นายเกตุ wrote:ปัจจุบันสังคมไทยยังคงงมงายกับปัญหาเก่า อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหารจะเกิดหรือไม่
ผมว่าแกกำลังอัดคนไทยที่เพ้อเจ้อแต่เรื่อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหาร มากกว่านะครับ
นอกจากนั้นแล้วคนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้านมากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก
“ กระบวนการที่ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เรื่องเลือกตั้ง การโกงกิน หรือ การใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในการเลือกตั้ง แต่ต้องหาวิธีต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการรวบอำนาจ โดยไม่อาศัยกองกำลัง หรือ กองทัพ” นายอานันท์ กล่าว
ใต้หล้า wrote:นายเกตุ wrote:ปัจจุบันสังคมไทยยังคงงมงายกับปัญหาเก่า อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหารจะเกิดหรือไม่
ผมว่าแกกำลังอัดคนไทยที่เพ้อเจ้อแต่เรื่อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหาร มากกว่านะครับ
สีข้างถลอกแล้วครับเพ่ แถกันอย่างด้านๆเลย
DarkSwan wrote:ผมว่าก็ด้อยพัฒนาจริงๆ นี่ครับ คุณดราม่าก็พูดถูกแล้ว แต่ที่ด้อยพัฒนา ไม่ใช่แค่กระบวนการยุติธรรมหรอก
แต่เป็นความรู้ความเข้าใจ การยอมรับ ความรับผิดชอบ ความเข้าใจในกฏหมายของประชาชนและสังคมที่มีต่อกระบวนการยุติธรรม อีกด้วย
ที่อ่อนด้อยพัฒนาสุดๆ
ดราม่า wrote:กระบวนการยุติธรรม = ตำรวจ > อัยการ > ศาล
ท่านอานันท์พูดหมายรวมทั้งหมดนอกจากนั้นแล้วคนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้านมากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก
“ กระบวนการที่ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เรื่องเลือกตั้ง การโกงกิน หรือ การใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในการเลือกตั้ง แต่ต้องหาวิธีต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการรวบอำนาจ โดยไม่อาศัยกองกำลัง หรือ กองทัพ” นายอานันท์ กล่าว
ใต้หลาอย่าเหมารวมว่าเขาชมเสื้อแดงแล้วด่ากลุ่มอื่น แต่คุณอานันท์พูดถึงสังคมไทยโดยรวม ตามควมเห็นของท่าน
เปิดตาเปิดใจ มองให้กว้างๆ
ใต้หล้า wrote:DarkSwan wrote:ผมว่าก็ด้อยพัฒนาจริงๆ นี่ครับ คุณดราม่าก็พูดถูกแล้ว แต่ที่ด้อยพัฒนา ไม่ใช่แค่กระบวนการยุติธรรมหรอก
แต่เป็นความรู้ความเข้าใจ การยอมรับ ความรับผิดชอบ ความเข้าใจในกฏหมายของประชาชนและสังคมที่มีต่อกระบวนการยุติธรรม อีกด้วย
ที่อ่อนด้อยพัฒนาสุดๆ
เอาอีกแล้ว ไอ้แพนกวิ้น ทำตัวเป็นฤาษีแปลงสาน อีกแล้ว
ปัญหาใหญ่ในสังคมไทยตามมุมมองของตนคือ การรวบอำนาจศาล , บริหาร และนิติบัญญัติ แบบเบ็ดเสร็จไว้ที่บุคคลเพียงคนเดียวและกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มเดียว นอกจากนั้นแล้วคนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้านมากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก
ใต้หล้า wrote:นายเกตุ wrote:ปัจจุบันสังคมไทยยังคงงมงายกับปัญหาเก่า อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหารจะเกิดหรือไม่
ผมว่าแกกำลังอัดคนไทยที่เพ้อเจ้อแต่เรื่อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหาร มากกว่านะครับ
สีข้างถลอกแล้วครับเพ่ แถกันอย่างด้านๆเลย
SpeedDeVa wrote:ทำเป็นฉลาดวิจารย์เหมารวมแบบนี้ก็ชิฟหายซิ คนดีๆที่มีคุณธรรมมันยังมีอยู่แต่มันไม่โอกาสเข้ามาทำงาน มันอยู่ที่ตัวบุคคล ไม่ใช่ระบบทั้งหมด กระบวนการยุติธรรมแบบถุงขนม 2 ล้านซิท่าถึงเรียกว่าพัฒนา ต้องรัฐประหารแล้วคนแบบทักสินได้ประโยชน์ซิถึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จ ตลกว่ะ
จะรัฐประหารแล้วแล้วไง เพราะนักการเมืองมันเหรี้ขย มันถึงได้รัฐประหาร มีประชาธิปไตยแล้วไงเห็นก็ได้นักการเมืองเหรี้รยมาอยู่ดี กฤษฎีกาเป็นผู้ที่มีอายุ 70-80 ปีแล้วไง ก็มันเหรี้รยตั้แต่ตำรวจเขียนสำนวนกับอัยการ(บางคน)แล้ว ต่อให้คนร่างกฏหมายเทวดาแค่ใหน แต่ถ้าต้นน้ำมันยำกันและแล้ว กฏหมายมันก็ไม่เป็นกฏหมาย ด่าทหาร ด่ากระบวนการยุติธรรม แต่ไม่แตะตำรวจเลยนะ เอียงนี่หว่า
ดีครับดี ไม่ต้องพูดถึงคุณธรรม จริยธรรมของคนที่เข้ามาทำหน้าที่กันแล้ว อะไรไม่ถูกใจก็จะเปลี่ยนท่าเดียว ไม่ได้ดูว่าปัญหาแท้จริงมันอยู่ตรงใหน
ใต้หล้า wrote:2 ตค. 2554 18:47 น.
