by ผ่าวารี » Tue Oct 04, 2011 5:31 pm
สามก๊กการเมืองไทย ตอน ยุทธการปรองแดก
.
.
เจิ้งหยางศกปีที่ 164 แรม 9 ค่ำ เดือน 8 แม้เป็นยามแรม แต่แสงแห่งพระจันทร์ก็ยังคงทอทาบท้องฟ้าจนเห็นกระจ่าง นับเป็นความกรุณาแห่งสวรรค์ที่ยังประทานความสว่างมาส่องทางให้แก่มวลมนุษย์ ทำให้ได้เห็นความเคลื่อนไหวอันวิปริตผันแปรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในฮวนนั้งก๊ก
หลังจาก “โจสิน” แตกทัพครั้งใหญ่ในศึกสิบทัพ ในช่วงปลายฤดูร้อนปีนี้แล้ว กองทัพทั้งปวงตลอดจนไพร่พลก็ระส่ำระสาย และกลายเป็นจุดอ่อนให้กับอำนาจรัฐของ “ปี้เซ็ก” เคลื่อนไหวบดขยี้ หรือจี้จุดมรณะ ทำให้เกิดภาวะชะงักงันทั่วทั้งขบวน
แต่บรรดาลิ่วล้อบริวารของ “โจสิน” นั้นล้วนเป็นพวกโง่เขลาเบาปัญญา หาได้ตระหนักถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปครั้งใหญ่แล้วแต่ประการใดไม่ พวกมันยังคิดแผนงานและโครงการต่าง ๆ เพื่อต้มตุ๋น “โจสิน” กันต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
เพราะทุกโครงการแผนงานที่กลั่นออกมาจากมันสมองขี้เลื่อยเหล่านั้นกลับเป็นที่โปรดปรานของ “โจสิน” ยิ่งนัก ดังนั้นไม่มากก็น้อยท่อน้ำเลี้ยงจึงยังคงรินหลั่งไหลไปสู่คนประดานั้น จนไม่ต้องมีอันทำการงานอย่างอื่น เพราะชีวิตนี้แค่คิดอ่านโครงการแผนงานล้วงกระเป๋า “โจสิน” ก็สามารถสร้างความมั่งมีศรีสุขได้มากมายมหาศาลแล้ว
ดังนั้นแทนที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังตกเป็นฝ่ายรับเพื่อขยับขึ้นเป็นฝ่ายกระทำอันจะนำไปสู่การเปิดฉากรุกครั้งใหม่ แต่พวกมันก็กลับเอะอะโวยวายร้องแรกแหกกระเฌอข่มขู่ผู้คนในฮวนนั้งก๊กกันไม่เว้นแต่ละวัน
บ้างก็โพนทะนาว่าวันไหนที่ “ปี้เซ็ก” ยกเลิกกฎเข้มงวดฉุกเฉิน เมื่อนั้นประดามันเหล่าอั้งนั้งก็จะเคลื่อนพหลพลไกรจากทั่วสารทิศเข้ามาเผาบ้านระเบิดกรุงอีกครั้งหนึ่ง
พวกหัวขี้เลื่อยเหล่านั้นคิดว่าการป่าวประกาศลักษณะนี้จะเป็นที่ปลุกเร้าประโลมใจเหล่าพวกอั้งนั้งให้ฮึกห้าวเหิมหาญแล้วเตรียมการเผาบ้านเผากรุงอีกครั้งหนึ่ง แต่แท้จริงแล้วประดาหัวขี้เลื่อยเหล่านั้นมิได้สำนึกเลยว่าการเคลื่อนไหวแบบนี้ล้วนเข้าทาง “ตั๋งเทือก” และ “ลิห้อย”
เพราะพลันที่กระแสการบุกกรุง ระเบิดบ้านเผาเมืองครั้งใหม่แพร่ขยายไปในฮวนนั้งก๊กเท่านั้น บรรดาชาวฮวนนั้งก๊กทั้งปวงไม่ว่ายากดีมีจน ไม่ว่าอยู่แห่งหนตำบลไหน ไม่ว่าจะทำมาค้าขายอย่างใด ก็พากันประหวั่นพรั่นใจเป็นยิ่งนัก
