by novic » Tue Oct 18, 2011 12:02 pm
หมอดูฉบับคู่มือรัฐบาล ปี ๒๕๕๕
เปลว สีเงิน
18 ตุลาคม 2554 - 00:00
ผมว่า นอกจากเหลวแล้วยังชักเลอะไปใหญ่นะครับ ถึงเวลาต้องคิดกันแล้วว่า..มันคุ้มมั้ย ที่จะปล่อยให้รัฐบาลใช้แค่คำว่า "ขอโทษครับ..เสียใจค่ะ" ลบล้างความผิดพลาดโดยสุจริตในการบริหารวิกฤติน้ำครั้งแล้ว-ครั้งเล่า จนความผิดพลาดนั้นสร้างความวิบัติซ้ำๆ ซากๆ ให้กับชีวิตและทรัพย์สินทั้งรัฐ-ทั้งราษฎร์มหาศาล จำไว้...ไม่มีใครหวังให้รัฐบาลเสกน้ำให้แห้ง แค่หวังให้บริหาร-จัดการปัญหาให้เป็นระบบ เพื่อสูญเสียให้น้อยที่สุดเท่านั้น
ก็เห็นกันแล้ว "วิกฤติน้ำ" น่ะว่ายาก แต่ควบคุมง่ายกว่า "วิกฤติมนุษย์" ยามตื่นภัย ประเทศชาติหนึ่งๆ จะไปได้ขนาดไหน เขาก็ดูกันที่ "ทรัพยากรมนุษย์" ชาตินั้นๆ ในยามบ้านเมืองมีภัย หรือยามสังคมมี "วิกฤติชาติ" ที่ต้องฟันฝ่าร่วมกัน!
กับของเราที่เห็น รัฐบาลไม่สามารถควบคุมฝูงชนให้เชื่อฟังและปฏิบัติตามได้ ยามแตกตื่น ชาวบ้านทำความเข้าใจกับคำว่า "ส่วนตัว-ส่วนรวม" ไม่ได้ ดังนั้น ที่เราเห็นในหลายๆ จุด เรารักษาไว้ได้ ถ้ายอมสละส่วนตนเพื่อส่วนรวม แต่นี่..กลับต้องพินาศไปด้วยกัน
เพราะข้าจม เอ็งก็ต้องจมด้วย!
ความแตกตื่นเอาตัวรอด มันเป็นสัญชาตญาณมนุษย์ แต่ผมเวทนาการจัดการปัญหามวลชนของยิ่งลักษณ์ การทำอย่างที่ ศปภ.ทำ คือให้ใครซักคนที่มีปากและพูดได้ ไปนั่งหน้าจอแล้วบอก...ขอความกรุณาด้วยครับ..ขอความร่วมมือด้วยครับ
อย่ารื้อ..อย่าปิด หรืออย่าเปิด ประตู-พนัง-กระสอบกั้นน้ำ!
โถ...ถ้าเป็นตัวเองล่ะ แค่คำขอร้อง..จะเชื่อมั้ย เลิกรื้อกระสอบ ยอมให้น้ำไหลบ่าไปทางบ้านตัวเองมั้ย ซึ่งก็ต้องเข้าใจจะประณามคนส่วนนั้นเขาก็ไม่ได้ เพราะยามตื่นภัย เกาหลังสั่งไม่หยุด-ไม่ฟังหรอก มันต้องทุบหลังพลั่ก จึงฟัง-จึงหยุด
นั่นคือการควบคุมฝูงชน ขณะนี้ "คำขอร้อง" ไม่เป็นผล มันถึงขั้นต้องใช้ "คำสั่งเด็ดขาด" จึงเป็นผล!