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปัจฉิมกถาตอนหนึ่งในงานหาทุนสร้าง “ อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 2535 ” ที่มูลนิธิพฤษภาประชาธรรมจัดขึ้น ว่า ปัจจุบันสังคมไทยยังคงงมงายกับปัญหาเก่า อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหารจะเกิดหรือไม่ การเลือกตั้ง พรรคการเมือง นักการเมือง ซึ่งเป็นเพียงกลไกการเมืองไม่ใช่สาระสำคัญที่จะไปสู่ความก้าวหน้าของอนาคต ส่วนปัญหาใหญ่ในสังคมไทยตามมุมมองของตนคือ การรวบอำนาจศาล , บริหาร และนิติบัญญัติ แบบเบ็ดเสร็จไว้ที่บุคคลเพียงคนเดียวและกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มเดียว นอกจากนั้นแล้วคนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้านมากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก
“ กระบวนการที่ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เรื่องเลือกตั้ง การโกงกิน หรือ การใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในการเลือกตั้ง แต่ต้องหาวิธีต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการรวบอำนาจ โดยไม่อาศัยกองกำลัง หรือ กองทัพ” นายอานันท์ กล่าว
นายอานันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา ตนมองว่ายังด้อยพัฒนา โดยเฉพาะตัวกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย และบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงสถาบันการศึกษาที่สอนเรื่องกระบวนการยุติธรรมยังด้อยพัฒนา ความเห็นส่วนตัวมองว่าต้องยุบสำนักงานกฤษฎีกาเพราะในการบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่การบริหารด้วยกฎหมาย อีกทั้งบุคคลที่นั่งเป็นกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ที่มีอายุ 70-80 ปี ซึ่งแก่ไปแล้ว นอกจากนั้นมองว่าตราบใดที่คิดว่าจะให้กระบวนการยุติรรมเกิด ต้องเข้าถึงธรรมและความชอบธรรม ไม่ใช่ยุติด้วยการทำ ที่ผ่านมาไม่มีทางออกที่ไหน การรัฐประหารก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป [b]รัฐประหารมากี่ครั้งไม่ได้พิสูจน์อะไรเลย นอกจากทหารที่บริหารงานไม่เป็น สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องศึกษาในรายละเอียด
ใต้หล้า wrote:2 ตค. 2554 18:47 น.