พากันร้องเสียงขรมให้ “ปี้เซ็ก” คงกฎฉุกเฉินเอาไว้ต่อไปจนกว่าจะขุดรากถอนโคนบรรดาโจรโพกผ้าแดงทั้งหลายให้หมดสิ้นแผ่นดินเสียก่อน เพราะความฉิบหายวายวอดที่คนประดานั้นได้ฝากไว้กับเมืองหลวงและฮวนนั้งก๊กตลอดสามครั้งที่ผ่านมาล้วนสร้างความบอบช้ำระกำใจ กระทั่งทำให้คนจำนวนมากพากันสิ้นเนื้อประดาตัว บ้างก็ต้องตกงานและกลายเป็นขอทานก็ยังมี
เสียงเรียกร้องให้อำนาจรัฐ “ปี้เซ็ก” กำราบปราบปรามกบฏโพกผ้าแดงก้องกระหึ่มไปทั้งแผ่นดิน ผู้คนทั้งปวงได้ยินแต่เสียงเรียกร้องให้ปราบกบฏเสื้อแดงและให้คงกฎฉุกเฉินไว้จนกว่าจะขุดรากถอนโคนกบฎเสื้อแดงราบคาบแล้ว
ดังนั้นเสียงสวรรค์ของปวงประชาจึงเพิ่มพลานุภาพและความชอบธรรมทั้งปวงให้กับอำนาจรัฐของ “ปี้เซ็ก” บรรดาขุนนางข้าราชการทั้งปวงก็เห็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันก็เกิดความอิดหนาระอาใจกับพฤติกรรมของ “โจสิน” ที่ทำร้ายแผ่นดินไม่เลิกรา ดังนั้นจึงพากันถอนออกจากเกียร์ว่างและเกียร์ถอยหลังเนื่องจากตั้งความหวังที่จะฝากผีฝากไข้หาก “โจสิน” ได้หวนคืนสู่อำนาจ กลับไปเข้าเกียร์เดินหน้ากันจ้าละหวั่น
เพราะประดามันเหล่านกรู้ในหน่วยงานต่าง ๆ ของอำนาจรัฐพากันตระหนักรู้แล้วว่าขืนบ้าคลั่งหลงใหลว่า “โจสิน” จะกลับมามีอำนาจเห็นจะต้องรอถึงชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เพราะชาวก๊กฟ้านั้นแม้ว่าพวกมันจะทำงานการใดไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่ในการกระชับอำนาจและทำลายปรปักษ์ทางการเมืองนั้น พวกมันล้วนอำมหิตช่ำชองจัดจ้านยิ่งกว่าใครในแผ่นดินนี้เสียอีก
ดังนั้นในขณะที่ขุนนางข้าราชการที่ไหวตัวทันเข้าร่วมด้วยช่วย “ปี้เซ็ก” มีความเจริญก้าวหน้าในทางราชการอย่างพรวดพราด เหล่าพวกเข้าเกียร์ว่างและเกียร์ถอยหลังจึงตกหล่มถูกทอดทิ้งอยู่ข้างหลังมากขึ้นทุกที และยังไม่เห็นวี่แววใดว่าความหวังอันบรรเจิดจะปรากฏเป็นจริง ดังนั้นจึงพากันกลับใจกลับตัวเข้าร่วมสนับสนุนอำนาจของ “ปี้เซ็ก” กันอย่างขะมักเขม้น
ทำให้การกำราบปราบปรามและการขับเคลื่อนกระชับอำนาจของพวกก๊กฟ้าและน้ำเงินได้ขยายตัวเข้าครอบงำวงราชการของฮวนนั้งก๊กจนหมดสิ้น
แม้มิตรประเทศนอกแคว้นแดนต่าง ๆ ก็เห็นเหตุการณ์ที่พลิกผันแปรไป จึงเทใจสนับสนุนอำนาจรัฐ “ปี้เซ็ก” กันเป็นการใหญ่ ที่แม้แต่แคว้นใหญ่อย่างอั้งก๊กถึงกับต้องยอมถอนทูตประจำฮวนนั้งก๊กที่มีน้ำใจฝักใฝ่ “โจสิน” และเป็นที่รำคาญจิตใจ “ปี้เซ็ก” มาช้านานแล้ว เอาไปเป็นทูตแดนอื่นแทน
