพเจ้ามี อำนาจ ก็ไม่มีประสบการณ์ แต่เมื่อข้าพเจ้ามีประสบการณ์ ก็ไม่มีอำนาจ”

ดังนั้นผมคิดว่าด้วยคำพูดของท่านปรีดีในวัยชรา คงมองเห็นความผิดพลาดในปรีดีวัยหนุ่มครับ


ผมรู้สึกว่างานเขียนของปรีดีมีอิทธิพลอย่างมากต่อกลุ่มแดงล้มเจ้าครับ กลิ่มมันคล้ายๆกัน (เช่น สมศักดิ์ วรเจต จักภพ ฯลฯ)

ป.ล.http://www.pridi-phoonsuk.org/outline-economic-plan-1932/ เค้าโครงเศรษฐกิจปรีดี คุณamให้มาครับ
Last edited by ดราม่า on Sat Oct 01, 2011 2:21 am, edited 1 time in total.
"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ"
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์


สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก

"กฎหมายภาษีที่ดินเป็นหัวใจของการแก้ปัญหาช่องว่างรายได้"
User avatar
ดราม่า
 
Posts: 1670
Joined: Mon Jan 10, 2011 2:37 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sat Oct 01, 2011 2:20 am

ราษฎรไทยสมัยนั้นน่าจะยังไม่ประสีประสาการเมือง ก็คงประมาณพลพรรคเสื้อแดงในปัจจุบัน รู้ครึ่งไม่รู้ครึ่ง

เมื่อระบบเจ้าขุนมูลนาย ข้าหลวง นายอำเภอ ฯลฯ ปกครองกันมาก็คงไม่กล้าต่อต้านอะไร ใครยึดอำนาจ ประชาชนก็ไม่กระเทือน

คนที่มีความกล้าหาญ ก็น่าจะเกิดช่วงมีเสรีไทย ตอนหลังก็มาเป็น สส. ก็เป็นผู้มีชื่อเสียง เป็นคนมีความรู้ในจังหวัด แล้วบางส่วนกลายเป็นแนร่วม พรรคคอมมูนิสต์ในภายหลัง

การต่อต้านอำนาจปฎิวัติ มันไม่เกิดแม้แต่ตอนจอมพล ส. ปฏิวัติ 2501 มาเป็นจริงก็ 14 ตุลา 16 นี่แล้ว

ปฎิวัติ 6 ตุลา 19 ก็ไม่เห็นมีใครออกมาต่อต้าน มีแต่หนีหัวซุกหัวซุน

สภาพเศรษฐกิจก่อน 2475 ใช่ว่าจะดี เงินในท้องพระคลังย่ำแย่ ข้าราชการถูกให้ออกมากมาย การค้าการขายก็ย่ำแย่

สภาพเศรษฐกิจในเมืองกรุง ทำให้มีคนเห็นด้วยกับการรัฐประหาร 2475 ไม่มีใครออกมาต่อต้าน คล้ายๆ กับการรัฐประหารในทุกๆ ครั้งในระยะหลังๆ

ดีไม่ดี ประชาชนออกมาให้กำลังใจทหารอีกต่างหาก

จาก 2475 มาถึง 2516 กว่าประชาชนจะกล้าออกมาก็ไม่ใช่พวกทำมาหากิน แต่เป็นเด็กๆ นิสิตนักศึกษากับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยบางส่วน

รสช.ออกมาทำก็มีดอกไม้มาฝากทหาร ไม่ได้มีการต่อต้านอะไรเพราะมันสุกงอมจากการทุจริตคอรัปชั่นเป็นสำคัญ

นักการเมืองเล่นพวก นักธุรกิจที่เสียประโยชน์ก็อยากไล่รัฐบาล สรุปคือผลประโยชน์ของพวกตัวเองทั้งนั้น

ผมก็ไม่ใช่นัก ปวศ. แต่วิเคราะห์เอาตามที่เราอ่าน เราเจอในช่วงชีวิตของเรา
Last edited by คนบาป on Sat Oct 01, 2011 2:23 am, edited 1 time in total.
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby amplepoor » Sat Oct 01, 2011 2:21 am

sanddolphin wrote: สรุป ท่านจะให้ปรีดีเกลียดเจ้าให้ได้ว่างั้น??? ถ้าอย่างนั้นผมก็อยากทราบว่าเพราะเหตุใด (ต้องมีกรณีในโรงหนังแหงมๆ)


ผมให้ปรีดีตอบข้อสงสัยนี้เองละกัน

ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศมีอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบ และกวาดรวบทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎร เพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง บ้านเมืองกำลังอัตคัดฝืดเคือง ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนา เพราะทำไม่ได้ผล รัฐบาลไม่บำรุง รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด นักเรียนเรียนเสร็จแล้วและทหารปลดกองหนุนแล้วไม่มีงานทำ จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม เหล่านี้เป็นผลของรัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมาย บีบคั้นข้าราชการชั้นผู้น้อย นายสิบและเสมียนเมื่อให้ออกจากงานแล้วก็ไม่ให้เบี้ยบำนาญ ความจริงควรเอาเงินที่กวาดรวบรวมไว้มาจัดบำรุงบ้านเมือง ให้มีงานทำ จึ่งจะสมควรที่สนองคุณราษฎรซึ่งได้เสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้ร่ำรวยมานาน แต่พวกเจ้าก็หาได้ทำอย่างใดไม่ คงสูบเลือดกันเรื่อย ๆ ไป เงินมีเหลือเท่าใดก็เอาฝากต่างประเทศ คอยเตรียมหนีเมื่อบ้านเมืองทรุดโทรม ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก การเหล่านี้ย่อมชั่วร้าย
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby baezae » Sat Oct 01, 2011 2:26 am