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปัจฉิมกถาตอนหนึ่งในงานหาทุนสร้าง “ อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 2535 ” ที่มูลนิธิพฤษภาประชาธรรมจัดขึ้น ว่า ปัจจุบันสังคมไทยยังคงงมงายกับปัญหาเก่า อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหารจะเกิดหรือไม่ การเลือกตั้ง พรรคการเมือง นักการเมือง ซึ่งเป็นเพียงกลไกการเมืองไม่ใช่สาระสำคัญที่จะไปสู่ความก้าวหน้าของอนาคต ส่วนปัญหาใหญ่ในสังคมไทยตามมุมมองของตนคือ การรวบอำนาจศาล , บริหาร และนิติบัญญัติ แบบเบ็ดเสร็จไว้ที่บุคคลเพียงคนเดียวและกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มเดียว นอกจากนั้นแล้วคนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้านมากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก
ตรงนี้ด่าควายแดงเต็มๆ 555555
“ กระบวนการที่ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เรื่องเลือกตั้ง การโกงกิน หรือ การใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในการเลือกตั้ง แต่ต้องหาวิธีต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการรวบอำนาจ โดยไม่อาศัยกองกำลัง หรือ กองทัพ” นายอานันท์ กล่าว
ตรงนี้ท่านหมายความว่า ประชาชนต้องไม่ให้คนเลวบริหารบ้านเมือง จนเป็นเงื่อนไขให้ทหารออกมาปฏิวัติรัฐประหารได้อีก
นายอานันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา ตนมองว่ายังด้อยพัฒนา โดยเฉพาะตัวกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย และบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม
ถุงขนมสองล้านเป็นตัวอย่าง การที่อัยการสั่งไม่ฟ้องในหลายๆ คดีที่ประชาชนยังมีความคลางแคลงใจอยู่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง
รวมถึงสถาบันการศึกษาที่สอนเรื่องกระบวนการยุติธรรมยังด้อยพัฒนา ความเห็นส่วนตัวมองว่าต้องยุบสำนักงานกฤษฎีกาเพราะในการบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่การบริหารด้วยกฎหมาย อีกทั้งบุคคลที่นั่งเป็นกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ที่มีอายุ 70-80 ปี ซึ่งแก่ไปแล้ว นอกจากนั้นมองว่าตราบใดที่คิดว่าจะให้กระบวนการยุติรรมเกิด ต้องเข้าถึงธรรมและความชอบธรรม ไม่ใช่ยุติด้วยการทำ ที่ผ่านมาไม่มีทางออกที่ไหน การรัฐประหารก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป รัฐประหารมากี่ครั้งไม่ได้พิสูจน์อะไรเลย นอกจากทหารที่บริหารงานไม่เป็น สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องศึกษาในรายละเอียด
อานันท์ แขวะ ทักษิณ ขาดจิตสำนึก ต้นเหตุรัฐประหาร
เดลินิวส์ วัน ศุกร์ ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 20:51 น.
ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ นายอานันท์ ปันยารชุน อตีดนายกรัฐมนตรี อภิปรายตอนหนึ่งว่า..
จากวิฤกติ 14 ตุลามาจนถึงพฤษภาทมิฬจะได้เห็นพระบารมีของพระองค์ที่ไม่ต้องตรัสอะไรมากเพียงแต่เรียก พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีและพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้า
และตรัสเพียงสั้นๆว่าถ้าทั้งสองฝ่ายยังสู้กันต่อไปคนที่แพ้คือประชาชน
จะเห็นได้ไม่มีตรงไหนที่ตรัสว่าพล.อ.จำลอง หรือ พล.อ.สุจินดา ทำผิดหรือทำถูกเพียงขอให้นึกถึงประเทศและประชาชนเท่านี้พล.อ.สุจินดาก็ยอมลาออก
ทำให้ตนคิดว่าถ้า 9 เดือนที่แล้วถ้ามีจิตสำนึกลาออกซักหน่อยก็จะไม่มีรัฐประหาร
เพราะทหารเข้ากรมมา15 ปีแล้วเป็นทหารอาชีพ ที่สำคัญยังไม่เคยได้ยินผบทบ.คนใดออกมาพูดข่มขู่รัฐบาลเหมือนในอดีต
นายอานันท์ กล่าว
ปัจจุบันสังคมไทยยังคงงมงายกับปัญหาเก่า อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหารจะเกิดหรือไม่ การเลือกตั้ง พรรคการเมือง นักการเมือง ซึ่งเป็นเพียงกลไกการเมืองไม่ใช่สาระสำคัญที่จะไปสู่ความก้าวหน้าของอนาคต ส่วนปัญหาใหญ่ในสังคมไทยตามมุมมองของตนคือ การรวบอำนาจศาล , บริหาร และนิติบัญญัติ แบบเบ็ดเสร็จไว้ที่บุคคลเพียงคนเดียวและกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มเดียว นอกจากนั้นแล้วคนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้านมากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก
“ กระบวนการที่ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เรื่องเลือกตั้ง การโกงกิน หรือ การใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในการเลือกตั้ง แต่ต้องหาวิธีต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการรวบอำนาจ โดยไม่อาศัยกองกำลัง หรือ กองทัพ”
นายอานันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา ตนมองว่ายังด้อยพัฒนา โดยเฉพาะตัวกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย และบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงสถาบันการศึกษาที่สอนเรื่องกระบวนการยุติธรรมยังด้อยพัฒนา ความเห็นส่วนตัวมองว่าต้องยุบสำนักงานกฤษฎีกาเพราะในการบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่การบริหารด้วยกฎหมาย อีกทั้งบุคคลที่นั่งเป็นกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ที่มีอายุ 70-80 ปี ซึ่งแก่ไปแล้ว นอกจากนั้นมองว่าตราบใดที่คิดว่าจะให้กระบวนการยุติรรมเกิด ต้องเข้าถึงธรรมและความชอบธรรม ไม่ใช่ยุติด้วยการทำ ที่ผ่านมาไม่มีทางออกที่ไหน การรัฐประหารก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป รัฐประหารมากี่ครั้งไม่ได้พิสูจน์อะไรเลย นอกจากทหารที่บริหารงานไม่เป็น สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องศึกษาในรายละเอียด
“ กระบวนการที่ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เรื่องเลือกตั้ง การโกงกิน หรือ การใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในการเลือกตั้ง แต่ต้องหาวิธีต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการรวบอำนาจ โดยไม่อาศัยกองกำลัง หรือ กองทัพ”
ใต้หล้า wrote:2 ตค. 2554 18:47 น.