สภาพดังนี้เมื่อเหล่าลิ่วล้ออั้งนั้งของ “โจสิน” ประกาศเปิดยุทธการบุกกรุงระเบิดบ้านเผาเมืองครั้งใหม่ในทันทีที่ยกเลิกกฎฉุกเฉินจึงกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของอำนาจรัฐ “ปี้เซ็ก” ทำให้เหล่าแกนนำก๊กฟ้าน้ำเงินไม่ยอมพลาดโอกาสอันงามนี้ไปเป็นอันขาด
ดังนั้นการขับเคลื่อนแผนปรองดอง ปรองด๊อง และปรองแดกที่ฝูงจตุรพิษได้สุมหัววางแผนอันแยบยลจึงได้ขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลัง
ด้านหนึ่ง พวกมันก็ดึงเอาบรรดาเจี้ยงเล่าทั้งหลายทั้งที่หลบซ่อนกายจากยุทธจักรและทั้งที่ยังปรากฎเงาร่างอยู่ในยุทธจักรเข้ามาร่วมสังฆเวรสังฆกรรมให้เล่นละครตบตาชาวฮวนนั้งก๊ก หลอกลวงคนทั้งปวงว่าจะทำการปฏิสังขรณ์สารพัดเรื่องสารพัดชนิด
ด้านหนึ่ง พวกมันก็เดินแผนเถือเนื้อประเทศชาติให้ชาวฮวนนั้งก๊กได้บริโภคกัน ด้วยการคิดอ่านสร้างโครงการประชานิยมมากมายหลายหลากเพื่อเอาทรัพย์สมบัติของแผ่นดินไปเจือจานแจกจ่ายซื้อใจและความนิยม เนื่องเพราะเทศกาลศึกชิงยุทธจักรเข้าสู่สภาเช็งเหม็งครั้งใหม่ใกล้เข้ามา เหลือเวลาอีกปีกับห้าเดือนเท่านั้น ดังนั้นเงินแผ่นดินที่ไม่ใช่เงินกู แต่อาจเป็นเงินกู้และเงินจากคลังแผ่นดินจึงถูกเอามาผลาญแจกจ่ายด้วยวิธีการลดแลกแจกแถมกันเป็นการใหญ่ จนมีการซี้ดปากร้องวี๊ดว๊ายกระตู้ฮู้กันเป็นการใหญ่ ประสานกับเสียงก่นด่าของบรรดานกรู้ที่แทรกมาตามกระแสลมว่า พวกมึงเอาเงินหลวงไปซื้อเสียง
ด้านหนึ่ง พวกมันก็เดินแผนงานและโครงการต่าง ๆ เพื่อจัดซื้อจัดหาจัดสร้างและให้อนุญาตสารพัดสารพันเรื่อง บรรดาเรื่องราวใดที่สามารถให้อนุญาตแล้วได้รับเงินเก๋าเจี๊ยะเข้ากระเป๋าได้ล้วนถูกเข็นออกมาให้อนุญาตจนแทบหมดสิ้น
ก๊กน้ำเงินของ “ลิห้อย” มีความพรั่งพร้อมและพลิกพลิ้วมากกว่าใคร ดังนั้นในขณะที่ชาวฮวนนั้งก๊กกำลังสาละวนอยู่กับวิกฤตต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมือง พวกมันกลับใช้ความฉับไวพลิกแพลงและรวบรัดอย่างไม่ยั้งมือ
เรื่องแล้วเรื่องเล่า โครงการแล้วโครงการเล่า แผนงานแล้วแผนการเล่าได้ถูกเข็นออกมาเพื่อล้วงเอาเงินแผ่นดินไปจับจ่ายใช้สอยอย่างเพลิดเพลิน
เรื่องใหญ่สุดก็ไม่เห็นเรื่องใดเกินไปกว่าโครงการพัฒนารถไฟแบบเก่า ที่ตลอดปีกว่าที่ผ่านมานี้มีแต่ข่าวคราวเหตุร้ายแรงไม่ว่าชนกันเอง ชนคนอื่น หรือกระทั่งพลิกคว่ำหงายท้องตกข้างรางเป็นทิวแถว แต่ก็หามีผู้ใดรับผิดชอบแต่ประการใดไม่
นอกจากไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบแล้ว พวกมันยังคิดอ่านแผนการอันล้ำลึก แปรวิกฤตของประเทศชาติเป็นโอกาสหาเงินเข้ากระเป๋าได้อย่างมันมือ สุดที่ผู้คนทั้งหลายในฮวนนั้งก๊กจะคิดฝันว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน
แต่มันก็เป็นไปแล้ว แผนการใช้เงินถึง 900,000 ล้านอีแปะ เพื่อพัฒนาปรับปรุงกิจการรถไฟในฮวนนั้งก๊ก ที่หาความแน่นอนในแผนงานและรายละเอียดใด ๆ ไม่ได้เลยก็ได้ผ่านฉลุยด้วยความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ของประดามันผู้ถืออำนาจรัฐ
ความเห็นชอบเกิดขึ้นอย่างเงียบกริบ โดยที่ไม่มีผู้ใดในฮวนนั้งก๊กเฉลียวใจหรือทราบข่าวคราวนี้ เพราะคนทั้งปวงมัวห่วงสาละวนสนใจอยู่กับการเคลื่อนไหวระเบิดบ้านเผาเมืองของพวกอั้งนั้ง ซึ่งประหนึ่งคล้ายกับเหล่าอั้งนั้งได้รู้เห็นเป็นใจกับแผนการ ทำทีเป็นตีเหนือแต่แท้จริงเข้าตีใต้ของพวกก๊กฟ้า
เมื่อโครงการใหญ่ 900,000 ล้านอีแปะ ได้ผ่านกรอบการใช้วงเงินไปเรียบร้อย จังหวะก้าวที่สองจึงเกิดขึ้นอย่างเงียบงันตามมา ด้วยแผนการอันพลิกแพลงที่แม้ “โจสิน” ก็ยังคิดไม่ถึง และยังไม่เคยพัฒนาวิชาความรู้ในการโกงบ้านกินเมืองไปถึงขั้นนี้
เพราะขบวนการก๊กฟ้านั้นมันได้บรรลุวิชากินข้าวทีละคำของอดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของโลกมาแล้ว นั่นคือพวกมันรู้ดีว่าหากจะงาบคำเดียวทั้ง 900,000 ล้านอีแปะ ก็เหมือนกินข้าวทีเดียวทั้งจาน ปากก็อาจจะฉีกจนเป็นแผลเหวอะหวะเพราะผู้คนทั้งปวงจะพากันจ้องจับตาดูอย่างไม่กะพริบตาเหมือนเมื่อครั้งที่เคยขัดขวางบรรดาโครงการอภิมหาโปรเจ็คในยุคสมัย “โจสิน” เรืองอำนาจมาแล้ว
ดังนั้นมันจึงจัดสรรปันแบ่งก้อนเนื้อก้อนโต 900,000 ล้านอีแปะ ออกเป็นส่วนๆ แล้วผลักดันส่วนแรกเข้าสู่ความเห็นชอบของคณะผู้ครองอำนาจแผ่นดินก่อนด้วยวงเงินเพียง 195,000 ล้านอีแปะ แล้วก็ผ่านฉลุยดังเคย
เมื่ออาหารจานแรก 195,000 ล้านอีแปะ ถูกยกขึ้นวางบนโต๊ะ ก็โชยกลิ่นหอมหวนชวนสวาปามยิ่งนัก แต่ไม่ทันนานพวกมันก็สามารถเจือจานตกลงแบ่งปันผลประโยชน์กันอย่างเรียบร้อยโรงเรียนขะแมร์ วัดครึ่งกรรมการครึ่ง นวัตกรรมส่วนแบ่งใหม่จากคำพูดเก่า ๆ จึงกลายเป็นนวัตกรรมอันลับลี้ที่มีความหมายยิ่งในยุคปัจจุบัน
ทันทีที่นวัตกรรมใหม่ได้รับการยอมรับนับถือในหมู่ผู้ครองอำนาจ วงเงินก้อนแรกซึ่งเสมือนหนึ่งข้าวคำแรกของอาหารจานแรกของโต๊ะใหญ่ 900,000 ล้านอีแปะ จึงถูกผลักดันเข้าสู่การพิจารณาอย่างเงียบกริบเหมือนดังเคย และแค่ 2 นาทีเท่านั้น การอนุมัติตัวเงินจำนวน 18,000 ล้านอีแปะ ก็ผ่านฉลุยตามแผนการทุกประการ