^
^
^
หงอกเจียมแทบก๊อปมาเลย
ถ้าคุณเป็นเสื้อเหลือง ผมคุยกับคุณได้ และหัวเราะให้กันได้
ถ้าคุณเป็นเสื้อแดง ผมก็คุยกับคุณได้ และหัวเราะใ้ห้กันได้
แต่ถ้าคุณเป็นควายล้มเจ้าไม่ว่าจะสีไหน ผมจะด่าอย่างเดียว
User avatar
baezae
 
Posts: 1144
Joined: Thu Feb 18, 2010 10:43 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby thailandlive » Sat Oct 01, 2011 2:27 am

การปฎิวัติ กับ การรัฐประหาร

แตกต่างกัน
User avatar
thailandlive
 
Posts: 53
Joined: Fri Sep 16, 2011 7:53 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby ดราม่า » Sat Oct 01, 2011 2:30 am

amplepoor wrote:
sanddolphin wrote: สรุป ท่านจะให้ปรีดีเกลียดเจ้าให้ได้ว่างั้น??? ถ้าอย่างนั้นผมก็อยากทราบว่าเพราะเหตุใด (ต้องมีกรณีในโรงหนังแหงมๆ)


ผมให้ปรีดีตอบข้อสงสัยนี้เองละกัน

ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศมีอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบ และกวาดรวบทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎร เพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง บ้านเมืองกำลังอัตคัดฝืดเคือง ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนา เพราะทำไม่ได้ผล รัฐบาลไม่บำรุง รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด นักเรียนเรียนเสร็จแล้วและทหารปลดกองหนุนแล้วไม่มีงานทำ จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม เหล่านี้เป็นผลของรัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมาย บีบคั้นข้าราชการชั้นผู้น้อย นายสิบและเสมียนเมื่อให้ออกจากงานแล้วก็ไม่ให้เบี้ยบำนาญ ความจริงควรเอาเงินที่กวาดรวบรวมไว้มาจัดบำรุงบ้านเมือง ให้มีงานทำ จึ่งจะสมควรที่สนองคุณราษฎรซึ่งได้เสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้ร่ำรวยมานาน แต่พวกเจ้าก็หาได้ทำอย่างใดไม่ คงสูบเลือดกันเรื่อย ๆ ไป เงินมีเหลือเท่าใดก็เอาฝากต่างประเทศ คอยเตรียมหนีเมื่อบ้านเมืองทรุดโทรม ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก การเหล่านี้ย่อมชั่วร้าย


ประกาศคณะราษฎรข้างต้น ท่านปรีดีเป็นผู้ร่างหรือครับ :?:
http://goo.gl/TDdpB (ประกาศคณะราษฎร)
Last edited by ดราม่า on Sat Oct 01, 2011 2:33 am, edited 1 time in total.
"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ"
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์


สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก

"กฎหมายภาษีที่ดินเป็นหัวใจของการแก้ปัญหาช่องว่างรายได้"
User avatar
ดราม่า
 
Posts: 1670
Joined: Mon Jan 10, 2011 2:37 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sat Oct 01, 2011 2:33 am

มาด้วยกัน ไปด้วยกัน
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby thailandlive » Sat Oct 01, 2011 2:43 am

เสรีไทย ก็มีปรีดี พนมยงค์

อยู่ด้วยนะ
User avatar
thailandlive
 
Posts: 53
Joined: Fri Sep 16, 2011 7:53 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby amplepoor » Sat Oct 01, 2011 2:51 am

เอกสารของคณะราษฎร ปรีดีร่างทั้งหมด ...นี่ผมก็ว่าตามที่ศิษย์ปรีดีว่าไว้นะครับ

ปมที่น่าศึกษาก็คือ คำประกาศมีสองเวอร์ชั่น ที่เราอ่านนะ เป็นแบบที่ซอฟท์แล้ว วันที่ประกาศจริงนั้นดุเดือดกว่ามาก หัวใจของมันคือหลัก 6 ประการ ซึ่งจะต้องมีบทขยายตามมา

หลัก 6 ประการนี้แหละ ผมถือว่าคือ"อประชาธิปไคย"ของปรีดี
คือหลังจากนั้น แกก็เขียนเค้าโครงเศรษฐกิจออกมาเป็นเนื้อพอกโครงกระดูกหลัก 6 ประการ แสดงแนวทางปฎิบัติซึ่งจะเปลี่ยนชีวิตของคนไทยไปอย่างสุดโต่ง โดยไม่ได้ขอฉันทามติจากราษฎร และไม่มีการขอจนกระทั่งวันที่พระปกเกล้าทรงมีพระราชหัตถเลขาอันเลื่องลือ

ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่สละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎร โดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยฉะเพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร

ดูการบิดเบือนของสมสัดด้วยนะครับ
http://somsakwork.blogspot.com/2010/03/7_03.html

สมสัดพยายามป้ายสีว่า ที่จริง ร.7 เอาคำว่าราษฎร เข้ามาแทนคำว่า พระองค์ นี่คือเทคนิคโสมมแบบเสื้อแดงชั้นต่ำ กล้าทำโดยที่เจ้าของคำพูดไม่สามารถแก้ต่างได้อีกแล้ว เพื่อจะดิสเครดิตเจ้าอย่างหน้าด้านที่สุด

แต่ลองคิดดูนะครับ ปรีดีอ้างว่าอำนาจเป็นของราษฎร เขายึดมาเพื่อมอบให้ราษฎร
แต่ทำไมหลัก 6 ประการ ไม่ให้ชาวบ้านเป็นคนเลือกล่ะ