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปัจฉิมกถาตอนหนึ่งในงานหาทุนสร้าง “ อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 2535 ” ที่มูลนิธิพฤษภาประชาธรรมจัดขึ้น ว่า ปัจจุบันสังคมไทยยังคงงมงายกับปัญหาเก่า อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหารจะเกิดหรือไม่ การเลือกตั้ง พรรคการเมือง นักการเมือง ซึ่งเป็นเพียงกลไกการเมืองไม่ใช่สาระสำคัญที่จะไปสู่ความก้าวหน้าของอนาคต ส่วนปัญหาใหญ่ในสังคมไทยตามมุมมองของตนคือ การรวบอำนาจศาล , บริหาร และนิติบัญญัติ แบบเบ็ดเสร็จไว้ที่บุคคลเพียงคนเดียวและกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มเดียว(ทำให้ง่ายต่อการควบคุมและรวบอำนาจเบ็ดเสร็จแบบสมัยตักขี้) นอกจากนั้นแล้วคนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้าน(แบบที่ไปยื่นประทวงให้ปลดคนที่ทำงานตามปกติโดยไม่ได้โกงกินใคร)มากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก
[color=#FF0000][/color]“ กระบวนการที่ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เรื่องเลือกตั้ง การโกงกิน หรือ การใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในการเลือกตั้ง แต่ต้องหาวิธีต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการรวบอำนาจ โดยไม่อาศัยกองกำลัง หรือ กองทัพ” นายอานันท์ กล่าว(หมายถึงเลือกตั้งมาแล้วรวบอำนาจนำคนของตนเองเข้าไปอยู่ในกองทัพเพื่อหาทางรวบอำนาจเรียกว่ามีกองทัพไว้ในมือ)
นายอานันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา ตนมองว่ายังด้อยพัฒนา โดยเฉพาะตัวกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย(มีช่องโหว่และไม่สมารถบังคับใช้ได้จริงในการเอาตัวผู้ผิดมาลงโทษ) และบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม(คงหมายถึงคนไร้ความเป็นกลางในการตัดสินเอียงเอนตามผลประโยชน์) รวมถึงสถาบันการศึกษาที่สอนเรื่องกระบวนการยุติธรรมยังด้อยพัฒนา(เอาแค่คนทำงานมีคนรู้เรื่องกฏหมายแรงงานกี่คน รู้ว่าตนเองได้รับสิทธิในฐานะลูกจ้างมีอะไรบ้าง) ความเห็นส่วนตัวมองว่าต้องยุบสำนักงานกฤษฎีกาเพราะในการบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่การบริหารด้วยกฎหมาย อีกทั้งบุคคลที่นั่งเป็นกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ที่มีอายุ 70-80 ปี ซึ่งแก่ไปแล้ว นอกจากนั้นมองว่าตราบใดที่คิดว่าจะให้กระบวนการยุติรรมเกิด ต้องเข้าถึงธรรมและความชอบธรรม ไม่ใช่ยุติด้วยการทำ ที่ผ่านมาไม่มีทางออกที่ไหน การรัฐประหารก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป(เพราะทำไปแล้วสังคมก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงและพัฒนาความรู้ความเข้าใจในคำว่าไม่โกงกิน) รัฐประหารมากี่ครั้งไม่ได้พิสูจน์อะไรเลย นอกจากทหารที่บริหารงานไม่เป็น(ถ้าประเทศเป็นคอมมิวนิสต์คงบริหารได้สบายเพราะทหารคือผู้มีอำนาจสูงสุด) สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องศึกษาในรายละเอียด
