อัยการสูงสุด"อีกแล้ว".....ฮา

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: อัยการสูงสุด"อีกแล้ว".....ฮา

Postby ปุถุชน » Sat Oct 08, 2011 5:54 pm

tryland wrote:ผมคงไม่กล้าบอกว่า จะถอดถอน อัยการสูงสุดในกรณีไม่ฎีกาเรื่องหุ้นชิน
ในขณะที่ผมไม่เคยคิดจะถอดถอนนายทะเบียนพรรคการเมืองที่ทำให้ยกฟ้องคดียุบพรรคถึง 2 คดี :lol: :lol: :lol:



รองนายกฯเฉลิมบอกว่า"ทักษิณไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม...."
สำนวนนี้"เหนือชั้นกว่าสำนวนข้างบนตั้งเยอะ.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: อัยการสูงสุด"อีกแล้ว".....ฮา

Postby Strangerman » Sat Oct 08, 2011 6:07 pm

ผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ผิดแล้วจะกลับให้เป็นถูกนี่ตลกดีนะ

และแล้วก็มี....มาเหน็บแทนไอ้เหลี่ยมและตระกูล
:lol: :lol: :lol:
• ไม่เจรจากับพวกกบฏ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น หากพวกมรึงคิดว่าประเทศนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็ไสหัวพวกมรึงไปอยู่ที่อื่น อย่าอยู่ให้หนักแผ่นดินไทยเลย •

• หายนะ ของประเทศไทย ก็คือการที่ "ควายเลือกควาย" เข้ามาทำลายประเทศ •
User avatar
Strangerman
 
Posts: 1797
Joined: Sun Apr 04, 2010 12:58 am

Re: อัยการสูงสุด"อีกแล้ว".....ฮา

Postby ปุถุชน » Sun Oct 09, 2011 12:01 pm

“สุวัตร” ชำแหละ “จุลสิงห์” เคยสั่งฎีกา ASTV ทั้งที่ศาลยกฟ้องหมด ทีคดี อ้อ” กลับปล่อย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 ตุลาคม 2554 23:31 น.
Share212



“ทนายสุวัตร” ชำแหละ “จุลสิงห์” ไม่ฎีกา “หญิงอ้อ” โกงภาษี ผิดทั้ง “ข้อกฎหมาย-จารีตประเพณี-ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด” เพราะการที่ศาลชั้นต้น-อุทธรณ์เห็นแย้งกัน ต้องส่งให้ศาลฎีกาตัดสิน ชี้ทีคดี “สันต์” ฟ้อง ASTV ศาลทั้ง 2 สั่งยกฟ้อง ตามกฎหมายแล้วห้ามฎีกา แต่อัยการสูงสุดคนนี้ยังรับรองให้ยื่นได้

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ "คุยกับทนายพันธมิตร"
http://radio.manager.co.th/Radio/Detail ... m_id=41193

วันที่ 8 ต.ค. นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ได้แสดงทัศนะในรายการวิทยุ “คุยกับทนายพันธมิตรฯ” ทางสถานีวิทยุ คลื่น FM 97.75 MHz คลื่นของประชาชนคนนำปัญญา

นายสุวัตรกล่าวว่า วันนี้ไปหาหลักฐานที่เป็นระเบียบการของสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดี และหลักปฏิบัติ เพื่อมาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่าการที่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฎีกาคดีคุณหญิงอ้อเลี่ยงภาษีหุ้นชินฯ ไม่ถูกด้วยข้อกฎหมาย จารีตประเพณีปฏิบัติ ไม่ถูกด้วยระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด

การที่นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ไม่ฎีกาแล้วมีความเห็นสั่งวันสุดท้ายเลย คือการยื่นฎีกาต้องยื่นภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา นายจุลสิงห์กับคณะทำงานก็เก็บเรื่องนี้เงียบ ทั้งๆ ที่ ป.ป.ช.เจ้าของเรื่องก็บอกขอให้ยื่นฎีกาให้ นายจุลสิงห์ก็ไม่ตอบอะไร พอวันสุดท้ายก็หักดิบสั่งไม่ฎีกา

การสั่งไม่ฎีกามันขัดต่อระเบียบหลายประการ ตั้งแต่ระเบียบสำนักอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2547 ข้อ 143 บัญญัติไว้ว่า “ในกรณีที่ศาลพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอ หรือที่ไม่ได้กล่าวในฟ้อง หรือศาลพิพากษาลงโทษจำเลยเกินกำหนดโทษตามกฎหมาย หรือพิพากษาหรือมีคำสั่งไม่ชอบด้วยประการใดๆ ให้พนักงานอัยการพิจารณาอุทธรณ์ หรือฎีกาต่อไป” และในทางประเพณีปฏิบัติ ศาลชั้นต้นตัดสินว่าผิด ศาลอุทธรณ์ว่าไม่ผิด อย่างนี้ต้องฎีกา แต่การที่อัยการไม่ฎีกาจึงขัดต่อระเบียบในข้อนี้