ผมจึงยืนยันเสมอว่า ปรีดีไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นอำนาจนิยมรูปแบบหนึ่ง
Last edited by amplepoor on Sat Oct 01, 2011 2:59 am, edited 1 time in total.
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby ชาวสวน » Sat Oct 01, 2011 2:51 am

ผมได้ความรู้ จากกระทู้นี้มากมาย ขอบคุณทุกท่านที่มาถกกันด้วย เหตุและผล

เรายังสามารถฝากบ้านเมืองไว้ ให้กับลูกหลาน ในภายภาคหน้า เอาอดีตมาศึกษาและะก้าวไปด้วยกัน :) :)
ชาวสวน
Moderator
 
Posts: 91
Joined: Wed Jul 28, 2010 4:47 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby amplepoor » Sat Oct 01, 2011 2:55 am

thailandlive wrote:เสรีไทย ก็มีปรีดี พนมยงค์

อยู่ด้วยนะ


ปรีดีเป็นหัวหน้าเสรีไทยส่วนที่อยู่ในสยาม ใช้รหัสว่า RUTH แปลงมาจาก TRUTH นี่ไม่ใช่ความลับ

ท่านต้องการจะสื่ออะไร เอาให้ชัดได้ใหมครับ เจอดอนฝิ่นคนเดียวก็เหนื่อยแย่แล้ว
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby thailandlive » Sat Oct 01, 2011 3:05 am

amplepoor wrote:
thailandlive wrote:เสรีไทย ก็มีปรีดี พนมยงค์

อยู่ด้วยนะ


ปรีดีเป็นหัวหน้าเสรีไทยส่วนที่อยู่ในสยาม ใช้รหัสว่า RUTH แปลงมาจาก TRUTH นี่ไม่ใช่ความลับ

ท่านต้องการจะสื่ออะไร เอาให้ชัดได้ใหมครับ เจอดอนฝิ่นคนเดียวก็เหนื่อยแย่แล้ว



สำหรับเราคงหมายถึง ท่านเป็นคนในประวัติศาสตร์
User avatar
thailandlive
 
Posts: 53
Joined: Fri Sep 16, 2011 7:53 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sat Oct 01, 2011 3:27 am

amplepoor wrote:ผมไม่รู้ว่าคุณโลมาทำให้เกิดความสับสนทำไม แต่ที่คุณเขียนนี่ มีคำผิดมากเหลือเกิน

นอกจากที่บอกว่าปรีดีเคยเป็นองคมนตรี ทั้งๆ ที่แกเป็นผู้สำเร็จ นัยยะก็ห่างกันแยะแล้ว
แต่ลองคิดดูว่าหลวงอดุลยเดชจำรัสก็เป็นองคมนตรี ในทางการเมืองหมายความว่าอะไร มันสะท้อนเรื่องเอาเจ้าไม่เอาเจ้าในวันนั้นหรือไม่ รวมถึงการที่นายเฉลียวมากินตำแหน่งใหญ่โตน่ะ บอกข้อเท็จจริงอะไรเรื่องความจงรักภักดี

คุณยังมาเล่นลิ้นว่าคอมมิวนิสต์คือระบอบเศรษฐกิจ ไม่ใช่ระบอบการเมือง นี่ก็แกล้งพูดอีก เพราะที่จริงแล้วปากชาวบ้านเวลาที่พูดถึงคอมมิวนิสต์นั้น เราหมายถคงระบอบการปกครอง มีน้อยคนที่หมายถึงระบอบเศรษฐกิจ ผมไม่อยากจะลองภูมิคุณเลย แต่ถ้าจะอธิบายว่าคอมมิวนิสต์ทางเศรษฐกิจน่ะ มีลักษณะที่น่าสนใจอย่างไร ก็จะเป็นพระคุณ

แล้วที่บอกว่ารัฐมนตรีก่อน 2475 แย่งงบกัน ก็ทำให้งง เพราะมันไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีในยุคนั้น

เอาละ ผมอยากให้คุณสงบสติอารมณ์สักหน่อย ลองอ่านคำโต้แย้งของพระปกเกล้าดู ตรองให้ถี่ถ้วนว่า ระหว่างเค้าโครงเศรษฐกิจกับคำแย้งนั้น ข้างใหนที่เข้าใจราษฎรมากกว่ากัน