ในจำนวน 18,000 ล้านอีแปะนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก เป็นค่าปรับปรุงรางรถไฟแบบเก่าที่ไม่มีส่วนในการเพิ่มความเร็วให้เพิ่มขึ้นเลยและไม่ได้ทำให้มีความสามารถที่จะเชื่อมโยงเข้ากับระบบรางรถไฟของแคว้นข้างเคียงได้เลย ดังนั้นมันจึงเป็นแค่การทำของเก่าให้เป็นของเก่า โดยไม่มีคุณค่าหรือไม่ได้แก้ปัญหาใด ๆ ให้กับฮวนนั้งก๊กเลย
ส่วนที่สอง เป็นค่าซื้อหัวรถจักร ซึ่งมีผู้ผลิตอยู่ในโลกนี้ 2-3 รายเท่านั้น และฮั้วกันมานับสิบๆ ปีแล้ว เพราะบรรดาผู้ผลิตทั้งหลายล้วนเลิกการผลิต หันไปผลิตแบบใหม่สำหรับระบบรางกว้างมาตรฐานกันหมดแล้ว ดังนั้นการตกลงซื้อหัวรถจักรแบบนี้เนื้อแท้ก็คือการล็อคคนขายเจ้าเก่ารายเดิมนั่นเอง
ว่ากันว่าในจำนวนเงิน 18,000 ล้านอีแปะ นี้เป็นยอดเงินที่ใช้จ่ายจริงราว 10,000 ล้านอีแปะเท่านั้น เพราะเป็นการใช้เงินในวังวนของการล็อคสเป็คของการโก่งราคาและการคอร์รัปชั่นครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็หามีผู้ใดทัดทานไม่ เพราะทุกคนมัวไปสนใจอยู่กับการเต้นแร้งเต้นกาบ้าระห่ำของพวกอั้งนั้ง
ทำให้พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของพวกอั้งนั้งถูกจับตามองมากขึ้นว่าพวกมันอาจมีส่วนรู้เห็นกับแผนการชั่วร้ายนี้
ทว่าเงินจำนวน 18,000 ล้านอีแปะนั้นเป็นจำนวนมหาศาลยิ่งนัก เมื่อมองเข้าไปในคลังแผ่นดินก็ปรากฏว่ามีแต่ความว่างเปล่า เพราะรายจ่ายบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ก็ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ดังนั้นเมื่อไม่มีเงินในกระเป๋าก็ต้องกู้แต่เป็นการกู้มาโกง ตามคำขวัญอันใหม่ของอำนาจใหม่ที่กำลังปีกกล้าขาแข็งขึ้นทุกที
เพื่อให้สามารถใช้เงิน 18,000 ล้านอีแปะได้อย่างสบายใจเฉิบ เหล่าผู้มีอำนาจในฮวนนั้งก๊กจึงตกลงปลงใจกันให้ฮวนนั้งก๊กกู้ยืมเงินจากทั่วสารทิศ เพื่อมาแบ่งกันใช้ มาแบ่งกันกินตามโครงการใช้เงิน 18,000 ล้านอีแปะ นี้ให้เร็วที่สุด จนในหมู่ประดาพวกมันเองบางครั้งถึงกับหัวเราะเยาะกันเองว่ามันจะเป็นการแดกด่วนเกินไปหรือไม่
บางคนก็บอกว่าการทั้งปวงที่ก้าวรุดหน้าได้เช่นนี้ก็เพราะน้ำใจไมตรีของ “บักเวด” “อาหนัน” และอั้งนั้งที่มีส่วนช่วยเบนความสนใจของชาวฮวนนั้งก๊ก จนทำให้การขับเคลื่อนล้วงเงินหลวงโครงการนี้สามารถผ่านฉลุยอย่างเร็วรี่กว่าโครงการทั้งปวง
“ลิห้อย” คิดอ่านแผนการ 900,000 ล้านอีแปะได้ แล้วไฉนประดายอดคนแห่งก๊กฟ้าจะคิดอ่านผลาญเงินระดับเดียวกันไม่ได้เล่า!