มีแต่คำสั่งที่เด็ดขาดเท่านั้นที่จะ "หยุด" ความแตกตื่น ความสับสนอลหม่านของฝูงชนชนิดเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งได้ แล้วนำ "ระเบียบ-วินัย" เข้าควบคุม จากนั้นนำคน-นำเครื่องมือเข้าปฏิบัติการกับปัญหานั้นๆ ให้ "เฉียบขาด" ตามแผนปฏิบัติ
ที่เขาให้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็เพราะอย่างนี้ ไม่เข้าใจแล้วยังจีบปากพูด...เราสู้กับน้ำ ไม่ได้สู้กับคน...เชื่อไปซี ไอ้พวกกุนซือหลังม่านน่ะ มันกลัวว่าถ้าให้ทหารทำ ทหารจะได้หน้า-ได้ตา ส่วนรัฐบาลได้แต่บาร์บี้ มันก็เท่านั้นแหละ!
ไหนว่า "มวลน้ำก้อนใหญ่" ไหลลงทะเลไปหมดแล้วไง แล้วมวลน้ำก้อนน้อยของยิ่งลักษณ์ก้อนไหนล่ะ ที่ไหลทะลักเข้าทลาย "นวนคร" จมไปอีกวานนี้ (๑๗ ต.ค.๕๔) ขืนสะเปรอะในการออกข่าว สลับกับคำ..ขอโทษครับ..เสียใจค่ะอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ชาว กทม.มีสิทธิ์จมน้ำคาบ้านขณะนอนหลับ เพราะเชื่อคำที่รัฐบาลบอก "กทม.เราเอาอยู่"!
ตอนนี้คนกรุงเทพฯ คงไม่หวังอะไรมาก นอกจากหวังให้รอดได้ไปจอง "รถคันแรก-บ้านหลังแรก" เท่านั้นแหละ!!
เฮ้อ...หาอะไรที่สบายใจคุยกันดีกว่า ผมชอบอ่านมติชนออนไลน์ เขามีข่าวน่ารัก..น่ารัก..ของรัฐบาล นปช. โดยเฉพาะข่าวกุ๊กกิ๊ก-คิกขุอาโนเนะของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ อย่างวัน-สองวันนี้ เอาคำพยากรณ์ประจำปี ๒๕๕๕ ในหนังสือ "ศาสตร์แห่งโหร" ที่อาจารย์โสรัจจะ นวลอยู่ เขียนพยากรณ์ไว้มาลง
อ่านแล้วเลือดฉีดซ่านตามสไตล์โหรโสรัจจะ ค่อยหายเครียดปัจจุบันหน่อย ลองไปดูอนาคต-ปีหน้าบ้าง ผมว่าจะเครียดเป็น ๒ เท่าน่ะนา ต่อไปนี้ผม "ลอกมา" จากมติชนออนไลน์ นะครับ
โสรัจจะทำนายว่า โลกจะสิ้นสุดก็เพราะไฟ ไฟจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้พินาศสูญไป แต่ที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้ก็คือไฟจากกิเลสตัณหาของมนุษย์ ที่กำลังแผดเผาผู้คนให้ย่อยยับไปทุกๆ ขณะอยู่แล้ว เพราะบัดนี้ผู้ปกครองประเทศและประชาชนไม่ตั้งมั่นในศีลธรรม และกุศลจิตของชนทั้งหลายเสื่อมคลายลง ก็จะเกิดความเดือดร้อนกันไปทั่ว ข้าวยากหมากแพง เกิดการรบราฆ่าฟันกัน และเกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุด ที่มนุษย์ไม่สามารถจะดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไปได้ ตั้งแต่ต้นปี "พระอังคาร หัวหน้าใหญ่บาปเคราะห์เดินขบวนอยู่ราศีสิงห์, ราศีกันย์ เกตุ, ราศีตุล ดาวเสาร์, ราศีพิจิก ราหู ล้วนเป็นขบวนดาวบาปเคราะห์ทั้งสิ้น นับเป็นขบวนผีห่าซาตานเข้ามาคร่าผลาญชีวิตชาวโลก"
