Argus wrote:ทุกปัญหาต้องมีสาเหตุ ถ้าเราไม่รู้ตัวต้นเหตุก็ไม่สามารถแก้ไขได้.
คุณ 3 ขายังไม่ได้ บอกอายุ เลยประเมินสถานะการณ์ลำบาก.
วัยรุ่น วัยเรียน วัยทำงาน.
สิ่งหนึ่งที่มักจะสร้างปัญหาให้ทุกความสัมพันธ์แบบไ่ม่รู้ตัวคือ ความใกล้ชิด กับความคาดหวัง.
เวลาที่เราใกล้ชิดใครมากไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือแฟน เรามักจะลืมไปว่า เรามีความเป็นตัวของตัวเองมากแค่ไหน.
จริงๆ แล้วนอกจาก สาเหตุจะมาจากเรา อาจจะมาจากตัวเขาเองก็ได้.
สิ่งที่ผมยังไม่ทราบคือ ปัญหาเริ่มต้นมาแต่เมื่อใด
Argus wrote:ยี่สิบกลางๆ แปลว่าเป็นคนวัยทำงาน.
จากสถานะการณ์ คร่าวๆ คาดว่า ทำงานคนละที่กันไม่ค่อยได้เจอกัน ติดต่อกันทางโทรศัพท์.
จุดมุ่งหมายการโทรหากันเพื่อชวนกันร่วม ทำธุรกิจ หรือทำงานอะไรบางอย่างร่วมกัน.
ใช่หรือเปล่าครับ
ผมขอ 2 ข้อนี้ก่อนครับไม่อยากให้บานปลาย
Argus wrote:จากข้อมูลเพิ่มเติม ประเมินได้คร่าวๆว่า
ความสัมพันธ ของคุณ 3 ขา มีมากกว่าเพื่อน สนิทธรรมดาเข้าใกล้ความเป็น
ซึ่งความสัมพันธ์ส่วนนี้จะค่อนข้างเปราะบาง.
ลักษณะ การ ดูแลเอาใจใส่กันจะต่างกับการคบเพื่อนทั่วไปแบบปกติ.
ความห่างไกลทำให้ เพื่อสนิท คุณ 3 ขา อาจจะมีเพื่อนสนิทคนอื่นอีก กลุ่มหนึ่ง. ที่ค่อนข้างสำคัญ เรียกได้ง่ายๆว่า มีทางเลือกในการคุยและคบหามากขึ้น.
ในทางเดียวกันเขาก็ยังมีความรู้สึก คล้ายๆ กับหวง เพื่อนเก่า ไม่อยากให้ เพื่อนเก่าปิดบัง รวมถึงว่าการจะไปเที่ยวไหนก็น่าจะมีหลักฐานมาให้บ้าง.
Three Legs wrote:เราไม่ใช่รักร่วมเพศนะคะ
Argus wrote:Three Legs wrote:เราไม่ใช่รักร่วมเพศนะคะ
ความรักมันละเอียดอ่อนครับ. คำว่ารักร่วมเพศ เองจริงๆ ก็มีความหมายที่ดีนะครับ ไม่ใ่ช่ว่าไม่ดี แต่มันอยู่ที่คนแปล
แต่ความรักความผูกพันมันละเอียดอ่อนครับจนกระทั่งเราเองมองใจไม่ทัน.
พอดีผมต้องกลับบ้าน เดี๋ยวผมจะมาตอบเพิ่มนะครับ
อัญจารี คือ หญิงรักหญิงครับ.