หลังจาก “ตั๋งเทือก” ได้เปรยความในใจให้เหล่าประดาผู้ใกล้ชิดได้ยินว่า “ลิห้อย” มันปรีชาสามารถคิดอ่านแผนการขนาดใหญ่ ใช้เงินถึง 900,000 ล้านอีแปะได้ ประดาเราจะยอมน้อยหน้ามันได้อย่างไร แล้วไม่ถึง 3 วัน “ไต่หลง” ผู้มีสติปัญญาปราดเปรื่องจนได้รับสมญาว่า จิ๊วกุ่ย หรือปีศาจสุรา ก็บากหน้านัดหมาย “ตั๋งเทือก” เพื่อปรึกษาการแผ่นดินสำคัญ ซึ่ง “ตั๋งเทือก” พอทราบความก็มีความยินดีเป็นยิ่งนัก
สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งก๊กฟ้าพบหน้ากันก็สรวลเสเฮฮา ร่ำสุรากันไปหลายจอก “ตั๋งเทือก” พลันกล่าวว่า “ไต่หลง” ท่านมาพบข้าพเจ้าครั้งนี้ ย่อมมีเรื่องอันเป็นสิริมงคลเป็นแน่นอน ว่าแล้วก็จ้องมองหน้า “ไต่หลง”
“ไต่หลง” จึงว่าเวลาของ “ตั่งเทือก” ท่านวันนี้มีค่าแท้ควรทอง ข้าพเจ้าไหนเลยจะมาเยือนเพียงแค่ดื่มกินสุราหาความสุขแค่ครู่แค่ยามเล่า ตัวข้าพเจ้านี้ท่านก็ย่อมกระจ่างแจ้งแก่ใจว่าเป็นผู้ล่วงรู้ความในใจของท่านมาแต่กาลก่อน มาครั้งนี้ข้าพเจ้าก็หยั่งถึงความวิตกอันอัดอยู่ในอกของ “ตั๋งเทือก” ท่าน จึงคิดอ่านแผนการให้เป็นประหนึ่งดังยาวิเศษมาบำรุงรักษาอาการอันอัดอยู่ในอกของท่าน ให้หายคลายไปในบัดดล
“ตั๋งเทือก” ได้ฟังก็หัวเราะแล้วกล่าวว่าในแผ่นดินนี้ “ไต่หลง” ท่านนั้นสมดังนามสมญาจิ๊วกุ่ย รู้แจ้งแทงตลอดไปในการแผ่นดินทั้งปวง ดวงใจอันน้อยของข้าพเจ้านี้ไหนเลยที่ “ไต่หลง” ท่านจะหยั่งไปไม่ถึง ท่านมีการอันใดก็ว่ามาเถิด
“ไต่หลง” จึงว่าข้าพเจ้ากระจ่างแจ้งแก่ใจดีว่าระยะปีเศษที่ผ่านมานี้ “ตั๋งเทือก” ท่านซึ่งแม้ว่าเป็นผู้อาวุโสของพรรคเรา มีอำนาจเหนือกว่าใครในแผ่นดินก็จริงอยู่ แต่ประหนึ่งว่าถูกเจ้า “ลิห้อย” มันขี่คอ ทำตัวประดุจดั่งเป็นควานช้าง โขกสับขับขี่ช้างไปตามใจ
แต่ทว่าเรื่องอื่นใดไหนจะเทียบเท่ากับการที่ “ตั๋งเทือก” ท่านต้องยอมกินน้ำใต้ศอกภายใต้ความคิดอันฉ้อฉลฉกฉวยของ “ลิห้อย” ได้ ข้าพเจ้าเองก็ยอมรับนับถือว่า “ลิห้อย” นั้นเป็นกระบี่ลำดับหนึ่งของแผ่นดินในการโกงกินปลิ้นปล้อน จนแม้แผ่นดินจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้วก็หามีผู้ใดไหวรู้ทันไม่ ดังนั้นเพื่อกอบกู้หน้าของ “ตั๋งเทือก” ท่าน ข้าพเจ้าได้คิดอ่านการสำคัญที่แม้แต่ “ลิห้อย” มันก็ต้องยอมรับ
“ตั๋งเทือก” จ้องมองหน้า “ไต่หลง” ด้วยความฉงนสนเท่ห์ ว่าจะมีความคิดอ่านโครงการใดที่ยิ่งใหญ่กว่าโครงการ 900,000 ล้านอีแปะ ซึ่งต้องถือว่าเป็นอภิอัครมหาโครงการแห่งยุคได้อีก