SpeedDeVa wrote:ผมขอสรุปบ้าง
สรุปว่าท่านอานันท์ต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยแบบกลวงๆ ปล่อยให้นักการเมืองมันโกงกันให้สิ้นชาติ ทหารไม่ต้องมายุ่ง ทหารมันโง่มันบริหารไม่เป็น (แต่ทหารมันทำให้ชาติคงอยู่ได้) แต่มันโง่บริหาร เพราะฉะนั้นเราต้องลดอำนาจมัน มันจะได้ไม่ทำรัฐประหารอีก ปล่อยให้นักการวเมืองขี้โกงให้มันโกงต่อไป เดี่ยวประชาชนก็ตาสว่างเองจะเกิดการพัดทะนา ถ้าไม่ชิฟหายซะก่อน กระบวนการยุติธรรมอย่าง กรรมการกฤษฎีกา ก็ไม่ต้องมีแล้ว แก่ ล้าหลังไม่ทันเหตุการ ตำรวจเค้าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แล้ว ไม่เคยเข้าข้างใคร ไม่จำเป็นต้องมีนักกฏหมายแก่ๆ ที่ต้องผ่านการสอนกฏหมายในมหาลัย ไม่จำเป็นต้องเรียนมหาลัยในประเทศอย่างน้อยกี่ปีก็ว่าไป ไม่ต้องทำงานกฏหมายมาก่อน ให้ใครก็ได้ร่างกฏหมาย ให้คนแก่ 70-80 ปีทำมันไม่ทันการ พวกนักการเมืองขี้โกงทั้งหลายจะได้ไม่มีวันติดคุก
คนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้านมากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก
SU5 wrote:SpeedDeVa wrote:ผมขอสรุปบ้าง
สรุปว่าท่านอานันท์ต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยแบบกลวงๆ ปล่อยให้นักการเมืองมันโกงกันให้สิ้นชาติ ทหารไม่ต้องมายุ่ง ทหารมันโง่มันบริหารไม่เป็น (แต่ทหารมันทำให้ชาติคงอยู่ได้) แต่มันโง่บริหาร เพราะฉะนั้นเราต้องลดอำนาจมัน มันจะได้ไม่ทำรัฐประหารอีก ปล่อยให้นักการวเมืองขี้โกงให้มันโกงต่อไป เดี่ยวประชาชนก็ตาสว่างเองจะเกิดการพัดทะนา ถ้าไม่ชิฟหายซะก่อน กระบวนการยุติธรรมอย่าง กรรมการกฤษฎีกา ก็ไม่ต้องมีแล้ว แก่ ล้าหลังไม่ทันเหตุการ ตำรวจเค้าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แล้ว ไม่เคยเข้าข้างใคร ไม่จำเป็นต้องมีนักกฏหมายแก่ๆ ที่ต้องผ่านการสอนกฏหมายในมหาลัย ไม่จำเป็นต้องเรียนมหาลัยในประเทศอย่างน้อยกี่ปีก็ว่าไป ไม่ต้องทำงานกฏหมายมาก่อน ให้ใครก็ได้ร่างกฏหมาย ให้คนแก่ 70-80 ปีทำมันไม่ทันการ พวกนักการเมืองขี้โกงทั้งหลายจะได้ไม่มีวันติดคุก
ใจเย็นๆครับ ตั้งแต่ผมเกิดมาพึ่งเจอรัฐประหารแค่2ครั้ง พฤษภาทมิฬก็เคยไปเย๊วๆๆ กับเขาคนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้านมากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก
สังคมไทยจะอยู่อย่างไร ถ้าเราไม่เอาคำพูดของคนเฒ่าคนแก่มา ตริ ตรอง บ้าง
ระหว่างคนแก่ที่ผมเคารพ กับไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่ผมไม่รู้จักอวดอ้างว่าตัวเก่ง พูดโกหกเหมือนกัน
ผมเลือกที่จะเชื่อคนแก่ เพราะอย่างน้อยคนแก่ ก็แค่โกหกเด็ก...
SU5 wrote:...ถ้า สมศักดิ์ เจียม อ้างตัวว่าวิเศษ เก่งจริง สามารถด่าใครก็ได้ สมควรเป็นผู้ประสิทธิ์ประศาสน์วิชา ...จริง จิ๊งงง
"_ _ ผมเลือกฟังไอ้เหลิม(เพื่อนรุ่นน้อง) ไล่เตะหมาข้างถนนดีกว่า ด่าทุกคนที่ความเห็นไม่ตรงกับมัน..