นอกจากนั้น ไปดูระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน คดีของคุณหญิงอ้อเลี่ยงภาษีนั้น เป็นคดีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน เขาบอกว่า “หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ” คดีนี้เกี่ยวกับภาษีถึง 273 ล้าน เป็นผลประโยชน์ของชาติ เป็นผลประโยชน์ของประชาชน อัยการจะอาศัยอำนาจตามข้อ 17 นี้ในการที่ไม่ฎีกานั้นเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เพราะขัดต่อระเบียบนี้

ทนายพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ในอดีตอัยการเคยสั่งอย่างนี้หรือไม่ ตอบได้ว่าไม่เคย กรณีคำสั่งของศาล 2 ศาลขัดกัน และคำสั่งของศาลอุทธรณ์นั้นนอกจากขัดแย้งกับคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้ว ยังขัดแย้งในตัวของศาลอุทธรณ์เองด้วย ในเมื่อผู้พิพากษาของสำนวนตัดสินไปแล้ว ได้มีความเห็นแย้งคัดค้านของท่านประธานศาลอุทธรณ์ คือ อาจารย์ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ท่านบอกว่าเรื่องนี้ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มีการหลีกเลี่ยงในคดีนี้ มีจำนวนเงินสูงถึง 273 ล้าน 6 หมื่นบาท ไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 คือนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ อาศัยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 47 (1) จึงขอทำความเห็นแย้งว่า ขอให้แจ้งว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (2) ลงโทษจำคุก 2 ปี หมายความว่าท่านยังยืนตัวนี้อยู่

เมื่อมีความเห็นแย้งในศาลเดียวกันอย่างนี้แล้ว อัยการถ้าปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต หรือไม่เห็นแก่พวกพ้อง อัยการต้องอุทธรณ์สถานเดียว

มาเทียบกับคดีที่ตนเคยทำในอดีต เคยทำคดี พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ฟ้องคุณสนธิ และหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ขนาด 2 ศาลตรงกัน ซึ่งคดีต้องห้ามฎีกา (ตามข้อกฎหมายห้ามฎีกายกเว้นผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีนั้น หรืออัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาได้) อัยการสูงสุดคนนี้ยังเคยรับรองให้ยื่นฎีกาได้เลย และยังมีอีกหลายคดีที่นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รับรองให้ฎีกา ทั้งๆ ที่ศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ตัดสินตรงกัน

[b] “ทำไมคดีหญิงอ้อ ศาลชั้นต้น อัยการก็เป็นคนสั่งฟ้องเอง เมื่อศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกแล้ว ฝ่ายโน้นยื่นอุทธรณ์ อัยการก็เป็นคำแก้อุทธรณ์เอง แต่พอศาลอุทธรณ์ตัดสินตูม กลับบอกว่าเห็นด้วยกับศาลอุทธรณ์ และไม่ยื่นฎีกา แบบนี้ถือว่าฟังไม่ขึ้น อย่างนี้มันเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ และประชาชนจะหวังความยุติธรรมจากอัยการได้อย่างไร[/b] ผมได้โทร.ไปบอก ป.ป.ช.ว่าไม่ได้ ต้องฟ้องอัยการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เราต้องรอดูต่อไปว่า ป.ป.ช.จะจัดการอย่างไร” นายสุวัตรกล่าว

http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000128400




มาเทียบกับคดีที่ตนเคยทำในอดีต เคยทำคดี พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ฟ้องคุณสนธิ และหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ขนาด 2 ศาลตรงกัน ซึ่งคดีต้องห้ามฎีกา (ตามข้อกฎหมายห้ามฎีกายกเว้นผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีนั้น หรืออัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาได้) อัยการสูงสุดคนนี้ยังเคยรับรองให้ยื่นฎีกาได้เลย และยังมีอีกหลายคดีที่นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รับรองให้ฎีกา ทั้งๆ ที่ศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ตัดสินตรงกัน


อัยการสูงสุดเป็นตาลยอดด้วนท้าทายคุณธรรมของสุจริตชนคนไทย....!
พฤติกรรมนี้จะบันทึกในประวัติศาสตร์ขบวนการยุติธรรมไทย
คนไทยที่ไม่เห็นด้วยสามารถก่นด่าสาบแช่งได้ตลอดไป.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: อัยการสูงสุด"อีกแล้ว".....ฮา

Postby ปุถุชน » Mon Oct 10, 2011 8:35 pm

อสส.แถ! ยึดหลักนิติธรรม ไม่ฎีกา “หญิงอ้อ” เลี่ยงภาษี ซัด ป.ป.ช.จุ้นไม่เข้าเรื่อง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ตุลาคม 2554 17:36 น.