“ไต่หลง” จึงว่าโครงการ 900,000 ล้านอีแปะ ของ “ลิห้อย” นั้นแม้จำนวนจะมากก็จริง แต่เหมือนข้าวจานใหญ่ กินคำเดียวไม่ได้ ชะดีชะร้ายจะกินได้แต่เพียงครึ่งเดียว เพราะต้องกินทีละคำ ขยำไปทีละส่วน ไหนเลยจะทันเวลาปีเศษที่เหลืออยู่ แต่ก็เป็นเรื่องดีที่ปล่อยให้พวกมันฮึกเหิมกับลาภก้อนใหญ่ จะได้สวามิภักดิ์ ร่วมหัวจมท้ายกับพวกเราไปตลอดกาล เพราะในชีวิตมันนั้นไม่มีวันที่จะได้ถือเนื้อก้อนใหญ่ระดับ 900,000 ล้านอีแปะอีกแล้ว
“ไต่หลง” เห็น “ตั๋งเทือก” พยักหน้าจึงกล่าวสืบต่อไปว่า ข้าพเจ้าได้คิดอ่านแผนการหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับความปรารถนาของอาณาประชาราษฎรทั้งปวง “ตั๋งเทือก” ท่านจำได้หรือไม่ว่าเมื่อสองเดือนมานี้ “ไช่วัด” และพรรคพวกประดาชมรมผู้ค้าทั้งหลายทั่วฮวนนั้งก๊กได้ยกพลมาหาข้าพเจ้า เรียกร้องให้ทำการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงรวม 5 สาย
“ตั๋งเทือก” ได้ฟังดังนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า และพยักหน้าเป็นทีว่าจำได้ ขณะในใจก็มองทะลุออกไปในสิ่งที่ “ไต่หลง” กำลังกล่าวว่าเรื่องราวคราวนี้เห็นจะไม่พ้นเรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูงเป็นแน่แท้ แต่ก็มิรู้ว่า “ไต่หลง” ได้คิดอ่านแผนการที่จะนำไปสู่ความสำเร็จรวดเร็วได้อย่างไร
“ไต่หลง” เห็น “ตั๋งเทือก” ยังมีร่องรอยฉงนในดวงตา จึงรีบกล่าวสืบต่อไปว่าทำการใดให้คล้อยตามอาณาประชาราษฎร์ ครานี้โอกาสมาถึงแล้ว “ไช่วัด” และพวกพ้องของมันนำโอกาสอันยิ่งใหญ่มาให้เราแล้ว จำจะต้องรีบคล้อยตามความปรารถนาประชาราษฎร์ ประกาศสร้างรถไฟความเร็วสูงตามที่พวกมันเรียกร้องทันที
“ไต่หลง” กล่าวสืบไปว่าแผนการของ “ไช่วัด” นั้นเรียกร้องต้องการให้สร้างรถไฟความเร็วสูง 5 สายแต่เป็นระยะสั้น มูลค่ารวมกันก็ไม่เกิน 400,000 ล้านอีแปะ หากจะทำเพียงเท่านี้ก็จะน้อยหน้าพวก “ลิห้อย” จะเป็นที่อับอายขายหน้า “ตั๋งเทือก” ท่านและจะทำให้การผลักดันของ “ไช่วัด” เสียของไปเปล่า ๆ ทั้งพวกมันก็จะกล่าวหาได้ว่าพวกเรายืมความคิดของมันมาทำการ ความเชื่อถือก็จะตกอยู่กับพวกมันไม่มากก็น้อย
