เผอิญผมตามข่าวเรื่องการเงินการธนาคารของอเมริกาและไทยมาตลอด เพราะมันใกล้ตัวผมมากๆ
ขอบอกว่าคุณ swtp99 เข้าใจผิดมากๆครับ เรื่องยึดวอลล์สตรีท ว่าเป็นแดงโมเดล และอยากหวนคืนสู่ระบอบคอมมิวนิสต์
เดี๋ยวจะถ่ายทอดความเข้าใจผิดไปกันใหญ่
ผมจึงอยากวิงวอนเพื่อนสรท.ทุกท่าน โปรดอย่าเข้าใจความเคลื่อนไหว Occupy Wall Street ผิดๆว่าเป็นการล้มทุนล้มอำมาตย์
กำเนิดมันคนละเรื่อง เดี๋ยวเราจะเป็นเหยื่อพวกแดงโมเดลได้
เพื่อนสรท.ฉลาดกว่านั้นมากครับ
ผมไม่มีความรู้เรื่องการเมืองหรือรัฐศาสตร์ ต้องอาศัยอ่านหาความรู้จากสรท.(จนติดงอมแงมนี่แหละ) ผมจึงไม่มีข้อมูลใดๆมาช่วยสรท.เลย
แต่เรื่องนี้ ผมพอมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง ขออนุญาตให้มุมมองที่แตกต่างนะครับ
ปัญหาที่ก่อให้เกิดการยึดวอลล์สตรีทเป็นปัญหาสั่งสมมานานแล้วของอเมริกา คือ
การรบกับความโลภของกลุ่มแบงก์ ก่อนครับ
เพื่อนสรท.คงจำได้ กรณีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เกิดจากการที่แบงก์โลภมาก พากัน..
1. ออกนวัตกรรมใหม่ๆทางสินเชื่อ ส่งผลให้แบงก์ปล่อยสินเชื่อที่เกินความสามารถแก่ประชาชน เช่น เริ่มต้นจากการ
ปล่อยกู้บ้าน 100% ไม่มีดาวน์ ให้แก่คนไม่มีเงินออม(คุ้นๆมั้ยว่าแบงก์ไทยเราลอกมาเป๊ะ)
จากนั้น
คิดสินเชื่อแบบดอก 0% สำหรับคนที่นอกจากไม่มีเงินดาวน์แล้ว ยังไม่มีเงินพอค่างวดบ้านอีก (คุ้นๆมั้ยว่าแบงก์ไทยเราลอกมาเป๊ะ..อีกแล้ว)
จากนั้นลูกค้าใหม่หมดตลาดแล้ว แบงก์อยู่ได้เพราะปล่อยกู้ใช่ไหม แบงก์อเมริกาจึงต้องคิดสินเชื่อแบบใหม่อีกแล้วคือ
"นอกจากดาวน์ 0% กี่ปีว่าไป.. แถมยังไม่ต้องส่งงวดครบก็ได้ ให้ "พักหนี้ไว้ก่อน ครบโปรโมชั่นค่อยทะยอยส่งหนี้คืน""
(หมายถึง ค่างวดบ้าน ต้น 5000 ดอก 10000 นึง โปรไม่มีดอกเบี้ย 2 ปีแรก เท่ากับส่งงวดแค่ 5000 เฉพาะต้น
แต่ลูกค้ามีเงินน้อย แบงก์เลยออกโปรให้ส่ง 4000 อีก 1000 ไม่ต้อง"(แบงก์ไทยกำลังจะเริ่มเลียนแบบแล้ว)
นี่คือต้นเหตุของวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ครับ
เพราะแบงก์กำลังละโมบ ปล่อยกู้ให้คนที่ไม่มีความสามารถจะอยู่บ้านที่ต้องผ่อนเดือนละหมื่นห้าได้ แต่เจือกให้กู้ผ่าน!!
2. กลุ่มแบงก์/กลุ่มเซอร์เวย์ราคาที่ดิน/กลุ่มนายหน้าบ้าน+ที่ดิน กับกลุ่มทุนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร่วมมือกันปั่นราคาบ้านให้สูงเกินจริงเพื่อทุกกลุ่มจะได้เงินมากกว่ามูลค่าแท้จริงของอสังหาฯ
นี่คือการ "ฮั้ว" กันระหว่างกลุ่มทุนแล้วใครเป็นคนแบกภาระหนี้ที่สูงเกินมูลค่าตลาด? ประชาชนตาดำๆที่ไปขอสินเชื่อไงครับ
วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ล้มกันระเนระนาดเพราะตรง 2 ข้อนี้เลย
เนื่องจากลูกหนี้พอผ่อนบ้านไม่ไหว(เนื่องจากก่อหนี้เกินฐานะตั้งแต่แรก ก็ขายบ้านทิ้งไม่ได้ เพราะไม่ได้ราคา
ท้ายสุดต้องปล่อยให้แบงก์ยึดกันระนาว แล้วแบงก์ยึดไปก็ขายไม่ได้ เนื่องจากไม่มีใครซื้อในราคาเท่านี้)
แล้วพอฟองสบู่แตก
รัฐบาลอเมริกันเลือกเอาเงินภาษีประชาชนที่ไร้บ้านเพราะโดนแบงก์ยึด ไปอุ้มกลุ่มทุนโดยช่วงนั้นมีข่าวแฉที่เป็นเรื่องเจ็บปวดสุดๆสำหรับคนอเมริกันคือ..