“จุลสิงห์” ลั่นกลางที่ประชุม กมธ.งบฯ วุฒิสภา อ้างเหตุไม่ฎีกา “หญิงอ้อ-บรรณพจน์” ยึดหลักนิติธรรม โยนบาปศาลตัดสินขัดกันไม่จำเป็นต้องฎีกาเสมอไป ยกตำตัดสินศาลอุทธรณ์มีเหตุผลที่สุด หมดปัญญาหักล้าง โวย ป.ป.ช.จุ้นไม่เข้าเรื่อง เหตุไม่เกี่ยวคดีนี้กลับทำหนังสือสั่งให้ฎีกา ทั้งที่ยังไม่เห็นคำพิพากษาศาล

วันนี้ (10 ต.ค.) ที่รัฐสภา ในมีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา โดยมี นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ในฐานะประธาน กมธ.เป็นประธาน ในการประชุม ได้มีการเชิญ นายจุลสิงห์ วสันต์สิงห์ อัยการสูงสุด (อสส.) นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง เข้าชี้แจงในกรณีที่ อสส.มีคำสั่งไม่ฎีกาคดีการหลีกเลี่ยงภาษีหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 546 ล้านบาท ของคุณหญิง พจมาน ดามาพงศ์ และพวก

โดย นายจุลสิงห์ ได้มอบเอกสารข้อมูลความเห็นเกี่ยวกับคดีดังกล่าวให้ กมธ.พร้อมชี้แจงว่า เหตุที่ อสส.ไม่สามารถยื่นฎีกาได้ เพราะยึดหลักตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ที่ระบุว่า การยื่นฎีกา คือ การคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งต้องมีหลักฐานและเหตุผลเพียงพอ กรณีนี้อัยการไม่มีเหตุผลเพียงพอในการคัดค้านศาล ส่วนที่บอกว่า คำตัดสินของศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ไม่ตรงกัน แล้วเป็นบรรทัดฐานว่า อสส.ต้องฎีการ้อยละ 99 นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะต้องคำนึงถึงหลักนิติธรรมที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย และจากสถิติตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มีคดีที่ศาลอุทธรณ์หักล้างคำตัดสินของศาลชั้นต้น จำนวน 4,297 คดี และมีคดีที่ อสส.ไม่ยื่นฎีกาถึงกว่า 2,000 คดีด้วยกัน

“การที่บางคนบอกว่าอย่างไรก็ต้องฎีกาเพื่อเป็นบรรทัดฐานนั้น ไม่ใช่หลักนิติธรรมที่แท้จริง หลักนิติธรรม คือ ต้องวินิจฉัยสั่งฟ้องโดยสุจริตเป็นธรรมกับทุกคนทุกคดี ไม่ใช่ถูลู่ถูกังสั่งคดีถึงศาลฎีกาทุกเรื่อง ต้องอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ละเอียด แต่ท่านไม่อ่านแล้วให้อัยการฎีกาตรงนี้ผิดหลักนิติธรรมอย่างรุนแรง” นายจุลสิงห์ กล่าว

นายจุลสิงห์ ยังได้อธิบายด้วยว่า อสส.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาทุกเรื่องที่ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ส่งเรื่องมาให้ คณะทำงานอัยการประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่รองอัยการสูงสุด อธิบดีอัยการหลายคน ทุกขั้นตอนมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าไม่ฎีกา ยืนยันว่า ไม่ได้ทำคนเดียว มีทีมงานที่คอยดูเรื่องตลอดและเสนอเรื่องกันตามลำดับชั้น

นอกจากนี้ การสั่งคดีหรือไม่นั้น ไม่ใช่ดูเนื้อหาอย่างเดียว ต้องดูกระบวนการว่าถูกต้องหรือไม่ อัยการสูงสุดไม่ใช่ทำตามอำเภอใจได้ เมื่อคณะกรรมการมีความเห็นแล้วไม่ควรอุทธรณ์ ประกอบกับพิจารณาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว เห็นว่า ศาลอุทธรณ์มีเหตุผลจึงเห็นว่าไม่ควรยื่นฎีกา จึงเป็นเหตุเป็นผลเป็นเรื่องปกติ ส่วนที่ระบุว่าประเทศชาติจะเสียหาย เพราะไม่ได้รับเงินค่าภาษีนั้น ต้องแยกจากกัน เพราะเรื่องภาษีเป็นส่วนของคดีทางแพ่ง การสั่งคดีเป็นเรื่องทางอาญา ที่สำคัญ เมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้สั่งประเมินความเสียหายจากภาษีการขายหุ้นเป็นเงิน 250 ล้านบาท แต่ต่อมาศาลพิพากษาว่าเจ้าหน้าที่ประเมินภาษีไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกเลิกการประเมินไปในชั้นคดีแพ่ง จึงยุติตั้งแต่ปี 2551 และตามประมวลรัษฎากรก็ไม่มีสิทธิ์กลับมาประเมินใหม่