1ktip wrote:กราบนมัสการท่านมหาผ่าจันทร์![]()
ฟังท่านเทศน์แล้ว ซาบซึ้งใจนัก อยากชวนน้องเหงา น้อง Augustine ออกอุปสมบทหมู่ เหลือเกิน![]()
เสียดายที่กระผมดันเป็นคริสต์ซะนี่![]()
ว่าแต่ ทำไมมุ่งประเด็นไปที่น้องเค้าเป็นอัญจารีกันหมดล่ะเนี่ย![]()
ตัวน้องสามขาผมยังไม่ฟันธง เพราะเพื่อนผู้หญิงที่คบหาสนิทกันเป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากแบบเพื่อนจริงๆ มันก็มีเยอะ
แต่เพื่อนน้องสามขาน่าจะมีแนวโน้มนะครับ เหมือนเค้าพยายามเรียกร้องความสนใจ อยากให้คุณเอาใจใส่ความรู้สึกเขา
เวลาที่น้องสามขาไม่ได้ทำอย่างที่เค้าคาดหวัง เค้าก็จะออกอาการหงุดหงิดใส่ อาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว
อันนี้ต้องเปิดใจคุยกับเค้าดู ให้เค้าอธิบายเหตุผลได้ไหม ทำไมเค้าถึงมีพฤติกรรมแบบที่เป็นอยู่
เพื่อเข้าให้ถึงแก่นของปัญหา ให้เค้าแสดงความรู้สึกลึกๆ ออกมา ไม่ใช่การแสดงออกที่เห็นแค่ภายนอก
ถ้าเค้าไม่มีเหตุผลที่ดี ตัวตนของเค้าเป็นแค่ความต้องการที่เห็นแก่ตัว คุณก็อาจจะต้องทำใจยอมรับ
หรือปรับลดระดับความสัมพันธ์ลง แต่ถ้าเค้าให้เหตุผลได้ ในสิ่งที่เค้าเป็นและสิ่งที่เค้าทำ
คุณก็ต้องถามตัวเองว่าคุณยอมรับเหตุผลของเขาได้หรือไม่ แล้วจะทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหานั้น
ก็ต้องปรึกษากัน ถ้าเค้ายอมเปิดใจแล้ว ปัญหาน่าจะมีทางออกที่ชัดเจนขึ้น
ScaRECroW wrote:คนเป็นเพื่อนกัน สิ่งที่เป็นพื้นฐานเบื้องต้นคือ ต้องเอาใจใส่ดูแลกันตามสมควร give and take ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำไม่ได้ อีกฝ่ายก็ควรเลิกดูหมิ่นตัวเอง
halfmoon wrote:Options Upload attachment
ขอบคุณคุณ อี้ด มากๆนะคะ1ktip wrote:เท่าที่บอกมา ผมเดาว่าเขาต้องการความเอาใจใส่จากคุณมากขึ้น อยากให้คุณมีส่วนร่วมในวิถีชีวิตเขามากขึ้น
แต่คุณให้เขาได้เท่าที่คุณให้ได้ ทำให้เขาน้อยใจ และแสดงพฤติกรรมประชดออกมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ
คนเราก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คุณทั้งสองคนต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
ถ้ายังยึดติดกับภาพเก่าๆ ที่เคยคบกันมา มันจะทำให้มองตัวตนในปัจจุบันได้ไม่ชัดเจน
ความเปลี่ยนแปลงในตัวเขา ทำให้คุณเริ่มมองเขาเปลี่ยนไปจากเดิม หรือเขาเองก็อาจจะมองว่าคุณเปลี่ยนไปเหมือนกัน
ตัวเขาที่คุณเคยรู้จัก และความผูกพันธ์ที่เคยมี มันทำให้คุณตัดใจทิ้งเขาลำบาก
อย่าหนีปัญหาเลยครับ ถ้าเพื่อนคนนี้คือคนที่เราเคยใส่ใจ อย่างน้อยๆ สิ่งที่เรามีให้ได้ คือความจริงใจในความสัมพันธ์
คุณต้องขีดเส้นความสัมพันธ์ใหม่ให้ชัดเจน แค่ไหนที่เราให้ได้ แค่ไหนที่เราควรใส่ใจ
ความปรารถานาดีเราก็ยังมีให้เขาได้ แต่อย่าคาดหวังสูงเกินไป ทั้งผู้ให้และผู้รับ
ไม่ใช่เรื่องของการเห็นแก่ตัว แต่เราต้องดูแลหัวใจตัวเองเหมือนกัน อธิบายให้เขาเข้าใจถึงเหตุผลของเรา
ถ้าเราเปลี่ยนเขาไม่ได้ เราก็ต้องเปลี่ยนตัวเรา แต่ถ้าเราอึดอัดที่ต้องเปลี่ยนแปลง
คุณก็ต้องถามตัวคุณเอง เขามีค่ามากพอขนาดนั้นไหม? คุณอยากให้เขายืนอยู่ตรงไหนในชีวิต?