ประการแรกผมชี้แจงไปแล้วว่าข้อมูลคลาดเคลื่อน

ประการที่สอง นี่ไม่ใช่การเล่นลิ้นแต่ผมพูดตามหลักรัฐศาสตร์เลย ผมถึงได้บอกว่าคนส่วนมากเอา "ประชาธิปไตย" ไปผูกกับ "เสรีประชาธิปไตย" ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันเป็นสองอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกันนั้นก็คือ "เสรีนิยม" และ "ประัชาธิปไตย" (ลองหางานง่ายๆของ สมเกียรติ วันทะนะอ่านได้ชื่อว่า อุดมการณ์ทางการเมือง) นอกจากนี้สิ่งที่ท่านอยากให้ผมเสนอว่ามัน "น่าสนใจ" นั้น ท่านหมายถึง "ลักษณะ" ของระบบ หรือว่าท่านหมายถึง "จุดเด่นหรือจุดด้อย" ถ้าเป็นคอมมิวนิสต์ในแง่ของ มาร์กซ์ละก็ สังคมจะพัฒนาแบบไดอาเลกติคจนไปถึงสังคมคอมมูินิสต์ขั้นสุดท้ายโดย "ปราศจากปัญหาทางด้านความเหลื่อมล้ำต่ำสูง" ไม่มีแม้กระทั่ง "รัฐบาล" ที่จะมาถือกรรมสิทธิ์ของเหล่ากรรมชีพ (proletarians) แต่ถ้าท่านสนใจระบบเศรษฐกิจคอมมิวนิสต์นั้น จุดเด่นจริงๆของมันก็คือการ "ยึดถือกรรมสิทธิ์ทุกอย่างให้เป็นของรัฐ" นี่คือขั้นแรก ส่วนจุดเด่นในเชิงรายละัเอียดนั้น ของโซเวียตผมไม่ทราบเ้พราะไม่เชี่ยวชาญ ถ้าเป็นกรณีของจีนเข้าใจว่าแบ่งได้ "กว้างๆ" สองยุค คือในช่วง "ก้าวกระโดด" และช่วง "เปิดประตู" ซึ่งอย่างแรกถ้าจะให้รวบยอดสั้นๆก็คือจีนใช้นโยบาย "หูโข่ว" คือไม่ได้คนเคลื่อนย้ายจากมณฑลหนึ่งไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบนอกจากนั้นยังได้ยึดกรรมสิทธิ์มาจากเอกชนราวปี 1956 หลังจากการเรียนรู้เทคนิคการผลิตมาเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่ง (หลัง 1 ตุลาึคม 1949) เหล่านี้ เพื่อที่จะจัดตั้ง คอมมูนประชาชนขึ้นมา (คอมมูนเหล่านี้ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีก) ด้วยความจำเป้นที่จะไปเน้นทางด้านอุตสาหกรรมหนัก คือ ตอนแรกก่อนปี 1953 มีการใช้นโยบายซื้อสินค้าจากทางเกษตรจากภาคการเกษตรก่อนและก็ค่อยๆเป็นไปด้วยดี ประชาชนกระเตื้องที่จะขายสินค้าให้รัฐ (ในช่วงนี้ยังไม่เป็น "คอมมูนิสต์ในรูปแบบจีน" ) แต่ด้วยความจำเป็นทางด้านการทหารทำให้จีนจำต้องเน้นมาทางด้านอุตสาหกรรมหนักเป็นเหตุให้รัฐต้องกดราคาของสินค้าการเกษตรซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตซึ่งรับมาจากชนบทภาคการเกษตร ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้ทำเพื่อลดต้นทุนการผลิตของรัฐวิสาหกิจในเขตเมือง---เหนื่อยพิมพ์เยอะ--- นี่คือตัวอย่างของเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม หรือจะท่านจะเรียกว่าคอมมิวนิสต์ก็แล้วแต่ แต่แล้วก็มีเศรษฐกิจช่วงก้าวกระโดด 1958-1961

ทั้งหมดที่กล่าวมาก็ เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าไอ้ระบบเศรษฐกิืจคอมมิวนิสต์ที่ท่านอยากให้ผมบอกเนี่ย แม่มหลากหลายมากมาย คือแล้วแต่ประเทศ อย่างในกัวตานาโม ก่อน ที่ ปธน เจคอบ อาร์เบ็นซ์จะถูก รปห โดย การร่วมมือระหว่าง รมต ต่างประเทศ US + United Fruit Company รบ อาร์เบนซ์มีแนวนโยบายไปทางสังคมนิยม ซึ่งก็คือเริ่มเอาใจ labor union มากขึ้น แต่ US บอก ลื้อมันเป็น "commie" ว่ะ

ผมไม่เคยคิดว่าระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์จะเดินไปได้ในระยะยาว เพราะว่ามันเน้นไปที่การเพิ่ม inputs อย่างเดียวแต่ปราศจากการพัฒนาประสิทธิผล (efficiency) ซึ่งเมื่อเพิ่มปริมาณดังกล่าวอย่างเดียวมากๆขึ้นจะเิกิดในสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ (ผมไม่ใช่) เรียกมันว่า Law of diminishing returns ซึ่งก็คือเมื่อคุณเพิ่ม input จนถึงจุดๆหนึ่ง Outputs จะเิริ่มลดลงเนื่องจากไม่ได้มีการพัฒนาทางด้านการศึกษาและความสามารถพิเศษเฉพาะ อย่างที่ Paul Krugman นักเศรษศาสตร์รางวัลโนเบล เคยโต้แย้งถึงความล้มเหลวของระบบเศรษฐกิจของโซเวียตในช่วงแรกๆในบทความที่ชื่อ the Myth of Asia's Miracle (ผมจะมาอีดิตถึงตัวเลขและรายละเอียดภายหลัง) อย่างไรก็ดี ใช่ว่าระบบเศรษฐกิจที่รัฐเข้ามามีบทบาทจะ "เลว" เสมอไป อย่างเช่น โมเดล "ฉันทามติปักกิ่ง" พูดง่ายๆก็คือ มีการสร้างแรงจูงใจ+ปรับโครงสร้างพื้นฐานของประชากรจีนที่มีมากอย่างล้นหลาม ซึ่งสามารถกระชากคนจีนออกจากความยากจนได้มากถึง 230 ล้านคน ในปี 2008 (หลังจาก 1978 ซึ่งมีการปฏิรูปนโยบายทางเศรษฐกิจของจีน) ในส่วนนี้นั้น นักวิชาการจีนบางคนยังคงเรียกเลยว่า "ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ของเติ้ง" จะเห็นได้ว่า เส้นแบ่งระหว่างระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์เริ่มถูกเบลอ

สรุป 1.ไม่มีทางที่ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์จะประสบความสำเร็จในระยะยาว 2. จุดเด่นของระบบ ศก คอม นั้นหลากหลายและแล้วแต่กรณีศึกษาของแต่ละรัฐมาก ถ้าพิมพ์หมดอาจจะได้วิทยานิพนธ์หนึ่งเล่มจากการศึกษาอย่างจริงๆจังๆในเชิงเปรียบเทียบ