“ไต่หลง” กล่าวสืบไปว่าดังนั้นข้าพเจ้าจึงคิดใคร่ครวญโดยรอบคอบรอบด้านตลอดไปทั้งการบนดินใต้ดินแล้ว จึงตกลงใจสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพียง 4 สาย แต่ระยะยาว จากเมืองหลวงไปสุดภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออกและภาคกลาง สิริรวมมูลค่าถึง 800,000 ล้านอีแปะ
“ตั๋งเทือก” ได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวว่าก็ไหน “ไต่หลง” ท่านอวดอ้างว่าแผนการครั้งนี้จะกู้หน้าพวกเรา ข้าพเจ้าเข้าใจว่าจะต้องใช้วงเงินมากกว่า 900,000 ล้านอีแปะ ของ “ลิห้อย” แล้วเหตุไฉนจึงน้อยกว่าโครงการของ “ลิห้อย” ไปถึง 100,000 ล้านอีแปะเล่า “ลิห้อย” มันจะไม่หัวเราะเยาะเอาได้หรือ
“ไต่หลง” ได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะดังลั่น พลางส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ตั๋งเทือก” ท่านเหมือนปราชญ์ย่อมรู้พลั้ง คราวนี้ท่านพลั้งแล้ว
“ตั๋งเทือก” ทำหน้าฉงนแต่ไม่ทันจะกล่าวความใด “ไต่หลง” ก็กล่าวสืบไปอีกว่าข้าพเจ้าคิดอ่านแผนการครั้งนี้แยบยล หมายให้ “ลิห้อย” มันกระหยิ่มใจต่อไปว่ามันคิดอ่านแผนการได้ที่ระดับ 900,000 ล้านอีแปะ แต่พวกเราคิดได้ 800,000 ล้านอีแปะ
“ไต่หลง” หยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวสืบต่อไปว่า 900,000 ล้านอีแปะ ของ “ลิห้อย” นั้น ในเวลาปีเศษที่เหลืออยู่ ต่อให้มันเร่งฝีเท้า ก้าวฝีตีนจนสุดเพียงไหน มันก็ไปได้ไกลอย่างมากไม่เกิน 300,000 ล้านอีแปะ ดังนั้นภาพ 900,000 ล้านอีแปะ แต่ความจริงคือ 300,000 ล้านอีแปะ เท่ากับ 1 ใน 3 เท่านั้น ข้าพเจ้าต้องการให้มันเหลิงระเริงไปในตัวเลข 900,000 ล้านอีแปะ จะได้ไม่มาข้องแวะกับแผนการของพวกเรา
“ไต่หลง” กล่าวอีกว่าแผนการของข้าพเจ้านั้นแม้ 800,000 ล้านอีแปะ แต่สามารถกินได้ในคำเดียว หรืออย่างมากที่สุดก็แบ่งกินเป็น 4 คำ และสำเร็จได้ภายในเวลาไม่เกิน 8 เดือนเท่านั้น นี่มิสุดยอดลึกล้ำและเลอเลิศกว่าแผนการของ “ลิห้อย” ดอกหรือ ทั้งส่วนนี้ก็เป็นข้าวของเราทั้งชาม ไม่เหมือนกับ “ลิห้อย” ที่มันต้องแบ่งสรรปันส่วนให้เราอีกครึ่งชาม
สิ้นคำของ “ไต่หลง” สองบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งฮวนนั้งก๊กก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันดังลั่น ได้ยินแต่เสียงดื่ม ดื่ม ดื่ม ในขณะที่เสียงจิ้งจกข้างฝากลับร้องว่าแดก แดก แดก
จากนั้นเสียงดังลั่นของ “ตั๋งเทือก” ได้ดังขึ้นว่า “เดินหน้า เดินฝีจักร”.