ถ้าการยืนใกล้กันเหมือนที่ผ่านๆ มามันทำให้อึดอัด ก็ลองถอยห่างดูสักนิด
เปิดโอกาสให้คุณทั้งคู่ได้ทบทวนความสัมพันธ์และเรื่องราวที่เกิดขึ้น มองสิ่งรอบตัวให้กว้าง
ทางเดินของชีวิตมันอาจจะมีอีกหลายเส้นทาง ถ้าวันนี้เราไม่บีบให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปถึงจุดอับ
วันข้างหน้าอาจพบทางแยกให้เรากลับมาเดินด้วยกันได้สบายตัวกว่าเดิม
ขอให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้ด้วยดีครับ
ปล.เรื่องการเดินทาง ก็ชั่งน้ำหนักดู อารมณ์คุณทั้งคู่อยู่ในสภาพไหน การไปหรือไม่ไปจะส่งผลเช่นไร?
การใช้เวลาอยู่ด้วยกันอาจจะเร่งให้ปัญหาถึงจุดระเบิดเร็วขึ้น หรืออาจเป็นการปรับความเข้าใจก็ได้
halfmoon wrote:เพิ่มเติม
ผมไม่ได้หมายความว่า three legs เป็นอัญจารี นะครับ ผมหมายถึงการมีความรักความผูกพันซึ่งกันและกัน
กามคุณ ก็ไม่ได้หมายความว่าร่วมเสพสัมพันธ์อารมณ์ทางเพศ แต่หมายถึงการตอบสนองของความรู้สึกของ
คนสองคน โดยฝ่ายหนึ่งต้องการและสนองกับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งกันและกัน เป็นลักษณะทดแทนแลกเปลี่ยน
แม้นไม่ถึงขั้นเป็นบุญคุณล้นเหลือต่อกัน อย่างเช่น แม่เราแก่ๆเดินไปตักบาตรที่หน้าปากซอยคนเดียวทุกวัน
ต่อมามีคนๆนึงไม่จำกัดสถานะเพศ เดินมารับมาส่งทุกวัน บางวันก็ฝากดอกไม้มาให้ไหว้พระที่บ้าน บางวันก็
แบ่งขนมให้ บางวันก็ไม่ให้อะไรเลย แต่มาส่งถึงบ้านเกือบทุกวัน วันไหนไม่ได้มาส่งตอนเย็นก็เดินมาถามว่า
กลับมาถึงตอนไหน เหนื่อยมั๊ย เราเองก็ได้แต่ยิ้มให้เขาคนนั้นทุกวัน วันไหนไม่เห็นหน้าเราก็ถามแม่เราว่าวัน
นี้เขาหายไปไหน ความผูกพันที่มีระยะห่างโดยมีแม่ขวางกลางนี้ไว้อยู่ ก็ยังถือว่าเป็นกามคุณครับ หากวันไหน
เรายิ้มให้เขา แต่เขาคนนั้นไม่ยิ้มตอบ เราก็ต้องถามแม่เราว่า เขาเป็นอะไร ทำไมไม่ยิ้มตอบ หากวันไหนเรา
รีบตื้นแต่เช้าอย่างเสนอหน้าไปยิ้มให้เขา เพียงแค่อยากให้เขาดูแลแม่ตนเองอย่างเคยทกวัน หากวันนั้นเรา
บอกว่า ช่วยดูและแม่ด้วยนะค่ะ รบกวน หากเขาตอบมาว่า แม่ใครก็ดูและเอาเองสิ จะกวนชาวบ้านทำไม เรา
ก็จะรู้สึกเสียใจ ห่อเหี่ยว หน้าแตก โกรธ อกหัก สารพัดจะรู้สึก นี้ไงครับคำว่ากามคุณ หากมันแตกหักแล้ว
เป็นไง มันไม่ใช่บุณคุณใหญ่โตมากมายอะไรเลย แค่เพียงความรู้สึกที่ยินดี พึงพากัน ก็เป็นกามคุณครับ