ประเด็นต่อมา ที่ผมใช้คำว่า "รัฐมนตรี" อันเนื่องมาจากผมอ่านตำราภาษาอังกฤษของ Benjamin Batson ซึ่งเขียนเกี่ยวกับความเปลี่ยนผ่านของการเมืองไทยในระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งหนังสือใช้คำว่า Minister แทนคำว่า เสนาบดีกระทรวงบลาๆๆๆ ไหนๆก็ไหนๆ สมัยนั้นมีการขาดดุลของทางราชสำนักอย่างรุนแรง ในปี 2462-2464 ขาดดุลมาตลอดจนต้องกู้ยืมเงินจาก ตปท ซึ่งเป็นเหตุให้เมื่อในหลวงรัชกาลที่ 7 ขึ้นครองราชย์จำต้องตัดทอนรายจ่ายด้วยการตัดข้าราชการบางส่วนออกไป แต่ทว่าในปี 2472-75 นั้นสภาพ ศก โลกได้ส่งผลให้ไทยได้ัรับผลกระทบหนักขึ้นไปอีกซึ่ง ต้องลดเงินเดือนข้าราชการ เหตุปะทุระหว่างกระทรวงดังกล่าวก็คือช่วงที่ ในหลวงรัชกาลที่ 7เสด็จ ไป US 7เดือน เรื่องของเรื่องก็คือ เสนาบดีกระทรวงกลาโหมขณะนั้น (พระองค์เจ้าบวรเดช) เสนอเลื่อนเงินทหาร 322 นาย ในจำนวนนี้ 231 ได้รับการเลื่อนยศ ดังนั้นเพิ่มเงินก็ไม่มีเรื่องราว แต่ทว่า 91 นายที่ไม่ได้เลื่อนแต่อยากได้ตังค์เพิ่ม กระทรวงพระคลังก็เห็นว่ามีความสำคัญเพราะเบิกล่วงหน้าไปแล้วแต่ขอไว้ว่ากระทรวงอื่นๆจะไม่ทำตาม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ประท้วงไม่เห็นด้วย ดังนั้น กรมพระยาดำรงฯ อภิรัฐมนตรี (นายกฯ ถ้าคุณพอใจจะเรียกอย่างไหน) พระองค์เจ้าบวรเดชรู้สึกเสียพระพักตร์อย่างยิ่ง จึงได้ลาออกไป ภายหลังก็ยังมีข้อขัดแย้งกับ กระทรวงการคลังอีกอันสืบเนื่องมาจากงบประมาณที่จะเป็นไปในรูปแบบเหมาจ่ายหรือขึ้นอยู่กับการตรวจสอบงบเช่นกระทรวงอื่นๆ ฯลฯ

ประการสุดท้าย กรณีคำโต้แย้งของในหลวงรัชกาลที่ 7 นั้น ผมอยากจะบอกอย่างใจจริงว่าผมไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้มากมาย เหตุผลก็เพราะว่าผมไม่ทราบว่าการอธิบายของผมนั้นจะเป็นการก้าวล่วงพระยุคลบาทของพระองค์ท่านหรือไม่ ผมไม่สามารถพูดได้ว่า ฝ่ายใดเห็นใจราษฎรมากกว่ากัน ถ้าผมบอกว่าคณะราษฎร ผมก็โดนหาว่าไม่จงรักภักดี ถ้าผมบอกว่าในหลวงรัชกาลที่ 7 ก็จะมีอีกกลุ่มมาด่าผมได้เช่นกัน ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เค้าโครงฯดังกล่าวไม่ได้ถูกนำมาใช้ปฏิบัติ ถ้าถูกนำมาใช้แล้วค่อนก็อาจจะประเมินได้ว่า จุดประสงค์ของปรีดีนั้นเพื่อประชาชนจริงหรือไม่
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sat Oct 01, 2011 3:34 am

amplepoor wrote:
sanddolphin wrote: สรุป ท่านจะให้ปรีดีเกลียดเจ้าให้ได้ว่างั้น??? ถ้าอย่างนั้นผมก็อยากทราบว่าเพราะเหตุใด (ต้องมีกรณีในโรงหนังแหงมๆ)


ผมให้ปรีดีตอบข้อสงสัยนี้เองละกัน

ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศมีอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบ และกวาดรวบทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎร เพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง บ้านเมืองกำลังอัตคัดฝืดเคือง ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนา เพราะทำไม่ได้ผล รัฐบาลไม่บำรุง รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด นักเรียนเรียนเสร็จแล้วและทหารปลดกองหนุนแล้วไม่มีงานทำ จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม เหล่านี้เป็นผลของรัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมาย บีบคั้นข้าราชการชั้นผู้น้อย นายสิบและเสมียนเมื่อให้ออกจากงานแล้วก็ไม่ให้เบี้ยบำนาญ ความจริงควรเอาเงินที่กวาดรวบรวมไว้มาจัดบำรุงบ้านเมือง ให้มีงานทำ จึ่งจะสมควรที่สนองคุณราษฎรซึ่งได้เสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้ร่ำรวยมานาน แต่พวกเจ้าก็หาได้ทำอย่างใดไม่ คงสูบเลือดกันเรื่อย ๆ ไป เงินมีเหลือเท่าใดก็เอาฝากต่างประเทศ คอยเตรียมหนีเมื่อบ้านเมืองทรุดโทรม ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก การเหล่านี้ย่อมชั่วร้าย


ก็แค่ร่้างปลุกใจกระมัง ประกาศฉบับนี้ในหลวงรัชกาลที่ 7 ทรงกริ้วมาก ภายหลังปรีดีต้องมาขออภัยโทษกับในหลวงรัชกาลที่ 7 (จำไม่ได้ source ไหน เดี๋ยวเจอจะมาบอก)
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sat Oct 01, 2011 3:38 am