“ดาวพฤหัสบดี ดาวฝ่ายคุณธรรมความดี ย้ายเข้าสู่ราศีพฤษภในวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 เล็งพระราหู ฝ่ายอธรรม ซึ่งสถิตราศีพิจิก แบบนี้คงได้เห็นลางว่าจะมีการสัประยุทธ์ใหญ่เกิดขึ้น”
“พระราหูสถิตอยู่ราศีพิจิก จนกระทั่งวันที่ 10 ธันวาคม 2555 ย้ายเข้าสู่ราศีตุล เล็งลัคนาดวงเมืองราศีเมษ เข้าร่วมพระเสาร์ดาวคู่มิตร จึงช่วยกันเข้าถล่มเมืองไทยอย่างแท้จริง”
แต่ดวงดาวของโลกในปีมะโรง 2555 ที่น่าเอาใจใส่และเป็นห่วงที่สุดก็คือ ประเทศไทยเรานี่แหละ ไม่ต้องไปดูอะไรให้ไกลตัว
ประเทศไทยในปี 2555 นี้ มีสิ่งที่น่าจะเพ่งเล็ง คือประเทศไทย เดือนมกราคม, กุมภาพันธ์, มีนาคม เริ่มเกิดความวิบัติทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพายุโซนร้อนหลายระลอก เป็นสิ่งวิปริตอาเพศเพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นเลย
น้ำท่วมจังหวัดในภาคเหนืออย่างรุนแรงเป็นแรมเดือน แล้วก็ลามลงมาภาคกลางไปจนทั่วประเทศ และรวมทั้งภาคใต้ด้วย สูญเสียผู้คนจำนวนมากและเสียหายเงินเหลือคณานับ ไร่นา ปศุสัตว์ล่ม กรุงเทพฯ ก็จมอยู่ในน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวฝั่งธนบุรี
และเหตุการณ์เช่นเดิมนี้ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนมิถุนายน, กรกฎาคม, สิงหาคม, กันยายน, ตุลาคม, พฤศจิกายน และธันวาคม ประชาชนชาวไทยที่ยากจนจำต้องเผชิญกับความทุกข์ยากที่หนักและรุนแรงกว่าปีก่อนๆ เสียหายยับเยินไปทั่วทุกจังหวัด และทั่วทั้งประเทศเฉลี่ยไปโดยทั่วถึงกัน เป็นทุพภิกขภัยโดยแท้
อาถรรพ์ของดวงดาวบาปเคราะห์เสาร์อริอย่างเต็มที่ บ่งถึงว่าสภาวะของประเทศเกิดความแตกร้าวอย่างรุนแรง ไม่อาจจะผสานกันได้ แสดงให้เห็นจุดยุ่งยากของหัวหน้ารัฐบาลจะต้องเผชิญ
ดวงเมืองแห่งยุคการคลั่งไคล้ประชาธิปไตยครึ่งใบนี้ ในเดือนมีนาคม 2555 ดาวอาทิตย์ (คือประมุขของรัฐบาล) กำลังโคจรเข้าสู่ภพวินาศนะของราศีเมษพอดี และถูกบาปเคราะห์ทำมุมกากบาท แล้วยังโดนดาวเสาร์เล็งแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น เท่านี้จะมีอะไรเหลือ
และขณะเดียวกันความยุ่งยากทางการเมืองภายใน จะก่อความร้าวฉานทวีขึ้นอย่างไม่มีจบสิ้น แล้วยังมีเหตุอันร้ายแรงแก่พรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่เก่าแก่พรรคหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งมีลัคนาของดวงพรรคอยู่ราศีกันย์ กำลังโดนเกตุบาปเคราะห์ทับและโดนดาวบาปเคราะห์เสาร์กับอังคารบีบข้างหน้า และข้างหลังก็ย่ำแย่เฉกเช่นกัน อาจถึงขั้นพรรคแตก, ล่มสลายไปหมดทางแก้ไข เป็นระยะของการปลอดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคยยึดเหนี่ยว เพราะความเสื่อมของผู้คนในพรรคนี้ก็เป็นได้ ที่ไม่จริงใจต่อประเทศชาติซ่อนเร้นมาตลอด