ก่อนที่แบงก์หรือบริษัททุนจะล้ม พวกผู้บริหารทั้งหลายกลับเบิกเงินโบนัส เงินเดือน บลาบลาบลาทั้งหลายแหล่ สำหรับตัวเอง
แทนที่จะเอาเงินมหาศาลเหล่านั้น(ที่ตัวเองเป็นคนได้คนเดียว) มาช่วยอุดเลือดบริษัท
ลูกหนี้อเมริกันตาฟ้าๆจึงเจ็บปวดและโกรธมาก และนักวิจารณ์ทั่วประเทศก็ต้องพากันประณาม เพราะมันสมควรถูกรังเกียจจริงๆ
แล้วรัฐบาลโอบาม่าก้ออุ้มไม่รอด เสียเงินไปแล้วยังต้องปล่อยให้ล้ม
สรุป Occupy wallstreet เกิดจากความคับแค้นที่ถูกหลอก ถูกกระทำจาก"แบงก์หน้าเลือด กลุ่มทุนละโมบ" ครับ
เป็นกระบวนการต่อสู้กับ GREED-ความโลภ ไม่ได้เกี่ยวกับการต่อต้านชนชั้นหรืออำมาตย์ใดๆเลย
พูดง่ายๆคือ คนอเมริกันเดินขบวนต่อต้านคนแบบทักษิณครับ ไม่ใช่ศักดินา!!! มันคือการต่อต้านทุนนิยมสามานย์ ที่ถูกควบคุมด้วยตลาดทุน ได้แก่แบงก์และตลาดหุ้นครับ
ไม่ต่างอะไรจากที่เราเกลียดแบงก์ไทยเอาเปรียบ และชังตลาดหุ้นที่เคยมีคนโลภแบบเจ้ากิตติรัตน์และธีระชินครองอยู่เลยครับ
แรกเริ่มมันไม่ใช่การต่อสู้ทางชนชั้นแต่ประการใด
ซึ่งบ้านเรา ในสมัยรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ คุณกรณ์ได้พยายามต่อสู้กับกลุ่มทุนแบงก์และตลาดหุ้นมาแล้ว แต่ยังรบศึกนี้ไม่ขาดเช่น บีบให้แบงก์ลดค่าธรรมเนียมทการเงินต่างๆ
ทำการปฏิวัติเงียบเรื่องหนี้บัตรพลาสติก ให้ลดดอกเบี้ยมหาโหดลงมา ด้วยการออกโครงการ "รวมหนี้เป็นที่เดียวกับแบงก์รัฐ แล้วเสียดอกเบี้ยแค่ 10% ต่อปี"
โดยคุณกรณ์บอกว่า "แบงก์จะได้รู้ว่าคิดดอกเบี้ยแค่นี้ก็อยู่ได้แล้ว ไปชาร์จดอก 28% แถมค่าธรรมเนียมมากมายเพื่ออะไร"
ผลคือคุณกรณ์โดนแบงก์เกลียดหน้ามากมาย
ทีนี้หลังจากเริ่มมีกระแสต่อต้านทุนนิยม ต่อมารัฐบาลโอบาม่าแก้ปัญหาผิดทาง
จึงเกิดการปะทะกันระหว่างเดโมแครตที่โอบอุ้มชนชั้นกลางและล่างกับรีพับลิกันที่โอบอุ้มคนรวยมาตลอด
โอบาม่าพยายามให้ชนชั้นร่ำรวยเสียภาษีให้มากขึ้นเพื่อช่วยชาติที่กำลังจะล่ม แต่รีพับลิกันไม่ยอม
ปู่บัฟเฟต์เลยออกมาบอกหลานๆทั้งชาติว่า
"คนรวย ช่วยกันเสียสละ จ่ายภาษีเพิ่มหน่อย เพราะทุกวันนี้คนอเมริกันเสียภาษี 30% ขึ้น แต่คนรวยมีส่วนลดมากมาย เสียภาษีแค่ 10% เอง'"
กลุ่ม Occupy Wallstreet จึงเริ่มต้นเพราะโกรธที่..คนรวยไม่ยอมเสียสละเพิ่มภาษีเงินได้นี่แหละ ทำไมตูจนแล้วต้องถูกรีดภาษีขนาดนั้นด้วยฟระ เสียมากกว่าคนเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีอีกเฟ้ย
มันมากไปแล้วนะ!
การลดความเหลื่อมล้ำระหว่างกลุ่มทุนกับประชาชนธรรมดา คุณกรณ์เริ่มแล้วอีกเช่นกัน
คือการแก้ไขภาษีมรดกกับภาษีที่ดินเป็นความกล้าหาญอย่างไม่น่าเชื่อของคุณกรณ์และปชป.!
ร่างกม.เสร็จเรียบร้อย รอวาระเข้าสภา ซึ่งได้วาระแล้ว แต่...
ไอ้พวกเควี่ยหางแดงรัฐบาลนี้...ถอดวาระออกซะเฉยๆอย่างนั้น!!!!
เล่าซะยาว ขออำไพ แค่อยากให้เพื่อนๆเข้าใจ ไม่ตกเป็นเหยื่อวาทกรรมปลุกปั่นด้วยการเอายึดวอลล์สตรีทโมเดลมาเป็นข้ออ้างครับ