เรียน amplepoor

ผมกำลังศึกษา ผลกระทบของโมเดล ศก คอม จีน อันส่งผลไปสู่การเปลี่ยนผ่านทางการเมือง เพื่อที่จะลองเขียนส่งอยู่ ไว้ผมเขียนแล้วจะมาแบ่งปันครับ
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby baezae » Sat Oct 01, 2011 3:38 am

sanddolphin wrote:
amplepoor wrote:
sanddolphin wrote: สรุป ท่านจะให้ปรีดีเกลียดเจ้าให้ได้ว่างั้น??? ถ้าอย่างนั้นผมก็อยากทราบว่าเพราะเหตุใด (ต้องมีกรณีในโรงหนังแหงมๆ)


ผมให้ปรีดีตอบข้อสงสัยนี้เองละกัน

ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศมีอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบ และกวาดรวบทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎร เพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง บ้านเมืองกำลังอัตคัดฝืดเคือง ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนา เพราะทำไม่ได้ผล รัฐบาลไม่บำรุง รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด นักเรียนเรียนเสร็จแล้วและทหารปลดกองหนุนแล้วไม่มีงานทำ จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม เหล่านี้เป็นผลของรัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมาย บีบคั้นข้าราชการชั้นผู้น้อย นายสิบและเสมียนเมื่อให้ออกจากงานแล้วก็ไม่ให้เบี้ยบำนาญ ความจริงควรเอาเงินที่กวาดรวบรวมไว้มาจัดบำรุงบ้านเมือง ให้มีงานทำ จึ่งจะสมควรที่สนองคุณราษฎรซึ่งได้เสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้ร่ำรวยมานาน แต่พวกเจ้าก็หาได้ทำอย่างใดไม่ คงสูบเลือดกันเรื่อย ๆ ไป เงินมีเหลือเท่าใดก็เอาฝากต่างประเทศ คอยเตรียมหนีเมื่อบ้านเมืองทรุดโทรม ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก การเหล่านี้ย่อมชั่วร้าย


ก็แค่ร่้างปลุกใจกระมัง ประกาศฉบับนี้ในหลวงรัชกาลที่ 7 ทรงกริ้วมาก ภายหลังปรีดีต้องมาขออภัยโทษกับในหลวงรัชกาลที่ 7 (จำไม่ได้ source ไหน เดี๋ยวเจอจะมาบอก)


คงคล้าย ๆ กับกรณี "กระสุน" ของคางคกจตุพร หรือ "เผามันเลย ผมรับผิดชอบเอง" ของไพร่เต้นกระมังครับ

คนเราหากไม่มีเจตนา หรือมีความคิดเก็บไว้อยู่ในใจ ยากที่มันจะบรรยายออกมาได้ ต่อให้เขียนลงไปก็รู้สึกละอายและตะขิดตะขวงใจในการเขียน ถ้อยคำก็ไม่โน้มน้าวจูงใจ

อย่างประกาศข้างต้นเรียก"ปลุกใจ" คงไม่เหมาะครับ "ปลุกระดม" "ยุแหย่" อาจจะเป็นคำที่เหมาะสมกว่า
ถ้าคุณเป็นเสื้อเหลือง ผมคุยกับคุณได้ และหัวเราะให้กันได้
ถ้าคุณเป็นเสื้อแดง ผมก็คุยกับคุณได้ และหัวเราะใ้ห้กันได้
แต่ถ้าคุณเป็นควายล้มเจ้าไม่ว่าจะสีไหน ผมจะด่าอย่างเดียว
User avatar
baezae
 
Posts: 1144
Joined: Thu Feb 18, 2010 10:43 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sat Oct 01, 2011 3:42 am

thailandlive wrote:เสรีไทย ก็มีปรีดี พนมยงค์

อยู่ด้วยนะ


ก็กลุ่มพรรคสหชีพ ในอีสานไงครับ
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sat Oct 01, 2011 3:45 am

baezae wrote:
sanddolphin wrote:
amplepoor wrote:
sanddolphin wrote: สรุป ท่านจะให้ปรีดีเกลียดเจ้าให้ได้ว่างั้น??? ถ้าอย่างนั้นผมก็อยากทราบว่าเพราะเหตุใด (ต้องมีกรณีในโรงหนังแหงมๆ)


ผมให้ปรีดีตอบข้อสงสัยนี้เองละกัน

ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศมีอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบ และกวาดรวบทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎร เพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง บ้านเมืองกำลังอัตคัดฝืดเคือง ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนา เพราะทำไม่ได้ผล รัฐบาลไม่บำรุง รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด นักเรียนเรียนเสร็จแล้วและทหารปลดกองหนุนแล้วไม่มีงานทำ จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม เหล่านี้เป็นผลของรัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมาย บีบคั้นข้าราชการชั้นผู้น้อย นายสิบและเสมียนเมื่อให้ออกจากงานแล้วก็ไม่ให้เบี้ยบำนาญ ความจริงควรเอาเงินที่กวาดรวบรวมไว้มาจัดบำรุงบ้านเมือง ให้มีงานทำ จึ่งจะสมควรที่สนองคุณราษฎรซึ่งได้เสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้ร่ำรวยมานาน แต่พวกเจ้าก็หาได้ทำอย่างใดไม่ คงสูบเลือดกันเรื่อย ๆ ไป เงินมีเหลือเท่าใดก็เอาฝากต่างประเทศ คอยเตรียมหนีเมื่อบ้านเมืองทรุดโทรม ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก การเหล่านี้ย่อมชั่วร้าย