เดือนเมษายน ประชาธิปไตยของไทยจะพบความประหลาดใจว่า ดาวเจ้าเรือนภพที่ 11 (คือประมุขของรัฐบาล) อันเป็นดาวเสาร์ ซึ่งดาวเสาร์ประมุขรัฐบาลกำลังเดินถอยหลังกรูด ซ้ำร้ายดาวมฤตยู ดาวแห่งการปฏิวัติรัฐประหารยังคงเดินโคจรอยู่ในภพวินาศนะต่อราศีเมษแห่งไทยสยาม
เป็นการยืนยันให้เห็นความเชื่อมโยงถึงการเสื่อมอำนาจของผู้นำโดยแท้ ทุกอย่างสอดคล้องกันอย่างซับซ้อนให้เห็นเช่นนี้ จึงสำแดงให้เห็นถึงสภาวะการตึงเครียด และการเดินขบวนต่อต้านหัวหน้ารัฐบาลกับปรากฏการณ์ที่ส่อเค้าแห่งการเสื่อมอำนาจวาสนาของผู้ปกครองประเทศในระยะนี้ ประมุขรัฐบาลจึงต้องออกจากประเทศไป เหตุการณ์ทุกอย่างจึงสงบและทุเลาลง
แม้จะมีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง มีคณะรัฐมนตรี มีสภาผู้แทนราษฎร มีศาล และมีพรรคการเมือง ล้วนมีขึ้นเพียงรูปแบบของระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาเท่านั้น แต่จิตวิญญาณยังมิได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย อำนาจทางการเมืองผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่ในกำมือ ของทหารกลุ่มต่าง ๆ ในระบบอำนาจนิยม และได้พัฒนาต่อ
“ตามดวงเมืองต้องปกครองด้วยทหาร”
ตามโบราณของการก่อตั้งดวงเมือง ท่านโหราจารย์ผูกดวงบ้านเมืองไว้กับผู้มีอำนาจในสมัยนั้น เพื่อปกป้องบ้านเมืองให้รอดพ้นจากศัตรู ผู้มีอำนาจในสมัยโบราณก็คือทหารนั่นเอง เพราะฉะนั้นประเทศไทยคงหนีไม่พ้นสิ่งนี้ไปได้ นี่คือข้อเท็จจริง ดังนั้นไม่ต้องมาอ้างว่าเราเป็นประชาธิปไตย เลิกหลอกตัวเองซะทีและเชื่อไปตามที่ตัวเองหลอก เป็นความบ้าคลั่งประชาธิปไตยโดยแบบผิดๆ ปีนี้ควรจะหันมามองความจริงและเผชิญกับมัน
แต่อย่างไรเสียประเทศก็มีดวงดาวที่แข็งกว่า ที่มีอะไรที่หนือกว่าดวงนักการเมืองชั่วเหล่านี้ ประเทศไทยก็จะมีการพัฒนาไปตามขบวนการ หรือจะเรียกว่าการเดินทางของดวงดาว ที่จะมาช่วยบ้านเมืองเอาไว้ได้ เราไม่ “สิ้นชาติ” หรอก แต่เราก็บอบช้ำจากน้ำมือผู้นำชั่วเหล่านั้นไปมากเหมือนกัน เราจะไม่ขอให้ใครหยุดทำเพื่อประเทศอีกต่อไปแล้ว ให้มันเป็นไปตามดวงดาวลิขิตไว้เช่นนี้ละ!!
ดาวของผู้นำประเทศในปี 2555 จะเป็นดวงที่แตกไม่สามารถที่จะเข้ามาประสานต่อไปได้แล้ว ผู้คนทั้งประเทศสิ้นศรัทธาและเกลียดชัง เพราะฉะนั้นผู้นำที่เลวและไม่หวังดีต่อประเทศ คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ก็ต้องเป็นไป ดวงดาวที่โคจรเข้ามาบรรจบกันพอดี
ครับ..ขอย้ำ ลอก "มติชนออนไลน์" ที่เขานำมาลงเรียกน้ำย่อยก่อน "ศาสตร์แห่งโหร" ลงแผง ยังไม่หมด คลิกไปอ่านเอง ผมบอกแล้วนำมาฝากแก้เครียด ไม่ใช่เอามาให้เครียด..ด้วยเชื่อ.