คำว่ากาม เราเคยชินที่จะเข้าใจว่า การร่วมรักทางเพศ ตามที่เราฟังเทศน์ศีลห้ามาครับ แต่ความหมายจริง
มันไม่ใช่แค่นั้นครับ กามา เป็นการรูปแบบวิธีการตอบสนองตัญหาในตัวเราตามกิเลสล่อใจครับ เหมือนว่า
กิจกามนี่ มันอยู่ตรงกลางระหว่างกิเลสล่อใจ กับความอยากของเราคือตัญหา พูดง่ายๆก็คือกามเป็นขบวน
การและเครื่องมือตอบสนองตัญหาในแต่ละกิเลสผ่านประสาททั้งหก เปรียบง่ายๆให้เข้าใจ หากน้ำหวานใน
แก้วคือกิเลสสิ่งล่อใจเรา ทำให้เราเกิดตัญหาคืออยากิน หลอดดูดก็คือเครื่องมือของกามก็คืออาการดูดซด
ดื่มกระเดือกของเรานั่นเอง เราจะค่อยปฏิบัติกามกิจยังไง แบบใช้หลอดดูด ค่อยเอาปากงาบยกดื่ม หรือ
ยกซดกระเดือกเพื่อสนองตอบระบบประสาททั้งหกครับ การสัมผัสลูบไล้เล้าโลมดมกลิ่มแลบเลียเงี่ยหูฟัง
แหกตาดูและจิตปรารถนาอันนี้แหละเรียกว่ากาม ต้องมีสัมผัสที่หกคือจิตด้วย หากตอบสนองครบหกสัมผัส
เรียกว่าตอบสนองตัญหาได้ครบถ้วนสมบูรณ์ครับ หากจิตไม่ต้องการกามนั้นก็จะเป็นรูปแบบวิธีตอบสนอง
สัมผัสเพียงห้าอย่าง คือตอบสนองเพียงสัญชาติญาณเท่านั้นครับ สัญชาติญาณ เป็นหน่วยความจำที่แฝงมา
กับอนุพันธุ์ในแต่ละชีวิตตามที่เราชอบเรียกว่ากรรมพันธุ์ เป็นกรรมของเผ่าพันธุ์ ส่วนจิตวิญาณมันก็อีกส่วนหนึ่ง
เข้าไปอยู่ในเผ่าพันธุ์ไหนก็ได้อย่างเช่นจิตวิญญาณของหมา มาเกิดอยู่ในเผ่าพันธุ์ของคน เราก็อาจจะมอง
เห็นนิสัยเขาแสดงออกแบบหมาๆ หรืออีกอย่างเช่นสัญชาติญาณการสืบพันธุ์สิ่งมีชีวิตวิตทั้งหมดก็ย่อมจะสืบพันธุ์
กันเองในเผ่าพันธุ์ เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ โดยบางครั้งไม่มีจิตเข้ามาเกี่ยวครับ คือผสมพันธุ์ตามระบบประสาทในสัตว์
ก่อนเสร็จก็กระตุก เสียวซ่าน นี่ก็เป็นรูปแบบกามแบบหนึ่ง หากมองมาใกล้ๆหน่อย อย่างคนเป็นต้น บางทีก็
ผสมพันธุ์กันโดยที่ไม่มีจิตมาเกี่ยวข้อง เป็นเพียงสัญชาติญาณตอบสนองประสาทแค่ห้า ไม่ถึงหกครับ
ดั่งนั้น กามคุณก็หากมองเฉพาะอากัปกิริยาของมันก็คือขบวนการและวิธีสนองตัญหานั่นเอง ไม่ใช่แค่การร่วมเพศครับ!
กามคุณหากตอบสนองได้เพียงประสาทสัมผัสห้าอย่าง มันจะตอบสนองได้เพียงระดับสัญชาติญาณ
แต่หากมันตอบสนองประสาทสัมผัสทั้งห้าบวกกับจิตสัมผัสอีกเป็นหก มันก็เป็นการตอบสนองตัญหาได้ครบถ้วนครับ