ก็แค่ร่้างปลุกใจกระมัง ประกาศฉบับนี้ในหลวงรัชกาลที่ 7 ทรงกริ้วมาก ภายหลังปรีดีต้องมาขออภัยโทษกับในหลวงรัชกาลที่ 7 (จำไม่ได้ source ไหน เดี๋ยวเจอจะมาบอก)


คงคล้าย ๆ กับกรณี "กระสุน" ของคางคกจตุพร หรือ "เผามันเลย ผมรับผิดชอบเอง" ของไพร่เต้นกระมังครับ

คนเราหากไม่มีเจตนา หรือมีความคิดเก็บไว้อยู่ในใจ ยากที่มันจะบรรยายออกมาได้ ต่อให้เขียนลงไปก็รู้สึกละอายและตะขิดตะขวงใจในการเขียน ถ้อยคำก็ไม่โน้มน้าวจูงใจ

อย่างประกาศข้างต้นเรียก"ปลุกใจ" คงไม่เหมาะครับ "ปลุกระดม" "ยุแหย่" อาจจะเป็นคำที่เหมาะสมกว่า


ก็คงจะเป็นการปลุกระดมจริงๆนั่นละท่าน ผมคิดว่าการปฏิวัติ การปลุกระดมให้ฮึกเหิมยังสำคัญเลยนะ คือท่านคิดดูในวันที่ปฏิวัติน่ะ ทหารที่ไปรวมตัวกันไปที่พระรูปเยอะแยะ เขานึกว่าจะมีซ้อมสวนสนามเลยไปรวมๆกัน ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยว่ามีการปฏิวัติ มารู้อีกทีก็เห็นพระยารูปร้างอ้วนท้วมเหน็บปืน (ตามที่หม่อมคึกฤทธิ์ บรรยาย) มายืนประกาศ อีกอย่างความพยายามดังกล่าวเคยพลาดมาแล้วก่อนหน้าสมัยของพวกปรีดีเสียอีก

ผมบอกแล้วถ้าสนใจจริงๆต้องไป ที่ มธ ตึกโดม ไปดูพิพิธภัณฑ์ ท่านอาจจะตะขิดตะขวงใจกับเนื้อหา แต่ว่ารายละเอียดยิบย่อยกระทั่งว่าท่านผู้หญิง พูนสุข มีนามสกุลเดิมว่าอย่างไร ผมยังอยากไปอีกเลยถ้ามีโอกาส
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sat Oct 01, 2011 3:47 am

ดึกละ คุยซะจนอดวิ่งออกกำลังกายเลย ผมไปนอนก่อนละครับ คืนนี้หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์ (นานๆมาเล่นที ก็เล่นนานๆหน่อย)
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sat Oct 01, 2011 3:50 am

ถ้าพูดถึงกรณี 2475 ท่านปรีดีเป็นหัวหน้าฝ่ายพลเรือน

ดังนั้น งานเอกสารทั้งหลาย ท่านต้องรับผิดชอบอยู่แล้วครับ ไม่ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby Torres_No9 » Sat Oct 01, 2011 3:55 am

อะไรที่พูด ที่ประกาศออกมาเจตนาเพื่ออะไร คนฟังครั้งแรกจะรู้สึกอย่างไร
มันก็จะเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าจะคิดว่าเจตนาเพื่อปลุกใจก็ไม่จำเป็น
ต้องพูดถึงอีกฝ่ายนึงเลยก็ได้ ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะแค่เพื่อปลุกใจ ++
กลุ่มเพื่อนลูคัส ++
User avatar
Torres_No9
 
Posts: 1091
Joined: Thu May 20, 2010 2:47 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby amplepoor » Sat Oct 01, 2011 3:55 am

sanddolphin wrote:เรียน amplepoor

ผมกำลังศึกษา ผลกระทบของโมเดล ศก คอม จีน อันส่งผลไปสู่การเปลี่ยนผ่านทางการเมือง เพื่อที่จะลองเขียนส่งอยู่ ไว้ผมเขียนแล้วจะมาแบ่งปันครับ


ขอบคุณครับ

ผมคิดว่า คำว่าโมเดล อาจจะไม่เหมาะกับหัวข้อนี้ แต่ถ้าคนที่อ่านงานของคุณเขายอมรับ ก็ช่างเถิด
ฝรั่งพลาดให้จีนก็เพราะใช้คำนี้ และถ้าไม่เปลี่ยนแนวคิด ก็จะเจ๊งต่อไป
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sat Oct 01, 2011 3:57 am

คนบาป wrote:ถ้าพูดถึงกรณี 2475 ท่านปรีดีเป็นหัวหน้าฝ่ายพลเรือน

ดังนั้น งานเอกสารทั้งหลาย ท่านต้องรับผิดชอบอยู่แล้วครับ ไม่ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม


เฮียนี่พูดมีเหตุผลดีแฮะุ
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sat Oct 01, 2011 4:01 am

amplepoor wrote:
sanddolphin wrote:เรียน amplepoor

ผมกำลังศึกษา ผลกระทบของโมเดล ศก คอม จีน อันส่งผลไปสู่การเปลี่ยนผ่านทางการเมือง เพื่อที่จะลองเขียนส่งอยู่ ไว้ผมเขียนแล้วจะมาแบ่งปันครับ


ขอบคุณครับ

ผมคิดว่า คำว่าโมเดล อาจจะไม่เหมาะกับหัวข้อนี้ แต่ถ้าคนที่อ่านงานของคุณเขายอมรับ ก็ช่างเถิด
ฝรั่งพลาดให้จีนก็เพราะใช้คำนี้ และถ้าไม่เปลี่ยนแนวคิด ก็จะเจ๊งต่อไป