ส่วนกรณีที่มีผู้วิจารณ์ว่า อสส.ทำตัวเป็นศาลฎีกาเสียเอง และไม่สร้างศรัทธากับประชาชนนั้น นายจุลสิงห์ กล่าว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 255 ประกอบ พ.ร.บ.อัยการฯ กำหนดให้อัยการมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่สั่งคดีตามดุลพินิจ การตัดสินใจแล้วย่อมได้รับการคุ้มครอง เมื่ออัยการมีดุลพินิจอิสระเที่ยงธรรม ปฏิบัติตามหลักนิติธรรมย่อมถือว่าดำเนินการถูกต้องแล้ว คดีนี้อัยการเห็นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพราะมีข้อมูลหลักฐานใหม่ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะประเด็นการประเมินภาษีที่ขัดต่อกฎหมาย และคำให้การในชั้นศาลของผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งให้การเพิ่มเติมว่า การโอนหุ้นให้กันโดยทำเป็นการซื้อขาย เป็นเรื่องธรรมดาใครๆ ก็ทำกันเพื่อไม่ต้องเสียภาษีนั้น การเบิกความตามนี้เอื้อสมกับการต่อสู้ของจำเลยที่ให้การตรงกัน คณะทำงานที่ปรึกษาของ อสส.ยังทำความเห็นเสนอว่า หากเสนอฎีกาไปอาจเป็นฎีกาที่ไม่มีสาระ เพราะไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์

“การโอนหุ้นทำตามปกติเมื่อตรวจสอบบัญชีซื้อขายหุ้นเป็นไปตามระบบไม่มีสิ่งผิดปกติ ข้อวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ นอกจากเห็นว่า ไม่ควรฎีกาแล้ว ผมยังเห็นว่าฎีกาไม่ได้ด้วย การจะสั่งฎีกาหรือไม่ อัยการตัดสินใจเองได้ไม่ต้องไปถามใครหรือพรรคการเมืองใด การฎีกามีซ้ายมีขวา เลือกฝั่งไหนก็ถูกตำหนิทั้งนั้น” อัยการสูงสุด ระบุ

ในส่วนกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้อัยการยื่นฎีกานั้น นายจุลสิงห์ ชี้แจงว่า ทราบจากข่าวเช่นกัน โดยศาลอุทธรณ์มีคำตัดสิน เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติให้ฎีกาวันที่ 25 ส.ค.54 แต่เรื่องมาถึงโต๊ะทำงานของตนในวันที่ 15 ก.ย.ที่สำคัญ ในหนังสือยังระบุขอคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ด้วย แสดงว่า ป.ป.ช.ไม่ได้อ่านคำพิพากษาของศาลเลย แต่กลับให้ยื่นฎีกา อีกทั้งในควมเป็นจริง ป.ป.ช.ไม่ถือว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ คตส.ส่งมาให้ อสส.เลย ไม่ได้เป็นงานที่ ป.ป.ช.รับเรื่องมาจาก คตส.อย่างที่เข้าใจ เพียงแต่ ป.ป.ช.อยากให้ฎีกาเท่านั้น ดังนั้นตามอำนาจประมวลวิฯอาญา โจทก์คืออัยการ จะฎีกาหรือไม่เป็นดุลพินิจอิสระของ อสส.

http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000129096


สุจริตชนเข้าใจตรงกันว่าคณะกรรมการ ปปช.รับช่วงจากคณะกรรม คตส. มีแต่อัยการสูงสุดมีความคิดต่าง.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ส่วนกรณีที่มีผู้วิจารณ์ว่า อสส.ทำตัวเป็นศาลฎีกาเสียเอง และไม่สร้างศรัทธากับประชาชนนั้น นายจุลสิงห์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 255 ประกอบ พ.ร.บ.อัยการฯ กำหนดให้อัยการมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่สั่งคดีตามดุลพินิจ การตัดสินใจแล้วย่อมได้รับการคุ้มครอง เมื่ออัยการมีดุลพินิจอิสระเที่ยงธรรม ปฏิบัติตามหลักนิติธรรมย่อมถือว่าดำเนินการถูกต้องแล้ว

นายจุลสิงห์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 255 ประกอบ พ.ร.บ.อัยการฯ กำหนดให้อัยการมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่สั่งคดีตามดุลพินิจ การตัดสินใจแล้วย่อมได้รับการคุ้มครอง........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Previous

Return to สภากาแฟ