จริงๆผมไม่ได้ใช้คำว่าโมเดลหรอกครับ ผมใช้คำว่า "Market Socialism" ซึ่งประเด็นหลักของการศึกษาของผมคือ หลักการและเหตุผลและความสำเร็จของระบบนี้มันนำไปสู่การเกิดขึ้นของชนชั้นกลางที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องไปไล่ดูกรณีศึกษาว่าด้วยชนชั้นกลางที่เทียบเคียงกันได้ ซึ่งก็พยายามนั่งๆคิดอยู่

ผมไปอาบน้ำนอนจริงๆละครับ ราตรีสวัสดิ์
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby amplepoor » Sat Oct 01, 2011 4:07 am

ก็แค่ร่้างปลุกใจกระมัง ประกาศฉบับนี้ในหลวงรัชกาลที่ 7 ทรงกริ้วมาก ภายหลังปรีดีต้องมาขออภัยโทษกับในหลวงรัชกาลที่ 7 (จำไม่ได้ source ไหน เดี๋ยวเจอจะมาบอก)

ถ้าคุณเป็นนักวิชาการ วิธีปัดสวะแบบ "ก็แค่ร่้างปลุกใจกระมัง......." มันทำให้คุณติดกับตัวเอง

เวลาที่เราเจอปมที่เราเอาชนะไม่ได้ นั่นละของดี

น่าจะเคี้ยวให้แหลก นานหน่อยก็ควรทำ

คำเตือน
การเล่นโวหารนอกจากทำให้คู่สนทนาเบื่อ ยังทำให้สมองทื่อด้วยนะครับ
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sat Oct 01, 2011 4:09 am

sanddolphin wrote:
คนบาป wrote:ถ้าพูดถึงกรณี 2475 ท่านปรีดีเป็นหัวหน้าฝ่ายพลเรือน

ดังนั้น งานเอกสารทั้งหลาย ท่านต้องรับผิดชอบอยู่แล้วครับ ไม่ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม


เฮียนี่พูดมีเหตุผลดีแฮะุ


มันเป็นเช่นนั้นเอง
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sat Oct 01, 2011 4:35 am

ราษฎรทั้งหลายจงพร้อมใจกันช่วยคณะราษฎรให้ทำกิจอันจะคงอยู่ชั่วดินฟ้านี้ให้สำเร็จ คณะราษฎรขอให้ทุกคนที่มิได้ร่วมมือเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลกษัตริย์เหนือกฎหมายพึงตั้งตนอยู่ในความสงบ และตั้งหน้าทำมาหากิน อย่าทำการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางต่อคณะราษฎร การที่ราษฎรช่วยคณะราษฎรนี้ เท่ากับราษฎรช่วยประเทศ และช่วยตัวราษฎร บุตรหลานเหลนของตนเอง ประเทศจะมีความเป็นเอกราชอย่างพร้อมบริบูรณ์ ราษฎรจะได้รับความปลอดภัย ทุกคนจะต้องมีงานทำ ไม่ต้องอดตาย ทุกคนจะมีสิทธิเสมอกัน และมีเสรีภาพพ้นจากการเป็นไพร่เป็นข้าเป็นทาสของพวกเจ้า หมดสมัยที่เจ้าจะทำนาบนหลังราษฎร สิ่งที่ทุกคนพึงปรารถนาคือความสุขความเจริญอย่างประเสริฐ ซึ่งเรียกเป็นศัพท์ว่า “ศรีอาริยะ” นั้น ก็จะพึงบังเกิดขึ้นแก่ราษฎรถ้วนหน้า

ย่อหน้าสุดท้ายของคำประกาศคณะราษฎร
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby นู๋ฟิว » Sat Oct 01, 2011 4:53 am

กระทู้มีสาระดีครับทุกท่าน

ผมเด็ก generation x ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แค่อยากรู้แค่ว่าไอ้พวกที่บอกว่าปัจจุบันประเทศไทยเจริญช้าเนี่ยจริงรึป่าวน่ะครับแล้วมันไปเกี่ยวกับระบอบการปกครองอย่างไร

ผมไป University ที่ใหญ่ที่สุดด้านการเกษตรที่มาเลย์ก็รู้สึกคุณภาพเกือบทุกด้านของเค้ายังไม่เท่าไทย (ยกเว้น ค่าเงิน กับ ขนาดของอาคาร ที่ใหญ่กว่าไทย) คืออยากจะเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านเราน่ะครับ แล้วกับเวียดนามที่ปกครองแบบพรรคเดียวนี่เค้าเจริญกว่าไทยรึเปล่าครับ


อีกเรื่องที่อยากแสดงความเห็นนะครับ

ความเห็นผม เรื่องความเท่าเทียมกันของคนผมเห็นด้วยนะครับกับหลักการว่าคนมีความเป็นคนเท่ากันทุกคน แต่ถ้าไร้ระเบียบไร้วินัยไร้ศีลธรรมเมื่อไหร่ คนก็ไม่ต่างไปจากสัตว์ล่ะครับ อีกหน่อยสัตว์ก็คงเท่ากับคน หมา=แมว ผี=คน มั่วไปหมดแค่คิดก็มึนแล้วครับ
ไม่ได้ประชดนะครับผมพูดจริงๆ
User avatar
นู๋ฟิว
 
Posts: 68
Joined: Sun Mar 22, 2009 6:51 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby Anubitz » Sat Oct 01, 2011 5:05 am

ขอบคุณมากครับสำหรับกระทู้ดีๆแบบนี้
คิดไม่ผิดจริงๆที่เข้ามาในเวปบอร์ดแห่งนี้
User avatar
Anubitz
 
Posts: 478
Joined: Sat Sep 17, 2011 5:28 pm

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron